แทนที่จะช่วยกันดูแลแก้ปัญหาน้ำที่จ่อประชิดเมืองกรุงเข้ามาทุกที กลับกลายเป็นว่าขัดแข้งขัดขากันเองงระหว่างฝ่ายกทม.โดยผู้ว่า ฯ สุขุมพันธุ์ บริพัตร กับฟากรัฐบาลเพื่อไทย ที่เห็นมีแต่โต้วาทีเอาหน้าประชาชนกันไปมา แทนที่จะกลายเป็นว่าร่วมมือกันหาทางออก กลับกลายเป็นต้องการทำในสิ่งที่ฝั่งตนเองคิดว่าดี ประชาชนก็นั่งกุมขมับคิดในใจ อย่าหวังจะพึ่งใครได้เลย ตนเท่านั้นเป็นที่พึ่งแห่งตน !!
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปะทะ กทม.สุขุมพันธุ์
ความบาดหมางของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย กับผู้ว่ากรุงเทพมหานครที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ ยิ่งเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น นับมาตั้งแต่ครั้งมหาอุทกภัยครั้งที่แล้วที่โยนความรับผิดชอบไม่ต่างจากเด็กเล่นขายของ กลายเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นอย่างมากจากการถูกดึงเป็นตัวประกันของความขัดแย้งครั้งนี้
ล่าสุดพรรคเพื่อไทยก็ออกมาแขวะผู้ว่าฯกทม. อีกรอบเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา โดย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาพูดถึงการจัดประชุมพรรคในเรื่องของสถานการณ์น้ำท่วมในวันที่ 18 กันยายน เพื่อช่วยกันหารือหาทางให้รัฐบาลลงไปช่วยเหลือประชาชน และผลักดันให้นายกรัฐมนตรีให้แก้ไขแบบบูรณาการ นอกจากนั้นยังกล่าวอ้างอีกด้วยว่ามีประชาชนในกทม. ทำหนังสือมายังพรรคเพื่อไทยเพื่อให้ตรวจสอบอุโมงค์ยักษ์ทั้ง 7 ตัว อีกด้วย
ในใจความตามที่นายพร้อมพงศ์กล่าว ก็ระบุว่าประชาชนกังวลใจเรื่องของอุโมงค์ยักษ์ เพราะขณะนี้มีบางตัวเครื่องเสียแล้วจะระบายน้ำได้อย่างไร มีประสิทธิภาพแค่ไหน เพราะหากอุโมงค์ยักษ์ของ กทม. ทำงานสอดคล้องกับแผนการระบายน้ำของรัฐบาล ที่ดำเนินการตั้งแต่พื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ โดยเฉพาะอุโมงค์ยักษ์ที่พระราม 9 ซึ่งสามารถระบายน้ำได้ถึง 80 คิวต่อวินาที แต่มีข้อสังเกตว่าอุโมงค์ยังสามารถใช้ได้หรือไม่ จึงอยากให้ผู้ว่าฯ กทม.ชี้แจงเรื่องดังกล่าว รวมทั้งท่อระบายน้ำที่บางส่วนยังอุดตันอยู่ เพราะตนได้ส่งคณะทำงานไปตรวจสอบแล้ว แต่เราเข้าพื้นที่ไม่ได้ เช่นที่พระโขนง หากเสียต้องเร่งซ่อมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับชาว กทม.
อีกสิ่งคือทางพรรคได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบการระบายน้ำ แต่พบว่าบางพื้นที่ยังมีปัญหาอยู่ จึงอยากให้กทม. โดยเฉพาะผู้ว่าฯ และผู้บริหารกทม. ได้เร่งดำเนินการกำจัดสิ่งกีดขวางในการระบายน้ำ และให้ตรวจสอบการขุดลอกคูคลองที่อ้างว่าดำเนินการเสร็จแล้วว่าเสร็จจริงหรือไม่ และขอให้ทำการทดสอบด้วย เพราะหากฝนยังตกต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 18 ก.ย.นี้ สถานการณ์น้ำใน กทม.ก็น่ากังวล
ถ้ารัฐบาลอยากช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วมจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องมาค่อนแคะฝั่งตรงข้ามให้เสียเวลา ไม่ต้องมาพูดจูงจมูกกันแบบนี้หรอก เอาเวลาไปแก้ปัญหาน้ำท่วมมิดหัว จมไร่แปลงนาของคนต่างจังหวัดที่เดือดร้อนมากในตอนนี้จะดีเสียกว่าเพราะฝั่งเพื่อไทยเองที่ชูนโยบายครั้งครั้งก่อนว่า ลาก่อน!! น้ำท่วม น้ำแล้ง ก็ไม่เห็นว่าจะทำได้เหมือนกัน ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองแท้ๆ
หน้าฉากแสนดี หลังฉากขัดกันเอง
ผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปีที่แล้วไปเกือบครบปี ดูปัญหาระหว่างขั้วรัฐบาลเพื่อไทย กับขั้วผู้ว่าฯ กทม.ก็ดูเบาบางลง แต่ความขัดแย้งก็เกิดขึ้นอีกครั้งรวดเร็วกว่าที่คาด แต่ครั้งนี้เหตุไม่ใช่เพราะปัญหาเกิดขึ้นมาแล้วถึงทะเลาะกัน แต่เป็นว่ารัฐบาลเอาอยู่กลับสร้างปัญหาขึ้นมาเสียอย่างนั้น ด้วยแผนการซ้อมรับน้ำท่วมของกรุงเทพฯ ทำเอาคนกรุงหวาดผวา กลัวซ้ำรอยน้ำท่วมครั้งที่แล้วเป็นเดือนๆ กว่าจะพ้นจากฝันร้าย
คราวนี้รัฐบาลบอกขอซ้อมเพื่อทดสอบว่าสามารถรับมือกับน้ำในปีนี้ได้หรือไม่ เรื่องนี้มองได้หลายมุม เรื่องคนได้ คนเสียประโยชน์ ไม่ต้องถามประชาชนน่าจะคิดกันเองไปแล้ว ดังเช่นฝ่ายกทม. ที่ออกมาแสดงความวิตกด้วยเหตุผลว่ามีการพยากรณ์อากาศจากหลายสำนักบอกว่าสัปดาห์นี้ในช่วงทดสอบจะมีฝนตกมากถึง 60% ของพื้นที่ ประกอบกับจะมีมรสุมมาสมทบ อีกข้อคือประสิทธิภาพการรับน้ำของคลองลาดพร้าว ในการดูแลของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ยังไม่มีการขุดลอกคลองเกรงจะกระทบประชาชน และบอกว่าที่ผ่านมา กทม. ต้องการขุดคลองลาดพร้าว แต่ไม่สามารถทำได้เพราะอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงวิทย์ แต่หากยังปล่อยไว้อย่างนี้ อาจจะเกิดปัญหาขึ้นแน่นอน เพราะประชาชนอาศัยอยู่สองฝั่งคลองเป็นจำนวนมาก
แค่นี้ก็ทำให้ปวดหัวแล้ว ตรงนี้พื้นที่ใคร ใครต้องรับผิดชอบกันแน่ระหว่างกทม. กับ กระทรวงวิทย์ ครั้งนั้นดูท่าจะไม่ค่อยดี ต่างฝ่ายต่างโต้แย้งกันไปมา ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ก็ได้มีการแถลงข่าวร่วมระหว่าง รองนายกฯ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ กับผู้ว่าฯ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร เพื่อย้ำภาพให้ทุกคนมั่นใจว่าการทำงานระหว่างรัฐบาลและกทม.นั้น เป็นไปด้วยดี ไร้ความขัดแย้ง แต่ท่วม หรือ ไม่ท่วม ?? สรุปประชาชนต้องลุ้นกันเอง
เสียงสะท้อนของคนกรุงเทพฯ ในเรื่องความบาดหมางนี้มาจากผลการสำรวจ โดยกรุงเทพโพลล์เมื่อหลังครั้งการทดสอบน้ำครั้งนั้น ปรากฏว่าคนกรุงฯ เป็นห่วงในเรื่อง การไม่ลงรอย ของฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายกรุงเทพมหานคร 44.3 % เรื่องของการขาดความสามัคคีระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายกทม. 30.1% ยิ่งย้ำให้เห็นว่าประชาชนรับรู้ว่าเหตุน้ำท่วมนั้นการช่วยเหลือ โยกโย้ ชักช้า เกี่ยงกันไปมานั้นเป็นเรื่องของการเมืองที่ต่างฝ่ายต่างต้องการเอาหน้าเพื่อรักษาคะแนนเสียงของตนเอง และจากเสียงของประชาชนยังระบุว่า หากเปรียบเทียบคะแนนความเชื่อมั่นในการรับมือต่อปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาล และ กทม. หลังจากการทดสอบระบายน้ำในครั้งนี้ กทม.ได้ 5.99 คะแนน และ รัฐบาลได้ 5.96 คะแนน
.....................................
เรื่องชิงดีชิงเด่นกันเอาหน้า เห็นรีบออกโรงเหลือเกิน ทีเรื่องแก้ปัญหาให้ประชาชนบ้าง ทำไมไม่ยอมทำ เห็นโยนกันไปมาแบบนี้ สรุปประชาชนต้องแก้ปัญหาเอาเองใช่ไหม ??
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE
ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต