xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจ “น้องพลอย” นางฟ้าจำแลง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จากสาวสวยปริศนาที่เป็นข่าวกับพระเอกหนุ่มมาดสุภาพอย่าง "อาร์ต - พศุตม์ บานแย้ม" เพียงชั่วข้ามคืนเมื่อเรื่องราวกลายเป็นข่าวออกมาสู่สังคม ชื่อของ 'nongploy 1910' ก็ถูกเสิร์ชหา และภาพมากมายของเธอก็ปรากฏสู่สายตาของทุกคน
จากภาพถูกเชื่อมโยงเป็นข่าว เกิดข้อถกเถียง กลายเป็นกระแสทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์
จนเมื่อความจริงปรากฏออกมาว่า สาวปริศนาคนนั้นเป็นสาวประเภทสอง! ก็ยิ่งทำให้คนสนใจถามหาตัวตนตัวจริงของเธอที่ชื่อว่า 'น้องพลอย'
 


 

ข่าวและกระแสบนโลกออนไลน์ลือสะพัด ฟากหนึ่งโจมตีเธอ จนเกิดกระแสข่าวไปต่างๆ นานา มีคำถามว่าเรื่องทั้งหมดเธอกุขึ้นมาหรือเปล่า เธอเป็นฝ่ายหลอกดาราหนุ่ม บ้างก็ว่าเธอสร้างกระแสเพราะอยากดัง มีถึงขั้นว่า เพราะเธอได้รับบทในภาพยนตร์เรื่องใหม่ของพจน์ อานนท์ การออกมาจุดข่าวครั้งนี้ก็เพื่อสร้างกระแสโปรโมตหนัง
ล่าสุดถึงขั้นมีการแฉว่าเธอจ่ายเงินจำนวน 2 หมื่นบาทเพื่อขอให้เพื่อนของเธอร่วมกันแบล็กเมลพระเอกหนุ่ม
“ความจริงก็คือความจริง เพราะพลอยก็ไม่รู้จะโกหกไปเพื่ออะไร”
เธอยืนยันในวันที่กระแสข่าวมากมายมุ่งโจมตี หาข้อจับผิด และกล่าวหาเธอไปต่างๆนานา ลือกันไปถึงขั้นว่าเธอรับงานไซด์ไลน์เป็นโสเภณี! วันนี้ M - Lite จึงขอเปิดใจเธอ บอกเล่าถึงตัวตน ชีวิต จนถึงความจริงที่เจ้าตัวยืนยัน แม้วันนี้จะยังไม่ขอเปิดเผยชื่อจริง ด้วยเหตุผลว่าชื่อดูแมนมากจนน่าอาย แต่ต่อไปนี้คือตัวตนอันเป็นปริศนาที่ค้างคาใจใครหลายคน


 

แปลงเพศตั้งแต่อายุ 18
กรุงเทพมหานครคือบ้านเกิดของเธอ หากจะให้เล่าถึงชีวิตครอบครัว เธออยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อแม่ น้องสาวหนึ่งคนและน้องชายอีกหนึ่งคน ที่บ้านย่านพระราม 2 ฐานะครอบครัวค่อนข้างมั่นคง พ่อมีกิจการโต๊ะสนุ้กเกอร์กับร้านอาหาร ขณะที่แม่มีอพาร์ทเมนท์เปิดให้เช่า เงินไม่ขาดมือ เธอมีครอบครัวที่อบอุ่น เกี่ยวกับตัวตนของการเป็นสาวประเภทสองนั้น เธอเผยว่ารู้ตัวมาตั้งแต่เด็กแล้ว
 
“รู้ตัวว่าเป็นตั้งแต่เด็กเลย คุณแม่จะไม่ว่า คุณพ่อตอนแรกๆ ก็ว่า แต่ตอนนี้ก็โอเค ยอมรับได้ น้องพลอยแสดงตัวเองมาตลอดว่าต้องการเป็นแบบนี้”
 

ตัวเธอในตอนนั้นยังคงเป็นเด็กผู้ชาย แต่ก็สำอางและแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเป็นสาวประเภทสอง ความใฝ่ฝันในตอนนั้นของเธอคือการได้ผ่าตัดแปลงเพศตั้งแต่อายุ 15 แม้จะไม่ได้อย่างที่ฝัน ทว่าก็ไม่ต้องรอนานนัก เมื่ออายุก้าวมาถึงวัยสาว 17 ปี เธอก็เข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมทรวงอก และเมื่ออายุ 18 ปีเธอก็เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศโดยมีพ่อแม่ของเธอเซ็นรับรองให้
 

“พออายุ 18 พลอยก็ทำได้ แต่ต้องมีผู้ปกครองมาเซ็น คุณพ่อคุณแม่ก็เป็นคนพาไปทั้งคู่ เป็นคนดูแลน้องพลอยด้วยค่ะ”
 

แม้ในช่วงเด็กพ่อจะรับไม่ได้กับตัวตนของเธอ แต่ด้วยความที่เธอเป็นเด็กดี เรียนเก่ง มีพฤติกรรมที่จัดว่าเธอเป็นคนดีมาตลอด ทำให้คุณพ่อที่แม้จะรับไม่ได้ แต่ก็เงียบๆ ไม่พูดทำร้ายจิตใจเธอ พอเริ่มเห็นว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เธอต้องการ และเห็นว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เขาจึงค่อยๆ ยอมรับและสนันสนุนให้เธอผ่าตัดได้
 

ทว่าข่าวที่ออกมาว่า เธอศัลยกรรมทั้งตัวก็ไม่เป็นความจริง เธอเผยว่า เธอผ่าตัดเสริมอก แปลงเพศ และเสริมความงามมาบ้างนิดหน่อยเท่านั้น
 
“ทำนิดหน่อยเท่านั้น ไม่ได้ทำเยอะมาก เราดูแลตัวเองด้วย แต่ก็ดูแลเหมือนปกติ ทาครีม กินอาหารให้ครบห้าหมู่ทั่วไปเลย กินให้น้อยหน่อย จริงๆ แล้ว เราก็มองว่าตัวเองไม่ใช่คนสวยอะไร”
 


 

คุณแม่ยอมรับและเข้าใจ
ขณะที่พ่อของเธออาจจะมีว่าบ้าง รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นบ้าง สำหรับพลอยเอง ในช่วงวัยเด็กที่ถูกล้อเลียน ถูกกลั่นแกล้งก็เป็นอดีตอันแสนเจ็บปวดที่เธอไม่อยากจะสนใจ และยังยืนยันจะมีตัวตนในแบบของเธอต่อไป ส่วนแม่คือคนที่เข้าใจเธออยู่เสมอ และเอ็นดูเธอเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่ง
 

“ใช่คะ คุณแม่บอกจะเป็นอะไรก็ได้ ขอให้เป็นคนดีก็พอ เรื่องแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้หรอก”
 
ในช่วงวันปกติ เธอกับแม่ก็มักจะไปทำบุญด้วยกัน อาทิตย์หนึ่งก็ไปเที่ยวกัน แม่ของเธอชอบไปตลาดดอนหวาย กับวัดไร่ขิง
 

“เป็นตลาดและเป็นวัดด้วย ซื้อของด้วย ทำบุญด้วยพร้อมกัน แม่ชอบไปทำบุญค่ะ ตัวเราก็ไปทุกครั้งที่แม่ไป” เธอเล่าถึงวันที่ได้ไปเที่ยวกับคุณแม่ แม้ในปีนี้ช่วงวันแม่ที่ใกล้จะมาถึง เธอจะยังไม่มีแผนว่าจะไปเที่ยวไหนชัดเจน เพราะกระแสข่าวรุมเร้าทำเอาเธอไม่มีอารมณ์จะไปเที่ยวที่ไหนเหมือนกัน
 
อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่คุณแม่ปลูกฝังมาเสมอก็คือ การทำในสิ่งที่ดี
“ท่านสอนให้ทำตัวดีๆ เป็นคนดีแค่นั้น เราก็รู้ว่าอะไรสมควรไม่สมควรทำ”
 

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมานั้น เธอเป็นเด็กเรียนเก่ง ไม่เคยหนีเรียน มีความประพฤติดีมาตลอด ชนิดที่ว่าได้รับประกาศณียบัตรด้านการเรียนบ่อยๆ ทว่าสิ่งหนึ่งที่เธอมักผิดระเบียบคือเรื่องของการแต่งกาย เพราะเธอเป็นคนชอบแต่งตัวแรง และการแต่งตัวก็เป็นเรื่องเดียวที่เธอยอมไม่ได้
 

“น้องพลอยเป็นคนไม่เคยโดดเรียน เรียนหนังสือดีมาตลอด ได้ประกาศณียบัตรหลายใบมาก แต่น้องพลอยเป็นคนชอบแต่งตัวแรงจริง คือผิดระเบียบในการแต่งตัวเท่านั้น ที่เหลือโอเคดีหมด อาจารย์ก็เอ่ยปากชม การเรียน-พฤติกรรมปกติเรียบร้อย แต่การแต่งตัวยอมไม่ได้ พลอยชอบแต่งตัวค่ะ”
 

โดยปกติเธอไม่ได้แต่งตัวโป๊มากมายเหมือนภาพที่ออกไปตามสื่อ ในอินสตาแกรมของเธอก็มีหลายรูปที่แต่งตัวปกติ เธอชอบแต่งตัวให้ดูดี ชุดแซ็กที่ไม่เปิดอกนัก เปิดขานิดหน่อย รูปที่โพสต์แล้วดูเซ็กซี่นั้น เธอยอมรับว่า การเป็นสาวประเภทสองและทำหน้าอกมาแล้วดูสวย จึงมีความรู้สึกที่อยากจะโชว์สิ่งที่ตัวเองมีอยู่บ้างเท่านั้นเอง
 

“พลอยเป็นสาวประเภทสองและพลอยทำหน้าอกมา พลอยเลยอยากจะมีรูปเซ็กซี่เก็บไว้บ้าง มันก็ไม่ผิดใช่มั้ยคะ? ขนาดผู้หญิงแท้ทำหน้าอกมายังโชว์ ขนาดไม่ได้ทำมาก็ยังดันจะถึงคอหอย เขายังโชว์กันเลย เราก็คิดว่ามันไม่ได้ผิดอะไร เวลามีดารา ไปถ่ายปกโชว์โน่นนี่ แสดงว่าเขาก็ไม่ดีเหมือนกันเหรอ? พลอยก็คิดอย่างงี้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องแปลก มองว่าเป็นความสวยงามมากกว่า”
 

และหากสังเกตดีๆ จะพบว่า เธอมีรอยสักด้วย ทำให้เกิดคำถามว่า หรือความจริงแล้วเธอจะเป็นเด็กดื้อเงียบ เธอตอบกลับถึงที่มาของรอยสักว่า มาจากสมัยเด็กที่ชอบทำตามเพื่อนๆ เป็นเด็กมากๆ แต่ก็เป็นเรื่องแต่งตัวเท่านั้นที่เธอยอมนอกคอก เพราะนอกจากนั้นแล้ว ผลการเรียนของเธอก็ไม่เคยเป็นปัญหา แบบนี้เองที่ทำให้พ่อแม่ของเธอเลือกที่จะให้เธอเป็นในสิ่งที่เธอต้องการอย่างมีความสุข
 

“ใช่ค่ะ เพราะตอนเด็กๆ พลอยก็เรียนดีมาตลอด พลอยอยากจะทำแบบนี้ มันมีความสุข ไหนก็เป็นมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาก็คงอยากทำให้น้องพลอยดูดีขึ้น อยากจะทำเพื่อให้น้องพลอยมีความสุขมากขึ้น” เธอเล่าถึงช่วงที่พ่อแม่ตัดสินใจให้เธอผ่าตัดศัลยกรรม
 

แน่นอนว่าช่วงที่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คือหลังจากมัธยมขึ้นมหาวิทยาลัยซึ่งเธอเข้ารับการผ่านตัด เปลี่ยนทรงผม แต่งตัวเป็นผู้หญิงเต็มตัว แน่นอนว่าเพื่อนๆ ต่างแปลกใจกับความเปลี่ยนแปลงของเธอ ตอนนี้เธอเรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์ แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อของมหาวิทยาลัย เพราะกลัวว่าจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงจากข่าวเสียหายที่ออกมา และเธอสารภาพว่า ไม่ใช่คนที่ชอบเรียนหนังสือนัก แต่เป็นคนที่ชอบทำงานหาเงินมากกว่า
 

“จริงๆ แล้ว ไม่ได้สนใจ เป็นคนไม่ค่อยชอบเรียน ชอบทำงานหาเงินมากกว่า แต่ว่ามันก็ยังไม่ถึงเวลา ส่วนตัวพลอยก็อยากจะเรียนให้จบเพื่อเอาใบปริญญามาให้ครอบครัว”
 
ทว่าช่วงเปลี่ยนผ่านก่อนเข้ามหาวิทยาลัยเป็นช่วงที่เปลี่ยนแปลงมาก เพราะเธอเข้าผ่าตัด จากมัธยมสู่มหาวิทยาลัยที่ไว้ผมยาว เธอดูสวยขึ้นจนมีคนทาบทามให้ไปเดินสายประกวดตามเวทีความงามของสาวประเภทสอง
 


 

สวยจนต้องเดินสายประกวด
เหตุการณ์เริ่มขึ้นในวันหนึ่งที่ตลาดแห่งหนึ่ง หลังจากผ่าตัดแล้ว เธอดูเป็นผู้หญิงและดูสวยมาก ตอนอายุ 17 ปี ป้ารับจ้างเย็บผ้าในตลาดชอบชม ชอบทักทายเธอเป็นประจำ วันหนึ่งป้าคนนั้นก็ได้แนะนำให้เธอรู้จักกับพี่เลี้ยงคนส่งประกวดซึ่งเป็นสาวประเภทสอง
 

“ตอนนั้นเราก็เอารูปไปฝากให้พี่เขา พอพี่เขาโอเค นัดมาดูตัว แล้วจากนั้นเขาก็เริ่มส่งพลอยประกวด” เธอเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเดินสายขณะอายุได้เพียง 17 ปีเท่านั้น โดยเธอมี “ปอย - ตรีชฎา เพชรรัตน์” เป็นไอดอลคนหนึ่ง
 

หลังจากเดินสายประกวดมาหลายที่ ทั้งสมหวังผิดหวังในหลายๆ เวที แต่เธอก็รู้สึกมีความสุขกับการประกวดที่ได้แต่งตัวเป็นผู้หญิง ใส่ชุดราตรี ชุดไทยสวยๆ ด้วยความเป็นเด็กในวันนั้นยิ่งทำให้ทุกวันของการประกวดผ่านไปพร้อมกับความตื่นเต้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป การเดินสายที่ต้องไปไกลถึงต่างจังหวัดก็ทำให้เธอเริ่มรู้สึกเหนื่อย
 

“ตอนประกวดมีความสุขมากเลยค่ะ เพราะเราเป็นสาวประเภทสอง ตอนนั้นยังเด็กอยู่แล้วได้แต่งหญิง แต่งชุดนางงาม ชุดไทย ชุดราตรี มีความสุขมาก แต่พอหลังๆ มันก็เริ่มเหนื่อยแล้ว”
 

ตอนนี้กลับมาเธอตั้งใจเรียนโดยไม่ได้ตั้งเป้าหมายสูงมาก ไม่ต้องถึงกับได้เกียรตินิยม เพียงแค่เรียนจบเท่านั้นพอ เพราะที่บ้านมีกิจการอยู่แล้ว บอกได้ว่าฐานะทางบ้านของเธอค่อนข้างมั่นคงทีเดียว
“ยังไม่ถึงเวลา พลอยก็ยังไม่ได้คิด แต่คุณพ่อมีกิจการโต๊ะสนุกเกอร์และร้านอาหารอยู่ที่พัฒนาการ 30 ค่ะ”
 
ตอนนี้ชีวิตประจำวันของเธอคือไปเรียน แต่หากมีเวลาว่างเธอก็จะแบ่งเวลาไปช่วยกิจการของพ่อเธอ ขณะที่แม่ก็มีอพาร์ทเมนท์เปิดให้เช่าอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อจบมาเธอจึงมีแผนว่าอย่างไรเสียก็ต้องทำธุรกิจส่วนตัวโดยมีทุนเริ่มต้นจากพ่อแม่


 

ไม่ได้อยากดัง(แบบนี้)
ความจริงในมุมของเธอต่อเรื่องทั้งหมดคือ เธอได้ทำการเอาข้อความที่คุยกับอาร์ต - พศุตน์ไปโพสต์ เพราะดาราหนุ่มพูดไม่ดีกับเธอจนเธอโกรธ แต่ก็โพสต์เพียงรูปสองรูปเพื่อให้เพื่อนเห็นเท่านั้น เมื่อดาราหนุ่มโทรมาบอกให้เธอลบ เธอก็ลบออกให้ ทว่าเวลาเพียง 30 นาทีก็นานพอให้นักข่าวทำงานกันได้
หลังจากนั้นเมื่อนักข่าวไปสัมภาษณ์ดาราหนุ่ม ก็ได้คำตอบไม่ตรงกับที่เธอโพสต์ นั่นเองที่ทำให้เธอตัดสินใจเรียกร้องความเป็นธรรมบนพื้นฐานของความจริงของเธอ ด้วยการโพสต์รูปทั้งหมดที่มี
 

“คิดว่ามันเป็นข่าวแล้ว และถ้าเราไม่ตอบโต้ เราก็จะผิดไปตลอด ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ก็ลงไปให้หมดเลย ผลที่เกิดขึ้นแล้ว ณ ตอนนี้ ก็จะมีคนมาแต่งเรื่องเหมือนพลอยไปจ้างเพื่อนสองหมื่น ไปแบล็กเมลพี่อาร์ต เรื่องแค่นี้ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ถ้าอยากดังจริง พลอยก็มีหลักฐานกล้องวงจรปิดที่เขามาจอดรถแล้วให้พลอยเข้าไปนั่งคุยกับพี่เขา นอกจากนั้นก็ไม่มีรูปอะไรอีกเลย
 

ด้วยกระแสข่าวที่พัดโหมอยู่ในตอนนี้ หากเชิญเธอไปที่ไหน แน่นอนว่านักข่าวต้องตามรุมไปทำข่าว ทำให้โอกาสมากมายถาโถมเข้ามาสู่ชีวิตของเธอ ทั้งงานเดินแบบ ถ่ายแบบ งานในวงการพร้อมดึงเธอมาช่วยฉุดกระแส
 

“ไม่เคยคิดเลย ตอนนี้ก็มีพี่ติดต่อมาหลายรายการมาก จะให้ไปเดินแบบ ถ่ายแบบ ไปให้สัมภาษณ์ แต่พลอยก็ปฏิเสธทุกรายการ ถ้าพลอยอยากดังก็คงไปแล้ว แต่นี่ปฏิเสธหมด”
 

มีเพียงรายการของพจน์ อานนท์ซึ่งเธอรู้จักและรู้สึกเกรงใจเท่านั้น เธอจึงไปออกรายการให้สัมภาษณ์ ด้วยเพราะเคยถูกผู้กำกับคนนี้เรียกไปแคสต์หนังมาก่อน โดยการแคสต์งานหน้ากล้องก็มาจากทางอินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นวิธีทำงานในระยะหลังของพจน์ อานนท์
 

“เรื่องกระแสมันก็แรง คนเรามันดังในทางที่ไม่ดีไปแล้ว พลอยก็ไม่อยากจะไปออกสื่ออะไรให้มันน่าอายเข้าไปอีกหรอกค่ะ ส่วนตัวของพลอยขอพูดตรงๆ พลอยคุยกับดาราหลายคนมาก คนที่ดังกว่าพี่อาร์ตก็มี แล้วทำไมพลอยต้องเกาะกระแสพี่อาร์ตดังด้วย พลอยไม่ได้อยากดัง ใครก็อยากดังทั้งนั้น แต่พลอยไม่ได้อยากดังในเรื่องแบบนี้ พลอยปวดหัวด้วยซ้ำ”
 

ครอบครัวของเธอนั้นไม่มีปัญหากับกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ทุกคนเข้าใจเธอและพร้อมจะอยู่เคียงข้างเธอ สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือต้องยอมรับกับความเป็นไปที่เกิดขึ้น
“เพราะครอบครัวไม่ได้ก่อขึ้นมา น้องพลอยก่อขึ้นมาเอง ก็ต้องรับเอง เขาเข้าใจเพราะน้องพลอยอธิบายให้เขาฟังแล้ว”
 

เรื่องทั้งหมดในมุมของเธอนั้นถือว่าจบลงแล้ว แต่กระแสข่าวนั้นยังไม่จบ ยังมีการโต้ตอบแก้ข่าวจากอีกฝ่าย ยังคงมีการพาดพิงถึงเธอ เหตุการณ์ครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งบทเรียนในชีวิต อย่างไรก็ตาม เธอยังคงยืนหยัดในความจริงต่อไป แต่จุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด เธอยอมรับว่า มันผิดด้วยกันทั้งสองฝ่าย
 

“พลอยไม่ได้รู้สึกแย่ รู้สึกเฉยๆ มากกว่า มันก็ผิดกันทั้งคู่ ตบมือข้างเดียวคงไม่ดัง ถ้าพลอยเล่นกับพี่เขา พี่เขาไม่เล่นกับพลอยแล้วเราจะได้เจอกันเหรอ?”
 

หากกระแสข่าวทั้งหมดหายไป เราถามเธอว่าจะทำอย่างไรกับชีวิต? เธอเผยว่า ก็จะใช้ชีวิตแบบปกติต่อไป
 

“พลอยก็ใช้ชีวิตตามปกติ ไม่จำเป็นต้องดังหรือว่าอะไร ถ้าดังแล้วมันต้องปวดหัวแบบนี้ ไม่จำเป็นหรอกค่ะ พลอยมีความสุขอยู่กับครอบครัวที่มีความสุขและอบอุ่นอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปทำในสิ่งที่มันไม่ดี พลอยก็ไม่อยากทำ สิ่งที่ทำไปพลอยไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องขนาดนี้ ตอนนี้ก็ไม่ขอตอบโต้อะไรแล้ว อยากจะเชื่อยังไงก็เชื่อไปเลย เพราะพลอยไม่ได้เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว พลอยอยู่กับครอบครัวไม่ต้องมีแฟนคลับมาให้กำลังใจก็ได้ค่ะ”

ท่ามกลางกระแสอันเชี่ยวกรากของข้อมูล ตัวตนปริศนาที่หลายคนลือกันไปต่างๆนานา นี่คือส่วนหนึ่งของความจริงจากตัวตนของเธอ บนโลกที่กระแสของข่าวลือมากล้นกลบบังความจริง ผู้กอดกุมความจริงเท่านั้นที่จะยืนหยัดอยู่ได้อย่างมีความสุข

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE










กำลังโหลดความคิดเห็น