แค่เดินสะบัดก้น ฉีกยิ้ม โพสท่าหน้ากล้อง และทนตอบคำถามนักข่าวในงานอีเวนต์เพียงไม่กี่ชั่วโมง เหล่าซูเปอร์สตาร์ทั้งหลายก็ได้ค่าเสียเวลาตอบแทนเป็นแสนๆ แล้ว แต่แค่ภาษีไม่กี่พันบาท บางคนกลับหาทางหลบเลี่ยงสารพัด ทำเอาประชาชนคนธรรมดาที่หาเช้ากินค่ำและยอมเสียภาษีตามเกณฑ์ต่างรู้สึกท้อแท้ไปตามๆ กัน
โดยเฉพาะกรณีของ “พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” ที่มีเรื่องมีราวกับบริษัทออแกไนซ์จนถูกแฉต่อหน้าสาธารณชนว่า ดาราสาวขวัญใจคอละครรายนี้ใช้บัตรประชาชนของลุงวัย 77 มารับเงินแทน เพื่อให้โดนหักภาษีแค่ 3% แทนที่จะถูกหัก 5% ยิ่งไปกว่านั้นคือคำตอบจากกรมสรรพากรในกรณีนี้ที่ดูเฉยเมย จนถูกสังคมก่นด่าอย่างหนักว่า “สองมาตรฐาน” เล่นเส้นสาย ขยันเรียกเก็บภาษีคนธรรมดามากกว่าดาราซึ่งมีรายได้สูงกว่ามนุษย์เงินเดือนทั่วไปไม่รู้ตั้งกี่เท่า!!
พลอยขู่!! สนิทสรรพากร
เรื่องราววุ่นวายทั้งหมดเริ่มต้นจากงานอีเวนต์งานหนึ่งซึ่งบริษัท Absolute For You จำกัด เป็นผู้จัดและว่าจ้าง “พลอย-เฌอมาลย์” นางเอกสาวสุดฮอตมาเดินแบบ โดยตกลงค่าตัวกันที่ราคา 150,000 บาท แต่เรื่องมันไม่จบแค่นั้น เพราะระหว่างทำงานร่วมกัน เล่ากันว่านางเอกหน้าสวยกลับแผลงฤทธิ์ความเยอะ จนมีมือดีโพสต์เรื่องราวทั้งหมดแฉบนเฟซบุ๊ก “Eagga Mon” ผ่านบทความชื่อ “ผู้จัดการ(ดารา)ชั้นเลว!!” เชื่อกันว่า “เจี๊ยบ-เอกกมล อรรถกมล” ผู้คร่ำหวอดในวงการแฟชั่นเป็นคนเขียนขึ้น
เรื่องร้อนถึงผู้ถูกกล่าวหาอย่างพลอย จนออกมาด่ากราดผ่านสื่อตามสไตล์ แฉกลับว่าแท้จริงแล้วบริษัทดังกล่าวจ่ายค่าตัวไม่ครบ เมื่อชื่อบริษัทถูกพาดพิงไปในทางเสื่อมเสีย “กันต์ระพี วิไลภรณ์” และ “ธีระศักดิ์ อินต๊ะมา” ผู้บริหารบริษัทจึงเดือดถึงขั้นตั้งโต๊ะแถลงข่าว แฉทุกเรื่องลับ แม้กระทั่งกระบวนการหลีกเลี่ยงภาษีที่ผันให้ภาพนางเอกสาวกลายเป็นนางร้ายย่อมๆ ได้ในทันที
“เราเองก็แปลกใจว่าทำไมเขาเอาบัตรคนอื่นมายื่น ก็คิดว่าเขาอาจจะเป็นญาติผู้ใหญ่ที่ดูแลเรื่องการเงินของคุณพลอยอยู่ เราก็ยอมรับผิดส่วนหนึ่งด้วยที่ทำแบบนี้ไป คือผมไม่ได้บอกว่าคุณพลอยทำเอกสารปลอมนะ ผมเองก็ไม่รู้ว่าบุคคลท่านนี้เป็นใคร ตอนทำเอกสารผมไม่ได้เป็นคนมาดูเอง ผมให้ฝ่ายบัญชีดู ตอนหลังถึงรู้ว่าบุคคลท่านนี้อายุ 77 ปีแล้ว มีแปะด้านหลังอีกว่าไอซียู ถามหน่อยว่าบุคคลท่านนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า แล้วภาษีที่ถูกหักไปใครเป็นคนจ่ายล่ะ อันนี้แหละคือประเด็น” อาร์ต-กันต์ระพี ทิ้งระเบิดเอาไว้ให้อีกฝ่ายมาตามเก็บ
แต่ดูเหมือนว่าดุ้นระเบิดที่อีกฝ่ายทิ้งไว้จะใหญ่เกินกว่าที่นางเอกสาวจะตามเก็บไหวเสียแล้ว เธอจึงได้แต่ตอบอ้อมๆ แอ้มๆ เบี่ยงประเด็นว่า “บัตรคุณแม่มั้งคะ คนในครอบครัวมั้งคะ คุณจะอะไร ไม่เข้าใจเหมือนกัน พลอยว่าถ้าพี่เขาว่างมากก็เอาเวลาแต่งหญิงเถอะค่ะ อย่ามายุ่งกับพลอยเลย พลอยทำอย่างถูกต้อง เปิดบริษัทอยู่ 4 บริษัท ภาษีพลอยก็จ่ายอย่างถูกต้อง สรรพากรก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วก็สนิทกับสรรพากรด้วย คุณไปเช็กเอาเองแล้วกัน”
ด้วยคำว่า “สนิทกับกรมสรรพากร” และภาพอินสตาแกรมหลังเกิดเหตุที่นางเอกฝีปากจัดรายนี้อัปโหลดขึ้น ซึ่งเป็นภาพถ่ายคู่ “เป๊ก-สัญชัย” ลูกชาย “สมใจนึก เองตระกูล” อดีตปลัดกระทรวงการคลัง พร้อมคำบรรยายภาพว่า “อย่ามามีเรื่องกับพวกเรานะว้อยยย” บวกกับคำสัมภาษณ์ของ “ดร.สาธิต รังคสิริ” อธิบดีกรมสรรพากรที่ให้คำตอบอย่างไม่ยินดียินร้ายหลังวันเกิดเหตุว่าต้องรอเช็กกันอีกทีตอนยื่นภาษีเดือน มี.ค.ปีหน้า ยิ่งย้ำภาพชัดว่าเรื่องนี้ต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังเป็นแน่ เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ระลอกใหญ่บนอินเทอร์เน็ตต่อการตอบกลับของท่านในกรณีนี้
“เอ่อ! ท่านคะ กรณีนำบัตรประชาชนคนอื่นมารับภาษีแทนนี่ ร้อยทั้งร้อยเขาไม่นำมารวมเป็นเงินได้ของคนได้รับเงินจริงกันนะคะ เพราะเขาตั้งใจหลบแล้วจะนำมารวมเป็นเงินได้ตนเองไปทำไมล่ะคะ ถ้าเขาต้องการทำให้ถูกจริงก็เอาบัตรประชาชนตนเองหรือชื่อบริษัทมารับตั้งแต่แรกแล้วค่ะ” ข้อความข้างต้นคือเนื้อความจากกระทู้ “กรณีพลอย ท่านอธิบดีกรมสรรพากรมองโลกแง่ดีไปไหมคะ” ซึ่งมีคนเห็นด้วยจำนวนมหาศาลจนโหวตให้ขึ้นเป็นกระทู้แนะนำในพันทิป ห้องเฉลิมไทยอยู่ในขณะนี้
“สองมาตรฐาน” คนเสียภาษีท้อแท้
นอกจากเนื้อความภายในกระทู้ดังกล่าวจะแสดงความไม่พอใจต่อท่าทีของอธิบดีกรมสรรพากรแล้ว คอมเมนต์ส่วนใหญ่ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือเต็มไปด้วยถ้อยความตัดพ้อต่อว่าถึงความไม่ยุติธรรมในสังคม ร่วมกันก่นด่าว่าทางกรมฯ สองมาตรฐาน ให้อภิสิทธิ์แก่คนดัง เน้นระบบเส้นสาย ไม่เห็นใจประชาชนตาดำๆ อีกตามเคย
“ผมดูแล้วก็เศร้าใจครับ นอกจากเรื่องใช้บัตร (ประชาชนของคนอื่นแทน) แล้ว ที่ผ่านๆ มา สรรพากรจะไม่ตามดูเลยหรือครับว่าถูกต้องหรือเปล่า ถ้าเรื่องนี้เงียบๆ ไป ประชาชนคนเสียภาษีท้อแท้นะครับ”
“จะไม่เรียกเก็บย้อนหลังเหรอคะ โอย... เสียใจจริงๆ เจตนาเลี่ยงภาษีชัดๆ แถมออกมาพูดเองด้วย (ไม่มีใครปรักปรำ) หลักฐานก็ออกสื่อมาขนาดนี้ ยังทำอะไรเขาไม่ได้เลย ประเทศเรา ความยุติธรรมมันอยู่ที่ไหน คนรวยทำอะไรไม่ผิดจริงๆ ด้วย โห... เศร้าใจตั้งแต่เช้าวันจันทร์เลย ไม่อยากทำงานเลยวุ้ย มันอะไรกันคะเนี่ย!”
“แบบนี้ แต่ละปี เงินรายได้ของรัฐหายไปเท่าไหร่คะ แล้วยังจะมาบอกว่าเงินไม่พอ ต้องกู้เพิ่ม แถมคนพวกนี้แหละที่เอาเงินไปรั่วไหลต่างประเทศ ทั้งเที่ยวเมืองนอก ซื้อรถหรู ติดแบรนด์เนม... อย่างนี้ ประเทศเราก็อยู่ได้เพราะภาษีจากพนักงานประจำ ชนชั้นกลางจริงๆ ในขณะที่ไฮโซกลับเลี่ยงภาษีและทำลายชาติ เสียใจมากๆ ค่ะ”
“เอวัง คนธรรมดากินเงินเดือนหมื่นนิดๆ ต้องจ่ายภาษีทุกเดือน ดาราดัง มีชื่อเสียง รายได้นับล้าน กลับหลีกเลี่ยง”
“อาม่าเราอายุ 60 ยืนขายก๋วยเตี๋ยวตั้งแต่ตี 2 ถึง 6 โมงเย็น สรรพากรยังมานั่งนับชามก๋วยเตี๋ยว... เราคนธรรมดาจ่ายภาษีถูกต้อง เพราะฉะนั้น เรื่องของภาษีนี่เราไม่ยอมค่ะ มันหักหาญน้ำใจกันเกินไป”
“ก็เขาบอกแล้วนี่ว่าสนิทกับสรรพากร!!!”
“มอบ 3 คำ ให้ท่านอธิบดีกรมสรรพากร... ผิด หวัง มาก”
และอีกหนึ่งกระทู้แนะนำ “ดารากับการเสียภาษี” ซึ่งถูกโหวตขึ้นเป็นกระทู้แนะนำเช่นกัน มีเนื้อความระบายความในใจได้อย่างตรงจุดและเชื่อว่าเหล่าดาราผู้นิยมหลีกเลี่ยงภาษีและคนวงในที่ยินยอมพร้อมใจส่งเสริม อ่านแล้วต้องสะอึก!
“จากประเด็นฮอตเรื่องดาราที่ (อาจจะ) หลบเลี่ยงภาษี อยากให้กรมสรรพากรออกมาตรวจสอบและดำเนินการให้ถึงที่สุด บอกตรงๆ ว่ารับไม่ได้ คุณเป็นดารา ทำงาน 1-2 ชม. ได้เงินเป็นแสน แต่คุณกลับหลีกเลี่ยงที่จะจ่ายภาษีหรือหาทางหลบหลีกที่จะจ่ายภาษีน้อยลง แล้วคนที่นั่งทำงานหลังขดหลังแข็ง เช้ารีบตื่นไปทำงาน เย็นรีบกลับบ้านมาเลี้ยงลูก ทำกับข้าว ดูแลสามี ดูละคร (ที่คุณดาราเลี่ยงภาษีแสดง) แล้วก็ต้องรีบเข้านอน เพื่อตอนเช้าจะได้รีบตื่นไปทำงาน วนอยู่อย่างนี้ 6 วันต่ออาทิตย์ กว่าจะได้เงินมาแต่ละเดือน เหนื่อยเหมือนใจจะขาด แต่ต้องจ่ายภาษีครบถูกต้องตามกฎหมาย ความรู้สึกมันเหมือนโดนเอาเปรียบ
เราเชื่อว่าไม่ได้มีแต่ดาราคนที่เป็นข่าวอยู่ตอนนี้เท่านั้น ที่ทำแบบนี้ น่าจะมีอีกหลายๆ คนที่ทำทำนองเดียวกัน อยากให้กรมสรรพากรออกมาตรวจสอบค่ะ และอยากให้มีบทลงโทษที่ชัดเจนถ้าพบว่ามีความผิดจริง จะต้องคิดภาษีย้อนหลังหรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่อยากให้นิ่งเฉย แล้วรอให้เรื่องเงียบไปเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง
อยากให้คนที่คิดโกงภาษี ช่วยคิดนิดหนึ่ง การที่เขาเก็บภาษีคุณเยอะแปลว่ารายได้คุณเยอะ เราเองก็อยากจะเป็นคนที่จะต้องจ่ายภาษีเยอะ เสียดาย เกิดมา เตี้ย ล่ำ ดำ ถึก เลยไม่มีโอกาสได้รู้ว่าการทำงาน 1 ชั่วโมง แล้วได้เงินแสน มันจะรู้สึกยังไง...”
กลโกงของ “ดาราหนีภาษี”
“ดาราหนีภาษีมันก็มีทุกยุคทุกสมัยนั่นแหละครับ” เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา หากลองมองย้อนกลับไปจะเห็นว่ามีมาตั้งแต่สมัยดาวค้างฟ้าอย่าง “เพชรา เชาวราษฎร์” แล้ว ถูกกรมสรรพากรเล่นงานเรื่องภาษีจนถึงขั้นฟ้องล้มละลาย ต้องเลหลังขายบ้าน เดือดร้อนถึงขั้นขอเจรจากับกรมสรรพากรขอจ่ายผ่อนส่ง แสดงหนังใช้หนี้กันไป
“สมบัติ เมทะนี” คือคนบันเทิงอีกหนึ่งรายที่ถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลังจนถึงทุกวันนี้ ผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว ยังต้องขอผ่อนจ่ายอยู่เลย ยอดทั้งหมดที่ต้องจ่ายนับเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ไม่รู้ “ไม่อยากจำ” เขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้อย่างนั้น “ที่จำแม่นคือตัวเลขที่ต้องส่งค่าผ่อนบ้าน เดือนละ 50,000 ทุกเดือนจะต้องมี SMS แจ้งมาว่า กรุณาชำระเงินกู้บ้าน หากชำระแล้ว ต้องขออภัยด้วย และที่จำได้ไม่มีลืมคือคำพูดของสมุห์บัญชีเขตบางกอกน้อยที่ตะคอกใส่หน้าว่า นี่หรือ สมบัติ เมทะนี มีหนังมากมาย แต่ไม่เสียภาษี!!”
นางเอกสาวหน้าหวานอย่าง “ศรีริต้า เจนเซ่น” ก็เคยถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลังถึง 10 ล้าน เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว เจ้าตัวก็ได้แต่กุมขมับเพราะไม่มีความรู้เรื่องนี้ “เครียดมาก 10 ล้าน โผล่มาได้ยังไงไม่รู้เลย ต่อไปคงต้องดูแลเอง คนในวงการก็โดนหลายคนค่ะ” รวมถึง “ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต” ด้วย
แม้แต่นักร้องสาวหุ่นเพรียว "แคท-แคทรียา อิงลิช” ก็เคยถูกพิษภาษีเรียกเก็บต่อปีเป็นแสนๆ มาแล้วเหมือนกัน ทั้งยังแสดงความคิดเห็นเอาไว้อย่างตรงไปตรงมาว่า อัตราภาษีที่เรียกเก็บ มันดูไม่ยุติธรรมเท่าไหร่สำหรับอาชีพนี้
"ภาษีที่รัฐเก็บคนที่ทำอาชีพอย่างแคท มันค่อนข้างมาก ซึ่งนักร้อง นักแสดงทุกคนก็จะพูดเหมือนกันหมด บางทีทำงานมาเหนื่อย แต่ต้องมาโดนหักภาษีที่เยอะๆ มันก็รู้สึกเหนื่อย เราเองก็มีค่าใช้จ่ายที่เยอะอยู่แล้ว บางอย่างเราก็ไม่อยากใช้จ่าย แต่มันก็จำเป็น เช่น ตัวแคท ไม่ได้อยากจะแต่งตัวดีๆ สวยๆ แต่บางครั้งก็มีงานที่เราต้องไป หรือเวลาเราไปไหน คนภายนอกก็มักคาดหวัง อยากเห็นเราดูดีเหมือนในโทรทัศน์ ทำให้ต้องหาซื้อเสื้อผ้าที่ดูดีหน่อยมาใส่ แต่สุดท้ายการเสียภาษีก็เป็นหน้าที่ที่ต้องทำค่ะ แค่อยากให้เห็นใจคนทำอาชีพนี้บ้าง อยากให้พิจารณาอัตราตามความเหมาะสมค่ะ"
เรียกว่ายิ่งรายได้เยอะก็ยิ่งต้องแบกรับภาระด้านภาษีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว คนในวงการหลายๆ คนจึงเลือกใช้วิธีเลี่ยงที่เนียนที่สุดเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียภาษีก้อนโตให้รู้สึกเสียดายแล้วเสียดายอีก ซึ่งวิธีที่นิยมกันมากที่สุดก็คือ การรวมกลุ่มกันจดทะเบียนจัดตั้งเป็น “คณะบุคคล” อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อดาราคนหนึ่งรับงานมา ก็จะใช้วิธีสั่งจ่ายในนามคณะบุคคลนั้นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้รายได้รวมต่อปีซึ่งสั่งจ่ายในชื่อของตัวเองพุ่งสูงมากเกินไป เพราะยิ่งรายรับมีมากเท่าไหร่ อัตราภาษีที่ต้องเสียให้รัฐก็จะมากขึ้นเท่านั้น ตามอัตราภาษีที่เรียกเก็บ
หากรายได้ต่อปีอยู่ที่ 0-150,000 บาท จะได้รับการยกเว้นภาษี, 150,001-500,000 บาท ต้องเสีย 10%, 500,001-1,000,000 บาท 20%, 1,000,001-4,000,000 บาท 30% และตั้งแต่ 4,000,001 ขึ้นไป ต้องเสียภาษีสูงถึง 37% ดาราหลายๆ คนจึงนิยมใช้วิธีจดทะเบียน “คณะบุคคล” ขึ้นมาหลายๆ กลุ่ม เพื่อกระจายรายได้ของตนเองออกไปให้ได้มากที่สุด จะได้เลี่ยงการเสียภาษีต่อปีจากหลักสิบล้านเป็นหลักแสนแทน
กลโกงแบบนี้ ไม่ใช่ว่าทางกรมสรรพากรไม่รู้ แหล่งข่าวเผยว่าพวกเขารู้ดีแต่ทำอะไรไม่ได้ มันคือการเลี่ยงภาษีโดยใช้ช่องโหว่ของกฎหมายเข้ามาเอื้อประโยชน์ จากก่อนนี้ คณะบุคคลจะถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อคนที่รวมตัวกันทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์และมีรายได้ต่อปีน้อย จะได้ไม่ต้องเสียภาษีหนักๆ ในนามของแต่ละคน แต่ระยะหลังๆ ดันกลายมาเป็นช่องทางการโกงภาษีที่ดารา-นักแสดง และอาชีพอิสระต่างๆ หันมาใช้กัน จึงมีการพูดคุยกันเป็นการภายในว่า ต่อไปอาจยกเลิกการจดทะเบียนคณะบุคคลแบบนี้ จะได้ไม่ต้องโกงกันอีก
อย่างไรก็ตาม กรณีพลอยใช้บัตรประชาชนของคุณลุงซึ่งไม่ได้เป็นญาติกันมาลงชื่อรับเงินในอีเวนต์แทน ก็ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่าอาจเป็นกลโกงภาษีอีกรูปแบบหนึ่งที่ทำกันมานานในวงการ รู้กันระหว่างผู้จ้างงานและศิลปินดารารายนั้น โดยมีฝ่ายจัดหาบัตรประชาชนของบุคคลปริศนามาให้ มีผู้สมรู้ร่วมคิดยอมให้จ่ายเงินในนามบุคคลปริศนา เพื่อให้สามารถหักภาษีในอัตรา 3% ได้ จากความจริงที่ต้องจ่าย 5% ในฐานะบุคคลสาธารณะตามประมวลกฎหมายรัษฎากร
เมื่อถูกสังคมออกมาตั้งคำถามแบบนี้มากๆ เข้า ล่าสุด ดร.สาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากรจึงมีปฏิกิริยาตอบสนองออกมาชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม
“สำหรับกรณีที่มีการหลีกเลี่ยงภาษีโดยการใช้บุคคลอื่นเป็นผู้รับเงินแทนและทำให้การหักภาษี ณ ที่จ่ายผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงนั้น ผู้จ่ายและผู้รับเงินได้มีความรับผิดร่วม ซึ่งหากดาราดังกล่าวได้รับเงินได้ในเดือนสิงหาคม บริษัทผู้จ่ายเงินได้ก็ต้องนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายภายในวันที่ 7 กันยายน กรมสรรพากรจะได้ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายในทันที
และหากสิ้นปียังมีการยื่นแบบเสียภาษีประจำปีไม่ถูกต้องอีก ทั้งผู้จ่ายและผู้รับเงิน ต่างก็มีความผิด และกรมสรรพากรก็จะดำเนินการตามกฎหมายอีกครั้งหนึ่งต่อไป การนำบุคคลอื่นมารับเงินแทนเพื่อให้การเสียภาษีไม่ถูกต้องครบถ้วน ผู้รับเงินที่แท้จริงต้องรับผิดชอบต่อกรมสรรพากร และหากผู้จ่ายเงินร่วมมือกับผู้รับเงินก็มีความผิดด้วยเช่นเดียวกัน”
คงต้องรอดูต่อไปว่าระบบเส้นสายหรือกระแสสังคมจะมีแรงกระเพื่อมมากกว่ากัน ถึงแม้ตอนนี้กระบวนการทางกฎหมายจะยังให้ความกระจ่างไม่ได้ แต่ดูเหมือนคนในสังคมจำนวนไม่น้อยจะพิพากษากรณีนี้เอาไว้แล้ว ลองเข้าไปดูกระทู้แนะนำในพันทิปที่ชื่อ “ไม่สนับสนุนคนโกงภาษี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนโกงภาษีที่มีอธิบดีให้ท้ายแบบนี้” และ “กระทู้โหวต แบนพลอย” แล้วจะรู้คำตอบเอง...
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE
คลิปวิดีโอที่เกี่ยวข้อง
ข่าวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
“พลอย” เดือดออแกไนซ์ด่า “ดาราชั้นเลว” แฉกลับจ่ายค่าตัวไม่ครบยังโยนบาปว่า ผจก.โกง
“พลอย” เจอของแรง “ออแกไนซ์” ซัดกลับ ใช้บัตรปชช.คนอื่นมาหักภาษีแทน!
“พลอย” ตอบไม่ถูกใช้บัตร ปชช.ใครหักภาษี โวซี้สรรพากร กัดคู่กรณีหมาขี้เรื้อน
“ออแกไนซ์” ยินดีให้สรรพากรสอบ กรณีให้ “พลอย” ใช้บัตร ปชช.คนอื่น พบพิรุธหลังบัตรเขียน ICU
“สรรพากร” ลอยตัว บอกรอ “พลอย” กับ “ออแกไนซ์” ยื่นภาษีก่อน