มวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้ที่ได้ชื่อว่าอันตรายที่สุดในโลก จากเชิงท่าในการต่อสู้ที่แปรเปลี่ยนร่างกายแทบทุกส่วนให้เป็นดั่งอาวุธ
มือ เท้า เข่า ศอก!
มันคือภาพของศิลปะการต่อสู้ที่มีทั้งความดุดัน รุนแรง หากแต่สวยงามนั้นไม่แปลกหากมวยไทยจะถูกใช้โดยรูปร่างกำยำของชายหนุ่มรุ่นฉกรรจ์ หากทว่าวันนี้ทีม M-Lite กลับพบว่า มวยไทยถูกใช้โดยเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
“เพชรจีจ้า อ. มีคุณ” คือชื่อในทางมวยของสาวน้อยอายุเพียง 10 ปี และมันเป็นชื่อที่ทำเอายอดมวยชาย(รุ่นเล็ก) หลายคนต้องหวาดหวั่น เพราะชื่อนี้น็อกมวยหญิงมาจนไม่มีคู่จะขึ้นชกด้วย อีกทั้งยังคว่ำมวยชายมาแล้วนักต่อนัก จนถึงตอนนี้เธอแทบจะสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น
“แพ้ 3 ครั้ง” เธอตอบสั้นๆ ตามประสานักสู้คนหนึ่งที่พูดน้อยแต่ต่อยหนัก เมื่อเราถามถึงผลแพ้ - ชนะตลอดชีวิตบนสังเวียนผืนผ้าใบของเธอ
สายเลือดนักมวย
ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นครั้งแรกที่สวมนวมฝึกขึ้นชก เธอยังเป็นเพียงเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งอายุเพียง 7 ขวบเท่านั้น
“น้าชกมวยก็อยากชกแบบน้า” เพชรจีจ้าเอ่ยถึงจุดเริ่มต้นที่หันมาชกมวย
นิล - นิลดา มีคุณคือชื่อและนามสกุลจริงของเธอ เป็นลูกสาวคนสุดท้องในพี่น้อง 3 คน โดยมีบ้านเกิดอยู่ที่อำเภอ ศรีรัตนะ จังหวัด ศรีสะเกษ มีน้าชาย 2 คนคือ มีคุณ อ. คุณธร กับศรพิชัย อ.คุณธรซึ่งเป็นนักมวยดังสร้างชื่อเสียงและสร้างเงินทองเป็นแรงบันดาลใจในวัยเด็ก
“ตอนแรกไม่ได้เลี้ยงมาให้เป็นนักมวยเลยนะ ไม่คิดว่าจะถึงขั้นมาต่อยกับมวยชายแบบนี้” แม่ -ทองวัน มีคุณเอ่ยถึงช่วงแรกที่เพชรจีจ้าเริ่มฝึกมวย โดยพ่อของเธอ - สังเวียน มีคุณเป็นผู้ฝึกสอนให้ เขาเป็นนักมวยระดับงานวัดเคยขึ้นชกเพียง 2 - 3 ครั้งตามงานวัดในสมัยก่อน หากแต่ก็มีประสบการณ์ในทางมวยพอที่จะฝึกสอนลูกๆ ทั้ง 3 คน
แต่มาถึงตอนนี้พี่สาวคนโตก็เลิกต่อยมวยไปนานแล้ว ขณะนี้จึงเหลือมาวิน อ. มีคุณ กับเพชรจีจ้าที่ยังยืนอยู่บนสังเวียนด้วยพรสวรรค์ที่มีอยู่ในสายเลือด รวมถึงดวงใจของนักสู้ที่ไม่เคยกลัวคู่ต่อสู้บนเวทีแม้แต่นิดเดียว
แต่หนทางก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อการชกครั้งแรกอนาคตของยอดแชมป์มวยหญิงรุ่นเล็กกลับพบกับความพ่ายแพ้!
“ครั้งแรกแพ้ ต่อยที่ชลบุรี” เธอเผยถึงความพ่ายแพ้ครั้งแรกของเธอ และยังเป็นครั้งแรกบนสายทางชกมวย เวทีหนองบอนแดง อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ซึ่งเธอถูกจัดให้ชกกับมวยชาย “จากนั้นก็ฝึกหนัก แล้วก็ชนะมาเรื่อยๆ”
แม่ของเธอคิดว่าความพ่ายแพ้ตั้งแต่ครั้งแรกน่าจะทำให้เพชรจีจ้าถอดใจที่จะขึ้นชกต่อ หากแต่กลับเป็นตรงกันข้าม เมื่อความพ่ายแพ้กลับกลายเป็นแรงกระตุ้นให้เด็กหญิงลุกขึ้นฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วง จากที่พ่อยกกระสอบทรายเข้าเก็บ เด็กหญิงเป็นฝ่ายรบเร้าให้พ่อเอาออกมาเพื่อฝึกซ้อมต่อ
“ไฟต์ที่ 2 ชนะ ต่อยคู่ชกร้องไห้” เธอเอ่ยถึงการชกหนต่อมา และหลังจากนั้นเธอไต่เต้าประสบความสำเร็จกลายเป็นนักมวยหญิงรุ่นเล็กที่น่าจับตา
“เชื่อเลยว่า สายเลือดนักมวยมันมีจริง จากไม่เป็นมวยเลย ไม่นานเขาก็เก่งขึ้น แล้วก็ชนะติดต่อกันมาเรื่อย” แม่ของเธอเอ่ย เพชรจีจ้าเอาชนะมวยหญิงรุ่นเดียวกันมาแทบทุกคน ร่วม 100 ไฟต์ไร้พ่ายจนไม่มีคู่ชก กระทั่งบัดนี้ต้องถูกจัดให้ชกกับมวยชายเท่านั้น ผ่านมาร่วม 70 ไฟต์รวมแพ้ครั้งแรกด้วย เธอก็แพ้มาเพียง 3 ครั้งเท่านั้น
จากค่าเจ็บตัวของวันแรกที่พ่ายแพ้เพียง 400 บาท ตอนนี้เธอเป็นมวยระดับชกชิงเงินเดิมพันหลักแสน
“ภูมิใจ” เพชรจีจ้าเอ่ยพร้อมยิ้มน้อยๆ ก่อนเผยถึงความฝัน “อยากซื้อบ้าน ซื้อรถให้พ่อแม่”
ตอนนี้รถกระบะที่พ่อขับมาส่งก็เป็นดอกผลมาจากหยาดเหงื่อแรงกายของเธอ
อย่ายอมแพ้!
มวยเด็กก็ไม่ต่างจากมวยผู้ใหญ่ การต่อสู้บนสังเวียนแบ่งตามพิกัดน้ำหนัก เพชรจีจ้าอยู่ที่พิกัดน้ำหนัก 22 กิโลกรัม บนเวทีรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสของพื้นที่ 6.1ตารางเมตรจึงเป็นความเท่าเทียมของการต่อสู้ซึ่งวัดกันที่ฝีไม้เชิงมวย โดยเพชรจีจ้านั้นเป็นนักมวยประเภทอาวุธครบเครื่อง มีทั้งหมัด เตะ เข่า ศอกออกอาวุธได้อย่างหลากหลาย แต่ก็มีไม้เด็ดที่เข่าซึ่งเล่นงานคู่ต่อสู้มาแล้วนักต่อนัก
“เตะกระสอบมันก็สนุกดี” เธอเล่าถึงความสนุกของการชกมวย เมื่อถามว่ากลัวหรือเปล่า? กับการต่อสู้บนเวทีมวยที่ความเจ็บปวดติดอยู่ที่ปลายนวมของทั้งฝ่ายตัวเธอ และฝ่ายตรงข้าม
เธอตอบสบายๆว่า ไม่กลัว ราวกับความกลัวไม่เคยมีที่ว่างอยู่บนสังเวียนมวยของเธอ ต่อให้มวยชาย ต่อให้ชื่อชั้นมาจากไหน
“ถูกต่อยก็ไม่ค่อยเจ็บ” เธอตอบเสียงเรียบๆ เหมือนไม่รู้สึกเจ็บจริงๆ อาจเพราะเป็นยอดมวยที่ผ่านการฝึกมาอย่างโชกโชนจนความเจ็บปวดชาชินไปในความรู้สึก
จนถึงตอนนี้เธอไม่ถนัดเจอกับคู่ต่อสู้ที่ตัวเล็กกว่า และยังคิดว่าตัวเองไม่ถนัดกับมวยซ้าย อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้มวยหญิงรุ่นจิ๋วคนนี้โดดเด่นก็คือใจของนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้จนกว่าจะสิ้นเสียงระฆัง บอกได้ว่า ถึงจะเป็นผู้หญิงแต่ก็ใจเด็ดไม่แพ้ผู้ชาย
และเรื่องของการต่อสู้ นอกจากวัดกันที่กำลังกายแล้ว กำลังใจก็เป็นส่วนสำคัญ พ่อที่เป็นพี่เลี้ยงให้เธอ คอยดูแลเธออยู่ที่มุม และจะคอยบอกสถานการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น รวมถึงบอกเชิงมวยแก้ทาง แก้สถานการณ์ที่เป็นอยู่
“เป็นต่อหรือเป็นรอง ถ้ามวยที่สูสีกัน เซียนมวยดูแล้วจะรู้ก็จะเรียกราคา เรารู้แล้วก็บอกน้องว่าเป็นต่อหรือเป็นรองอยู่ ถ้ายังเป็นรองน้องเขาก็จะเร่งเดินสู้ และเขาจะไม่ยอมแพ้เลยจนกว่าจะวินาทีสุดท้าย จนกว่าจะสิ้นเสียงระฆัง” ผู้เป็นแม่เล่าถึงการต่อสู้ของลูกสวย บนสังเวียนผืนผ้าใบ
หากเป็นรองเธอก็ลุยเข้าใส่ตีไม่ยั้ง หากเป็นต่อเธอก็มีลูกยันลูกถีบไว้คุมเชิงป้องกันตัว ทว่าหลายครั้งในการต่อสู้ที่สูสี สิ่งหนึ่งที่เป็นแรงผลักให้เธอคว้ำชัยชนะในบั้นปลายมาได้นั้นก็คือแรงเชียร์จากพ่อและแม่
“อย่ายอมแพ้นะ! สู้ๆ” พ่อให้กำลังใจเธอ หลายครั้งที่ทำให้เธอพลิกกลับจากมวยรองเป็นฝ่ายชนะได้สำเร็จ
ทว่าชัยชนะและความสำเร็จมากมายเหล่านี้ก็มาพร้อมกับตารางการฝึกซ้อมอันเข้มงวดของนักมวย
“การฝึกซ้อมของน้องเขา ไม่ต่างจากนักมวยผู้ใหญ่ หรือนักมวยรุ่นใหญ่ปกติเลย ต้องแบ่งเวลาจากเวลาเรียนด้วย แต่เขาก็รับผิดชอบมาก ไม่เคยงอแง บิดพริ้ว ฝึกซ้อมมีระเบียบ สม่ำเสมอมาก” แม่เอ่ยถึงการฝึกซ้อมของตัวเพชรจีจ้าเอง
การฝึกซ้อมของเธอจำเป็นต้องทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาร่างกายให้อยู่ในสภาพพร้อมชก เริ่มตั้งแต่ตื่นนอนตอนตี 5 ครึ่งและออกวิ่งนาน 1 ชั่วโมง
“ตอนแรกที่ซ้อม วิ่งแค่ 3รอบเวทีมวย ตอนนี้วิ่งรอบเวทีมวยเหมือนเดิมแต่วิ่ง 1 ชั่วโมงก็ประมาณ 10 กิโลเมตร” เธอเล่าถึงการฝึกซ้อม จากแรกเริ่มถึงปัจจุบัน
จากนั้นเธอต้องกระโดดเชือกติดต่อกัน 20 นาที ปล้ำกับกระสอบทรายเพื่อฝึกตีเข่า และซ้อมเตะเป้ากับคู่ชกอีก 2 ยก ยกละ 15 นาที ทั้งหมดคือการฝึกซ้อมก่อนออกจากบ้านไปเรียนในตอน 7 โมงเช้า
หลังเลิกเรียน 4 โมงเย็นกลับมาบ้าน เธอยังต้องซ้อมมวยต่อจนถึง 2 ทุ่ม ก่อนจะอาบน้ำกินข้าวซึ่งเป็นกับข้าวอย่างน้อย 3 อย่าง และพักอีกครึ่งชั่วโมงจากนั้นดื่มแบรนด์ นม และไข่เพื่อบำรุงก่อนเข้านอนไม่เกิน 3 ทุ่ม
โดยเธอต้องดำรงชีวิตตามตารางของการฝึกนี้ทุกวันอย่างไม่มีการโอนอ่อนผ่อนปรนใดๆ นี่คือสิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยนกับความสำเร็จในฐานะแชมป์
รางวัลของผู้ชนะ
ทว่าหลังจากชัยชนะที่ผ่านความพยายามของการฝึกซ้อมย่อมต้องมีรางวัล แม่ของเธอเผยว่าหลังชกเสร็จทุกครั้งเธอจะได้พัก 2 วัน เพื่อพักฟื้นร่างกาย ผ่อนคลายความตรึงเครียดจากการต่อสู้ เป็นช่วงเวลาพักผ่อนที่แม่ของเธอบอกเลยว่า มีอยู่เพียงเท่านี้
“ชอบไปเตะบอล” เธอเอ่ยถึงกิจกรรมในวันว่าง “เตะบอลกับเพื่อนบ้านบ้าง บางทีก็เป็นรุ่นพี่”
ในเวลาว่างของเธอที่โรงเรียน เธอก็เหมือนเด็กผู้หญิงธรรมดาๆ ชอบเดินเล่น นั่งกินข้าวกับเพื่อนเป็นเรื่องปกติ ที่ไม่ปกติมีเพียงว่าทุกคนรู้ว่าเธอคือแชมป์มวยหญิง แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าแกล้งเธอ
“มีเพื่อนผู้หญิงมาชอบนะ เหมือนคิดว่าน้องเป็นทอม” แม่ของเธอเอ่ยพลางหัวเราะ “แต่น้องเขาบอกว่า หนูก็เป็นผู้หญิงนะ”
ผลการเรียนของเธอก็ไม่ขาดตกบกพร้อง สามารถทำเกรดเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แม้ว่าจะต้องแบ่งเวลามาฝึกซ้อมมวย
อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังคงเป็นเด็กธรรมดาๆคนหนึ่ง บางวันที่ต้องซ้อมเธอก็มีความรู้สึกที่อยากจะออกไปเล่นกับเพื่อนบ้าง แต่สุดท้ายก็ตัดใจเพราะได้เลือกหนทางของตัวเองแล้ว ไม่ใช่หนทางของเด็กปกติที่จะได้เล่นสนุก หากแต่เป็นการฝึกซ้อมอย่างเข้มงวดเพื่อก้าวขึ้นสังเวียน คว้ำชัยชนะ และความภาคภูมิใจกลับมา
ในหนึ่งเดือนเธอมีคิวขึ้นชกอย่างน้อย 2 ไฟต์ บางเดือนอาจมากถึง 3 ไฟต์ แต่ไม่มากไปกว่านั้น ทำให้บางวันถึงกับต้องลาหยุดเรียนเพื่อเดินสายไปขึ้นชก และเมื่อไม่นานมานี้เป็นความพ่ายแพ้ครั้งล่าสุดของเธอ โดยเธอให้เหตุผลว่า มาจากการต่อสู้ที่กระชันติดกันมากจนเกินไป ทำให้ไม่มีเวลาซ้อม
“เพิ่งต่อยมาวันที่ 7 ขึ้นต่อยวันที่ 11 เลยไม่ได้ซ้อม” เธอเอ่ย น้ำเสียงของเธอราวกับจะบอกว่า หากได้ซ้อมต้องไม่แพ้แน่นอน
แม้จะมีโปรแกรมชีวิตของนักมวยที่เคร่งครัด แต่อีกมุมของชีวิต ทุกครั้งหลังขึ้นชกเสร็จ คือ 2 วันแห่งการพักผ่อน เธอก็มีโปรแกรมชีวิตของตัวเอง เป็นรางวัลของผู้ชนะที่ฝ่าฟันความลำบากมาอย่างมากมาย
“เขาก็มีโปรแกรมของเขา ที่น้องเขาอยากไป อยากให้พาไปเดินที่ห้างช็อปปิ้งบ้าง กินแมคโดนัล เคเอฟซี อยากได้อะไรเราก็ซื้อให้”
สิ่งของที่อยากได้อย่างคอมพิวเตอร์ไว้เล่นเกม พ่อแม่ก็ยินดีซื้อให้ โดยจำกัดช่วงเวลาในการเล่นไม่เกิน 1 ชั่วโมง พอได้เห็นมุมนี้ของเธอแล้วหากตัดเรื่องมวยออกไป เพชรจีจ้าก็ไม่ต่างจากเด็กทั่วๆ ไปคนหนึ่ง
หลังจากพูดคุยเสร็จ วันนี้เธอยังต้องเข้านอนเพื่อขึ้นสังเวียนชกในช่วงเย็น เธอเดินที่กระสอบทรายจากนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ปัง” เป็นเสียงเตะหนักแน่นของนักมวยจริงๆ กระสอบขนาดใหญ่กว่าตัวเธอ 2 เท่าเกิดหลุมรอยจากแรงเตะ จากนั้นเธอสลับมากอดปล้ำใช้เข่าตี แล้วหันมาออกหมัดสาธิตการฝึกซ้อม ใบหน้าของเธอบอกถึงความเอาจริงแม้ว่าจะเป็นเพียงการสาธิตก็ตาม
หลังจากเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์เธอหันมาปั่นจักรยานออกกำลังกายต่อ อาจเพื่อรีดแรงก่อนเข้านอน แน่นอนว่าต่อจากนี้ เธอจะตื่นขึ้นมาเพื่อเผชิญกับศึกต่อไปบนสังเวียน...
สำหรับบางคนเส้นทางชีวิตของมวยเด็กอาจเป็นหนทางรุนแรงเกินรับได้ ทว่าหนทางนี้ก็เป็นสิ่งที่เด็กคนหนึ่งเลือกด้วยตัวเอง หากรับไม่ไหวก็ร้องไห้ลงจากสังเวียน หรือเพียงงอแง เลิกฝึกซ้อมก็ออกจากเส้นทางได้โดยง่าย
เพชรจีจ้า อ. มีคุณเดินมาบนเส้นทางนี้ไม่ว่าจะเพื่อความสนุก เพื่อความภาคภูมิใจส่วนตัว เพื่อพ่อแม่ เธอก็ก้าวมาถึงจุดที่ประสบความสำเร็จ และก้าวต่อไปที่น่าจับตามองก็ยังคงรอคอยเธออยู่
เรื่องโดย ทีมข่าว m-lite
ภาพโดย ธนารักษ์ คุณทน
ขอบคุณภาพบางส่วนจากครอบครัวมีคุณ และสยามสปอร์ต