xs
xsm
sm
md
lg

เพราะเราคู่กัน : หากันจนเจอ... ‘เจ’ เจตมนต์ มละโยธา ชีวิตรักสวีทฮาร์ทกว่าโหลปี กับ ‘จิ๊’ จิตาภา เอื้ออมรรัตน์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ขณะที่ค่ายเพลงเล็กๆ สมอลล์รูมกำลังเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท 'เจ - เจตมนต์ มละโยธา' หรือรู้จักกันในฐานะศิลปินวงเพนกวินวิลล่า ก็ปลูกต้นรักจนผลิดอกออกผลงดงามโดยมีแฟนสาว 'จิ๊ - จิตาภา เอื้ออมรรัตน์' เป็นผู้ร่วมรดน้ำพรวนดินด้วยกันมากว่า 12 ปี

จนในที่สุดทั้งคู่ก็ตกลงปลงใจเริ่มต้นชีวิตคู่ และให้กำเนิดสักขีพยานตัวน้อยๆ ‘น้องเจอ’ มาเป็นโซ่ทองคล้องใจ เจ ให้นิยามของครอบครัวของเขา

“เป็นต้นไม้ เป็นความสดชื่นในชีวิต ที่เราต้องดูแลเพราะเป็นต้นไม้ที่เราปลูก ถ้าเราดูแลดีก็จะได้รับความสดชื่นเสมอไป ต้นไม้มันมีความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง และก็เป็นความสุขที่เรียบง่าย ซึ่งเราไม่ต้องไขว่คว้า”

จะว่าไปแล้วความรักที่มีให้ภรรยานั้น เป็นความรู้สึกพิเศษมากๆ และไม่คาดคิดว่าจะเกิดความรู้สึกแบบนี้ได้อีก แต่พอมีลูกชายตัวน้อยเขาก็เจอความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง เป็นความรู้สึกประหลาดที่เกิดขึ้นกับผู้เป็นพ่อแม่

“มันเกิดมิติหนึ่งของความรักที่ไม่เคยคิดไม่เคยรู้สึกมาก่อน มันเป็นสิ่งที่เราไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีความรู้สึกนี้เกิดขึ้น มันเป็นมิติของความสุขรูปแบบหนึ่ง อย่างตอนที่เป็นแฟนกันมันเป็นความรักแบบกระชุ่มกระชวยหัวใจเต้นแรง พอมีลูกมันเป็นความสุขที่ตอนก่อนหน้าที่จะมีไม่มีทางได้รับรู้ คือตอนก่อนจะมีก็มีความคิดว่าอยากมีลูก ก็เหมือนมีไปตามจารีต แต่ว่าแฟนเคยพูดเรื่องนี้ เขาบอกว่าการมีลูกมันเหมือนเป็นการสร้างความหมายของครอบครัว เป็นอีกมิติหนึ่งของความรัก พอมีจริงๆ ผมมีความรู้สึกว่ามันเป็นอีกมิติหนึ่งของความสุข มันมหัศจรรย์มาก ไม่คิดว่าจะมีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นในชีวิต”

ย้อนกลับไปถึงครั้งแรกที่ได้เจอแฟนสาวตั้งแต่สมัยเรียนอยู่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จะบอกว่าเป็นรักแรกพบก็คงจะไม่ผิด เพราะเพียงเห็นเธอในรูปถ่ายเขาก็รู้สึกประทับใจตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เจ เล่าถึงความประทับใจในครั้งนั้นอย่างอารมณ์ดี

“เจอกันที่มหาวิทยาลัย ตอนที่ผมเป็นรุ่นพี่ปี 2 แล้วแฟนเข้ามาปี 1 ตอนแรกเห็นน้องเขาจากในใบสัมภาษณ์ที่รุ่นน้องต้องกรอกให้รุ่นพี่ตอนจะทำเชียร์ แล้วก็มีรูปถ่าย ผมก็เห็นรูปถ่าย แล้วก็เฮ้ย!...สวยจังเลย (หัวเราะ) แล้วก็แบบปิ๊งเลย

“แล้วก็มาเห็นตัวจริงน้องเขาในโรงอาหาร นั่งกินข้าวอยู่..เราก็อืมม์! คนนี้นี่เอง น้องคนนี้! (น้ำเสียงตื่นเต้น) พอกินข้าวเสร็จน้องเขาก็ลุกขึ้นมา แล้วเพื่อนผมข้างๆ ก็บอกว่า เฮ้ย!...นั้นน้องเขาลุกแล้วเหรอว่ะ (หัวเราะ) คือตัวเตี้ยมาก ผมก็เลยยิ่งชอบใหญ่เลย ชอบผู้หญิงตัวเล็กๆ”

แต่ในช่วงนั้นเขาก็ยังไม่ได้ตัดสินใจจีบ หรือเปิดเผยความในใจต่อหญิงสาว เพราะมีความรู้สึกเจียมตัวว่า ตัวเองไม่เหมาะสม

“ตลอดเวลาที่เรียนมา ตั้งแต่เจอกันเมื่อตอนปี 2 ก็แอบชอบแบบเพื่อนๆ ก็พอจะรู้ขำๆ เป็นช่วงวัยรุ่นครับ ไม่ได้จีบอะไร เพราะผมรั่วครับ ค่อนข้างจะเฮฮาทำตัวน่าเกลียด (หัวเราะ) เช่น แก้ผ้าวิ่งอะไรแบบนี้ ก็เลยแบบว่ามันไม่มีทางที่จะไปข้องแวะกับคุณหนูใสสะอาด (หัวเราะ) รู้สึกว่าให้เขาอยู่อย่างนั้นดี แล้วเพราะผมค่อนข้างจะทะลึ่งตึงตังก็เลยไม่ได้อะไร”

แต่ในที่สุดพอเรียนจบชายหนุ่มอารมณ์ดีก็ตัดสินใจจีบ ด้วยความคิดที่ว่าเรียนจบแล้วและหญิงสาวที่แอบชอบก็คงไม่ได้เห็นความเลอะเทอะของตัวเองอีกแล้ว

“เรียนจบแล้วก็เลยตัดสินใจเขียนจดหมายไปหา เป็น ส.ค.ส. ปีใหม่มั้งครับ เป็นรูปถ่ายหนอนเรืองแสงที่ค่ายศิลปะเด็ก คือน้องเขาจะชอบออกค่ายศิลปะเด็ก ผมก็จะไปด้วย สาเหตุก็เพราะจะไปเจอน้องเขา เสร็จแล้วมันก็มีหนอนเรืองแสงตัวเท่าประมาณนิ้วโป้ง ผมเลยถ่ายรูป แล้วน้องเขานั่งดูผมถ่ายรูปหนอนเรืองแสงก็เลยส่งรูปนี้ไปเป็น ส.ค.ส. นั้นคือจุดเริ่มแรก

“แล้วตัดสินใจเขียนจดหมายไปหาเขา แล้วก็เขียนไปเรื่อยๆ เลย เป็นร้อยๆ ฉบับ ผมก็เขียนไปคือชอบที่จะเขียน ช่วงวัยรุ่นพลังเยอะ ซึ่งตอนนั้นผมอยู่ภูเก็ตไปทำงาน จนฉบับที่ร้อยน้องเขาก็มีจดหมายตอบกลับมา แต่ตอนนั้นแบบตื่นเต้นมาที่ได้จดหมายจากน้องคนนี้...ไม่น่าเชื่อ! ก็เริ่มมีความหวัง”

หลังจากจุดเริ่มต้นตรงนี้ 1 ปี เจก็เผยความรู้สึกพิเศษๆ กับเธอ และก็รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อยที่แฟนสาวก็แอบชอบตัวเองมาตั้งแต่ตอนปี 1

“แล้วตอนนั้นถึงได้รู้ว่า เขาก็ชอบเราเหมือนนิทานมาก ตอนที่เขาเจอเราก็แบบเหมือนเข้ารู้สึกว่าคนนี้น่ารักจังเลย (หัวเราะ) การปรากฎตัวครั้งแรกที่เขาเห็นผม เป็นห้องเชียร์ที่ผมกำลังดีดกีตาร์เพลงของ เจ-มณฑล สมัย 10 กว่าปีที่แล้ว กำลังดีดกีตาร์หล่อๆ เลย เป็นโชว์ของรุ่นพี่ ปรากฎว่าเขาชอบเรามาตั้งแต่เขาเข้าปี 1 แล้ว แต่ว่าต่างคนก็ต่างแบบอะไรยังไง ก็ยังงงๆ ไม่กล้า เขาก็ไม่คิดจะมีแฟนตอนเรียนด้วย รู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่อเข้าก็ชอบเราเหมือนกันตั้งแต่ตอนนู้นแล้ว”

จนกระทั่งในปี 2542 ทั้งคู่ก็ตกลงเป็นแฟนกัน แต่ก็คบหากันในลักษณะเพื่อนรู้ใจ เพราะคำว่าเพื่อนนั้นจะไม่มีวันตัดขาดความสัมพันธ์ เจ ค่อยๆ เล่าถึงความประทับใจในตัวแฟนสาว

“เหมือนเราเป็นเพื่อนกัน เป็นเพื่อนกันตลอดไป แล้วมันจะคือพอมันเป็นเพื่อนมันจะไม่มีวันเลิกกัน มันมีมิติของความเป็นเพื่อนทุกข์เพื่อนสุขอยู่ เหมือนเราเป็นเพื่อนกันทัศนคติตรงนี้มันใกล้เคียงกันด้วย คือเขาดูลุยๆ ถึงหน้าตาและภายนอกอาจจะดูเป็นแบบคุณหนู แต่ว่าพอเห็นสิ่งที่เขาทำกิจกรรม เหมือนไปลุยค่ายเอามือไปจับหัวหมูป่าในค่ายศิลปะ เขาเป็นแนวแบบว่าแมนๆ เท่ๆ และก็คาดเดายากเพราะว่าเขาจะนิ่งมาก”

แม้คำว่าสามีและพ่อจะมีความต่างกันอยู่แต่เขาก็ไม่ได้ละเลยสถานะใด ยังคงเป็นชายที่รักและเอาใจใส่ครอบครัวอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

“ตอนนี้เป็นทั้งสองอย่างไปแล้ว ความสุขของตอนนี้เราและก็แฟนก็จะพุ่งไปที่ลูก ส่งความสุขไปที่ลูก มันก็จะได้รับความสุขนั้นกลับมา ผมรู้สึกว่าตอนนี้เป็นคุณพ่อที่ส่งความสุขไปเท่าที่จะทำได้แล้วมันก็จะได้รับกลับมาทั้งในฐานะพ่อและสามี”

นอกจากลูกชายจะเป็นโซ่ทองคล้องใจของผู้เป็นพ่อแม่แล้ว ยังเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างญาติมิตรทั้งสองฝ่ายให้ใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม เจ กล่าวทิ้งท้ายถึงการรักษาความสัมพันธ์ในสถานะคู่รักว่าชีวิตจริงเราก็จะมีปัญหาที่จะต้องเจออยู่ตลอด ยิ่งพอคนสองคนมาอยู่ด้วยกันมีลูกมันก็จะมีปัญหามากกว่าการอยู่คนเดียว

“เวลาเราเผชิญหน้ากันบางทีมันก็ต้องมีทะเลาะเบาะแว้ง แต่ว่าเราจะไม่รู้ด้วยอะไรนะครับ ก็ไม่รู้ว่าด้วยลูกหรือเพราะอะไรคือมันน่าจะเป็นเรื่องที่เรามีกันอยู่แค่นี้ ความที่รู้สึกว่าเป็นเพื่อนความรักกันทุกอย่างก็จะกลับมา หลักง่ายๆ ไม่ว่าจะเราผิด หรือเขาผิดก็ตาม เราต้องเป็นฝ่ายง้อ เราเป็นผู้ชาย ผมคิดว่าน่าจะเป็นคนที่เข้าไปเริ่มต้นในการปรับความรู้สึก”
………..

การเริ่มที่จะรักใครสักคนคงไม่ใช่เรื่องยากไปกว่าการที่เปิดเผยความในใจให้เขาได้รับรู้ จะว่าไปแล้วความรักคงไม่มีใครมากำหนดได้นอกจากตัวคุณเอง อย่างเรื่องราวความรักของ เจ-เจตมนต์ ถ้าวันนั้นเขาไม่ตัดสินใจกลับมาเปิดเผยความในใจต่อแฟนสาวก็คงไม่มีครอบครัวที่น่ารักอย่างเช่นทุกวันนี้ ฉะนั้นอย่ากลัวความผิดหวัง อย่ากลัวที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใครสักคน
>>>>>>>>>>>

………..
เรื่อง : ณ
ภาพ : เฟซบุ๊กเจตมนต์ มละโยธา


ภาพครับครัวเจ จากฝีมือ วิศุทธิ์ พรนิมิตร นักวาดการ์ตูนชื่อดัง
กำลังโหลดความคิดเห็น