xs
xsm
sm
md
lg

มิสท่องเที่ยวไทย “ลูกน้ำ – ศศิมา” เธอ “เป๊ะ” อย่างมีเสน่ห์ !

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หากมองแต่เพียงภายนอกเธอดูสวยตามอย่างมาตรฐานนางงามไทย ดวงหน้าหวานคม ผิวเนียนละเอียดสีน้ำผึ้ง กับรูปร่างสูงโปร่ง หลังตรงคอเรียวระหง ยิ่งอยู่ในชุดรัดรูป ยิ่งบอกได้เลยว่า เป๊ะ!

ระหว่างที่ทีมงาน Lite พูดคุยกับเธอ ลูกน้ำ - ศศิมา สุรทรัพย์มณี ผ่านบทสนทนาในฐานะเจ้าของตำแหน่ง Miss tourism thailand 2012 หรือเรียกสั้นๆ ว่า นางงามท่องเที่ยวไทย พูดคุยซักถาม ตั้งแต่เรื่องบนเวทีนางงาม ปัญหาการท่องเที่ยว ไปจนถึงตัวตนของเธอ
 
“น้ำมีมาดของนางงามที่อยู่บนเวทีค่ะ ท่าทางการเดินการตอบคำถามก็เป็นตัวน้ำบนเวทีในบทบาทของการทำงาน แต่นอกเวทีน้ำเป็นคนลุยๆ มากกว่าค่ะ ชอบเล่นกีฬาผาดโผนด้วยซ้ำ” เธอเอ่ยถึงตัวตนของตัวเอง
 
ทำให้เราเห็นถึงภาพนางงามในแบบของเธอชัดเจนขึ้น เธอเผยว่า เวทีนี้เหมาะสมกับเธอมาก จากความสนใจในด้านของการท่องเที่ยว มารวมกับความเป๊ะ และทักษะทางด้านภาษาอังกฤษที่เป็นเหมือนหลักเกณฑ์เฉพาะของตำแหน่งนี้

และหลังจากบทสนทนาสิ้นสุดลง มีสิ่งหนึ่งที่เธอบอกถึงความเป็นตัวเธอนั่นคือ ความมีเสน่ห์

"คนที่ได้รู้จักจะบอกว่าน้ำเป็นคนมีเสน่ห์ ไม่ใช่สวย เพราะความสวยมันแล้วคนมอง แล้วแต่ความชอบของคนด้วย แต่พอได้รู้จักหรือพูดคุยด้วยทุกคนจะบอกว่า น้ำดูมีเสน่ห์ต่างจากคนสวยทั่วไป”

และเราก็รับรู้ได้ทันทีถึงเสน่ห์ที่มาพร้อมกับความสามารถในตัวเธอ มันเป็นเสน่ห์แบบที่ต้องมารู้จักกับตัวตนของเธอจริงๆเท่านั้นจึงจะสัมผัสได้

วิถีนางงาม

“พ่อแม่จะส่งเสริมด้านนี้ตั้งแต่เด็กๆ เลย เหมือนเป็นความใฝ่ฝันของเขา” เธอเอ่ยถึงแรงผลักดันของครอบครัวที่ทำให้เธอเดินมาถึงจุดนี้

เมื่อย้อนกลับไปวัยเด็ก สิ่งที่เธอจำได้คือความเข้มงวดของการเลี้ยงดู หลายอย่างในการดำรงชีวิตมักถูกขีดเส้นวางกรอบที่แตกต่างกว่าชีวิตเด็กธรรมดาๆ ตั้งแต่ตื่นนอน ทานข้าว แม้แต่ท่าทางเวลาเดิน พ่อของเธอคือผู้ขีดเส้นกรอบเกณฑ์โดยมีเป้าหมายในใจว่าอยากให้เธอเป็นแอร์โฮสเตส

“พ่อจะไม่ให้ดูดนมจากจุกขวดนมตั้งแต่ยังเล็กมากๆ ประมาณขวบครึ่งได้ เพราะจะทำให้ปากไม่สวย แล้วตอนเด็กจะบังคับให้ใส่รองเท้าหุ้มข้อ เพราะน้ำชอบเดินเขย่งขา นอกจากนี้ก็ให้ดื่มนมเยอะมาก พ่อแม่น้ำตัวไม่สูงนะ แต่น้ำตัวสูงเลย ซึ่งตอนเด็กๆ พอตัวสูงแต่ไม่มีทรงทรวงน้ำก็เดินหลังค้อม พ่อก็จะดุ บรรยากาศน่ากลัวมากเลย”

พ่อของเธอเป็นคนเนี้ยบ แต่งตัวด้วยความประณีตเสมอ เสื้อผ้า หน้าผม เธอเผยว่า สำอางกว่าแม่ของเธอเสียอีก เมื่อรวมเข้ากับการวางตัวอย่างมีระยะห่าง เป็นเสมือนผู้คุมกฎของบ้าน ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สนิทกับผู้เป็นพ่อมาโดยตลอด

“น้ำเป็นลูกคนเดียว เขาก็คงกลัวน้ำจะเตลิดก็เลยดุไว้ เขาจะควบคุมทุกอย่าง น้ำก็เลยมีทุกวันนี้ แต่ก็โชคดีด้วยที่น้ำเองไม่ได้เตลิดไป เพราะคนที่โดนกดมาตลอดตอนอยู่ที่บ้าน พอได้ไปอยู่ตัวคนเดียว ส่วนมากจะมีปัญหานะ แต่หนูไม่ เป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น เหมือนกลัวด้วย เวลาทำอะไรก็คิดถึงพ่อกับแม่ตลอด”

เมื่อถามถึงแม่ เธอออกปากก่อนเลยว่า แม่ของเธอเป็นคนหน้าสวย และแม่ก็มีบทบาทในการควบคุมด้านอาหารของเธอ เมื่อไหร่ที่น้ำหนักขึ้นแม่จะบ่นจนทำให้เธอรู้สึกผิดแล้วลดน้ำหนักลงเพื่อให้หุ่นดีอยู่เสมอ

“แม่น้ำเป็นคนสวยคะ ตาโต ปากนิด จมูกหน่อย คือบางครั้งคนเข้าใจผิดเลยนะ ตอนเด็กที่น้ำไปทำงานเดินแบบ มีคนเคยมาทักแม่เลยว่า เดินแบบชุดไหน?”

จากการเลี้ยงดูทั้งหมดของครอบครัวที่บ้านในจังหวัดสมุทรสงคราม จากเป้าหมายแรกของการเป็นแอร์โฮสเตส ไม่แปลกที่ความเนี้ยบและเป๊ะอย่างกุลสตรีจะไปถูกตาต้องใจกับวงการอื่นอย่างวงการนางงาม โดยครั้งแรกบนเวทีนางงามของเธอนั้นคือการประกวดธิดาองุ่นหวานที่จังหวัดราชบุรี และตอนนั้นเธออายุเพียง 15 ปี เท่านั้น

“นั่นเป็นเวทีแรกในชีวิตเลยคะ เหมือนมีแมวมองมาทาบทามให้ลงประกวดดู ตอนนั้นเป็นครั้งแรกๆ ของหลายๆ อย่างมาก ทั้งการตอบคำถาม การพูดต่อหน้าคนเยอะๆ น้ำก็พูดได้ดีมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ไม่มีปัญหา ตอนตอบคำถามทุกคนก็อึ้งที่น้ำตอบได้ดี”

เวทีแรกในชีวิตเธอได้มาถึง 2 รางวัลคือรางวัลขวัญใจช่างภาพ และรางวัลชนะเลิศ ทว่าเส้นทางของสาวงามยังคงต้องเดินต่อ เธอได้เข้าร่วมประกวดเป็นนางแบบให้กับนาฬิกายี่ห้อดัง ติดเป็น 1 ใน 10 คนสุดท้าย และได้โอกาสทำงานเดินแบบที่ต้องบินไปถึงสวิตเซอร์แลนด์มาแล้ว

“ที่พูดเก่งส่วนหนึ่งอาจมาจากที่น้ำได้เข้าสังคมตั้งแต่อายุยังน้อยด้วย ก็เลยรู้วิธีวางตัวในการทำงาน หรือการตอบคำถามต่างๆ ซึ่งจะเร็วกว่าปกติ”

จากนั้นความฝันของพ่อแม่ที่ย้ายจากแอร์โฮสเตสมาสู่ตำแหน่งนางงามก็ทำให้เธอถูกผลักดันให้ไปอยู่บนเวทีนางสาวไทย หรือมิสไทยแลนด์เวิลด์ทันทีที่อายุครบเกณฑ์ 18 ปี

“พ่อแม่เขาอาจจะเห็นแววตั้งแต่ตอนที่ประกวดชนะครั้งแรก แต่จะว่าไปมันก็กลายเป็นความฝันของน้ำไปด้วยนะ”

เธอจำได้ว่าในวัยเด็กหลายครั้งที่มีการถ่ายทอดการประกวด เธอมักจะนั่งเฝ้าหน้าจอ และตอบคำถามไปพร้อมกับผู้เข้าแข่งขัน

“บางทีก็คิดว่า คนนี้ยังตอบได้ไม่ดีเลย เป็นเราจะตอบแบบนี้ดีกว่า นั่งตอบไปพร้อมกับนางงามในทีวีเลยนะ”

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเธอยังคงทำงานเดินแบบ มีถ่ายแบบตามนิตยสารบ้างจนหมดสัญญา 2 ปี เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยก็ต้องแบ่งเวลาให้แก่การเรียนจนเลิกรับงาน แต่ระหว่างนั้นเธอก็ต้องแบ่งเวลามาประกวดนางสาวไทย แม้ว่าจะพลาดมงกุฎเพราะยังอายุน้อย แต่เธอก็ได้รับประสบการณ์มากขึ้นเรื่อยๆ จนติดรอบ 30 คน สุดท้ายของการประกวดนางสาวไทยในปี 2011

“มันก็เป็นความฝันของคนที่เรารัก เราก็อยากทำให้สำเร็จให้ได้ พอมีประกวดนางงามท่องเที่ยวไทยเข้ามา น้ำเรียนอยู่คณะบริหาร สาขาการจัดการการท่องเที่ยวและการบริการอยู่แล้ว เลยคิดว่าน่าจะเหมาะกับตัวน้ำ จากปกติที่พ่อแม่จะให้ไปสมัคร เวทีนี้น้ำแอบไปสมัครเองเลยคะ”

มิสท่องเที่ยวไทยสู่ท่องเที่ยวโลก

การเริ่มต้นที่ดีย่อมส่งผลที่ดีตามมา แต่กับการประกวดของเธอนั้น คงเป็นข้อยกเว้น เมื่อการเริ่มต้นสมัครประกวดของเธอ เริ่มในวันที่ปิดรับสมัครไปแล้ว ทว่าการไม่ท้อแท้และเดินหน้าหาทางอย่างรอโอกาสก็ทำให้ความบังเอิญเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด เมื่อกำหนดการสมัครถูกขยายขึ้นอีก 1 สัปดาห์

“ตอนแรกที่น้ำจะสมัครก็รู้สึกเสียดายเพราะคิดว่าเวทีนี้ดูเหมาะกับน้ำมาก แต่มันหมดเขตรับสมัครไปแล้ว ทว่าอยู่ๆ ทางกองประกวดเขาก็ขยายเวลาให้ ก็เลยโชคดีได้สมัครเข้ามา” เธอเล่าถึงจุดเริ่มที่มีโชคช่วยอยู่ด้วย

เมื่อเข้าสู่การประกวด ด้วยความเป๊ะ สมบูรณ์แบบที่สั่งสมมาตลอด ทั้งบุคลิก ท่าทางการเดิน การวางตัว รวมกับประสบการณ์จากหลายเวที ทำให้เธอผ่านเข้ารอบมาเก็บตัวได้อย่างไม่มีปัญหา จนกระทั้งได้รับตำแหน่งแล้ว เธอยังเผยว่า อุปสรรค์ในการประกวดครั้งนี้น้อยมากจนน่าประหลาดใจ

“ราบรื่นมากเลยคะ จังหวะพอดีกับช่วงปิดเทอมด้วย ทำให้น้ำมีเวลาเตรียมตัวพร้อมมาก และเหมือนน้ำเหมาะกับเวทีนี้ รู้สึกเป็นตัวน้ำมากเลย ทั้งการท่องเที่ยว และเรื่องภาษา เวทีนี้จะเน้นที่ภาษามากค่ะ ตอนเก็บตัวถึงจะไม่นานแต่มีการสัมภาษณ์ทุกวัน”

แทบทุกวันของการเก็บตัวจะมีการสัมภาษณ์โดยกรรมการกว่า 30 คน เพื่อทดสอบทั้งภาษาอังกฤษและไหวพริบในการตอบคำถาม เธอเอ่ยว่า จากประสบการณ์ตามเวทีมากมาย การตอบของเธอจึงเป็นการตอบตามธรรมชาติ แบบถามมา - ตอบกลับ ไม่มีดึงเวลา พูดเกริ่น หรือคิดก่อนตอบอย่างนางงามทั่วๆ ไป

“อันดับแรกเลยคือต้องพูดภาษาอังกฤษได้ ไม่งั้นเราก็ไม่สามารถจะเป็นทูตการท่องเที่ยวที่จะสื่อสารในระดับสากลได้ เขาเลยเน้นด้านภาษานี้ น้ำก็โชคดีที่เรียนอินเตอร์มา”

สิ่งที่เธอประทับใจกับการประกวด เมื่อเทียบกับหลายเวทีที่พลาดหวัง เธอรู้สึกน้อยใจไปเองอยู่บ้างว่า อาจมีการใช้เส้นสาย จากที่หลายเวทีมีความไม่เท่าเทียบเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์ การเลือกชุดให้ใส่ คนที่เฉิดฉายเหมือนถูกดันจนเด่นขึ้นมามักได้ตำแหน่งไปในที่สุด พยายามอย่างไรก็ไม่เป็นผลสำเร็จ แต่กับเวทีนี้ เท่าเทียมกันทุกข้อแม้เงื่อนไข และวัดที่ความสามารถอย่างถึงที่สุด เวลาให้พูดเท่ากัน ชุดที่ใส่ก็มาจากการจับฉลากทั้งสิ้น

“บางเวทีเขาเตรียมชุดให้ แล้วบางคนเขาไม่เข้ากับชุดที่ถูกเตรียมให้มันก็ไม่มั่นใจ ขณะที่บางคนก็เหมือนถูกเตรียมไว้เลยว่าจะเด่นขึ้นมา เรารู้ผลก่อนขึ้นเวทีแล้ว แต่พอเวทีนี้เป็นแบบนี้ เท่ากันทุกอย่าง โปร่งใส มันทำให้รู้สึกว่า เฮ่ย! เราน่าจะทุ่มเทให้เวทีนี้ ทำให้น้ำรู้สึกภาคภูมิใจกับกรรมการที่เขาคัดเลือกมาด้วยความสามรถ และที่ขึ้นมา 3 คนสุดท้ายคือเหมาะสมจริงๆ ขึ้นมารับตำแหน่งได้หมด”

คำถามตัดสินนั้นเป็นสิ่งชี้ขาดผลการประกวด หลังจาก 2 คำตอบของ 2 นางงามคู่แข่ง ก็มาถึงคำตอบของเธอ เธอกลับตอบออกมาเป็นภาษาอังกฤษที่ทำให้แตกต่าง เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชม และคว้ามงกุฎมาสวมได้ในที่สุด นอกจากความภาคภูมิใจส่วนตัว สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการได้ทำให้ความฝันของพ่อกับแม่เป็นจริง

“ในที่สุดก็ได้สักที รู้สึกดีใจนะคะ ด้านหนึ่งคือก็ภูมิใจกับตำแหน่งที่เราเป็นเหมือนตัวแทนการท่องเที่ยวกับประเทศไทย เป็นทูตการท่องเที่ยวที่จะสื่อสารกับระดับสากล แต่อีกด้านเราดีใจที่จะได้ไม่ต้องประกวดแล้ว(หัวเราะ) เพราะถ้ายังไม่ได้พ่อแม่อาจจะให้ประกวดอีกจนกว่าอายุจะครบ”

ทว่าการประกวดก็ยังไม่สิ้นสุดเมื่อเธอเข้ารับตำแหน่งนางงามท่องเที่ยวไทย เพราะเวทีนางงามท่องเที่ยวโลกรอเธออยู่ ซึ่งปีนี้ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน ทำให้เธอต้องทำงานหนักเป็น 2 เท่า ทั้งในฐานะผู้เข้าแข่งขัน และในฐานะทูตการท่องเที่ยวที่จะคอยดูแลนางงามจากกว่า 60 ประเทศที่เข้าร่วมประกวด เธอจึงต้องฟิตหุ่นเพื่อแข่งขันกับเวทีระดับนานาชาติ ทั้งยังต้องศึกษาข้อมูลการท่องเที่ยวเพื่อรับมือกับบทบาทการเป็นเจ้าบ้านที่ดีอีกด้วย

“ตอนนี้คือสิ่งที่น้ำโฟกัสอยู่ อนาคตไกลๆ ก็ยังไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นอะไรขึ้น จะได้เข้ารอบลึกแค่ไหน ติด 10 คนสุดท้ายหรือเปล่า ตอนนี้ก็ขอโฟกัสตรงการประกวดที่กำลังจะมาถึงก่อนคะ”

สวยแต่ลุย!

ชีวิตส่วนตัวนอกเวทีประกวด แท้จริงแล้วก็มีผลต่อการเป็นนางงามของเธอ เพราะเป็นคนช่างพูด และถือเป็นนักเอ็นเตอร์เทนในกลุ่มเพื่อน ทำให้เวลาไปไหนมาไหนเพื่อนๆ มักขาดเธอไม่ได้

“มีวันหนึ่งน้ำกลับจากทำงาน เหนื่อยมาก อยากพัก แต่เพื่อนกินข้าวกันแล้วเหมือนบรรยากาศไม่ดี มันเงียบ เลยต้องตามน้ำไป น้ำก็ไปนั่งด้วยนะ ไปเอ็นเตอร์เทนสร้างบรรยากาศ ปกติคือน้ำอยู่กับเพื่อนจะชอบคุยชอบแลกเปลี่ยนด้วย”

เมื่อเธอได้เรียนด้านการท่องเที่ยวที่ต้องลงพื้นที่ไปพูดคุยกับชาวต่างชาติ ทำให้หลายครั้งเธอมีเพื่อนชาวต่างชาติ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกดีที่ได้แลกเปลี่ยนกับมุมมองที่แตกต่าง ทั้งด้านความเป็นอยู่และวัฒนธรรม จนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่เธอมักจะเข้าไปคุยกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่อาจประสบปัญหา

“น้ำมีเพื่อนชาวต่างชาติเยอะคะ ชอบที่ได้แลกเปลี่ยน และก็มีอยู่บ่อยๆ ที่ไปช่วยชาวต่างชาติที่เขามีปัญหา เพราะคนไทยในบางพื้นที่ก็ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ น่าสงสารเวลาสั่งอาหารหรืออะไร น้ำก็มักจะเข้าไปช่วยเป็นปกติ”

แต่การมีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติ อีกทั้งประสบการณ์จากการเดินแบบในวัยเด็ก ก็ทำให้เธอได้พบกับอีกวัฒนธรรมบ่อยครั้ง ความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรมทำให้เธอรู้สึกได้เลยว่า กับชาวต่างชาติมีนิสัยที่แข็งๆ ตรงๆ ซึ่งตรงข้ามกับชาวไทยโดยสิ้นเชิง

“น้ำว่าพวกฝรั่งเป็นคนตรง แข็งๆ คนไทยเราจะอ่อนน้อม ประนีประนอมถนอมน้ำใจกว่า เวลาเขาจะปฏิเสธ เขาตอบว่า ไม่ คำเดียวเลย ไม่ ขี้เกียจไป ขณะที่คนไทยจะมีการรักษาน้ำใจกัน ซึ่งความแตกต่างพวกนี้จะมีเยอะมาก น้ำก็ตกใจ บางทีก็รับไม่ได้”

เธอเล่าถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมตั้งแต่ตอนที่ทำงานนางแบบ ระหว่างนั่งกินข้าวกับเพื่อนนางแบบจากหลายชาติ พร้อมกับอีกโต๊ะที่เป็นผู้ใหญ่ มีนางแบบคนหนึ่งยกเท้าขึ้นมาพาดบนโต๊ะ

“คนไทยแค่คุยเสียงดังก็ไม่ได้แล้ว” เธอเอ่ย “ยังมีอีกครั้งหนึ่งตอนที่ถ่ายรูปกันอยู่หลายคน เป็นรูปหมู่มีคนรัสเซียมาผลักหัวน้ำกระเด็นเลย แล้วเขาไม่รู้สึกเลยว่าทำผิด เหมือนเป็นเรื่องปกติ เขาก็ไปถามเพื่อนๆ ทำไมเราไม่คุยกับเขา”

แต่แม้จะไม่เข้าใจหลายอย่างที่แตกต่างกัน ก็ยังอยู่ร่วมกันได้ เพราะตำแหน่งของเธอก็ไม่แตกต่างไปจากสะพานที่เชื่อมโยงประเทศไทยสู่สากล ในฐานะนางงาม ทว่าในมุมชีวิตจริงของเธอ หลายคนกลับเห็นว่าเป็นอีกตัวตนราวกับคนละคน เพื่อนหลายคนบอกว่า เธอเป็นคนหน้าดุ ขณะที่เมื่ออยู่บนเวที ยิ้มหวานๆ ก็เอาชนะใจใครได้หลายคน เธอเอ่ยถึงความแตกต่างว่า มาจากการเป็นไปตามบทบาทที่ได้รับ และเป็นแง่มุมในตัวเธอเองทั้งหมด

“น้ำปกติจะชอบขี่เจ็ตสกี ขับรถเอทีวี เล่นกีฬา ชอบอยู่ในน้ำด้วย ทั้งที่ว่ายน้ำไม่เป็นแต่น้ำมั่นใจน่ะ ลงน้ำคนแรกเลย เพื่อนจะดูไม่ออกว่า ว่ายน้ำไม่เป็น แล้วน้ำชอบอะไรที่มันลุยๆ หน่อย แต่ถ้าขึ้นเวที หรือทำงานก็จะเป็นอีกคนนะ น้ำจะมีทั้งมุมหวาน และมุมลุยๆ ด้วย”

เมื่อถามถึงตัวตนจริงๆ เธอจึงยืนยันว่าเป็นคนลุยๆ มากกว่าชื่อตำแหน่งที่เรียบร้อยของนางงาม การเป็นคนคุยสนุก จนทำให้เพื่อน พร้อมกับคนที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับเธอต่างการันตีถึงตัวเธอว่า นอกจากสวยแล้วยังมีเสน่ห์อีกด้วย มันเป็นเสน่ห์ในแบบที่จะออกมาเมื่อได้รู้จักเท่านั้น

“กับเพื่อนๆ น้ำเป็นยังไงก็เป็นเหมือนเดิมตลอดนะ แต่กับบทบาทบนเวที น้ำก็เป็นไปตามบทบาทที่ได้รับ ทำให้ดีที่สุด เพียงแต่บทบาทบนเวทีมันก็ต่างจากชีวิตจริงหน่อย”

ในเรื่องของการเข้าวงการบันเทิง เธอมองว่าการเดินมาบนเส้นทางนี้ก็เป็นขั้นหนึ่งแล้ว ซึ่งเธอก็อยากก้าวต่อไปเรื่อยๆหากมีโอกาสเข้ามาในชีวิต

“อยากจะเดินต่อให้มันถึงที่สุด แต่น้ำก็คิดว่าทางด้านวงการบันเทิงมันไม่มีอะไรเสียหายด้วย มันเป็นโอกาสที่ดีในเรื่องของการเงิน ในเรื่องของชื่อเสียงเกียรติยศต่างๆ น้ำมองว่าถ้าน้ำได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ให้ไปแสดงละคร หรือทำงานในด้านของพิธีกร ก็ยินดีรับอยู่แล้ว”

ในวัยเด็กเธอเคยได้ชิมลางการแสดงมิวสิกวิดีโอเพลงลูกทุ่งมาก่อน ทำให้เธอรู้สึกชอบศาสตร์ด้านการแสดงละครซึ่งอาจได้ใช้เวลามากกว่า

“เอ็มวีได้อยู่กับแค่พระเอก 2 คนสั้นๆ น้ำว่าการเล่นละครมันน่าจะเป็นอะไรที่ท้าทายมากๆ เลย มันต้องเก่งมากๆ”

การเติบโตมาในกรอบเกณฑ์อันเข้มงวด แม้มาอยู่ห่างไกลจากบ้านที่สมุทรสงครามก็ไม่ทำให้เธอเปลี่ยนไป เมื่อพ่อแม่เริ่มปล่อยมือ เธอก็รู้แล้วว่า พ่อแม่มั่นใจในตัวเธอ มั่นใจว่าเธอโตพอจะรู้ที่จะยืนอยู่บนขาของตัวเองในสังคมแล้ว

“เหมือนกับพ่อแม่เชื่อใจไว้ใจ พออายุ 18 พ่อแม่ก็รู้แล้วว่าน้ำยืนเป็น รู้ว่าน้ำยืนยังไง น้ำเป็นยังไง ไม่ว่าอยู่ที่ไหนน้ำก็ยังเป็นน้ำ จะบอกจะเตือนก็แค่เรื่องลุคที่คนอื่นมอง อยากให้ดูดีเสมอ เพราะคนมันดูดีเสมอมามันก็ต้องดูดีเสมอไป มันจะลงไม่ได้ไงค่ะ แต่การตัดสินใจอะไรไม่ค่อยกำหนดตายตัวแล้ว จะมีบ้างก็คือพ่อยังฟิกซ์เรื่องผู้ชายอยู่ ก็ยังไม่มีใครที่สามารถจะเข้าไปสวัสดีพ่อแม่ได้”

พอจะเดาได้ว่า พ่อของเธอคงเป็นคนน่ากลัวอยู่พอสมควรทีเดียว แต่แน่นอนว่าเรื่องของหัวใจก็เป็นเรื่องของแต่ละคน เธอก็มีผู้ชายในแบบที่ชอบเหมือนกัน

“จริงๆ แล้วเป็นคนชอบผู้ชายที่โตกว่า แต่ไม่ได้โตกว่า 10 กว่าปี ชอบผู้ชายที่โตกว่า 5-7ปี เพราะน้ำลุคจะดูโตไปแล้ว ดู 25 - 26 แล้ว ถ้าไปคบกับเด็กรุ่นเดียวกัน เพื่อนๆ รุ่นเดียวกันเขาจะดูเด็กกว่าน้ำมาก แล้วน้ำชอบผู้ชายอบอุ่น หน้าไทย เข้มๆ มีกล้าม ไม่ชอบผู้ชายตัวเล็ก”

ฟังจากสเปกแล้วให้ภาพของพระเอกหนังไทยสมัยก่อนไม่มีผิด หากเทียบกับสมัยนี้เธอก็ยกผู้กองเบิร์ด หรือ พันโทวันชนะ สวัสดี ขึ้นมา แม้ไม่จำเป็นต้องเข้มขนาดนั้น แต่เธอก็ไม่ชอบอีกแนวที่หล่อใสขั้นเทพอย่างโดม ปกรณ์ ลัม

“ไม่ชอบแบบขาวๆ คือจริงๆ ฝรั่งเข้ามาในชีวิตเยอะมากนะ แต่วัฒนธรรมมันต่างกันมาก ไม่สามารถจูนกันติดจริงๆ เราค่อนข้างอ่อนไหวกว่าเขามากๆ เลย”

เธอ - เที่ยว - ไทย

คำถามหนึ่งในการประกวดนางงามท่องเที่ยวไทย แน่นอนว่ามีคำถามเกี่ยวกับการท่องเที่ยว คำถามหนึ่งถามเธอว่า “เราจะแนะนำการท่องเที่ยวประเทศไทยให้ชาวต่างชาติรู้จักได้อย่างไร?”

และเธอตอบเป็นภาษาอังกฤษว่า

“เริ่มแรกเราควรจะปลูกจิตสำนึกให้คนไทยรักประเทศไทยของเราด้วยกัน ถ้าเกิดเราไม่สามารถที่จะปลูกฝังให้คนไทยรักประเทศของเรา เราก็ไม่มีทางเชิญชวนให้ชาวต่างชาตินอกประเทศของเรามาสนใจในการท่องเที่ยวของเราได้”

แม้ฟังดูเป็นนางงาม และเป็นคำตอบที่มองภาพรวมมากกว่ารายละเอียด แต่ก็เป็นคำตอบกระชับสั้นชี้ลงตรงประเด็น อย่างไรก็ตาม เมื่อมาทำความเข้าใจคำตอบของเธอ เธอก็ไล่เรียงถึงข้อดี-ข้อเด่นของการท่องเที่ยวในประเทศไทยก่อน

หากพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยว ประเทศไทยนั้นมีองค์ประกอบที่ดี ทั้งสถานที่ธรรมชาติแปลกตา อะเมซิ่งไทยแลนด์ หรืออันซีนไทยแลนด์ ภูเขา ทะเล เกาะ หาดทรายสวยๆ รวมถึงอากาศที่อบอุ่นกำลังดีในหลายพื้นที่ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง

“จริงๆ แล้ว ประเทศไทยไม่ได้มีแค่สถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น ชาวต่างชาติไม่ได้ชอบแค่สถานที่ มันมีหลายที่มาก ไม่สามารถระบุได้เลยว่าที่ไหนดีที่สุด แต่สิ่งที่ดีที่สุดจริงๆ มันคือการต้อนรับของคนไทย อันนี้น้ำยอมรับเลยว่า รอยยิ้ม การต้อนรับ วัฒนธรรมของคนไทยที่ไม่มีประเทศไหนเหมือนแน่ๆ เพราะว่าคนไทยจะเป็นคนที่ชอบเทกแคร์ สิ่งที่เอาชนะชาวต่างชาติได้คือการเทกแคร์ รอยยิ้มที่คนไทยชอบยิ้มให้ชาวต่างชาติแม้จะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ การดูแลที่ดูแลใส่ใจชาวต่างชาติ มันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ต่อให้พื้นที่ของประเทศนั้นสวยแค่ไหน แต่ถ้าคนไม่ต้อนรับ คนไม่ดี นักท่องเที่ยงก็ไม่อยากกลับมา”

เสน่ห์ทางวัฒนธรรมนี้เองที่ดึงดูด และทำให้การท่องเที่ยวมีความสนุกน่ากลับมา แต่หลายครั้งกับข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ซึ่งแน่นอนว่าหลายสื่อต่างประเทศก็จับตามอง ตั้งแต่นักท่องเที่ยวเสียชีวิตในห้องพัก จนถึงถูกข่มขืน การปิดบังข่าวคงไม่ใช่ทางออกที่ดี เธอมองว่า สิ่งที่เป็นอยู่ และมีผลออกไปนั้นยังเป็นจุดด่างดำเล็กน้อยของผ้าขาวผืนใหญ่
“อันนี้มันเกี่ยวกับบางพื้นที่ เราต้องแก้ไข นี่คือสิ่งที่น้ำบอกว่า เราต้องเริ่มจากคนไทยด้วยกันเอง เราต้องเริ่มจากจุดแข็งที่เราสามารถช่วยสนับสนุนเขาได้”

บางพื้นที่คุณภาพการท่องเที่ยวอาจอยู่ในระดับที่สูง แต่บางพื้นที่ยังคงมีอันตราย ซึ่งความกังวลแม้เพียงน้อยนิดอาจขยายวงกว้างได้ทุกเมื่อ

“ ตอนนี้เหมือนกับว่า หลายสิบเปอร์เซ็นต์ที่ไม่ค่อยเชื่อมั่นประเทศไทย เพราะกลัวพวกอาชญากรรม ในเรื่องนี้น้ำคิดว่ามันฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของคนบางกลุ่ม ซึ่งกลุ่มเล็กๆ มันก็สามารถทำให้กระจาย บางทีเราทำดีมาตลอด แต่แค่มีจุดๆ หนึ่งที่เลวร้าย มันก็สามารถทำให้เขาคิดเหมารวมไปหมดได้ว่า ประเทศไทยอันตราย ตรงนี้น้ำว่าคนไทยเราน่าจะช่วยกันผลักเอาคนที่ไม่ดีต่อสังคมออกไป ในเมื่อมันเป็นจุดเล็กๆ เราน่าจะสามารถแก้ไขได้”

อีกสิ่งที่ควรเสริมสำหรับเธอคือการตั้งกฎหมายขึ้นมา โดยภาครัฐควรมีมาตรการในการคุ้มครองนักท่องเที่ยวเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับมา ในส่วนของการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นอยู่นั้น มักจะเสริมทางด้านของปริมาณมากกว่าคุณภาพ ต้อนชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวโดยที่การรองรับ และอาชญากรรมอาจเกิดขึ้นได้นั้น เธอก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้

“จริงๆ แล้ว มันก็มีบางพื้นที่ คือบางที่มันดีมากเลย ซัปพอร์ตชาวต่างชาติมีการควบคุม แต่มีบางที่อาจจะยังไม่พัฒนาถึงขั้นสากลจนทำให้คนคิดว่าประเทศไทยไม่ดี แต่ที่จริงแล้วในส่วนที่ดีก็มี ซึ่งการเน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ มองในด้านหนึ่ง มันอาจจะส่งผลดีต่อเรา แต่อีกด้านหนึ่งของนักท่องเที่ยว ถ้าเกิดไม่มีคุณภาพ เขาก็ไม่อยากกลับมาอีกแล้ว”

และในการโฆษณาการท่องเที่ยวนั้น เธอเชื่อว่า อำนาจของปากต่อปากหรือ เวิร์ด ออฟ เมาท์นั้นทรงพลังที่สุด

“มันก็ได้อย่างเสียอย่าง เราสามารถมทำให้เขามาเที่ยวได้แค่ครั้งเดียว เราควรจะปรับเน้นคุณภาพให้พูดไปก้องโลกได้เลยว่าประเทศไทยดีจริงๆ นะ ประเทศไทยคุณภาพ มันไม่มีอะไรสู้ได้เท่ากับการการันตีด้วยการบอกต่อกันอีกแล้ว”

สำหรับตัวเธอนั้นแน่นอนว่าก็เป็นหนึ่งคนที่จะทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนหนึ่งของประเทศไทยในระดับสากลให้ดีที่สุด

ศศิมา สุรทรัพย์มณี
ชื่อเล่น ลูกน้ำ
อายุ 22
การศึกษา - ชั้นปีที่ 4 คณะบริหาร สาขาวิชาการจัดการการท่องเที่ยวและบริการ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
งานอดิเรก - เล่นกีฬา ตีแบดมินตัน ขับเจ็ตสกี ขับรถเอทีวี ทำอาหาร
ผลงานที่ผ่านมา- ธิดาองุ่นหวาน ,เดินแบบและเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับนาฬิกาguess ,ประกวด Miss thailand world เข้ารอบ 30 คนสุดท้ายปี 2011 ,Miss tourism Thailand 2012

เรื่องโดย ทีมข่าว m-lite
ภาพโดย วรวิทย์ พานิชนันท์














กำลังโหลดความคิดเห็น