xs
xsm
sm
md
lg

ฝีมือหมอไทย เวียดนามจดทะเบียน “สาวเฉาะ” คนแรก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#000033>จากสาวประเภท 2 มาเป็น 3 เธอเกิดมาพร้อมด้วยสรรพสิ่งที่เป็นหญิงด้วยพลังแห่งธรรมชาติ นอกเสียจากสิ่งเดียวอันเดียว เพียงชิ้นเดียวเดี่ยวๆ ที่พระเจ้าประทานมาให้ผิดๆ และต้องขอขอบคุณฝีมือของแพทย์ผ่าตัดในประเทศไทยที่ทำให้เธอได้ชีวิตใหม่ในวันนี้ ฝั่มเลกวี่งเจิม  (Phạm Lê Quỳnh Trâm) กลายเป็นสาวเฉาะคนแรกในเวียดนาม ที่ได้รับการรับรองและจดทะเบียนใหม่เปลี่ยนจาก นาย เป็น นางสาว. -- ภาพ: VNExpress. </b>
.

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ทางการจังหวัดบี่งเฟื้อก (Bình Phước) ในภาคใต้เวียดนามได้ให้การรับรอง และจดทะเบียนสาวแปลงเพศรายหนึ่งที่ผ่าตัดในประเทศไทย เปลี่ยนชื่อใหม่ และเปลี่ยนสรรพนามใหม่ให้เธอเป็น “นางสาว” สมความปรารถนา นับเป็นการจดทะเบียนรับรองให้สาวประเภทสามคนแรกของประเทศ และเชื่อกันว่าเป็นรายแรกๆ ในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

นายฝั่มวันเหียบ (Phạm Văn Hiệp) ได้ชื่อใหม่เป็น น.ส.ฝั่มเลกวี่งเจิม (Phạm Lê Quỳnh Trâm) ในทะเบียนบ้านที่ทางการจังหวัดนี้ออกให้ในวันพุธ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังผ่านการตรวจ และการพิสูจน์ทางการแพทย์มาหลายครั้ง จนเป็นที่แน่ใจของทุกฝ่ายว่า เธอเป็น “หญิงในร่างชาย” ตามธรรมชาติ

การผ่าตัดแปลงเพศในกรุงเทพฯ ก่อนหน้านั้น ทำให้สาวเฉาะรายนี้เป็นเพศหญิงเกือบจะสมบูรณ์ สำนักข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรสรายงาน

กวี่งเจิมไม่ใช่สาวประเภทสามธรรมดา หากเคยเข้าประกวดมิสทิฟฟานี ที่จัดขึ้นในเมืองพัทยาของไทย และได้รับรางวัลขวัญใจช่างภาพในปีนั้นอีกด้วย เวียดนามเอ็กซ์เพรสกล่าว

“มันเป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ของหนูตลอดมา หนูยังไม่เชื่อว่ามันเป็นความจริงได้ในที่สุด หนูไม่สามารถจะบรรยายได้ว่ามีความสุขเพียงไรในวันนี้” เจิมให้สัมภาษณ์หลังจากรับหนังสือรับรองจากทางการ

เกิดในนครโฮจิมินห์ ในครอบครัวยากจน ต่อมา ครอบครัวได้โยกย้ายไปตั้งหลักแหล่งยังเขตพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ จ.บี่งเฟื้อก มารดาของเธอเล่าว่า ลูกชายคนมีลักษณะของหญิงมาตั้งแต่เกิด พอโตขึ้นก็ชอบร้องเพลงผู้หญิง ตอนเรียนชั้นประถมเริ่มมีหน้าอก และยิ่งชัดเจนเมื่อเรียนชั้นมัธยมซึ่งเสียงพูดของเธอก็เปลี่ยนเป็นเสียงของหญิงสาวไม่ผิดเพี้ยน และเริ่มหลงรักเพื่อนชายตามประสาวัยรุ่น

กวี่งเจิมเป็นเด็กเรียนเก่ง จบชั้นมัธยมปีที่ 6 ได้รับทุนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์นครโฮจิมินห์ จบแล้วยังเข้าเรียนที่สถาบันการธนาคาร อันเป็นช่วงที่เธอใช้อินเทอร์เน็ตมาก และได้พบพูดคุยกับเพื่อนๆ ที่มีธรรมชาติแบบเดียวกัน ปรึกษาหารือหาทางออก ซึ่งเธอกล่าวว่า ได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์มากมาย

โลกออนไลน์ยังทำให้เธอได้รู้จักหนุ่มชาวเวียดนามอาศัยทำกินในสหรัฐฯ คนหนึ่ง เธอได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง คนทั้งสองพูดคุยกันอยู่นานนับปี ด้วยความเห็นอกเห็นใจ แม้จะไม่เคยได้รู้จักหน้าค่าตากัน ไม่ได้เห็นกระทั่งรูปถ่าย เพราะต่างก็ไม่อยากจะเปิดเผยตัวตนให้อีกฝ่ายหนึ่งได้เห็น แต่เข้าใจในความรู้สึกของกันและกัน

เขาคนนั้นเป็นชายหนุ่ม 100% ส่วน “วันเหียบ” .. ไม่ใช่

“เราได้แชตกันออนไลน์ หนูเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับตัวหนู ซึ่งเขาเห็นใจมาก คอยให้กำลังใจหนูตลอดเวลา และแนะนำให้หนูหาสิ่งที่ตัวเองต้องการให้พบ” กวี่งเจิมในวันนี้กล่าว

เธอตัดสินใจแล้วว่าทางออกของชีวิตก็คือ จะต้องผ่าตัดแปลงเพศให้เป็นหญิง เธอไปพบหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในโฮจิมินห์ ตรวจฮอร์โมน และพบว่า เธอมีของเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเธอเป็นหญิงหมดยกเว้น ... และคุณหมอแนะนำให้ไปแสวงหาสิ่งที่ต้องการในประเทศไทย

ในปี 2549 สาวประเภทสองในวันนั้น กวี่งเจิมลาออกจากสถาบันการธนาคาร เริ่มหาเงิน เก็บเงิน อดออมทุกวิถีทาง เธอปั่นจักรยาน 20 กิโลเมตร วิ่งรอกรอบๆ โฮจิมินห์สอนวิชาฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ เคมี ตามศูนย์กวดวิชาหลายแห่ง ทั้งหมดเป็นวิชาหลักในการสอบเรียนต่อ ทำให้เธอมีรายได้เป็นกอบเป็นกำทีเดียว

“หนูเกิดมาเป็นหญิงแต่มีกายเป็นชาย มันทำให้หนูมีกำลังใจ ต้องทำงานหนักกว่าลูกสาวทั่วๆ ไปถึง 4 เท่า และหนูทำได้ มีเงินมากพอที่จะไปประเทศไทย แต่หนูจะต้องมีเงิน 25,000 ดอลลาร์ สำหรับการเปลี่ยนตัวเองเป็นให้เป็นหญิงสาว”

กวี่งเจิมบอกว่า “แฟนออนไลน์” ของเธอในสหรัฐฯ ได้โอนเงินไปช่วย ทำให้เธอมีเงินก้อนใหญ่ และได้ตัดสินใจที่จะไปแสวงหาอนาคตในกรุงเทพฯ โดยไม่ได้บอกความจริงให้คุณพ่อคุณแม่ได้รู้ เพราะไม่มีใครรับรองได้ว่าผ่าตัดแล้วผลจะออกมาเป็นอย่างไร

กวี่งเจิมใช้เวลาอีก 2 ปีต่อมาในกรุงเทพฯ เธอได้รู้จักคนในประชาคมเดียวกันอีกมากมาย แต่ “แฟน” ของเธอในสหรัฐฯ ก็ยังเป็นห่วงเป็นใย และพูดคุยกันตลอดมา สนับสนุนเธอตลอดมา
.
<bR><FONT color=#000033>การตัดสินใจของทางการจังหวัดบี่งเฟื้อก (Bình Phước) ที่จะดำเนินการตามคำร้องขอของนายฝั่มวันเหียบ (Phạm Văn Hiệp) ในปลายปี 2552 ทำให้เกิดมีหญิงสาวที่ชื่อ ฝั่มเลกวี่งเจิม (Phạm Lê Quỳnh Trâm) ขึ้นมาในสัปดาห์นี้ กลายเป็นสาวเฉาะที่ได้รับการยอมรับขึ้นทะเบียนใหม่เป็น นางสาว คนแรกของประเทศ. -- ภาพ: VNExpress. </b>
.
เธอกล่าวว่า บนโต๊ะผ่าตัดในวันนั้น แม้หมอจะให้ยาชาอย่างดีก็ตาม แต่ก็ได้รับรู้ความเจ็บปวดจากคมมีด ทุกครั้งที่หมอเฉือนเข้าไปตรงอวัยวะอันอ่อนไหวที่สุดของร่างกาย ภาพของแฟนหนุ่มที่วนเวียนอยู่ในมโนภาพต่างหากทำให้มีกำลังใจ และอดทน วันที่จะได้ใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกับเขาน่าจะใกล้เข้ามาแล้ว

ในกลางปี 2551 หลังผ่าตัดทำ “ช่วงล่าง” แล้วเสร็จ กวี่งเจิมกลายเป็นหญิงเต็มตัว คุณหมอบอกว่าเธอเป็นคนสวย ผิวขาวนวลเนียน และแนะนำให้ส่งภาพถ่ายไปสมัครทิฟฟานีโชว์ แหล่งรวมสาวประเภท 2 และ 3 หรืออาจจะมากกว่านั้น

การทำงานที่นั่นทำให้กวี่งเจิมได้เข้าประกวดมิสทิฟฟานี และก็ประสบความสำเร็จ ได้รับรางวัลขวัญใจช่างภาพ เวียดนามเอ็กซ์เพรสกล่าว

กวี่งเจิมกลับเวียดนามบ้านเกิดในปี 2552 ตัดสินใจไปยื่นต่อทางการขอเปลี่ยนชื่อและเปลี่ยนสรรพนามจาก “นาย” เป็น “นางสาว” ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับกฎหมายเวียดนาม แต่แล้วผลการตรวจ และทดสอบทางการแพทย์ที่ออกมาในปลายปีก็เป็นที่น่าพอใจ

หน่วยงานที่รับผิดชอบตกลงดำเนินการให้เธอตามคำขอ และเธอก็รอมาจนกระทั่งถึงวันพุธสัปดาห์นี้ .. เป็นการรอคอยที่ยาวนานและสุดแสนทรมาน แต่คุ้มค่าที่สุด

กวี่งเจิมยืนร้องไห้อยู่หน้าศาลากลางจังหวัด มือกำใบจดทะเบียนแน่น ชีวิตใหม่ของเธอเริ่มขึ้นแล้ว เธอจะได้สวมกระโปรงอย่างมั่นใจ คลุกคลีตีโมงกับเพื่อนหญิงอย่างสนิทสนม เธอกล่าวว่า ลืมวิชาเศรษฐศาสตร์ที่เรียนมาจนหมดแล้ว แต่ได้ใช้เวลามากมายศึกษาวิชาแต่งหน้ากับการออกแบบทรงเผ้าทรงผมสำหรับหญิงสาว อนาคตอาจจะอยู่ในธุรกิจนั้น ขณะที่เพื่อนๆ จำนวนไม่น้อยสนับสนุนให้หัดร้องเพลง

แต่สิ่งหนึ่งที่กวี่งเจิมปรารถนามากที่สุดในขณะนี้ก็คือ การที่จะได้เปิดเผยหน้าตาใหม่ให้แฟนหนุ่มในโลกออนไลน์ของเธอได้เห็นเป็นครั้งแรก และเธอเองก็อยากจะเห็นหน้า อยากจะรู้จักเขาในชีวิตจริงมากที่สุด

ไม่ว่าหน้าตาของเขาจะเป็นอย่างไร หัวใจนั้นได้มอบให้เขาไปทั้งหมดแล้ว กวี่งเจิมบอกกับเวียดนามเอ็กซ์เพรส สำนักข่าวภาษาเวียดนามยอดนิยม.
กำลังโหลดความคิดเห็น