หลายปีหลังมานี้ต้องบอกว่ามีข่าวดารา-นักแสดงของบ้านเราออกมาให้สัมภาษ์ว่าตนเองมีโอกาสเล่นหนัง "ฮอลลีวูด" ให้ได้ยินได้ฟังกันค่อนข้างจะบ่อยครั้ง
ล่าสุดก็เป็นในรายของนักแสดงสาว "ยุ้ย จีรนันท์" กับหนังแอ็กชั่นชื่อ "ไวท์ ไทเกอร์" ประกบคู่กับพระเอกที่มีชื่อว่า "แมท บูลลิน" รวมถึงก่อนหน้านั้นกับนักร้องสาว "ทาทา ยัง" ที่เผยว่าเดือนเมษายนนี้ตนต้องเดินทางไปถ่ายหนังฮอลลีวูดที่สเปนแต่ไม่สามารถให้รายละเอียดอื่นๆ ได้เพราะติดเงื่อนไขเรื่องสัญญา
มองย้อนกลับไปต้องบอกว่าการมีส่วนร่วมของดารานักแสดงไทยบนแผ่นฟิล์มฮอลลีวูดนั้นมีมานานและอย่างต่อเนื่อง เช่น หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช กับการรับบทเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศสารขัณฑ์ (Sarkhan) ใน "The Ugly American" (ค.ศ. 1963) โดยแสดงร่วมกับ Marlon Brando (ก่อนที่หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีไทยในเวลาต่อมา)
ที่เป็นที่จดจำกันได้กันเป็นอย่างดีก็คงจะเป็นในรายของ "แหม่ม จินตหรา" กับการรับบทเป็นสาวเวียดนามชื่อ "ตรินห์" ในหนังเรื่อง "Good Morning Vietnam" (1987) ซึ่งแม้หนังจะเน้นไปที่ตัวเอกของเรื่องอย่าง "โรบิน วิลเลี่ยมส์" (ถูกเสนอชื่อเข้าชิง Oscar นักแสดงชายยอดเยี่ยมในปีถัดมา) แต่นักแสดงหญิงชาวไทยเราก็ได้รับเครดิตว่าเป็นนางเอกของหนังเลยทีเดียว
รุ่นใหญ่อีกคนที่มีเครดิตปรากฏในหนังฮอลลีวูดก็คือ "นก สินจัย เปล่งพานิช" ในหนังชื่อ "Air America" (1990) ที่มีสองพระเอกดังฮอลลีวูดอย่าง "เมล กิ๊บสัน" และ "โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์" มาแสดงคู่กัน
หนังฟอร์มใหญ่อย่าง "Alexander" (2004) ที่ยกกองถ่ายมาในประเทศไทยก็มีนักแสดงไทยร่วมด้วยหลายคน อาทิ บิณฑ์ บันลือฤทธิ์, จรัญ งามดี ฯ
"คริสตัล วิรุฬห์จรรยา" นักแสดงนางแบบสาวลูกครึ่งไทยอังกฤษที่มีผลงานโฆษณาและงานละครหลายต่อหลายเรื่อง อาทิ มหัศจรรย์วันเกิด, เขาหาว่าหนูเป็นเจ้าหญิง, เจ็ดมหัศจรรย์, เพลงดินกลิ่นดาว, อนันตาลัย ฯ รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง แจ๋ว ก็เป็นอีกคนที่ได้มีโอกาสสัมผัสบรรยากาศของฮอลลีวูดจากหนังชื่อคุ้นหูอย่าง "Street Fighter : The Legend of Chun-Li" (2009) และ "The Scorpion King 3: Battle for Redemption" (2012) โดยใช้ชื่อในวงการที่เป็นสากลว่า "Krystal Vee"
ส่วนที่โดดเด่นในระยะหลังๆ ก็คงจะต้องยกให้กับนักแสดงสาว "มะหมี่ นภคประภา" ที่ไปคว้ารางวัลนำหญิงยอดเยี่ยมในงาน 2003 Slamdunk Film Festival จากหนังฝรั่งเศสเรื่อง "Butterfly Man” และเมื่อปีที่แล้วเจ้าตัวก็ได้มีโอกาสกระทบไหล่ดาราสาวชื่อดังของฮอลลีวูด "ชารอน สโตน" ในหนังแอ็กชั่นภาคต่อเรื่อง Largo Winch II (2011) ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็มีนักแสดงรุ่นใหญ่ของไทยอย่าง "นิรุตติ์ ศิริจรรยา" อยู่ด้วย
นอกจากนี้ก็ยังมี "ซาร่า มาลากุล เลน" ใน Belly of the Beast (2003) แสดงร่วมกับ สตีเวน ซีกัล, Sharktopus (2010) หนังไซไฟทางทีวีของ HBO, Tied in Knots (2008) และ The Wayshower (2011) และที่เพิ่งจะเป็นข่าวไม่นานมานี้ก็คือนักร้อง-นักแสดงสาว "ญาญ่าญิ๋ง รฐา โพธิ์งาม" ที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับพระเอกชาวอังกฤษขวัญใจสาวๆ หลายๆ คน "ไรอัน กอสลิ่ง" (The Notebook, Lars and the Real Girl, Driver) รวมถึงนักแสดงรุ่นใหญ่ "คริสติน สก็อต โทมัส" (The English Patient, Mission Impossible ฯลฯ) ใน "Only God Forgives" ที่ยกกองมาถ่ายในเมืองไทย
ฟากของนักแสดงชาย เด่นๆ คงต้องยกให้กับหนุ่ม "ชาคริต แย้มนาม" ที่นอกจากหนังเรื่อง "Belly of the beast" แล้วเจ้าตัวยังมีโอกาสได้แสดงแบบกระทบไหล่ "นิโคลัจ เคส" ใน "Bangkok Dangerous : ฮีโร่เพชฌฆาตล่าข้ามโลก" อีกด้วย
อีกคนที่เด่นมากๆ แม้จะไม่ได้มียศเป็นพระเอกอะไรกับเขาก็คือ "หมึก อภิชาติ ชูสกุล" ซึ่งหน้าที่โดยหลักก็คือเป็นคนประสานงานให้กับกองถ่ายหนังต่างชาติหลายต่อหลายเรื่องที่มาถ่ายทำในบ้านเรา และด้วยความสามารถทั้งในเรื่องภาษาและการแสดงนั่นเองเจ้าตัวจึงได้มีโอกาสแสดงในหนังอย่าง "Rescue Dawn" ที่มีดาราดังอย่าง คริสเตียน เบล ร่วมแสดง รวมถึง "The Beach" ของหนุ่มหล่อ "ลีโอนาร์โด ดีคาปริโด" และอีกคนที่ไปแบบไม่ได้เปิดให้เห็นหน้ากันก็คือในรายของ "ฝน ประภาพร จันทร์แสนตอ" คนไทยคนเดียวที่ได้แสดงในหนังดังยอดฮิต "ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์" หลังมีหนังที่เข้ากับบุคลิกหรือคาแรกเตอร์ของเธออย่าง "นาร์เนีย" ในตอนราชสีห์ แม่มด กับตู้พิศวง (The Chronicles of Narnia: The Lion,The Witch And The Wardrobe) เข้ามา เจ้าตัวก็ถูกสตูดิโอเรียกตัวเธอไปแสดงทันทีโดยไม่ต้องแคสติ้งแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามกับการใช้คำว่า "เล่นหนังฮอลลีวูด" นี้แม้จะมีบางส่วนที่จัดได้ว่าเป็น "ของจริง" ทว่าก็มีจำนวนไม่น้อยที่ดูเหมือนว่าคำพูดที่ให้สัมภาษณ์ออกมานั้นดูจะใหญ่โตไปไกลกว่าเนื้องานที่ได้ทำจริงๆ แต่กระนั้นก็ใช่ว่ามันจะไม่มีความ "เป็นจริง" เอาเสียเลย
ที่สำคัญก็คือเราจะนิยามคำว่า "โกฮอลลีวูด" นี้ว่าอย่างไร?
ได้ไปถ่ายในสตูดิโอของฮอลลีวูดที่แคลิฟอร์เนีย, ได้แสดงหนังที่กองถ่ายยกกองมาบ้านเรา, ได้ร่วมงานกับดาราที่เคยทำงานในฮอลลีวูด หรือได้ทำงานกับบริษัทเล็กๆ ยิบๆ ย่อยๆ ที่มีอยู่มากมายซึ่งโยงใยจนกลายเป็นอุตสาหกรรมหนังที่ยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดในโลกแห่งนี้ เพราะตามปกติก็มีบริษัทที่ทำหนัง-รายการทีวี จากเมืองนอกมาเปิดสาขาในประเทศไทยอยู่จำนวนไม่น้อยอยู่แล้ว เช่น angel & bear productions จากอเมริกาที่จะผลิตหนัง(รวมถึงรายการทีวี)โดยใช้โลเกชั่นในประเทศไทยเป็นหลักรวมถึงดารา นักร้อง นักแสดงไทยร่วมกับนักแสดงต่างชาติโดยมีผลงานที่ผ่านมาอย่าง A KISS, A BITE , BITTER/SWEET(ข้ามฟ้า หาสูตรรัก) , SHADOWS ซึ่งนักแสดงไทยที่ผ่านงานของค่ายนี้ก็มีหลายต่อหลายคน ทั้ง มะหมี่ นภคประภา, ทาทา ยัง, ตอง ภัครมัย, พอลล่า เทเลอร์, พลอย จินดาโชติ ฯลฯ
"ที่ผ่านมาแม้ว่าจะบอกว่ามีนักแสดงเมืองไทยไปเล่นหนังฮอลลีวูด แต่ก็พูดได้ว่าแทบจะไม่มีผลอะไรต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมหนังไทยหรือแม้กระทั่งตัวนักแสดงเองเลยนะ"..."อภินันท์ บุญเรืองพะเนา" นักวิจารณ์ภาพยนตร์ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับการได้แสดงหนังฮอลลีวูดของนักแสดงไทย
"เหตุผลหลักๆ ก็คงจะเป็นเพราะเนื่องจากบทบาทที่ได้รับส่วนใหญ่ก็ไม่ต่างอะไรกับไม้ประดับของภาพยนตร์ซึ่งเป็นบทบาทเล็กๆ ไม่ได้มีความหมายต่อการที่จะถูกพูดถึงหรือโด่งดังขึ้นมาในระดับสากล ไม่มีอะไรดีๆ หลงเหลือในความทรงจำ"
"ที่สำคัญก็คือการแสดงของผู้ที่เรียกตัวเองว่านักแสดงในบ้านเรา ยังหาความสามารถที่จะไปข่มบารมีหรือแม้แต่เทียบชั้นนักแสดงต่างประเทศไม่ได้เลย คนที่ทำมาหากินด้านการแสดงของบ้านเรายังพอใจอยู่เพียงการได้เฉิดฉายอยู่ในวงการมายา มากกว่าจะพยายามพัฒนาศักยภาพทางการแสดงของตัวเองจริงๆ"
"กระนั้นก็ดี ต้องมองด้วยว่า หนังกากๆ ในบ้านเราก็มีส่วนอย่างสูงที่เสริมส่งนิสัยเสียๆ ให้กับคนที่ประประกอบอาชีพด้านการแสดงของบ้านเรา เพราะหนังเหล่านั้นไม่ต้องใช้ทักษะการแสดงอะไรมากมาย เหมือนที่พูดกันว่า หนังห่วยๆ บางเรื่อง เอาแม่ค้ากล้วยปิ้งมาเล่นก็ได้ ไม่เห็นต้องเป็นอั้ม หรือพลอยเลย หนังกากๆ ย่อมคู่ควรกับการแสดงแบบกากๆ"
สำหรับเหตุผลที่นักแสดงไทยได้มีโอกาสมีส่วนร่วมแชร์ในคำว่าฮอลลีวูดนั้น "อภินันท์" มองว่าเป็นเงื่อนไขทางการตลาดและต้นทุนเป็นสำคัญ
"หากมองในเชิงการตลาด เราคงมิอาจปฏิเสธได้ว่า การที่ฮอลลีวูดหันมามองนักแสดงในถิ่นอื่นๆ อย่างบ้านเรา บางที ก็ไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่านักแสดงในบ้านเราเก๋าหรือเจ๋งแต่อย่างใด เพราะที่จริงมันก็เป็นแค่กลยุทธ์ทางการตลาดแบบหนึ่งซึ่งอาศัยวิธีดึงดาราที่คิดว่ากระแสกำลังนิยมของประเทศนั้นๆ มาแสดงร่วม เพื่อเรียกคนดูในประเทศนั้นๆ นั่นเอง"
เป็นความเห็นที่ดูจะเป็นไปในทิศทางลบแต่ก็คงต้องยอมรับว่ามีความจริงอยู่ไม่น้อยหากมองไปถึงบทบาทของนักแสดงระดับแถวหน้าของเอเชียหลายต่อหลายคนที่ได้ไปร่วมงานกับฮอลลีวูด ไม่ว่าจะเป็น หลี่หลินเจี๋ย (เจ็ทลี), เฉินหลง, หลิวเต๋อหัว โดยเฉพาะในรายหลังนั้นถึงกับประกาศว่าจะไม่กลับไปร่วมงานกับฮอลลีวูดอีกแล้วโดยให้เหตุผลว่าได้รับแต่บทห่วยๆ ที่ไม่ได้ต่างอะไรไปจากไม้ประดับของหนังเท่านั้น
มองไปยังตารางหนังทำเงินอย่าง บ็อกซ์ ออฟฟิศ ที่ผ่านมามีหนังสายพันธุ์ไทยแท้เพียงเรื่องเดียวคือ "องค์บาก" ที่สามารถขึ้นไปอยู่ในอันดับ 17 ของตารางพร้อมส่งให้ชื่อของ "จา พนม ยีรัมย์" นักแสดงไทยเรากลายเป็นพระเอกนักบู๊ขวัญใจชาวต่างชาติในชื่อของ "โทนี่ จา" ขณะที่หนังอย่าง Bangkok Dangerous ที่ดาราดังอย่าง นิโคลัส เคจ ลงทุนทุ่มเงินสร้าง-กำกับและแสดงด้วยตนเอง โดยมีพระเอกหนุ่มของไทย ชาคริต แย้มนาม ร่วมแสดงด้วยนั้น แม้หนังจะเปิดตัวเป็นอันดับ 1 ของบ็อกซ์ ออฟฟิศ แต่เสียงวิจารณ์ต่างสับตัวหนังเละเทะ แถมเมื่อรวมรายได้ทั้งหมดหนังกลับขาดทุนอีกต่างหาก
"คือถ้าจะว่าเป็นระดับที่เรียกว่ากันว่าเป็นดาราดังอะไรเลยเนี่ยมันคงยาก ยากจนต้องบอกว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยนะ เพราะเอาเฉพาะดาราของบ้านเขาเองก็มีกันนับไม่ถ้วนอยู่แล้ว..." หนึ่งในคนแวดวงหนังไทยให้ความเห็นถึงการโกฮอลลีวูดของดาราไทย
"แล้วถ้าจะพูดกันจริงๆ เราไม่ได้โกฮอลลีวูดนะ แต่เป็นฮอลลีวูดโกมาหาเรามากกว่า ซึ่งจะโกหรือไม่โกผมว่าไม่ใช่สาระสำคัญอะไรเลยนะ เพราะที่สำคัญที่เราจะต้องสนใจมันน่าจะเป็นเรื่องของศักยภาพของนักแสดงหรือว่าคุณภาพหนังของเราโดยรวมมากกว่าว่ามีดีพอที่จะทำให้ต่างชาติเขายอมรับได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งจริงๆ บ้านเรามีส่วนร่วมในหนังฮอลลีวูดหรือหนังต่างชาติเยอะนะ แต่จะเป็นเรื่องของพวกโลเกชั่น พวกทีมงานเบื้องหลัง กราฟฟิก-ดีไซเนอร์ ในฮอลวีวูดก็มีคนไทยทำงานอยู่หลายคน หรืออย่างจะเป็นทีมสตันท์ของคนไทยเราเนี่ยก็ถือว่าไม่ธรรมดา"
"เพียงแต่ว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากๆ ที่เราเองไม่ค่อยจะต่อยอดหรือไม่สามารถต่อยอดจากตรงนี้ได้ หรืออย่างเมื่อปีที่แล้วคุณปรัชญา ปิ่นแก้ว เอง ก็ได้มีโอกาสกำกับหนังให้ต่างชาติเรื่อง Elephant White ซึ่งก็บอกว่าเป็นของฮอลลีวูด ก็มี เควิน เบคอน มาแสดงร่วมกับนักแสดงไทยอีกหลายต่อหลายคน แต่หนังก็เงียบมากๆ"
ด้วยเหตุนี้การโกฮอลลีวูดแบบไทยๆ นอกเหนือไปจากการเป็น "โอกาสที่ดี" แล้วมันคงจะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เลยตราบใดที่นักแสดงบ้านเราไม่คิดที่จะพัฒนาฝีมือตนเองตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายยังไม่สามารถสร้างหนังที่มีมาตรฐานโดยรวมให้เป็นที่ยอมรับได้นั่นเอง