พระเอกหนุ่มหน้าใส “กันต์ กันตถาวร” พอขึ้นแท่นพระเอกได้ไม่นาน ดูงานจะเข้ามาเป็นหางว่าว ไม่ว่าจะเป็นทั้งงานบันเทิงและธุรกิจส่วนตัว ยังคงติดลมบนไม่สร่างซา จนแทบไม่มีเวลาพักหายใจ ถึงแม้ว่าตลอดสัปดาห์จะทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มที่ แต่คนรักสุขภาพอย่างกันต์ การออกกำลังกายก็เป็นสิ่งสำคัญมากเช่นกัน โดยเฉพาะ “มวยไทย” กีฬาสุดโปรดที่นักออกกำลังกายตัวยงอย่างเขาพลาดไม่ได้ แล้วคุณจะรู้ว่าศิลปะแม่ไม้มวยไทยนี่แหละ! ทำให้การออกกำลังกายไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป
ชกมวยอย่างเดียวก็เพียงพอ
ถ่ายละคร 3 เรื่อง จับธุรกิจอีก 2 อย่าง ในหนึ่งสัปดาห์ กันต์แทบไม่มีเวลาว่าง จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนที่ออกกำลังกายตั้งแต่เด็กอย่างเขาจะใช้เวลาเสี้ยวชั่วโมงที่เหลือของวันไปทำอะไร ไม่เสียจากทุ่มให้กับกีฬาสุดโปรดอย่างมวยไทย จนบอกลาฟิตเนสมา 2 ปีแล้ว
“กีฬาที่ผมออกกำลังกาย คือมวยไทย เพราะเป็นกีฬาที่มันเบิร์นแคลอรีได้มากอยู่แล้ว ผมไม่เข้าฟิตเนสมา 2 ปีแล้ว เมื่อก่อนเป็นมนุษย์ฟิตเนส เนื่องจากว่าต้องกายภาพบำบัด ผมเคยเป็นนักบาสฯ มาก่อน แล้วเอ็นหัวเข่าขาด จึงต้องเข้าฟิตเนส เพราะผมวิ่งไม่ได้อยู่ประมาณ 2 ปี แต่ว่าปัจจุบันเรามาต่อยมวย เราเริ่มรู้สึกว่าฟิตเนสไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการอีกต่อไป ผมต่อยมวยอาทิตย์ละประมาณ 3ครั้งโดยเฉลี่ย ใช้เวลาครั้งละชั่วโมงครึ่ง
การชกมวยมันได้ทุกสัดส่วนนะ นั่นคือสาเหตุว่าทำไมผมจึงเลิกเล่นฟิตเนส เพราะปกติเราเล่นฟิตเนสพอเรารู้แล้วว่าต้องออกกำลังกายส่วนนี้ ส่วนนั้น ใช้เวลา 2 วันในการออกกำลังกายให้ครบทั้งตัว แต่มวยไทยเป็นกีฬาที่ออกกำลังทุกส่วนอยู่แล้ว ต่อย เตะ ศอก เข่า กระโดดเชือก ซิตอัพ เมื่อซ้อมมวยไทย จึงไม่จำเป็นต้องเล่นฟิตเนสอีกต่อไปเลย ถ้าคุณไม่ได้ต้องการมีรูปร่างเป็นนักกล้ามอะไรขนาดนั้นนะ ผมออกกำลังกายเพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรงและมีรูปร่างที่ดีเท่านั้น ไม่ใช่รูปร่างที่เพอร์เฟกต์ ผมแค่ต้องการเป็นคนไม่อ้วนและไม่ผอม การชกมวยอย่างเดียวจึงเพียงพอสำหรับผม”
นอกจากการชกมวยจะส่งผลให้มีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์แล้ว สำหรับกันต์ถือว่าเป็นยาคลายเครียดขนานหนึ่งเลยก็ว่าได้ “ชกมวยนี่คลายเครียดได้ เพราะผมเป็นคนชอบออกกำลังกายอยู่แล้ว และการชกมวยมันเป็นกีฬาที่ชอบที่สุดเลย ตั้งแต่ที่เคยลองมา รู้สึกว่าที่จริงมันเป็นการคลายเครียดด้วย สมมตินะง่ายๆ เลยโกรธเจ้านายมา อะไรไม่ได้ดั่งใจ คนเรามันมีแองเกอร์ภายในตัวอยู่แล้ว มันต้องการระบายออก แต่เราจะระบายยังไงให้มันได้ผลดีสำหรับเราด้วย การต่อยมวยนี่แหละช่วยผ่อนคลายทั้งจิตใจ ในขณะที่ร่างกายเราก็ได้เผาผลาญแคลอรีส่วนเกินออกไป”
“ผมไปชกมวยที่เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง เขาเปิดยิมอยู่แถวเหม่งจ๋าย ส่วนใหญ่ดารา นักแสดงก็ไปเล่นกันบ่อย และส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงเสียด้วยซ้ำ ก็ไปเจอกันที่นั่น ผมก็ไปของผมคนเดียว แต่ผมไม่มีเวลาที่แน่นอน เพราะไม่สามารถจัดสรรเวลาให้ตัวเองได้ ผมจะมีเสื้อผ้าใช้ต่อยมวยไว้หลังรถตลอด อย่างถ่ายละครเสร็จเที่ยง ประชุมอีกทีบ่าย 3 ขับไปชั่วโมงหนึ่ง เล่นได้ชั่วโมงหนึ่ง โอเคไป ฉะนั้นตารางงานของผมในแต่ละวันจะเปลี่ยนแปลงได้ตลอด นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าผมจะต้องตรงเวลามาก”
กระโดดเชือกวันละ 2,000 ครั้ง
“ผมตื่นมากระโดดเชือก 2,000 ครั้งทุกเช้า ตอน 6 โมง” กันต์ทำให้เรารู้ว่าถ้าใส่ใจที่จะออกกำลังกาย เวลาก็ไม่ใช่อุปสรรคเสมอไป แม้ว่างานจะมากขนาดไหน ถ้าจัดสรรเวลาให้ดี เราก็สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างสบาย
“เรื่องการดูแลตัวเอง ผมว่าทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน ผมเป็นคนพูดเร็วเพราะติดนิสัยที่ทุกอย่างมันต้องเป๊ะๆๆ วันหนึ่งผมต้องทำหลายอย่างเดี๋ยวไปถ่ายละคร เดี๋ยวเข้าประชุม มางานอีเวนต์ ฉะนั้นเวลาออกกำลังกายของผมจึงเป็นเวลาที่ไม่เหมือนคนอื่น ผมกระโดดเชือก 2,000 ครั้งตอนเช้า ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง เชตละ 250 นะ พักสัก 2 นาที เพราะช่วงนี้หัวใจมันยังอยู่ในอัตราการเต้นที่ยังออกกำลังกายอยู่ ถ้าเกิน 2 นาทีมันจะเริ่มขี้เกียจแล้ว กระโดดเชือกน้อยที่สุดที่ทำ คือ 4 วันต่อสัปดาห์”
“การวิดพื้นอยู่ที่บ้านก็เป็นการออกกำลังกายง่ายๆ แต่ก่อนผมวิ่งลู่วิ่งที่ฟิตเนสจนมันไม่เหนื่อยแล้ว ไม่ใช่ว่าแข็งแรงมาก แต่มันรู้สึกว่าเบื่อ เราจะถามตัวเองว่า นี่เราทำอะไรอยู่ว่ะ วิ่งอยู่กับที่เพื่ออะไร ทำไมเวลามันเดินช้าจังเลย เราก็เปลี่ยนบ้างไปวิ่งในหมู่บ้านแทน เจอบรรยากาศใหม่ๆ แต่มันก็รู้สึกว่าไม่ส่วนตัว ถึงแม้ว่าหมู่บ้านผมจะเป็นหมู่บ้านที่ส่วนตัวอยู่แล้วนะ แต่การออกกำลังกายผมไม่ต้องการแบบว่าเดินผ่านแล้ว อ้าว! เป็นยังไงบ้าง เจรจาพูดคุย คือผมจะออกกำลังกาย ผมมีเวลาเท่านี้ที่จะออกกำลังกาย ถ้าผมแวะคุยกับคุณแสดงว่าการออกกำลังกายของผมมันจะไม่สัมฤทธิผล ผมก็เลยต้องวิดพื้นอยู่บ้าน และทำไมผมต้องกระโดดเชือก เพราะมันเป็นการออกกำลังกายที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ ถ้าเบื่อผมสามารถเปิดทีวีดูได้ จะกระโดดตรงไหนก็ได้”
หุ่นดีได้ ถ้าเล่นฟิตเนสให้เป็น
สำหรับคนที่เข้าฟิตเนสอยู่เป็นประจำ อาจมีคำถามว่าเล่นมาตั้งนานแล้วทำไมกล้ามไม่ขึ้น ซิกแพกไม่มี เรื่องนี้ต้องกลับมาย้อนดูว่าคุณเล่นฟิตเนสอย่างถูกวิธีหรือเปล่า?
“ฟิตเนสเป็นกีฬาที่ต้องใช้เวลา บางคนบอกว่าอยากมีกล้ามสวยงาม อยากจะผอม ผมตอบเลยว่า 1 เดือนคงทำไม่ได้ ทุกอย่างมันคือการแข่งขันกับตัวเอง แต่ในการแข่งขันกับตัวเองมันต้องมีระยะเวลาที่ชัดเจน เพราะกล้ามเนื้อแต่ละส่วน แต่ละมัดใช้เวลา 48 ชั่วโมงในการฟื้นตัว นั่นแปลว่าสมมติผมเล่นกล้ามช่วงอกไปแล้ว ผมจะไม่สามารถเล่นกล้ามช่วงอกได้อีก 3 วัน เป็นวิธีที่ถูกต้องเพื่อให้กล้ามเนื้อมันได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และเพิ่มมวลร่างกายขึ้นมาก่อนที่คุณจะไปซ้ำมันอีกทีหนึ่ง ส่วนคนประเภทที่เล่นอยู่ทุกวันแล้วไม่ขึ้น นี่คือสาเหตุว่าทำไมหุ่นไม่ดีสักที เพราะคุณเล่นไม่ถูกต้อง นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมต้องมีเทรนเนอร์
การเล่นฟิตเนสมันคือการปรับสมดุลรูปร่าง การเล่นฟิตเนสไม่ได้ทำให้คุณมีหุ่นที่ดีขึ้นหรือแย่ลง แต่คือการทำให้หุ่นที่คุณมีอยู่มันปรับไปทิศทางที่ดีขึ้น เช่น คุณเป็นคนก้นใหญ่ คุณจะเล่นยังไงให้ก้นเล็กลง เพื่อให้มันสมส่วน นั่นคือการเล่นฟิตเนสอย่างถูกต้อง
การที่เราจะเห็นผลที่แตกต่างแบบ before after จริงๆ เนี่ย ผมขอ 2 เดือน ถามว่านานไหม อาจจะรู้สึกว่านาน แต่จริงๆ แล้วมันเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพราะเราไม่มีเวลาทั้งอาทิตย์เพื่อไปเข้าฟิตเนสหรอก ถ้านับเป็นครั้งคุณเข้าฟิตเนสไม่กี่ครั้งหรอกในระยะเวลา 2 เดือน มันอยู่ที่การแข่งขันกับตัวเอง”
“ผมเคยเป็นนักกีฬาเขตมาก่อน มาช่วงกายภาพ มันทำให้เรารู้เรื่องโภชนาการ อะไรกินได้ กินไม่ได้ อันนี้แคลอรีเท่าไหร่ คุณควรออกกำลังกายแบบไหนเมื่อรูปร่างเราเป็นแบบนี้ พูดง่ายๆ ผมเหมือนเป็นฟิตเนสเทรนเนอร์ในตัวเองเลย ผมสามารถปรับได้ว่าช่วงนี้เราผอมไป น่าจะเพิ่มส่วนไหล่ ช่วงนี้เราอ้วนไปเราควรวิ่งให้มากขึ้น คือผมจะรู้อยู่แล้วว่าควรทำอะไรหรือไม่ทำอะไร ประเด็นคืออยู่ที่ทำได้หรือทำไม่ได้”
ต้องกินวันละ 6 มื้อ
ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายด้วยวิธีใด แม้กระทั่งการเล่นฟิตเนสก็ตาม ต่างเป็นสิ่งที่เสริมเข้ามาเท่านั้น หลักจริงๆ นั่นคือการกิน ที่ต้องทำควบคู่กับการออกกำลังกาย เหมือนเช่นเคล็ดลับการกิน 6 มื้อของกันต์ ซึ่งทำให้คนฟังตกใจไม่น้อยทีเดียว
“ถ้าผมบอกว่าผมกิน 6 มื้อ คุณจะตกใจ สมัยตอนที่ผมเป็นนักกีฬา แต่ปัจจุบันไม่ได้ทำอย่างนั้นแล้วนะครับ มื้อเช้ากินไข่ 2 ฟอง 10 โมงผมทานแคร็กเกอร์อีก 4-5 ชิ้น อย่างนี้สารอาหารมันจะดูดซึมเข้าร่างกายได้ดีขึ้น ส่งผลให้กระบวนการเผาผลาญของเราทำงานได้มากขึ้น ฉะนั้นผู้หญิงที่บอกว่าอยากผอมแล้วอดข้าวนั้น ผอมไหม มันเป็นวิธีลัดครับ ผอมจริง แต่คุณจะขาดสารอาหาร เพราะร่างกายมันไปดึงมวลกล้ามเนื้อ มวลร่างกายมาใช้ จึงทำให้ตัวเล็กลงและผอมลง แต่เมื่อไหร่ที่คุณกินเข้าไปอีก แม้ว่าคุณจะกินนิดเดียว คุณก็จะอ้วนขึ้นทันที
นี่คือโยโยเอฟเฟกต์ เพราะร่างกายมันปรับสมดุลไปแล้วว่าคุณไม่กิน ร่างกายจึงต้องไปดูดซึมกล้ามเนื้อนู่น นั่น นี่ที่เรามี มันลืมไปแล้วว่าต้องย่อย พูดง่ายๆ คือมันลืมหน้าที่ที่ต้องย่อยอาหาร จึงกลายเป็นไขมันสะสมในร่างกาย แม้ว่าจะเป็นวิธีลัด แต่ก็เป็นวิธีที่ผิด เพราะในระยะยาวมันจะส่งผลให้คุณอ้วนขึ้นง่าย และเป็นคนที่มีระบบเผาผลาญไม่ดี”
“ถ้าถามว่าจะกินยังไงให้มันถูกต้อง เพื่อให้ร่างกายออกมาดูสมส่วนมากที่สุด ส่วนใหญ่ผมเลือกกินโปรตีนอยู่แล้ว จะไม่กินแป้ง ไม่กินจำพวกไขมัน มันเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว โภชนาการอาหาร 5 หมู่ แค่เราจะปรับยังไงให้มันถูกต้อง จริงๆ แล้วร่างกายคนเราไม่ได้ต้องการอาหาร 3 มื้อ ต้องการอาหารทีละน้อย ในจำนวนที่น้อย แต่บ่อยครั้ง มันจะทำให้เราดูดซึมได้ดีขึ้น เช่น คุณกินอาหาร 2 มื้อต่อวัน คือเช้าและเย็น นั่นแปลว่าคุณกินเยอะ เว้น และก็เยอะเลยใช่ไหมครับ นั่นเป็นวิธีการที่ผิด เพราะอาหารเข้าไปจุกอยู่ที่กระเพาะคุณ มันย่อยยังไม่ทันเสร็จเลยเพราะมันเยอะมาก พอเย็นคุณก็กินเข้าไปอีกแล้ว มันเลยสะสม
แต่ก่อนคนที่เป็นเทรนเนอร์ให้ผมเขามีเป็นตารางเลยนะว่าวันนี้ควรจะกินแบบนี้ กินสารอาหารประเภทไหน ผลไม้ที่ควรจะกินไม่ควรจะกิน เนื้อประเภทนี้ย่อยง่าย เนื้อประเภทนี้ย่อยยาก คาร์โบไฮเดรตแบบนี้ควรกินเพราะเป็นโมเลกุลเดี่ยว ถ้าอีกอันหนึ่งเป็นโมเลกุลคู่ไม่ควรจะกิน มันยิบย่อยมาก ปัจจุบันนี้มันจึงเป็นความเคยชิน เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าต้องทำแบบนี้”
พักผ่อนน้อยมีแต่โทรมกับทรุด
“ผมถ่ายละครเสร็จ ผมก็มีธุรกิจที่ต้องดูต่อ หรือไม่ก็ต้องดูงานทางไอโพน ไอแพด หรือต้องคุยธุรกิจทางโทรศัพท์อีก มันเลยเป็นเหมือนวงจรที่ว่างปุ๊บต้องนึกปั๊บว่าต้องทำอะไร” ถ้าในหนึ่งวันคุณต้องวิ่งวุ่น และมีเรื่องให้คิดอยู่ตลอดเวลา พลังงานถูกใช้ไป แต่ไม่ได้ชาร์จเพิ่มใหม่สักที ก็คงมีแต่ทรุดโทรมเท่านั้น การพักผ่อนนอนหลับจึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้เราทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างไม่มีสะดุดตลอดทั้งวัน
“ตอนนี้ปัญหาที่พบเจอ คือ เราพักผ่อนน้อย ถ้าพักผ่อนน้อย ทุกอย่างก็พังหมดนะครับ ไม่ว่าจะเป็นสมองก็ไม่แล่น ร่างกายก็ไม่มีแรง ผิวพรรณก็ไม่เปล่งปลั่ง คือมันรวนกันไปหมดเลย ช่วงนี้ผมก็เป็น และคงจะเป็นไปอีกสักพัก เพราะช่วงนี้มีคิวละครถ่าย 3 เรื่องก็ 7 วันแล้ว ได้นอนวันละ 3-4 ชั่วโมง รู้สึกได้เลยว่าเพลีย ถ้าวันไหนได้นอนเต็มๆ 12 ชั่วโมงเนี่ย โอ้โฮ้!...รู้สึกดีมากเลย แต่มันนานแล้วที่มีแบบนั้น คงเป็นปีได้แล้ว”
“คิดว่าการมีสุขภาพที่ดีมีผลต่อทุกกิจกรรมที่เราทำ ผมว่าจริงๆ แล้วถึงแม้ว่ามันจะดูเป็นแค่เรื่องเล็กๆ แต่การใส่ใจในเรื่องเล็กๆ มันส่งผลได้ทางจิตวิทยาในเรื่องใหญ่ๆ เช่น ถ้าผมรูปร่างดี มีผิวพรรณดี เพราะออกกำลังกาย ผมสามารถใส่เสื้อผ้าในแบบที่ผมชอบได้ ไม่อ้วน ไม่เสียบุคลิกภาพ ฉะนั้นการไปพบปะผู้คน การประชุมก็แล้วแต่มันจะทำให้เราดูโดดเด่นขึ้นมา ซึ่งมันอาจดูเหมือนว่าเป็นแค่เปลือก แต่ไอ้เปลือกๆ นี่แหละสำคัญมากเลย เพราะเป็นการพบเจอครั้งแรก เหมือนเราเลือกแฟน คุณคงอยากได้คนที่หุ่นไม่ต้องสวยมาก หรือไม่ต้องหล่อมาก แต่อาจเกิดความรู้สึกประทับใจเมื่อแรกพบ มันเป็นเฟิร์ส อิมเพรสชัน (First Impression)”
“เคล็บลับการดูแลสุขภาพเหมือนที่ทุกคนรู้กันครับ แต่ทำไม่ได้เท่านั้นเอง กินอาหารที่มีประโยชน์ กินวิตามินเสริมบ้าง พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกาย การนอนเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด การกิน การออกกำลังกายเป็นแค่ส่วนเสริมเท่านั้น ส่วนวิตามินขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าเป็นวิตามินเสริม ไม่ใช่ของกินหลักอยู่แล้ว ถ้าเป็นวิตามินหลักเมื่อไหร่ ผมคงไม่ต้องกินข้าว นี่เรายังต้องการข้าวอยู่ ต้องการการพักผ่อน”
การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
“การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ จริงๆ คนไม่นึกถึงหรอก เพราะปัจจุบันยังเด็กอยู่ ยังเป็นวัยรุ่น วัยทำงานที่ยังไม่ได้แก่ชรา แต่ตราบใดที่เราถึงวัยแก่ปั๊บ เราจะเริ่มรู้สึกแล้วว่า เฮ้ย!...วัยรุ่นเราน่าจะออกกำลังกายนะ เวลาเราก็มี แต่เราเอาไปทำอะไร?”
ทุกคนย่อมอยากมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งหน้าที่การงาน ฐานะมั่นคง และสุขภาพที่ไม่เสื่อมโทรม เราสามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการป้องกันไว้ก่อนอย่างที่กันต์บอกว่า “ถ้ามันถึงคราวที่คุณต้องแก้ไขแล้วนี่ รับรองว่าราคาแพง ถ้าคุณออกกำลังกายโรคภัยไม่มาเยือน แต่เมื่อไม่ออกกำลังกาย โรคภัยมาเมื่อไหร่แล้วไม่มีเงิน คุณจบ ไม่ว่าจะโรคอะไรก็เป็นโรคที่ใช้เงินทั้งนั้น มันเหมือนเป็นวงจรอุบาทว์ที่คุณไม่เห็นค่าของการออกกำลังกายต่อเมื่อโรคมันอยู่ใกล้ตัว ถ้าปัจจุบันคุณไม่ออกกำลังกายแต่คุณก็เดินเหินได้ปกติ แต่มันมีผลให้ร่างกายของคุณไม่มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง แก่ๆ อาจจะเดินกะเผลก แล้วจะนึกย้อนกลับไปว่าถ้าตอนนั้นฉันออกกำลังกายมันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้”
“ทุกคนอยากมีชีวิตที่ดีครับ ผมรู้สึกว่าการมีชีวิตที่ดีมันไม่ได้มาง่ายๆ และผมเป็นคนที่ไม่ใช่คนอินกับการที่พ่อแม่มีตังค์อยู่แล้ว แล้วก็ไปต่อยอดพ่อแม่ ให้เรารู้สึกว่าบ้านเรารวย คำว่าบ้านเรารวยไม่ได้ส่งผลให้ผมภูมิใจในตัวเอง เพราะฉะนั้นทุกสิ่งที่ผมทำคือสิ่งที่ผมก้าวมาจากศูนย์ด้วยตนเอง เงินทุกบาท ทุกสตางค์ รถ บ้านที่ผมซื้อมาจากเงินของผม ผมคิดว่าวัย 40 เป็นวัยที่ผมอยากเที่ยว ผมเป็นคนชอบท่องเที่ยวไปนู่นไปนี่ และไม่อยากกังวลกับเรื่องอะไรในวัยนั้น
ปัจจุบันคนอายุ 40 อาจยังไม่มีบ้านหลังแรก หรืออาจจะยังผ่อนบ้านอยู่ก็ได้ แต่สำหรับผมตอนอายุ 40 ผมจะมีบ้านหนึ่งหลัง รถสปอร์ตหนึ่งคัน ผมจะไปไหนผมจะไป ผมจะซื้ออะไรผมจะซื้อ ผมจะมีชีวิตที่ดีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ผมจะต่อยมวยเมื่อไหร่ ผมจะไปของผม ผมจะเป็นเจ้านายตัวเอง ทั้งหมดคือภาพที่ผมวาดไว้ และนี่เป็นแนวทางที่ผมจะเดินไปหาเป้าหมาย”
เรื่องของกันต์ที่นำมาแชร์ประสบการณ์ในวันนี้ อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครสักคนลุกขึ้นมาออกกำลังกายบ้าง เพียงเห็นความสำคัญแค่สักหนึ่งคนก็ยังดี...
สำหรับแฟนๆ สามารถติดตามผลงานและเป็นกำลังใจให้เขาได้ กับงานละคร 3 เรื่อง ได้แก่ ศีล 5 คนกล้าท้าอธรรม - ช่อง 5, ชิงนาง - ช่อง 7 และ บ่วงบาป - ช่อง 3 นอกจากนี้ยังไม่รวมธุรกิจอีก 2 อย่าง คือ แบรนด์รองเท้า และร้านอาหารญี่ปุ่น “ทาไดมะ” ซึ่งกำลังเปิดสาขาที่ 2 เร็วๆ นี้
ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต