ถือว่าเป็นดาราสุดฮอตอีกคนหนึ่งของวงการละคร สำหรับนักร้องสาว “หญิง-รฐา โพธิ์งาม” หรือ “ญาญ่า ญิ๋ง” จากบทนางร้าย “ฟ้าใส” ในละคร “ต้มยำลำซิ่ง” ที่ทั้งร้าย ทั้งสวยแซ่บ! จนคนพูดถึง บางคนตั้งฉายาให้เธอว่าเป็น “เจ้าแม่ศัลยกรรม” แต่ขอบอกว่าถ้าใครได้สัมผัสตัวตนของเธอจะพบว่าความสวยงามที่เห็นภายนอกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาที่นับวันยิ่งสวยขึ้น รูปร่างเพรียวบาง ผิวพรรณสดใส ล้วนมาจากความคิด และความมั่นใจจากข้างในของเธอจริงๆ
โกอินเตอร์เพราะความสามารถ
คนที่ติดตามผลงานของเธอคงจะพอทราบข่าวว่าเธอกำลังจะมีผลงานโกอินเตอร์ เล่นหนังฮอลลีวู้ด เรื่อง “Only God Forgives” ประกบพระเอกระดับโลก “ไรอัน กอสลิ่ง” และนางเอกแถวหน้าของฮอลลีวูด “คริสติน สก็อต โทมัส”
“ตอนนี้มีคิวถ่ายหนังฝรั่งแนวทริลเลอร์-แอ็กชัน เป็นหนังเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องกรรม เรื่องพระเจ้า ซึ่งจะมีคิวลงจอประมาณต้นปีหน้า บทของหญิงจะเป็นผู้หญิงกลางคืน ร้องเพลง ส่วนเหตุผลที่เขาเลือกเราหลักๆ หญิงคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของตรรกกะ ความคิด เพราะหญิงเป็นคนไม่คิดเยอะ เป็นคนไม่ได้ต้องการอะไรมาก เราแค่คิดว่าเรายอมรับในจุดที่เราสามารถเล่นได้
หญิงไม่ใช่คนที่คิดว่าบทนี้ฉันต้องเด่น ไม่เด่นไม่เล่น ให้แต่งหน้ายังไงก็แต่ง ขนตาก็ไม่ได้ติด พอเราไปทำงานตรงนั้นเรารู้เลยว่าหนังกับละครมันมีความต่างกัน ละครมันเป็นอะไรที่สวย ทุกอย่างต้องเพอร์เฟ็กต์ ทุกอย่างต้องเป๊ะ แต่พอเป็นหนังทุกอย่างมันคือเรียลมาก แทบจะเหมือนไม่ได้แต่งหน้าเลย น้อยมาก หน้าก็จะโกรนๆ หญิงไม่เคยเช็คหน้าเลยนะ ไม่ได้แคร์เรื่องความสวยเลย ปกติเราจะต้องเช็คมอนิเตอร์ว่ามุมนี้สวยหรือยัง แต่เรื่องนี้เราเน้นฟิลลิ่งล้วนๆ เลย”
แม้ว่าในเมืองไทยเธอจะเป็นดาราดัง มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก แต่สำหรับวงการหนังฝรั่ง เธอกลายเป็นคนที่ไม่มีใครรู้จักนัก ต้องใช้ทักษะส่วนตัว และความสามารถล้วนๆ ในการทำงาน
“มันเหมือนเป็นสเต็ปแรกในการเดินของเรา ดังนั้นหญิงไม่ได้คิดว่าเราต้องได้เงินเท่านี้ ไม่ได้เท่านี้เราจะไม่เล่น หญิงไม่มีเลย ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น หญิงบอกไว้เลยว่าได้ไม่เยอะ เป็นดารานัมเบอร์ต้นๆ ก็คงเรียกค่าตัวกันโก่ง แต่หญิงถือว่ามันเป็นโอกาสหนึ่งในชีวิต พอมันออกมาเป็นดีวีดีวันหนึ่งเราอาจจะเก็บเอาไว้ ถึงแม้มันอาจเป็นเรื่องเดียวในชีวิตเราก็ได้ แต่มันก็เป็นเรื่องเดียวที่เราเก็บไว้ให้ลูกหลานเราดูได้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยได้เล่นกับดาราคนนี้ มันก็เป็นความภูมิใจ หรือเป็นความทรงจำ หญิงมองว่ามันเป็นงานชิ้นหนึ่ง แต่สิ่งที่หญิงได้คือประสบการณ์จริงๆ และได้คอนเน็กชันที่มันมากกว่าเงินที่เราได้รับมา” เธอตอบด้วยรอยยิ้มมั่นใจ
“การทำงานแตกต่างจากเมืองไทยเยอะค่ะ มันมีความยากในความง่ายน่ะค่ะ อาจจะง่ายในเรื่องของการทำงานที่ไม่ค่อยสตริ๊คมาก ถ้าเราอยู่กับทละครไทยมันค่อนข้างสตริ๊คกับบท แต่ตัวสคริปต์ที่มาจากต่างประเทศเขาจะมานั่งถามเราเลยว่าเราเป็นอย่างไร เราอยากพูดเรื่องนี้ไหม เราอยากพูดอะไร ถ้าเจอสถานการณ์แบบในบท เป็นตัวเราเราอยากจะแก้ปัญหาอย่างไร คือเราไม่ต้องไปเป็นตัวละครมาก เราสามารถดึงตัวเราเองเข้าไปอยู่ในตัวละคร แต่มันยากตรงที่เราต้องคิดตลอดเวลา สคริปต์สามารถเปลี่ยนได้เดี๋ยวนั้นก็ต้องมีไหวพริบพอสมควร”
ความแตกต่างของหนังฝรั่งกับละครอีกอย่างคือละครไทยต้องสื่ออารมณ์ออกมาจากภายนอกให้เห็นชัดมาก แต่หนังฝรั่งให้ความสำคัญกับอารมณ์ภายในแล้วส่งออกข้างนอกมากกว่า ซึ่งถือเป็นความยากปนความง่ายสำหรับเธอ
“หนังต่างชาติไม่ต้องใช้อารมณ์ในการแสดงเยอะเท่าบ้านเรา ของบ้านเราจะเกลียด จะโกรธ จะตบ จะตี มันจะออกมาเลย แต่หนังที่หญิงเล่นจะถูกสอนมาว่า “less is more” คือยิ่งน้อยมันยิ่งแสดงให้เห็นอะไรเยอะขึ้น กลายเป็นพอเราไปเล่นกับกองฝรั่งมันเป็นอีกอารมณ์หนึ่งไปเลย คือเราไม่เล่นเยอะ แต่เราเยอะด้วยอินเนอร์ ให้ออกมาเองไม่ว่าจากทางสายตาหรือท่าทางการเดิน พูดง่ายๆ เห็น “ฟ้าใส” เป็นอย่างไรในละคร จะไม่เห็นแอ็กติ้งนั้นเลยในหนัง มันจะเป็นคนละคนกันไปเลย”
“จัดเต็ม” กับทุกงานที่ทำ
ด้วยความที่เกิดในครอบครัวศิลปิน และเป็นลูกสาวคนเดียวของดาราตลกหญิง “น้อย โพธิ์งาม” เธอจึงซึมซับในเรื่องของการกล้าแสดงออก บวกกับแม่น้อยส่งไปเรียนเต้น เรียนร้องเพลง จนได้เข้าวงการฯ เป็นที่รู้จักในฐานะนักร้องขาแดนซ์สุดออตค่ายแกรมมี ช่วงเวลา13 ปีในวงการบันเทิงของสาวแกร่งคนนี้ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มีทั้งขาขึ้น และขาลง จนเธอเคยท้อถึงขนาดคิดที่จะหนีไปทำงานอย่างอื่นนอกวงการฯ แต่ด้วยโชคชะตากำหนดเอาไว้ว่าต้องเป็นนักแสดง (ตามความเชื่อของเธอ) ชีวิตเธอจึงวนเวียนกลับมาทำงานในวงการบันเทิง
“หญิงค่อนข้างเชื่ออย่างหนึ่งว่าคนเราถูกลิขิตเอาไว้แล้ว หญิงอาจจะถูกส่งมาเพื่อเป็นนักแสดงก็ได้ เพราะชีวิตเราเกิดมาในครอบครัวที่เป็นนักแสดงทั้งบ้านเลย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต่อจากนี้จะมีอะไรใหม่ๆ ให้เราทำอีก แต่ว่าหลายๆ ครั้งที่พยายามเปลี่ยนตัวเองไปทำอย่างอื่น ไปเรียนเพิ่มขึ้น อยากทำธุรกิจอะไรของตัวเองมันก็จะมีเหตุการณ์ให้เรากลับมาอยู่ตรงนี้ทุกครั้ง
บางช่วงไม่มีงานเลย ก็มีท้อบ้าง บางทีก็รู้สึกว่าหรือเราควรจะต้องทำอย่างอื่น มีเพื่อนชวนไปทำบริษัทอีเวนต์ ชวนไปทำเอเจนซี ถามว่าเราทำได้ไหม เราก็ค่อนข้างชอบในเรื่องของครีเอทีฟก็จะไปทำ แต่พอจะไปก็มีละครเข้ามาอีกแล้ว เราก็เลยมีความรู้สึกว่ามันอาจจะเป็นเส้นทางที่มันใช่สำหรับเราก็ได้ อนาคตเราอาจจะโตขึ้นในวงการนี้ก็ได้”
สำหรับคนติดตามงานของเธอคงจะเห็นพัฒนาทางการแสดงว่าเธอเล่นเก่ง เล่นเยอะ จัดเต็มจริงๆ “ใครที่เคยทำงานกับหญิงจะรู้ว่าหญิงเป็นคนเล่นเกิน ไม่ว่าจะเล่น จะร้อง จะเต้น ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร แต่หญิงเป็นคนไม่เคยเก็บ แม้กระทั่งหญิงเคยเล่นคอนเสิร์ตที่มีคนประมาณ 20 คน หญิงก็เล่นเต็มนะ เรารู้สึกว่าเราเป็นศิลปิน ไม่ว่าเราจะใส่หัวโขนอะไร ไม่ว่าเราจะทำหน้าที่อะไรก็ตาม เราคิดว่ามันต้องเต็มที่ เพราะว่าทั้งหมดทั้งมวลมันคือตัวเรา จะดีจะเลวมันก็คือตัวเรา
หญิงเป็นคนชอบพิสูจน์ตัวเอง ไม่ว่างานจะมาในรูปแบบไหน หญิงร้องเพลงทั้งสตริง ลูกทุ่ง หมอลำ คือเราคิดว่าชีวิตหนึ่งเกิดมา ทำอะไรได้ก็ควรทำ เราคิดว่าชีวิตนี้เราทำอะไรได้อีกเยอะ หญิงมองอะไรเป็นลองเทอม เมื่อเราอายุแล้วเราหันกลับมาดู เราจะภูมิใจกับทุกก้าวที่เราเดินมา ดังนั้นแต่ละก้าวของหญิง หญิงเหยียบต็มค่ะ ทำเต็มที่”
เจ้าแม่ศัลยกรรม
“คนจะชอบมองหญิงว่าเป็นเจ้าแม่ศัลยกรรม ทำหน้า ทำนม แต่เอาเข้าจริงนะ ทั้งตัวหญิงทำแค่จมูกอย่างเดียว ส่วนเรื่องการดูแลผิวพรรณก็มีบ้าง ยิงเลเซอร์ ฉีดอะไรให้เราดูเฟรซขึ้น ดูใสขึ้นแต่ที่ทำให้เราเปลี่ยนแปลงชัดๆ ก็อาจจะเป็นเพราะเราโตขึ้นรูปหน้าก็เปลี่ยน บวกกับการแต่งหน้า แล้วหญิงค่อนข้างโชคดีที่แม่จะคอยดูแลตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะตอนตื่น หรือตอนนอนต้องทาครีม หญิงก็เลยได้เรื่องผิวเพราะแม่
น้องๆ สมัยนี้ชอบมองว่าการศัลยกรรมคือการทำให้สวย หญิงพูดได้เลยว่ามันก็ใช่ มันทำให้สวยขึ้น ทำให้มั่นใจมากขึ้น แต่ถ้ามันเริ่มจากความคิดว่าอยากเป็นเหมือนใคร มันคือความต้องการที่ไม่มีสิ้นสุด มันจะมีความอยากอยู่เรื่อยๆ อยากจมูกเหมือนคนนี้ อยากตาเหมือนคนนั้น บางทีเราลืมตัวเองไปตั้งแต่แรก ว่าจริงๆ เราเป็นอย่างไร
ถ้าเริ่มต้นด้วยความคิดว่าอยากหน้าเหมือนใครแล้วไปทำ หญิงว่ามันเป็นการเริ่มต้นที่ผิด อย่างที่เราเห็นตามทีวี ผลเสียมันเอยะ ถ้าเริ่มให้คิดให้ดีๆ รู้ว่าทำแค่ไหนถึงจะพอ อย่าคิดว่าทำแล้วต้องเหมือนใครถึงจะพอ อย่างตัวหญิงทำเพระาเราต้องทำงาน เราทำเพราะเราต้องสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง เรารู้หน้าที่ว่าเราต้องทำอะไรเท่านั้นเอง”
เห็นเธอเป็นคนรักสวยรักงาม ดูแลตัวเองดีขนาดนี้ แต่เธอไม่จำเป็นต้องใช้ครีมราคาแพง หรือเปลี่ยนบ่อยๆ เพราะเธอใช้วิธีแบบโฟกัสตัวเอง สวยง่ายๆ แบบตรงจุด
“หญิงไม่ใช่ผู้หญิงที่ถึงขนาดเดินซื้อของตามบิวตี้ชอป หญิงจะมีคุณหมอที่คอยให้คำปรึกษาเรื่องสิว เรื่องหน้า เพราะเราแต่งหน้าทุกวันมันจะมีเรื่องความหยาบกร้าน เรื่องสิว เราดูแลตรงจุดไปเลย ถ้าใช้ดีเราก็ใช้ยาว
เครื่องสำอางค์หญิงชอบซื้ออายแชโดว์ กับบรัชออน ส่วนลิปติกหญิงจะมีเฉดสีแบบใช้ได้เลย มีสีนู๊ดน้ำตาล นู๊ดส้ม นู๊ดชมพู แล้วก็มีกลอสทับ ถ้าเฉดสีแจ๊ดๆ ก็จะมีแดง ส้มไปเลย จะใช้อยู่แค่นี้
ส่วนที่เน้นบนใบหน้าก็จะเน้นตาค่ะ หญิงโชคดีได้ตาคุณแม่มา แม่เป็นคนตาสวย เราคิดว่าดวงตาสำคัญที่สุด แต่แต่งตาสวย ปากนู๊ดก็รอดแล้ว หญิงชอบมองคนตาสวยๆ เน้นอายแชโดว์ ชอบโทนน้ำตาลทอง ถ้าเวลาหญิงแต่งหน้าเองจะกรีดอายไลเนอร์เล็กมาก”
สวย...มาจากข้างใน
ความสวยภายนอกไม่สำคัญเท่ากับความคิด และความมั่นใจจากจิตใจของตัวเอง คือสิ่งที่หญิงให้ความสำคัญ และอยากจะบอกต่อสำหรับคนที่อยากทำสวยว่าควรที่จะมีความมั่นใจในความสวยของตัวเองก่อนที่จะคิดทำตามคนอื่น
“หญิงก็หน้าตาแบบนี้ จะสวยไปกว่านี้ก็คงทำไม่ได้ ข้อแรกมันต้องยอมรับก่อน มีน้องหลายๆ คนชอบทวีตมาถามหญิงว่าอยากทำหน้า อย่างโน้นอย่างนี้ อยากเหมือนคนโน้นคนนี้ หรือแม้กระทั่งเพื่อนสนิทก็มีมาถาม หญิงจะบอกเลยว่าอย่างแรกเลย ทำออกมาก็ไม่เหมือนใครหรอก ก็เหมือนตัวเองนี่แหละ เพียงแต่ว่าพอหรือเปล่ากับความต้องการ ต่อให้คุณอยากหน้าเหมือนดาราเกาหลี แต่หน้าคุณโทนคนไทย มันไม่มีทางเหมือนอยู่แล้ว ต่อให้ทรงจมูกเป๊ะยังไง แต่พออยู่บนรูปหน้าคุณมันไม่มืทางเหมือนเลย
การที่เราอยากสวยเหมือนคนอื่น มันคือการไม่มั่นใจในตัวเอง หญิงเชื่อว่าทุกคนใบหน้ามันมีเสน่ห์ต่อให้คนที่รู้สึกว่าไม่สวยที่สุด หญิงก็ว่าเขาก็มีเสน่ห์ ดังนั้นเวลาทำอย่าคิดว่าอยากทำเพราะอยากเหมือนใคร ให้คิดว่าอยากทำเพราะอยากดึงความมั่นใจของตัวเองกลับมาดีกว่า เดินไปไหนมีคนชมว่าสวยขึ้น หญิงว่าก็พอแล้ว”
ทุกวันนี้เธอเชื่อว่าถ้าผู้หญิงพอใจกับความสวยของตัวเอง บวกกับความมั่นใจก็ทำให้เเปล่งประกายได้ไม่ยาก
“หญิงก็พอใจในตัวเองนะ หญิงก็ไม่ต้องการมากไปกว่านี้ หญิงเป็นคนหน้าแบบนี้ หน้าเหลี่ยมๆ มีมุม ซึ่งเวลาเข้ากล้องมันช่วยหญิงในเรื่องความชัดของคาแร็กเตอร์ การเล่นตามันชัด แล้วหญิงเป็นคนที่ไม่ได้เน้นว่าตัวเองต้องหน้าเรียวเล็ก เป็นคนที่ค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง ไม่อยากเหมือนใคร แต่ตอนเด็กๆ ก็เคยนะอยากเหมือนคนโน้นคนนี้ แต่พอโตขึ้นก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่
เรื่องทำสวยแล้วพลาดก็เคยมีบ้างค่ะ อย่างเรื่องแพ้ครีม เพราะไปเชื่อคนอื่นมากเกินไป เวลาแพ้ครีมทีต้องใช้เวลานานเลย อย่างทำศัลยกรรมเวลาผิดพลาด เรารู้ว่าจะเอาเข้าเอาออกตรงไหน หญิงเคยทำเลเซอร์แล้วหน้าไหม้ ผิวมีรอยไหม้ ทำให้เรารู้สึกว่าบางทีเราต้องการอะไรมากเกินความพอดีมันก็ส่งผลเสียกับเรา ตอนนี้ก็ยังมีรอยไหม้อยู่เลย เป็นรอยที่ไม่มีวันหายเหมือนเป็นปาน ไปลงเลเซอร์แล้วเขาเปิดแรงไป” หญิงบอก พร้อมกับชี้ให้ดูรอยดำจางบนใบหน้าที่ถูกปกปิดด้วยรองพื้นเอาไว้
ได้เปรียบเพราะหุ่นเฟิร์มตั้งแต่เด็ก
“ถ้าไม่ได้ทำงานในวงการฯ หญิงคงไม่ได้หุ่นดีแบบนี้” เธอยอมรับตรงๆ เมื่อพูดถึงรูปร่างที่เพรียวสวยอย่างทุกวันนี้ เธอยกความดีให้งานในวงการที่สอนให้เอเป็นคนดูแลรุปร่างตัวเองมาตั้งแต่เด็ก
“หญิงถูกสอนด้วยงานว่าเราเป็นแดนซ์ ตั้งแต่อายุ 16-17 ก็ต้องเข้าฟิตเนส ต้องออกกำลังกายมาตลอด หุ่นต้องแบบนี้มาตลอด เพราะเสื้อผ้าที่ใส่ก็จะน้อยชิ้น ต้องโชว์รูปร่าง เราเป็นคนที่โดนสอนมาแบบนี้ เพราะฉะนั้นเรื่องการกินอาหาร เรื่องอะไรก็โดนบรีฟมาตั้งแต่เด็กแล้ว ถือว่าหญิงค่อนข้างโชคดี เพราะหญิงเป็นคนที่ตามใจปากพอสมควร เห็นขนมก็อยากจะกินแล้ว คิดว่าถ้าไม่ได้ทำงานในวงการก็อาจจะเผละได้ค่ะ
ทุกวันนี้หญิงก็ยังออกกำลังกายสม่ำเสมอ เล่นฟิตเนส ว่ายน้ำ อาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะเราอายุมากขึ้น อีกอย่างไลฟ์สไตล์เราเปลี่ยนไป เพื่อนๆ ก็โตมากขึ้น แต่ก่อนอาจจะปาร์ตี้ แต่ช่วงนี้เวลาที่มีก็ชวนกันไปเล่นโยคะ คือเป็นเหมือนงานอดิเรกที่มันเปลี่ยนไปตามอายุ มันก็เลยมีโอกาสได้ดูแลตัวเองมากขึ้น
สัปดาห์หนึ่ง จันทร์ พุธ ศุกร์ หญิงต้องเข้ายิม ไปถึงก็ไปเบิร์นก่อน วอร์มอัป 30 นาที หลังจากนั้นก็เล่นเวท แล้วก็เบิร์นอีก 30 นาที หญิงจะอยู่ในนั้นประมาณ 3-4 ชั่วโมงค่ะ ถ้าวันไหนมีคลาสโยคะร้อน พิลาทิส บอดี้คอมแบต ก็เข้าคลาสบ้าง
เราออกกำลังกายแค่ให้กระชับ และคล่องตัวในการทำงาน ไม่ได้คิดว่าจะต้องมีกล้าม ชีวิตประจำวันเราไม่ต้องใส่เสื้อเอวลอย ไม่ต้องมีกล้ามท้องตลอดเวลา นอกจากช่วงที่มีคนติดต่อให้ไปถ่ายแบบก็อาจจะต้องฟิตนิดหนึ่ง สร้างกล้ามเนื้อให้เพิ่มขึ้น”
เคล็ดลับในการเลือกเล่นอุปกรณ์ในฟิตเนสของหญิงคือเน้นบริหารช่วงก้น และต้นแขน “ส่วนใหญ่หญิงจะเล่นที่ก้นก่อน ซิตอัปกับเครื่อง แล้วก็ด้านข้าง บิดเอว แล้วก็เวทแขน บอดี้เวท ช่วงขาหญิงไม่ค่อยเล่นเพราะหญิงเป็นคนไม่มีปัญหาเรื่องน้ำหนัก แต่ถ้าคนที่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักจะต้องเล่นขาเยอะ วิ่ง ปั่นจักรยานจะทำให้ลดน้ำหนักได้มากกว่า แต่ของหญิงไม่มีปัญหา คือเราโอเคกับน้ำหนัก49-50 กก.”
“หญิงคิดว่าหญิงก็ดูแลตัวเองเหมือนคนปกติทั่วไป ถ้าหลักๆ จริงๆ แล้วหญิงดูแลหุ่นมากกว่าหน้าตาด้วยซ้ำ เพราะว่าหน้าเป็นเรื่องที่ทำเมือ่ไหร่ก็ได้ อายุ 50 ก็มีนวัตกรรมช่วยยกกระชับ แต่เรื่องของรูปร่างมันต้องใช้กำลังในการที่จะได้มา”
กินได้ไม่ต้องอด
กว่าจะหุ่นผอมแบบนี้ได้ก็ต้องใช้เวลา และความสม่ำเสมอในการดูแลรักษารุปร่างให้กระชับ แต่สำหรับเรื่องกินหญิงบอกกินได้ไม่จำเป็นต้องอด เพราะแค่เป็นคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำก็ช่วยให้รูปร่างดีได้แล้ว
“หญิงเป็นคนชอบกิน ไม่มีคำพูดว่า ไม่เอากลัวอ้วน เพราะฉะนั้นหญิงไม่ค่อยอดอาหาร ถ้ากินเยอะเกินไปหญิงก็จะออกกำลังกายเยอะขึ้นจบ หญิงอยากจะบอกว่าอย่าไปลดเลยค่ะ ไม่กินของที่คุณชอบมันทำไม่ได้หรอก แต่อยู่ที่ว่าถ้ากินเข้าไปแล้วจะเอามันออกอย่างไร ออกกำลังกายซะ สมมติวันนี้กินเค้กชิ้นหนึ่งก็มีวินัยกับตัวเอง กินอีกทีอาทิตย์หน้าได้ไหม ไม่ใช่กินทุกวัน
อาหารมื้อปกติจะติดส้มตำ กินบ่อย หญิงเป็นคนไม่ค่อยกินข้าวเป็นมิ้อ ชอบกินของจุบจิบ แต่จะกินฟาสต์ฟู้ดน้อยมาก เพราะว่าเป็นคนน้ำหนักขึ้นง่ายมากเวลากินของมัน ของทอด เวลาหุ่นเข้าที่ บางทีอยากจะกินมาม่า ยังคิดเลย กว่าจะเอาออกได้มันใช้เวลา ก็เลยไม่กินดีกว่า”
“หญิงว่าสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ ต่อให้หาเงินได้เยอะเท่าไหร่ วันหนึ่งเป็นโรค ก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ ชีวิตมันไม่มีความสุขนะ หญิงว่าถ้าเราสุขภาพดีมันจะทำให้เรามีกำลังไปทำอะไรได้หลายอย่าง อย่างช่วงนี้หญิงงานเยอะ หญิงรู้เลยว่าร่างกายไม่ไหว ต้องพักผ่อนมากขึ้น แล้วเรารู้สึกว่าเราเสียช่วงเวลาที่เราจะได้มีเวลานั่งกินข้าวกับแม่ หรือออกไปเจอเพื่อนๆ ดังนั้นเนี่ยโลภมากในเรื่องอื่นแล้วทำให้สุขภาพแย่ มันจะยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ไปด้วย
ดังนั้นการดูแลตัวเองมันเป็นการสร้างความมั่นใจ ไม่ได้บอกว่าต้องสวยถึงมั่นใจนะ เราเอาแค่ว่าเราเฮลท์ตี้ เรารู้สึกว่าเราสุขภาพดี บวกกับความสวยที่เราดูแลตัวเองก็ดูดีได้” หญิงสรุป
ข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/ASTV สุดสัปดาห์
ภาพประกอบจาก facebook
