xs
xsm
sm
md
lg

ทีเด็ด “อ๋อม-อรรคพันธ์” หล่อ ล่ำ กล้ามโต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
พระเอกหนุ่มฮอต “อ๋อม-อรรคพันธ์ นะมาตร์” ที่วินาทีนี้ใครต่อใครต่างถามถึง ด้วยเพราะความหล่อล่ำเป็นเหตุแท้ๆ ไม่ว่าจะรับงานใดเป็นต้องได้โชว์หุ่นฟิตเปี๊ยะรับทรัพย์กันแบบเรตติ้งไม่เคยตก จนสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งไทยและเทศ รวมถึงเก้งกวางชาวสีม่วงได้กรี๊ดกันลั่นสนั่นเมือง กลายเป็นหนุ่มชวนฝันของใครหลายคนไปเสียแล้ว แต่รู้ไหมว่ากว่าจะหล่อ ล่ำ กล้ามปูได้อย่างที่เห็น เขาต้องฟิตแอนด์เฟิร์ม ด้วยการเข้าฟิตเนสเป็นประจำ และเอาใจใส่กับการออกกำลังกายโชว์แม่ไม้มวยไทยที่ทั้งสนุกและยังมีสุขภาพดีอีกด้วย

M-Lite ขอซิวตัวหนุ่มอ๋อมจากบรรดาแฟนคลับมาพูดคุยกันสักหน่อยถึงการดูแลสุขภาพของตัวเอง รับรองว่าขอเวลาไม่นาน เพราะเกรงใจแฟนๆ พระเอกหนุ่มที่นั่งรอ ยืนรออยู่ไม่ห่าง เขามีเคล็ดลับอะไรถึงได้มีหุ่นล่ำสะกดใจสาวๆ อย่างนี้ หรือมีอะไรมากกว่าที่คิดรึเปล่านะ?

กล้ามฟิต ซิกแพกแน่น
หลายคนมักมีปัญหา...เข้าฟิตเนสมาเกือบปีแล้วทำไมกล้ามไม่มีเหมือนคนอื่นเขา ด้วยเพราะมวลร่างกายของคนเรามันต่างกัน และการใช้ชีวิตประจำวันก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งถึงการมีรูปลักษณ์ที่ดีตามสัดส่วนที่เราต้องการ ฉะนั้นเทรนเนอร์จึงเป็นตัวช่วยที่ทำให้เราไปถึงฝันได้ แต่อาจจะใช้เวลามากหรือน้อย คงขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน

วันนี้หนุ่มอ๋อมขอสวมบทเทรนเนอร์ชั่วคราว ซึ่งอาศัยจากประสบการณ์การออกกำลังกายที่ผ่านมา เพื่อปรับร่างกายให้เกิดความสมดุล ก่อนที่จะมีกล้ามและหน้าท้องแบนราบได้ตามที่ต้องการ

“ถ้าใครอยากออกกำลังกายเฉพาะส่วน ผมว่าเล่นฟิตเนสดีกว่า อย่าง ยกดัมเบล มันจะได้กล้าม วิธีการเล่นส่วนใหญ่จะกำหนดกันเป็นเซต เช่น 10 ครั้ง 4 เซต แล้วแต่ว่าเราอยากออกกำลังกายส่วนไหน และก็แล้วแต่ว่าเราทำได้แค่ไหน เพราะกำลังแต่ละคนไม่เท่ากัน ส่วนตัวผมเองนี่ ยกเชตละ 12 ครั้ง 4 เซต ใช่ไหมครับ พอทำได้ อาจเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ มันแล้วแต่คนว่าเล่นมานานแค่ไหนแล้ว กล้ามเนื้ออยู่ตัวหรือยัง ถ้าเพิ่มจำนวนครั้งเยอะแล้วก็หันมาเพิ่มน้ำหนักแทน จาก 5 กิโลฯ เป็น 6 กิโลฯ 7 กิโลฯ ไปเรื่อยๆ ซึ่งกล้ามของเรามันจะปรับไปเรื่อยๆ เอง ส่วนผู้หญิงก็ทำเหมือนกับผู้ชายได้ แต่ยกน้ำหนักไม่ต้องเยอะ อาจยกเซตละ 10 ครั้ง 3 เซตก็ได้

สำหรับซิกแพกนี่ เป็นอะไรที่ยากมาก ผมเล่นมานานมากยังไม่มีเลยครับ ผมคิดว่ามันต้องซิตอัปด้วย ฟิตเนสด้วย และที่สำคัญถ้าซิกแพกจะมีได้ต้องไม่มีไขมันหน้าท้อง จริงๆ แล้วทุกคนมีซิกแพกหมดล่ะครับ แต่แค่ไขมันมันบังอยู่ ถ้าจะสลายไขมันให้ได้ เริ่มแรกต้องวิ่งก่อน เพื่อเบิร์นไขมันออก ให้เหงื่อออก แล้วกินน้อยๆ พร้อมกับการออกกำลังกายไปด้วย”

การจะมีหุ่นดีได้อย่างอ๋อม มันต้องมีอะไรที่มากกว่าการยกดัมเบล หรือซิตอัปเบิร์นไขมัน จึงเกิดเป็นความสงสัยว่าจริงๆ แล้วเขามีเคล็ดลับอะไรที่หลายคนยังไม่รู้กันแน่ พระเอกหนุ่มจึงตอบกลับอย่างตรงไปตรงมาว่า

“การดูแลสุขภาพตัวเอง ผมไม่มีเคล็ดลับอะไรเลยนะ ไม่ได้กินโปรตีน ไม่ได้เล่นกล้ามอะไร สำหรับวิตามินก็มีบ้าง คุณแม่ให้กิน คือจริงๆ ผมไม่ค่อยชอบดูแลตัวเองทางด้านนี้อยู่แล้ว ส่วนหนึ่งคุณแม่เขาจะเป็นคนคอยดูแลสุขภาพของเราด้วย แต่สำหรับเรื่องอาหาร ผมเป็นคน enjoy eating อยู่แล้ว ผมชอบกินอะไรหลายอย่างมาก ปกติจะชอบกินปลา”

“ชกมวย” จัดได้ทุกสัดส่วน
ไม่ว่าจะหันไปคุยกับใครเรื่องของการเล่นกีฬายอดฮิตในตอนนี้ ต้องมีมวยไทยเข้ามาเป็นตัวเลือกอีกหนึ่งอย่าง ถ้าลองสังเกตมักจะเห็นดาราไทยทั้งวัยรุ่นหญิง-ชาย เด็กเล็ก และผู้ใหญ่ ให้ความสนใจกับการออกกำลังกายด้วยการชกมวย ศิลปะแม่ไม้ที่เป็นเอกลักษณ์ของคนไทย นอกจากจะคงรักษาความเป็นไทยแล้ว ยังสนุกและมีสุขภาพดีได้มากกว่าที่คาดคิด และมวยไทยก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งของพระเอกหนุ่มคนนี้เช่นกัน

“ผมเล่นกีฬามาแล้วหลายอย่าง เพราะผมเป็นคนชอบเปลี่ยนกีฬา เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ล่ะครับ เมื่อก่อนก็ตีแบดมินตัน เล่นเทนนิส คือ อยากเล่นแนวไหนก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ผมเป็นคนชอบหาอะไรทำใหม่ๆ อยู่แล้ว เพราะไม่ชอบอะไรที่จำเจซ้ำซาก” และกว่าจะรู้ตัวว่าซ้ำซากเข้าจริงๆ เขาก็ชอบและรักมวยไทยไปเสียแล้ว โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเล่นกีฬาประเภทนี้มานานร่วมปี

“มาถึงตอนนี้ก็เล่นมวยไทยประมาณปีหนึ่งแล้ว ถือว่านานไหม ผมนึกว่าเพิ่งเริ่ม คิดไปคิดมา โอ้! ปีหนึ่งแล้วนะ คือจำได้ว่าเพิ่งไปมาเอง ผมชอบมวยไทยนะ สนุกครับ ผมว่ามันเป็นกีฬาที่เหนื่อย มันใช้แรงเยอะ ถามว่าออกกำลังกายได้ครบทุกส่วนไหม ก็เกือบนะ แต่มันได้เยอะจริงๆ อีกอย่างหนึ่ง คือเวกบอร์ด สามารถออกกำลังได้เยอะจริง แต่ก็คงไม่เท่ามวยไทย เพราะมันออกทุกส่วนเลย แขน ขา เตะ ต่อย”

“ผมไปเล่นที่ค่ายมวยเลย อยู่เลียบทางด่วน เป็นโรงเรียนสอนมวยไทย ชื่อ “เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง” อยู่แถวเหม๋งจ๋าย ที่นี่มีดาราไปเล่นกันเยอะนะครับ มีคุณกันต์ กันตถาวร พี่ท็อป ดารณีนุช เรื่องการเรียนมวยไทย ผมไม่ได้เน้นแบบว่าจริงจัง แต่ผมเน้นการออกกำลังกายให้เหงื่อออกก็พอแล้ว กระโดดเชือก เตะ ต่อย เขาล่อเป้าให้นิดหน่อยก็พอแล้ว ไม่ใช่ว่าเตะต่อยจริงจังเหมือนนักมวย แค่ขอให้ท่าสวย ทำได้ดีก็พอ และอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้อยากไปเรียนมวย คือการที่เราเข้าฉากบู๊ มันช่วยได้ ทำให้เราแข็งแรง และมีท่าทางการชกที่สวยมากขึ้น”

นอกจากการออกกำลังกายด้วยการชกมวยเรียกเหงื่อแล้ว อ๋อมยังบอกถึงข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการเล่นมวยไทย ที่เขานำมาปรับใช้เองในการดำเนินชีวิตประจำวัน นั่นคือ ชกมวยระงับความเครียด ซึ่งอ๋อมอธิบายว่าชีวิตเราต้องพบเจออะไรมากมาย ดีบ้าง ร้ายบ้าง บางครั้งก็ใช้การชกมวยนี่แหละแก้ปัญหาได้

“ถ้าผมเครียดจะชอบออกกำลังกายด้วยการต่อยมวย โมโหใคร หรือโกรธอะไรมา ต่อยมวยอย่างเดียว เรื่องการระบายความเครียดผมคิดว่าแต่ละคนมีวิธีของตัวเองที่จะทำอะไรไม่เหมือนกัน มันขึ้นอยู่กับการหาทางออกของแต่ละคนที่ต่างกันไป”

นอนหลับเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการพักผ่อนนอนหลับเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญที่สุดในการมีสุขภาพที่ดี สำหรับการดำเนินชีวิตที่ราบรื่นในแต่ละวัน เพราะร่างกายของคนเราไม่ใช่หุ่นยนต์ที่พร้อมทำกิจกรรมต่างๆ ตลอดเวลาถ้าหากแบตฯยังเต็มอยู่ การนอนหลับจึงเปรียบเหมือนการชาร์จพลังงานให้แก่ตัวเราเอง ทั้งยังซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้กลับฟื้นคืนและมีพลังลุกขึ้นมาทำทุกอย่างได้เต็มที่

“การดูแลตัวเองง่ายๆ คือการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ คือถ้ามีเวลาก็หลับให้เต็มอิ่มไปเลย อันนี้เป็นสิ่งสำคัญมากครับ นอกจากนี้ผมไม่ค่อยดูแลอะไรเป็นพิเศษนะ เรื่องดูแลผิวหน้าผิวตัวนั้นผมไม่ค่อยเท่าไหร่ ส่วนอาหารการกินก็ไม่ได้ควบคุมเลย ผมเป็นคนไม่ชอบกินผัก แต่กินผลไม้แทน คือส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การออกกำลังกายเป็นหลัก

ทุกวันนี้ ถึงแม้ไม่มีงานผมก็จะนอนเที่ยงคืน ถ้าวันไหนงานเช้าจะตื่นเช้า 7 โมงบ้าง 8 โมงบ้าง แต่ถ้าไม่มีงานจะประมาณ 10 โมง ตื่นเองนะครับ ไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุก เรื่องเวลานอนเนี่ย ถ้านอนเร็วจะนอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นเหมือนกันไหม มันเป็นนาฬิกาของตัวเราเอง แต่ละคนจะไม่เท่ากัน ผมเคยพยายามนอน 4 ทุ่มนะ แต่นอนไม่ได้ พอมาดูนาฬิกาอีกที โห...!จะเที่ยงคืนแล้วถึงหลับได้ ก็จะพยายามนอนเร็วๆ เพราะช่วงเวลาการนอนที่ดีอยู่ระหว่าง 4 ทุ่มถึงเที่ยงคืน”

ถึงแม้ว่างานจะชุกขนาดไหน อ๋อมไม่เคยที่จะละเลยการใส่ใจสุขภาพ ทันใดที่เขาหาเวลาว่างให้กับตัวเองได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำจะเป็นไปเพื่อการดูแลตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะพอมีเวลา

“ถ้ามีเวลาว่างผมจะพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย เล่นกีฬา อย่างออกกำลังกายก็จะมีเข้าฟิตเนส ตีแบตฯ ต่อยมวยไทย เราจะเข้ายิมเลย ในช่วงแรกๆ ส่วนใหญ่ไปกับกันต์ (กันต์ กันตถาวร) และเพื่อนๆ กลุ่มเดียวกัน พอวันหลังเวลาไม่ตรงกัน ต่างคนก็ต่างไป แต่ถ้าไปพร้อมกันมันก็มีบ้าง บางทีเราไม่ได้นัดกัน แล้วไปเจอกันที่นั่น ซึ่งเขาจะมีเทรนเนอร์คอยสอนให้

วันที่จะไปออกกำลังกาย บางวันตื่นเช้าก็ไปเช้า บางทีก็ไปเที่ยง หรือไปบ่ายได้หมดล่ะครับ แต่ตอนเย็นจะไม่ค่อยไป เพราะคนจะเยอะ เราไปอาทิตย์ละครั้งเป็นอย่างต่ำ บางอาทิตย์ก็กำหนดไม่ได้เลย แต่อย่างน้อยต้องมีครั้งหนึ่ง เพราะบางอาทิตย์เราทำงานเต็มวันอย่างนี้จะไปก็ไม่ได้แล้ว”

“การออกกำลังกายแค่อาทิตย์ละครั้งผมว่ามันน้อยมากเลยนะครับ ซึ่งแต่ก่อนเคยไปฟิตเนส อาทิตย์ละ 4 วัน หรือ 3 วัน แต่ตอนนี้งานเยอะมาก ไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ ซึ่งถ้าออกกำลังกายครั้งหนึ่งผมจะใช้เวลาประมาณชั่วโมงเดียว คือต้องให้เหงื่อท่วม เราไม่ใช่เป็นคนที่ใช้เวลาออกกำลังกายนานๆ เมื่อถ้าได้ออกกำลังแล้วก็จะออกให้เต็มที่ เพราะร่างกายของเราจะได้ขับเหงื่อออกมา”

ดูแลตัวเองให้พร้อมอยู่เสมอ
ดารา นักแสดง เป็นอาชีพที่ต้องดูแลตัวเองอยู่เสมอ เพราะนอกจากความสามารถที่ฉายแววโดดเด่นแล้ว คุณสมบัติทุกส่วนของร่างกายก็ถือเป็นจุดขายด้วยเช่นกัน และถ้าคนไหนดังเป็นพลุแตกแล้วละก็ เตรียมพร้อมออกงานรับทรัพย์กันไม่หวาดไม่ไหวได้เลย เมื่องานล้นมือ นักแสดงบางคนจึงต้องดูแลตัวเองกว่าคนปกติถึง 2 เท่า และตอนนี้ดวงอ๋อมกำลังอยู่ในช่วงงานไหล เงินไหล แต่ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน เขาก็ทำอย่างเต็มใจ

“เรื่องงานทำให้ผมต้องดูแลตัวเอง ดูแลสุขภาพเพื่อให้พร้อมรับงานตลอดเวลา ถ้าอย่างนั้นเราไม่ดูแลสุขภาพ เราก็จะไม่มีแรงทำงาน ทำงานแล้วเหนื่อยอย่างนี้ ผมคิดว่าการออกกำลังกายและการพักผ่อนให้เพียงพอ คือการทำให้ร่างกายพร้อมที่จะทำงานตลอดเวลา ทำให้เราไม่เหนื่อยง่ายจึงเป็นคนมีสุขภาพดีได้ทุกวันนี้

จริงๆ แล้วผมไม่ใช่คนดูแลตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้านะครับ ผมดูแลตัวเองจากข้างในให้พร้อมมากกว่า ข้างนอกนี้ก็แต่งหน้า ทำผมเอา” เมื่อถามว่าปกติเป็นคนสำอางรึเปล่า? อ๋อมตอบกลับทันทีเลยว่า “ไม่เลยครับ (ลากเสียงยาว) แต่ถึงยังไงการมีสุขภาพดี บุคลิกดีมีผลต่องานแน่นอนครับ เพราะจะทำให้เรามีความพร้อมกับการทำงาน เมื่อมีคนจ้างงานเราก็พร้อมที่จะทำงานได้อย่างเต็มที่”

นอกจากการมีสุขภาพกายที่ดีแล้ว เรื่องของสุขภาพจิตก็มีผลต่อการทำงานเช่นกัน เหมือนที่หลายคนและอ๋อมได้บอกไว้ว่า “สุขภาพกายย่อมส่งผลต่อสุขภาพใจ”

“ถ้าเกิดเจอปัญหาอะไรที่มันไม่ดีๆ มา มันย่อมมีผลกระทบต่อการทำงานอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่ในขณะที่ผมกำลังทำงานอยู่จะไม่ค่อยคิดเรื่องอะไรที่ทำให้ว้าวุ่นใจ หรือทำให้ไม่มีสมาธิในการทำงาน เพราะถ้าเกิดเราทำงานจริงๆ เราจะพยายามตัดทุกอย่างออกไปก่อน ณ ขณะนั้นที่เราอยู่หน้ากล้อง ถ่ายอยู่ และพอสั่ง cut ปุ๊บ! เรื่องที่คิดอยู่อาจจะมีเข้ามาใหม่ เราก็คิดได้ ผมคิดว่าเราต้องมีสติและมีความพร้อมสำหรับการทำงานอยู่เสมอ ส่วนเรื่องยิบย่อย เล็กๆ น้อยๆ เราต้องตัดออกไปก่อน แต่มันเป็นเรื่องยากนะ ถ้าถามว่าทำได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม มันไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก เดี๋ยวก็แวบเข้ามาอีกแล้ว ถ้าเราสังเกตตัวเอง เราจะรู้ทันทีว่ามันแวบเข้ามา คนอื่นเข้าไม่รู้ แต่เรารู้ตัวเอง ว่า ณ ตอนนั้นเราไม่ได้คิดแค่เรื่องตรงนั้นอย่างเดียว”

ออกกำลังกายอย่างมีความสุข
คนเรามักมีข้ออ้างที่จะออกกำลังกายเสมอ ขี้เกียจบ้างล่ะ ไม่มีเวลาว่างบ้างล่ะ ผัดวันประกันพรุ่งจนไม่ได้ออกกำลังกายสักที แล้วอย่างนี้เราจะทำใจอย่างไรให้มีความสุขทุกครั้งที่ต้องออกกำลังกาย เพราะผลลัพธ์ที่ได้นั้นทุกคนต่างรู้อยู่แล้วว่าดีต่อตัวเองมากแค่ไหน หนุ่มอ๋อมจึงอยากให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการออกกำลังกาย แม้บางครั้งอาจจะต้องฝืนทำบ้างก็ตาม แต่ถ้าไม่เริ่มต้นก็จะไม่รู้ว่าดีเพียงใด

“จริงๆ คนไทยไม่ค่อยเห็นความสำคัญของการออกกำลังกาย ไม่ค่อยดูแลสุขภาพ ไม่ค่อยดูแลหุ่น อยากจะเชิญชวนให้เห็นความสำคัญของการออกกำลังกาย ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เลย มันเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้เราพร้อมทำงานตลอดเวลา เราจะไม่เหนื่อยง่าย จนแบบว่าไม่ไหว อยากให้ทุกคนออกกำลังกายแล้วมีความสุขนะครับ คือตอนออกกำลังกายมันเหนื่อยนะ แต่พอออกกำลังเสร็จแล้วกลับบ้าน มันจะรู้สึกสบาย รู้สึกโล่ง”

อย่างนี้เราต้องทำใจให้ตัวเองมีความสุขในการออกกำลังกายรึเปล่า? “ควรมากเลยนะครับ ส่วนใหญ่คนคิดจะไปออกกกำลังกาย มันจะรู้สึกว่าขี้เกียจ คือถ้าจะไปแล้วไม่อยากไป แต่อยากให้มีความสุขที่จะต้องไป บางทีผมก็เป็นเหมือนกัน ไม่อยากไปออกกำลังกาย แต่พอเราไปแล้ว และได้เริ่มสตาร์ทแล้ว พอเครื่องติดแล้วมันก็จะยาวได้ คือบางทีคนเราจะมีบางอารมณ์ที่ต้องฝืนตัวเองหน่อย มันเป็นความเคยชินด้วย แต่ถ้าไม่มีการเริ่มต้น มันก็จะยังขี้เกียจอยู่ เมื่อเราทำบ่อยขึ้นๆ มันจะรู้สึกชินไปเอง

บางครั้งการออกกำลังกายก็เป็นความเคยชินนะ อย่างทุกวันนี้อาทิตย์ไหนที่ผมรู้สึกว่าเหงื่อไม่ออก ก็จะรู้สึกไม่ดี มันต้องให้เหงื่อออกบ้าง และช่วงนี้ผมมีงานตลอดเลยไม่มีเวลาออกกำลังกาย ผมรู้สึกอยากไปมาก อยากให้เหงื่อออก อยากให้ร่างกายได้ขับเหงื่อออกมา ที่บ้านผมก็มีเครื่องออกกำลังกายนะ มีเครื่องวิ่งเหมือนกัน แต่ผมไม่ค่อยใช้ ยิ่งอยู่ที่บ้านนี่ ตัวขี้เกียจเลย ส่วนใหญ่ผมจึงชอบออกกำลังกายนอกบ้านมากกว่า”

สุดท้ายนี้ขออัปเดตผลงานพระเอกหนุ่ม ซึ่งตอนนี้มีละครเรื่อง ชิงนาง แสดงคู่กับรถเมล์-คะนึงนิจ และกำลังจะเปิดเรื่องใหม่ คือ ละครเรื่อง อุบัติเหตุ ทางช่อง 7 ประกบคู่นางเอกเซ็กซี่ตลอดกาล อั้ม-พัชราภา ตามด้วยบทบาทการแสดงหนังครั้งแรกใน Fear me not ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันกับต่างประเทศ มีผู้กำกับเป็นชาวฮ่องกง ร่วมกับนักแสดง 3 สัญชาติ ได้แก่ จีน ฮ่องกง และไทย




ประวัติส่วนตัว
 ชื่อจริง : อรรคพันธ์ นะมาตร์ (อ๋อม)
ส่วนสูง : 181 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 73 กิโลกรัม
วันเดือนปีเกิด : 28 ม.ค. 2528
การศึกษา : ปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ เอกวิชาการโฆษณา มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
งานอดิเรก : ว่ายน้ำ เล่นเทนนิส ตีแบดมินตัน ฟิตเนส มวยไทย และ เวกบอร์ด (Wakeboard)

 


ขอบคุณภาพประกอบจาก FB : Om Akapan อ๋อม-อรรคพันธ์ นะมาตร์ และ daradaily










กำลังโหลดความคิดเห็น