xs
xsm
sm
md
lg

ศิลปินพร้อมใจปลง เพลงดัง-ไม่ดี เพลงดี-ไม่ดัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“วงการเพลงในบ้านเราได้เดินทางมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว” คือประโยคที่ได้ยินบ่อยมากจากศิลปินผู้ขับเคลื่อนวงการตัวโน้ตในช่วงปีหลังๆ มานี้ หลายคนเรียกว่าเป็นช่วงขาลงของเพลงไทย เพราะเดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็เกาหลี เต้นคัฟเวอร์ ขายโชว์ เน้นเซ็กซี่ไปเสียหมด จนทำเอาคนทำเพลงหลายคนท้อ บ้างก็ทานกระแสต่อไปไม่ไหว
ในโอกาสที่ศิลปินคุณภาพหลายท่านมารวมอยู่ในงานประกาศรางวัล “The Fat Awards” จึงขอให้พวกเขากระเทาะเปลือกวงการนี้ แล้วตีแผ่ความรู้สึกจริงๆ ให้ได้ฟังกันว่าในสายตาของผู้สร้างสรรค์งานเพลงแล้ว เห็นด้วยหรือไม่กับมุมมองที่ว่า ทุกวันนี้วงการเพลงได้เดินทางมาถึงจุดตกต่ำถึงขีดสุดแล้ว!



“ปาล์มมี่” ไม่หวั่นเกาหลีบุก
ศิลปินคนแรกที่ยินดีจะตอบคำถามนี้อย่างตรงไปตรงมาคือ “ปาล์มมี่-อีฟ ปานเจริญ” หลังจากปล่อยอัลบั้มไฟว์ ผลงานเพลงชุดล่าสุดให้กลับมาโกยรางวัลไปแล้วถึง 8 เวทีด้วยกัน ล่าสุดเพิ่งคว้ารางวัล “Female Artist of The Year” จาก “The Fat Awards” เพื่อตอกย้ำความเก๋าของเธอไปอีก จึงขอให้ตัวจริงเสียงจริงของวงการเพลงคนนี้ ช่วยบอกเล่าความรู้สึกผ่านประสบการณ์จริงให้ฟังเสียเลย
 

“อาจจะมีคนมองว่าทุกวันนี้วงการเพลงบ้านเราตกต่ำลง แต่มี่ก็ไม่เห็นว่ามันตกต่ำลงอะไรขนาดนั้นนะ อย่างปีนี้ก็มีอัลบั้มดีๆ จากศิลปินคนอื่นเยอะมากเลยที่มี่ชอบ และมี่ก็เห็นความพยายามของทุกคนที่พยายามดันงานเพลงเหล่านี้ขึ้นมา บอกกันว่าเราจะไม่ล้มหายตายจากไปกับกระแสสังคมที่พาเราไป ไม่ว่าโลกมันจะพาเราไปไหน เกาหลีจะบุกเข้ามายังไงก็ตาม คือมี่ไม่ได้ว่าคนที่ชอบเกาหลีนะ นั่นคือรสนิยมของเขา แต่แค่พอกระแสแบบนี้เข้ามา อาจจะทำให้คนทำเพลงต้องลุกขึ้นมาสู้กับกระแสกันหน่อย ก็ดีใจที่ทุกคนยังไม่ท้อกันไปเสียก่อน
 

จริงๆ แล้วมี่ว่าเพลงดีๆ ทุกวันนี้ก็มีเยอะค่ะ แต่คนยังไม่ค่อยเห็นค่า เพราะมันก็ยากเหมือนกันที่จะทำให้เพลงดีๆ เพลงหนึ่งไปอยู่ในตลาดกว้างๆ ได้ มันมีปัจจัยอื่นๆ มาช่วยเสริมหลายอย่าง เช่น การออกสื่อ การผลักดันนักร้องของแต่ละค่ายก็ไม่เหมือนกัน มันเลยเป็นองค์ประกอบที่ทำให้บางทีเพลงไม่ดีแต่คนฟังให้มันดีได้ มี่ก็เลยไม่รู้ว่ามาตรฐานเพลงดีที่หลายคนพูดถึงกับเพลงดีในใจของมี่ มันเหมือนกันหรือเปล่า คนเราก็มีรสนิยมต่างกัน แต่เท่าที่มี่เห็น บางเพลงที่ดีสำหรับมี่ มี่ก็รู้สึกเหมือนกันว่าทำไมคนถึงไม่ฟังกัน
 
อย่างอัลบั้มใหม่ของทีโบน ปาล์มมี่รู้สึกว่าเขาผ่านขั้นตอนการผลิตที่ยากขึ้น ไปอัดกันถึงต่างประเทศ engineer ที่มาคุมให้ก็เป็นรุ่นเก๋าหมดเลย ทำให้มี่รู้สึกว่าเขาไม่ควรได้รับผลแบบนี้ กลายเป็นว่าพอกระแสเร้กเก้ไปแล้ว คนก็เลิกฟังไปด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วคนฟังไม่ควรจะตามกระแส กระแสมาก็ฟัง กระแสไปแล้วเลิกฟัง พูดง่ายๆ คือเราไม่ควรทอดทิ้งเขาค่ะ ต่อให้เร้กเก้มันจะไปแล้ว แต่คุณก็ต้องตามงานเขา เพื่อเป็นกำลังใจให้เขามีพลังที่จะไปสร้างอะไรใหม่ๆ เอามาให้คุณได้ฟังอีก ฟังอีกเรื่อยๆ ต่อให้มันจะต้องผ่านกระบวนการที่มันเลวร้าย จอมปลอมแค่ไหน แต่ว่าถ้ามันบริสุทธิ์ในใจของเขา และเขาพยายามมอบให้คุณ เท่านั้นก็พอแล้ว ส่วนคุณก็ซื้อแค่ร้อยกว่าบาทเอง แล้วคิดดูว่าเราได้กันกี่บาท นี่ถ้าไม่ใจจริงๆ มี่ว่าอยู่ไม่ได้หรอก



เพลงไม่ดีแต่ได้ดีมีถมไป
“ก้อ-ณฐพล ศรีจอมขวัญ” เจ้าของรางวัล “Male Artist of the Year” และรางวัล “ศิลปินรุ่นเดอะผู้สร้างแรงบันดาลใจในรอบ 12 ปี” ในนามวง Groove Rider และ 2 Day ago kids วงดนตรีคุณภาพขวัญใจเด็กแนว ก็ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้เอาไว้เหมือนกัน โดยเฉพาะมุมมองที่ว่า สมัยนี้มีเพลงที่ไม่ดีแต่ได้ดีเยอะแยะไปหมด!
 

หลายๆ ผลงานที่ออกสู่ตลาดตอนนี้ ถ้าพูดตรงๆ มันก็แย่จริงๆ นั่นแหละครับ แต่ในขณะเดียวกัน ผมคิดว่ายังมีศิลปินตัวจริงที่ทำเพลงดีๆ ออกมาจริงๆ หลงเหลืออยู่อีกหลายคน ของแบบนี้มันเป็นธรรมดาโลกนะผมว่า ในทุกวงการก็มีทั้งคนที่ทำดีแล้วได้ดี สมควรได้รับการตอบรับที่ดี และมีทั้งคนที่ไม่ดีแต่ได้ดี วงการเพลงก็เหมือนกัน ทุกวันนี้ก็มีทั้งเพลงดีๆ ที่ได้ดี มีคนเห็นค่าแล้ว และเพลงไม่ดีที่ดันได้ดี เพียงแต่เราก็เชื่อในผลของการกระทำในระยะยาว เชื่อว่าผลงานที่ดีมันมีคุณค่าในตัวของมันเอง
 
ถึงวันนี้เพลงเหล่านั้นอาจจะยังไม่ได้รับรางวัลอะไร แต่พอเวลาผ่านไปนานๆ ผลงานเหล่านี้จะแสดงศักยภาพ สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้คนอีกหลายๆ คนได้ในอนาคต เหมือนงานวาดเขียนของแวนโก๊ะไงครับ ตอนเขามีชีวิตอยู่ ไม่มีใครเห็นคุณค่าเลย แต่พอเขาเสียชีวิตปุ๊บ มันกลับกลายเป็นผลงานที่เจ๋งที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีมา นี่ผมก็ถือว่าตัวเองโชคดีนะ ที่ยังมีคนเห็นคุณค่าก่อนตาย (หัวเราะ) แค่อย่ามัวไปคาดหวังว่าทำเพลงออกมาแล้วต้องได้เงิน ต้องมีชื่อเสียง ถ้าผลงานดีและมีคุณค่าในตัวเอง มันคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว และอีกไม่นาน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็จะค่อยๆ แผ่ขยายออกไปเอง เหมือนกับคำที่ผมเคยได้ยินมาและผมก็เชื่ออย่างนั้นเสมอว่า เพลงที่ดีจะหาทางไปสู่คนฟังด้วยตัวของมันเอง



เปิดโอกาสให้เพลงดีๆ บ้าง
คลื่นวิทยุคืออีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่จะช่วยให้เพลงดีๆ ไปสู่ตลาดในวงกว้างได้ “อภิชัย ตระกูลเผด็จไกร” หรือ “เล็ก Greasy Café” ศิลปินอินดี้เจ้าของรางวัล “ศิลปินรุ่นเดอะผู้สร้างแรงบันดาลใจในรอบ 12 ปี” อีกราย บอกเอาไว้อย่างนั้น
 

“เราไม่แน่ใจว่าทุกวันนี้คลื่นวิทยุยอมเปิดเพลงในแนวที่แตกต่างออกไปบ้างหรือเปล่า แต่เท่าที่เห็นก็มีอยู่ไม่กี่คลื่นที่ช่วยเปิดและทำให้คนฟังได้รู้จักเพลงหลากหลายแนว แตกต่างกันออกไปมากขึ้น ก็เข้าใจครับว่ามันเป็นเรื่องของธุรกิจ เลยไม่อยากจะโทษเขา แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้ลองจัดให้มีช่วงหนึ่งสั้นๆ ที่คลื่นนั้นจะยอมเปิดเพลงจากทุกค่าย ทุกแนว ไม่เปิดอยู่แค่เพลงในค่ายของตัวเองเสมอไป เพราะถ้าลองเปิดโอกาสก็อาจจะทำให้มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นก็ได้ อย่างวง 25 Hours เขาก็ดังจากโอกาสที่คลื่น Fat Radio ช่วยเปิดเพลงให้ ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งวงอินดี้ที่ลุกขึ้นมาทำเพลงเองวงหนึ่งจะโด่งดัง เป็นที่รู้จักได้ขนาดนี้”
 

นั่นก็แสดงว่า ถึงแม้จะมีงานเพลงดีๆ สร้างสรรค์และสวยหรูขนาดไหน แต่ถ้าสังคมไม่เปิดโอกาสและมอบพื้นที่ให้ มัวแต่คิดถึงเรื่องผลประโยชน์แต่เพียงอย่างเดียว สุดท้ายงานเพลงเจ๋งๆ คนทำเพลงเก่งๆ ก็ต้องหมดแรงลงสักวันหนึ่งแน่นอน แต่สำหรับคนดนตรีที่ยังหลงใหลในเสียงเพลง “แหลม-สมพล รุ่งพาณิชย์” นักร้องนำจากวง 25 Hours ก็แนะนำว่าให้สู้กันต่อไป ถึงวันหนึ่งเมื่อความสำเร็จเดินทางมาถึง จะรู้สึกว่ามันคุ้มค่ามาก อย่างที่วันนี้เขาและเพื่อนๆ ในวงได้รับรางวัล “ศิลปินรุ่นเดอะผู้สร้างแรงบันดาลใจในรอบ 12 ปี” เทียบชั้นรุ่นพี่ในวงการได้อย่างเต็มภาคภูมิ
 
“เราทำงานกันมาประมาณ 4-5 ปี ยังถือว่าเป็นน้องใหม่มาก พอได้รางวัลชื่อนี้ก็รู้สึกแปลกใจและภูมิใจมากๆ และเราสัญญาว่าจะทำให้สมกับรางวัลในขณะนี้และงานต่อๆ ไป เราจะไม่มีวันทำให้รางวัลนี้ด่างพร้อย ที่ผ่านมาเราเองก็เต็มที่ทุกงาน จริงใจกับดนตรีทุกครั้ง เพราะมันคือชีวิต มันคืออาชีพ เราไม่รู้ว่าเราทำอะไรได้ดีที่สุดนอกจากดนตรี เพราะฉะนั้น เรามีอยู่อย่างเดียวคือทำยังไงให้มันดีที่สุดเพราะเราอยากอาชีพเป็นนักดนตรีต่อไปอีกเรื่อยๆ และเรื่อยๆ”



ผลิตเพลงดีแล้วได้ดี ยังมีอยู่ 
ยกตัวอย่างสาวมาดเซอร์อย่างปาล์มมี่ ที่เห็นว่าสามารถอยู่ในวงการมาได้นานนับสิบปีนั้น เป็นเพราะเธอทำในสิ่งที่รักและเต็มที่กับมันเสมอ ที่สำคัญ ไม่ได้เน้นขายรูปร่างหน้าตาไปวันๆ เพราะหากจะขายแบบนั้น พอหมดกระแสก็หมดกัน แต่ขายความคิดความรู้สึกที่อยู่ข้างใน ต่อให้ขุดออกมาเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด
 

“พอได้รางวัลที่เกี่ยวกับดนตรีโดยตรงอย่างนี้ มันทำให้รู้สึกว่าความพยายามที่มี่ทำมาหลายปีไม่สูญเปล่า ไม่ใช่เฉพาะ 3-4 ปีนี้นะคะ แต่ตั้งแต่อัลบั้มแรกเลย มี่พยายามจะยืนอยู่ตรงนี้ด้วยความภาคภูมิใจ อยากให้คนได้เห็นว่าเราไม่ได้งอมืองอเท้า หรือว่าแค่จะมาขายอะไรที่มันอยู่ข้างนอกเปลือก แต่เราอยากเสนอสิ่งที่อยู่ข้างในจริงๆ พยายามจะงัดมันออกมาให้ทุกคนได้เห็น เพื่อให้เข้าใจว่าเราคิดอะไร เราเป็นยังไง และเราอยากทำอะไร บางครั้งเวลาอยู่บ้าน มี่จะชอบหันไปมองรางวัลที่ได้เหล่านี้เวลาอยากจะตอกย้ำความรู้สึกสะใจ... สะใจกับสิ่งที่มี่ทำสำเร็จในวันนี้ สะใจกับตัวเอง (ยิ้มกว้าง) สะใจที่ได้รู้สึกว่ามันสนุกมากๆ เลย มันมันมากจริงๆ คงไม่มีใครรู้หรอกว่าในทุกขั้นตอนที่ผ่านมา เราต้องเจออะไรมาบ้าง แต่พอผ่านเรื่องเหล่านั้นมาได้ มันรู้สึกว้าว! มากๆ เลย
 

เพราะเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว ตอนจะลุกขึ้นมาทำอัลบั้มนี้ มี่ฮึดแล้วมี่เลิก ฮึดแล้วเลิกอยู่อย่างนี้ มี่ถอดใจไปบ่อยมากๆ เลย รู้สึกว่าไม่เอาแล้ว อยากพักแล้ว ต้องขอบคุณทุกแรงบันดาลใจที่ลอยอยู่ในอากาศที่ดลใจให้มี่ทำมันต่อ จู่ๆ ตื่นขึ้นมาก็คิดว่าเอาน่า! ทำมันอีกสักครั้งเหอะ และในวันนั้น มี่บอกได้เลยว่าไม่ได้มีใครเป็นตัวเป็นตนที่มาคอยประคองความรู้สึกมี่เลยนะ แม้กระทั่งแฟนเพลง เพราะช่วงนั้นส่วนใหญ่มี่อยู่คนเดียวเงียบๆ เหมือนต้องต่อสู้อยู่กับตัวเอง แล้วพอวันนี้ สิ่งดีๆ ที่พยายามทำมันงอกเงย ออกมาเป็นดอกเป็นผลให้เราได้ชื่นชม ได้ส่งรอยยิ้มให้กับมัน มี่เลยรู้สึกว่าหัวใจมันกระชุ่มกระชวย เลือดในร่างกายไหลเวียนได้ดีมากเลย (สีหน้าและแววตาของเธอบ่งบอกชัดเจนว่ารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ)


ถ้าเป็นไปได้ มี่ก็อยากให้คนที่ฟังเพลงของเรา เขาได้ยินถึงความพยายาม ได้ยินถึงสิ่งที่เราสร้างสรรค์กัน บางทีอยากให้ได้ยินสิ่งที่มันอยู่ข้างในหัวใจของเราด้วยซ้ำ มันอาจจะไม่ได้ออกมาเป็นคำพูด อาจจะเป็นแค่ไลน์ประสานสักไลน์หนึ่งในเพลงที่เราฮัมขึ้นมาตอนเรามีความสุขมากๆ  แล้วเราจดจำตรงนั้นและเก็บมาใส่ไว้ในเพลงๆ หนึ่ง เอ้อ! ณ เวลาเนี้ย เรามีความสุขจังเลยนะ วันหน้าเดี๋ยวต้องใส่โน้ตตัวนี้เข้าไปตรงนี้ มันคือสิ่งที่ผ่านกระบวนการคิดทุกอย่างมาแล้ว ถ้าใครฟังเพลงเราแล้วรับรู้ได้ถึงจุดนั้น มี่ก็จะรู้สึกดีมากเลย (สีหน้าชื่นใจ) แต่จริงๆ แค่เขาฟังแล้วมีความสุข ก็ถือเป็นรางวัลที่ดีมากๆ แล้วสำหรับมี่ (แจกยิ้มหวานๆ) 

ส่วนเรื่องรางวัลที่เป็นรูปธรรมที่ได้จากเวทีต่างๆ ในอัลบั้มนี้ ถามว่าถ้าไม่ได้รับเลยจะรู้สึกต่างจากตอนนี้ไหม มี่ว่าคงต่างกันนิดหน่อยนะ คือมี่ไม่เชื่อว่าจะไม่รู้สึกอะไรเลย คนเรามันต้องมีบ้างแหละ เพียงแต่ตอนทำเพลง เราไม่ได้หวังตั้งแต่แรกว่าต้องได้แน่ๆ อย่างสมมติว่าเราอ่านหนังสือสอบมาเยอะมากแล้วเราเข้าไปสอบในห้อง เราจะคิดไหมว่าเราจะได้เกรด D เราคงไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอกจริงไหม คงคิดว่าอย่างน้อยต้องได้ B+ แหละน่า (ยิ้ม) เพราะเราก็ต้องมั่นใจในสิ่งที่เราศึกษามาระดับหนึ่ง ในเมื่อเราพยายามมาอย่างหนัก เราเข้าห้องเรียนทุกวัน เราศึกษามันมาตลอด มันก็ต้องมีติดโผอะไรบ้าง เพียงแต่มี่ไม่ได้คิดว่าจะได้รับรางวัลอะไรมากมายขนาดนี้ ถามว่ารางวัลสำคัญหรือเปล่า มันเป็นหนึ่งกำลังใจนะ โดยเฉพาะจากสถาบันที่น่าเชื่อถือแบบนี้ มี่บอกได้เลย

และคงมีศิลปินอีกหลายคนที่ต้องการกำลังใจดีๆ แบบนี้เพื่อให้พวกเขามีแรงผลิตงานเพลงต่อไป เพียงแค่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับวงการเพลงยอมให้โอกาสเพลงดีๆ ได้แจ้งเกิด เปิดพื้นที่ให้โปรโมตโดยหวังเรื่องผลกำไรน้อยลงบ้าง วงการตัวโน้ตบ้านเราก็จะเต็มไปด้วยศิลปินที่รักและเคารพในเสียงเพลงจริงๆ โลดแล่นอยู่เต็มไปหมด หรืออย่างน้อยๆ ขอให้ได้สักครึ่งหนึ่งของจำนวนที่มี่อยู่ตอนนี้ก็ยังดี เมื่อถึงเวลานั้น รับรองว่าเพลงไทยจะไม่มีวันตกต่ำหรือถูกกระแสวัฒนธรรมของชาติไหนเข้ามาทำให้สูญพันธุ์ได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE
 


ปาล์มมี่ Female Artist of the Year
กำลังใจคนทำเพลง
ก้อ ณฐพล Male Artist of the Year
วง Groove Rider
เล็ก Greasy Cafe
วง 25 Hours
การันตีคุณภาพด้วยรางวัล
กำลังโหลดความคิดเห็น