นางเอกใหม่แกะกล่อง ดีกรีมิสมอเตอร์โชว์ “ไอซ์-อามีนา กูล” สาวลูกครึ่งไทย-ปากีสถาน เธอมาอวดเคมีการแสดงครั้งแรกในชีวิต กับการประกบคู่พระเอกซุป’ตาร์ “มาริโอ้” ในภาพยนตร์แนวโรแมนติกคอมเมดี้ “รักสุดทีน” ซึ่งทุกฉาก...ทุกตอน เธอหอบเสน่ห์อันเหลือล้น ทั้งรูปร่างและหน้าตา ซึ่งจัดว่าเป็นสาวสัดส่วนดีที่จะทำให้หนุ่มๆ ทุกคนต้องเหลียวหลังมามอง เพราะนางเอกของเรื่องนี้ถูกกำชับภายใต้โจทย์ที่ว่าต้องนุ่งยีนส์สวยที่สุด ให้สมกับบทบาทกระชากอารมณ์ท้าทายหัวใจแบบสุดทีน
M-Lite จะพาทุกคนมารู้จักสาวสวย หน้าใส วัย 18 ปี “ไอซ์-อามีนา” กันแบบปอกเปลือกทั้งในและนอกจอ เพื่อให้คุณได้ใกล้ชิดกับสาวหลายบุคลิกคนนี้มากขึ้น ทั้งน่ารัก เปรี้ยว ซ่าส์ และเซ็กซี่ ที่รวมอยู่ในคนคนเดียวกัน ในนาทีนี้บอกได้คำเดียวว่า “น่ารักสุดทีน” มากๆ
“มิสมอเตอร์โชว์” เวทีแจ้งเกิด
จากการชนะเลิศ มิสมอเตอร์โชว์ ปี 2010 ทำให้เธอเป็นที่รู้จักในวงการมากขึ้น ฐานะสาวก้านยาวนามว่า “ไอซ์” และแถมดีกรี “มิสมอเตอร์โชว์” พ่วงท้าย แม้ว่าชื่อเสียงจะไม่เปรี้ยงซะทีเดียว แต่จากงานถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา ทำให้หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตาเธออยู่ไม่น้อย และในปีเดียวกันนี้เธอยังได้รับรางวัลโล่พระราชทานในฐานะลูกกตัญญูแห่งชาติอีกด้วย
“ไอซ์ได้ที่ 1 ในการประกวด มิสมอเตอร์โชว์ ปี 2010 ตอนอายุ16 ปี ปีนั้นเป็นรางวัลที่ค่อนข้างภูมิใจ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จขั้นแรก แล้วหลังจากที่ได้มิสมอเตอร์โชว์ก็จะมีงานถ่ายโฆษณาเป็นผลิตภัณฑ์บ้าง ถ่ายหนังสือบ้าง”
ในปีเดียวกัน เธอยังได้รับรางวัลโล่พระราชทานในฐานะลูกกตัญญูแห่งชาติ จากพระองค์เจ้าโสมฯ ความสำเร็จในปีนั้นของเธอ จึงเป็นใบเบิกทางสู่อนาคตดาวรุ่งดวงใหม่แห่งวงการบันเทิงได้ไม่ยากนัก
“สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ได้เสนอชื่อเราเข้าไปในฐานะนักเรียน นักศึกษา ตอนนั้นเรายังไม่ได้ทำงานด้านวงการบันเทิงเต็มตัว ตอนแรกเราก็งงเหมือนกันว่าเขารู้จักเราได้ยังไง เหมือนว่าเขามาถามคนแถวๆ บ้านว่าเราเป็นคนยังไง เอาเรื่องราวของเราไปเล่า โดยที่ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนเลย แต่ดีใจนะที่คนรอบข้างเขามองว่าเราเป็นอย่างนี้”
เธอจึงเล่าถึงความรู้สึกจากส่วนลึกในใจที่มีต่อแม่ให้ฟังว่า “เราเป็นคนรักแม่มาก (น้ำเสียงเน้นย้ำอย่างจริงจัง) แม่เป็นเหมือนเพื่อน เราจะคุยกันทุกๆ เรื่อง บางคนอาจคิดว่าเพื่อนมาก่อน เพราะคิดว่าจะคุยกับเพื่อนได้ทุกเรื่อง แต่สำหรับเราแม่นี่แหละสามารถคุยกันได้ทุกเรื่องจริงๆ ไม่ว่าจะเรื่องความรัก การเรียน ท่านให้คำปรึกษาได้ตลอด และก็คิดว่าคุณแม่เป็นคนที่ให้คำปรึกษาที่ดีที่สุดด้วย”
ไม่เพียงแค่มิสมอเตอร์โชว์ที่สาวไอซ์เคยผ่านการประกวดมาแล้ว ก่อนหน้านั้นเธอเป็นสาวนักล่าฝันแห่งเวทีการประกวดมาแล้วหลายงาน ถ้าใครได้ติดตามการประกวดมิสทีนไทยแลนด์ 2009 คงจำเธอได้ในฐานะสาวสวยผู้ครองตำแหน่ง มิสโคคาไอดอล
“เราอยากใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ อยากหาประสบการณ์ใหม่ๆ ประกอบกับชอบงานและวงการบันเทิง เพราะจะได้มีเพื่อน และที่สำคัญช่วยฝึกฝนตัวเองให้มีความสามารถมากขึ้น ทำให้เราพัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆ ตอนได้ตำแหน่ง มิสโคคาไอดอลมา ตอนนั้นไอซ์ยังผมสั้นเท่านี้อยู่เลย (ทำท่าชี้ติ่งหู) เพื่อนๆ ชอบเรียกเด็กยะลาบ้าง เด็กปักษ์ใต้บ้าง เพราะหน้าจะผอมๆ เล็กๆ ซึ่งตอนนั้นผอมมากและตัวเล็กมาก แล้วก็ผมสั้น เพราะเพิ่งเรียนจบ ม.ต้นมา”
นางเอกป้ายแดง
ผ่านมา 3 ปีในแวดวงบันเทิง ไอซ์จึงมีโอกาสจับงานแสดงชิ้นแรกในชีวิต พร้อมทั้งขึ้นแท่นนางเอกใหม่แกะกล่องของค่ายสหมงคลฟิล์มในทันที จึงเป็นที่จับตามองของใครหลายคนกับงานแสดงที่ต้องนับหนึ่งใหม่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และกว่าจะเป็นนักแสดงอาชีพได้ เธอต้องผ่านการเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างมากมาย
“งานทำให้พัฒนาตัวเองตลอดเวลา จากก่อนที่เราจะมาแสดง อาจเคยมีฝีมืออยู่ที่บันไดขั้นที่ 1 พอเริ่มทำอะไรอีกอย่างอาจจะขึ้นเป็นขั้นที่ 2 ขั้นที่ 3 เชื่อว่าคนทุกคนจะต้องมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และการมาทำงานตรงนี้จึงเหมือนเป็นการพัฒนาตัวเอง ซึ่งงานแสดงมันต้องอาศัยทั้งความเข้าใจ ความรับผิดชอบ ความตรงต่อเวลา และสมาธิ เป็นสิ่งสำคัญของการทำงาน ถ้าเราทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เราชอบ มันจะทำออกมาได้ดี”
ผู้กำกับฯ บอกว่าไอซ์เป็นนางเอกที่ใส่กางเกงยีนส์สวยที่สุด สิ้นเสียงประโยคคำถาม ไอซ์หัวเราะขึ้นมาทันที แล้วพูดตอบว่า “วันแรกที่ไปแคสติ้ง เราได้ยินมาว่าเรื่องนี้เขาอยากได้นางเอกที่ใส่กางเกงยีนส์สวย เราก็ใส่กางเกงยีนส์ไปเลยคะ แล้วก็เดินตรงเข้าไปเลย เข้าไปหาพี่โต๊ะ (ปริภัณฑ์ วัชรานนท์ หัวหน้าทีมพากย์พันธมิตร ผกก.รักสุดทีน) พี่โต๊ะก็ชี้บอกใช่เลย! เราก็งง แล้วเขาก็ให้บทมาอ่าน มีพี่ต้นเป็นแอ็กติ้งโค้ช เขาก็คอยติวให้ เราก็ยังงงอะไรต่ออะไร พอหลังจากแคสต์เสร็จ 2-3 วัน พี่เขาก็โทร.มาบอกว่าเราได้นะ เราก็แบบเฮ้ย!...ใช่เราเหรอ” สรุปแล้วไอซ์ใส่กางเกงยีนส์สวยจริงๆ เหรอ? ผู้สัมภาษณ์ถามซ้ำ (นางเอกสาวยิ้มเขิน)
ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านงานแสดง แอ็กติ้งไม่เคยเรียน ผ่านแต่งานถ่ายแบบมาตลอด เมื่อผู้กำกับฯเลือกเธอถึงกับร้อง...เฮ้ย! ใช่เราหรือเปล่า แม้ว่าตอนแรกไม่คิดเลยว่าจะผ่านการแคสต์ครั้งนี้และยังได้รับบทตัวเอกเสียด้วย จึงทำให้ไอซ์ทั้งตื่นเต้น และกดดันตัวเองอยู่พอสมควรในคาแร็กเตอร์ของมินตรา สาวผู้ทรงเสน่ห์ และหนึ่งเดียวที่กุมหัวใจของมาริโอ้
“คาแร็กเตอร์ของมินท์ หรือมินตราจะเป็นผู้หญิงที่นิ่งเงียบ มีอะไรน่าค้นหา เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ ขนาดผู้ชายที่หล่อกระชากใจวัยรุ่นสาวทุกคนที่ถือว่าเป็นเพลย์บอยตัวพ่อ อย่างเอกชัย (ฉายาว่าถึงใจ รับบทโดย มาริโอ้) ก็มาหลงรักมินท์ แล้วก็มองการณ์ไกลว่ามินท์จะต้องเป็นเนื้อคู่ที่ฟ้าส่งมาให้เขา”
ครั้งแรกกับมาริโอ้
การแสดงหนังครั้งแรกจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา ถ้ายิ่งได้เล่นประกบคู่กับพระเอกซุป’ตาร์อย่าง มาริโอ้ด้วยแล้วละก็ต้องรู้สึกเกร็งเป็นสองเท่า เพราะความหล่อที่กระชากใจสาวขนาดนั้น ผู้หญิงคนใดได้อยู่ข้างกายรับรองว่าร้อยทั้งร้อยก็ต้องพานหวั่นไหว หัวใจเต้นโครมครามอย่างแน่นอน
“ยิ่งเล่นกับพี่มาริโอ้ด้วย ตอนแรกก็รู้สึกเกร็ง รู้สึกกดดันมากคะ ด้วยความที่พี่เขาเป็นซูปเปอร์สตาร์อยู่แล้ว เราเองใหม่จริงๆ ฝีมือการแสดงเราไม่มีอะไรเลยแล้วเขาเป็นพระเอกสุดฮอต ผ่านงานหนัง งานละครมาเยอะ พอเริ่มเข้าซีนวันแรก เราเล่นไม่ได้ ตัวแข็ง เลยโดนผู้กำกับไล่ให้ไปทำความรู้จักกันใหม่เลย เวลาเข้าต่อบทกันมันจะได้ดูลื่นๆ หน่อย”
“แต่พอหลังจากที่ได้มาเล่นก็รู้สึกว่าพี่เขาน่ารัก มีน้ำใจในการสอนว่าเราต้องแอ็กติ้งยังไง เหมือนเขามีประสบการณ์ในการทำงานมากกว่าเรา เขาก็จะสอนเรา หรือบางฉากที่อาจไม่ได้ถ่ายรับหน้าพี่โอ้ แต่พี่โอ้ก็มาช่วยต่อบทให้ ส่งอารมณ์ให้ในหลายๆ ฉากเลย”
อย่างมาริโอ้ถือว่าเป็นสเปกไหม? “พูดได้เลยว่าก่อนมาร่วมงานไอซ์ก็คงเหมือนเพื่อนๆ หลายคนที่ปลื้มพี่โอ้ ด้วยความที่เขาเป็นนักแสดงคนหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาที่สมบูรณ์แบบ และเป็นถึงขั้นซูปเปอร์สตาร์ เราก็ปลื้มเขานะ แต่หลังจากที่ได้ร่วมงานกัน เราก็มองเห็นถึงเสน่ห์ของพี่โอ้ และเชื่อว่าหลายๆ คนที่ได้รู้จักและทำงานกับพี่โอ้จะไม่ได้ปลื้มเขาแค่รูปร่างหน้าตาเท่านั้น แต่ปลื้มเขาตรงที่นิสัย ด้วยความที่เขาเป็นคนเฟรนด์ลี่ แล้วก็เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่นักแสดงใหม่หลายๆ คน เป็นที่น่าชื่นชมของผู้ใหญ่หลายๆ คน ทั้งเรื่องการตรงต่อเวลา และการมีสัมมาคารวะ”
รัก “วงการบันเทิง”
การเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงของไอซ์ แม้ว่ายังเริ่มต้นไม่เต็มตัวเท่าไหร่นัก เพราะเธอมีอีกหนึ่งหน้าที่ต้องรับผิดชอบ นั่นคือการเรียน เพื่อเตรียมสอบเอนทรานซ์ในปีหน้า แต่ภาพยนตร์ เรื่อง รักสุดทีน ก็ได้เปลี่ยนความฝันวัยเด็กของเธอ จากอนาคตว่าที่แอร์โฮสเตสสาว วันนี้เต็มใจมาเป็นนางเอกภาพยนตร์แทน เพราะตัดสินด้วยความรู้สึกที่ว่า “วงการบันเทิงนี่แหละ...ใช่แล้ว”
“เมื่อเรามาทำงานตรงนี้แล้ว เราก็อยากทำให้มันดีที่สุด อยากมีจุดยืนที่แน่นอน ถ้าคิดว่าเรารักตรงนี้ เราก็จะทำตรงนี้ให้ดีที่สุด เราอยากพัฒนาตัวเองด้วย เพราะคิดว่าตอนนี้เรายังเป็นมือใหม่มากๆ ไม่ได้มีฝีมือเหมือนคนอื่นๆ เขา เรายังต้องอาศัยดูคนนั้น คนนี้ที จึงยังต้องเรียนรู้ประสบการณ์ และต้องขอคำแนะนำจากหลายๆ คนด้วย”
อย่างนี้ไอซ์ต้องมีนักแสดง หรือคนในวงการบันเทิงที่ชื่นชอบในใจอยู่แล้วใช่ไหม? “ไอดอลของไอซ์ คือ "ชมพู่" อารยา เอ ฮาร์เก็ต ชอบมานานแล้วค่ะ ตั้งแต่เรื่องแรกที่เขาเล่น เราคิดว่าพี่เขาเป็นคนที่ฝีมือพัฒนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการแสดง และทุกสิ่งทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตัว ความเป็นตัวเขา เราคิดว่ามันน่ารัก ดูเป็นตัวของตัวเอง ดูจริงใจ จึงขอเลือกพี่ชมพู่นี่แหละมาเป็นไอดอล”
ตอนนี้ไอซ์กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียน เสสะเวชวิทยา สายศิลป์-ฝรั่งเศส และกำลังจะเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย ในคณะนิเทศศาสตร์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในฝันที่เธออยากเอาความรู้ทางด้านนี้มาพัฒนาสายอาชีพในวงการบันเทิงต่อไปในอนาคต
“อยากเรียนด้านเกี่ยวกับ Communication Arts นิเทศศาสตร์ ภาคอินเตอร์ เพราะจะได้ภาษาด้วย ที่คิดไว้ถ้าไม่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็คงเป็นมหาวิทยาลัยกรุงเทพ อินเตอร์ฯ กล้วยน้ำไท และที่เรียนตรงนี้เพราะความชอบ แต่ที่เราวางอนาคตไว้ปลายชีวิตตอนเป็นคุณป้า หน้ายิ้มๆ ว่าจะทำอะไรก็คือ เปิดร้านขายขนมไทยประยุกต์ เป็นการเอาขนมไทยผสมกับขนมฝรั่ง แบบว่าเอาทองหยิบ ทองหยอดมาราดด้วยช็อกโกแลตอะไรแบบนี้ เชื่อว่ามันน่าจะอร่อย เพราะชอบกินอะไรแปลกๆ เลยตั้งใจว่าในอนาคตจะเปิดร้านแปลกอย่างนี้แหละ”
ชีวิตลูกครึ่งปากีฯ ในเมืองไทย
ตอนนี้มีเด็กสาวลูกครึ่งหลายคนกำลังแหวกว่ายหาจุดยืนในวงการบันเทิงอยู่ไม่น้อย และไอซ์ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นเดียวกัน แต่ถ้าคิดในมุมของเด็กคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวที่แสนอบอุ่น และมีความรักเป็นจุดยืน ถือว่าไอซ์เป็นเด็กผู้หญิงที่หลายคนต้องอิจฉากับเส้นทางเดินในชีวิตที่ไม่ธรรมดา ก่อนที่จะตามหาความฝันจนเจอในวันนี้ เธอต้องปรับตัวและผ่านการเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งด้านภาษา วัฒนธรรม และการใช้ชีวิตในเมืองไทย
“ไอซ์เกิดที่เมืองไทย เป็นลูกครึ่งไทย-ปากีสถาน คุณแม่เป็นคนไทย และคุณพ่อเป็นคนปากีสถาน พอเกิดได้ 2 เดือนก็บินไปปากีสถานซึ่งเป็นบ้านเกิดคุณพ่อ จึงเติบโตและเรียนอยู่ที่นั้นจนถึงเกรด 2 แล้วไปอยู่กับคุณยายที่ฮอลแลนด์ แต่คุณแม่ชอบเมืองไทย เราเลยกลับมาอยู่กันที่นี่”
“เริ่มมาเรียนที่เมืองไทยตอนอายุ 8 ขวบ ตอนนั้นก็พอพูดไทยได้บ้างเพราะคุณแม่จะสอนบ้างเป็นบางคำ ค่อยๆให้เราได้หลายๆ ภาษาจนถึงปัจจุบันเราอยู่เมืองไทยมาสิบปีแล้ว และก็ชอบมากๆ เพราะรู้สึกว่าเมืองไทยเป็นประเทศที่มีน้ำใจทุกคนใจดีและชอบยิ้มให้กัน”
“ตอนนี้คุณพ่อทำธุรกิจอยู่ประเทศปากีสถาน ส่วนที่นี่มีคุณแม่อยู่กับลูกสาวทั้ง 5 คน ไอซ์มีน้องสาว 4 คน คือคุณพ่อเขาอยากได้ลูกผู้ชายสักคนไว้ในครอบครัว แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีลูกผู้ชายเลย กลายเป็นสาวๆ รวมเราด้วยก็เป็น 5 คน ดูเยอะนะ (หัวเราะ) เราเป็นพี่สาวคนโต ในบ้านเราจะห่างกันหัวปี ท้ายปี ตอนนี้ไอซ์อายุ 18 ปี คนเล็กสุดก็อายุ 8 ขวบ”
ไอซ์เล่าย้อนถึงความทรงจำดีๆ ในวัยเด็ก ซึ่งวันวานครั้งนั้นถือเป็นจุดประกายฝัน ที่ทำให้เธอรู้ตัวเองว่าชอบเรื่องของความบันเทิงอย่างจริงจัง ในวัยเพียง 8 ขวบเศษๆ
“ไอซ์เป็นคนชอบทำกิจกรรมตั้งแต่เด็ก ชอบเต้น แต่จริงๆ เราเป็นคนขี้อายมาก ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งเราอยากเต้นเพลง O.K. นะคะ - แคทรียา อิงลิช แต่ไม่ได้เต้น เพราตอนแรกที่เราอยากเต้นเนื่องจากเห็นเพื่อนๆ เขาได้ดอกไม้กัน มีคนปรบมือให้ เราเลยอยากได้ อยากเต้นบ้าง แต่ติดตรงที่เราขี้อายมาก เขาให้ทำอะไรก็ไม่ทำ แค่ถือไมค์ เราก็เหงื่อออกเต็มมือแล้ว ตอนนั้นร้องไห้ด้วยนะที่ไม่ได้เต้น ที่เราไม่ได้เต้นกับเพื่อนๆ เพราะครูเขาเห็นว่าเราเป็นเด็กใหม่ เพิ่งเข้ามาเรียน อาจจะยังไม่เข้าใจภาษา แล้วขี้อายด้วย ดูกลัวๆ พอมาอีกปีนึง เราทำทุกอย่างเลย ให้ทำอะไรก็จัดไปเต็มที่เลย”
“ฮะจิบัง” เป็นฉายาที่เพื่อนๆ ในห้องมักเรียกเธอเป็นประจำ ซึ่งดูเธอจะคุ้นเคยกับฉายาที่เพื่อนตั้งให้ ด้วยความที่ไอซ์เป็นคนอิสลาม คำไหนที่ลงท้ายว่าบัง เพื่อนคนสนิทก็จัดมาให้เธอแบบไม่คิดสตางค์ บ้างก็เรียก “อามีนาบัง” หรือไม่ก็ “ฮะจิบัง” บ้าง จึงเป็นเรื่องสนุกสนานของเธอกับเพื่อนๆ ไป
“ยามว่างไอซ์ชอบไปเดินเล่นสยามฯ เป็นสถานที่ที่ไปบ่อยมาก ใครไปบ่อยก็คงได้เจอไอซ์ ตอนกลางวันก็ไปเดินเล่น ฟังเพลง หรือไปตีแบดมินตันที่โรงเรียนกับเพื่อนๆ เพราะส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนหรือไม่ก็เป็นคุณแม่ ทั้งแม่และเพื่อนจะไปไหนด้วยกันบ่อยมาก เพื่อนๆ จะไม่กลัวแม่ของไอซ์เลย ทุกคนจะรู้ว่าแม่เราใจดี และเพื่อนบางคนยังโทร.มาปรึกษาแม่เลย เพราะคุณแม่เป็นคนเข้าใจวัยรุ่น เขาคอยอัพเดทตลอดเวลา เพื่อให้รู้ว่าวัยรุ่นยุคนี้ต้องการอะไร”
ของรักของหวงของไอซ์
สาวหลายบุคลิกอย่างไอซ์ เดาทางไม่ถูกเลยว่าเธอจะชอบสะสมของกุ๊กกิ๊กเล็กๆ น้อยๆ ที่ออกแนวน่ารักกับเขาด้วย ไม่ว่าจะเป็น Snowball, แหวนแฟชั่นวงใหญ๋ใหญ่ และตุ๊กตาหมีสีหวานน่ากอด ซึ่งภายนอกอาจมองเห็นเป็นสาวขาลุย แซบ เปรี้ยว ซ่าส์ แต่อีกมุมหนึ่งของเธอก็หวานเจี๊ยบจนมดขึ้นไม่ทันเหมือนกัน
“ชอบสะสม Snowball เพราะคิดว่าบางครั้งคนเรามันก็ต้องมีโมเมนที่แบบว่าอยากอยู่เงียบๆ มีดนตรีเบาๆ เราก็ชอบหมุนมันจะดูไปด้วย มันเป็นอะไรที่เพลินมาก ยิ่งเวลาก่อนนอน เราก็จะหมุนฟัง”
แต่มี Snowball สุดรักสุดหวงเป็นพิเศษอยู่อันหนึ่ง ซึ่งมีคุณค่าต่อเธอมาก เพราะเก็บความทรงจำดีๆ ที่มีระหว่างเธอกับผู้ให้ ซึ่งเธอจะไม่มีวันลืมมันเลย ไอซ์สานต่อเรื่องราวให้ฟังว่า “อันนี้จะหวงเป็นพิเศษ เพราะเพื่อนที่ซื้อให้คนนั้นเขาจากเราไปแล้ว เวลาเราหมุนฟัง ก็จะคิดถึงเขา เขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ เราเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน ตั้งแต่สมัยอยู่มัธยมปลาย เพิ่งผ่านมาได้สักพักนึงเอง แล้วเขาก็ถูกรถชนหลังจากซื้อให้เรา ตอนนั้นทำให้เราหลอนไปเลย จึงรักอันนี้มาก Snowball แสนรักอันนี้จะเป็นเสียงดนตรีเพราะๆ ซึ้งๆ ไม่มีเนื้อร้อง อารมณ์เพลงคล้ายแนวไททานิก แต่ไม่ใช่นะคะ”
ตอนนี้ Snowball ที่บ้านมีมากกว่า 50 อัน จะบอกว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ Snowball เลยก็ว่าได้ มีทั้งแบบมีเสียงและไม่มีเสียง มีเสียงจะมีประมาณ 20 กว่าอัน แต่ถ้าไม่มีเสียง ประมาณ 30 กว่าอัน ไอซ์บรรยายภาพต่อว่า “สมมติถ้าสะสมเป็นบ้านๆ มันจะดูน่ารักมากเลยนะ ตอนนี้เราก็ตั้งโชว์ไว้เยอะมากเหมือนกัน อันไหนที่มันคล้ายๆ กันเราก็เอาเก็บไว้”
ส่วนที่มาของการสะสมแหวนนั้น มาจากความชอบส่วนตัวของเธออีกเหมือนเดิม ซึ่งตอนนี้มีจำนวนเกือบ 40 วงแล้ว ไม่ว่าเธอจะไปไหนมาไหน หรือแม้แต่อยู่บ้านเฉยๆ ไอซ์ก็ขอใส่แหวนโตๆ สักหน่อย ยิ่งใหญ่เธอก็ยิ่งชอบ
“เราไม่เน้นการแต่งตัว แต่ว่าจะเน้น Accessories เน้น Prop ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไปไหน แต่งตัวอยู่บ้านเล่นๆ เราก็ต้องขอใส่แหวนวงหนึ่ง แต่ต้องเป็นวงที่ดูใหญ่ๆ คือเราเป็นคนติดแหวนมาก ไม่ว่าจะไปที่ไหน ใส่ชุดอะไร ถ้าไปโรงเรียนใส่แหวนได้ เราก็คงใส่ไปแล้ว เป็นคนติดแหวนมาก เพราะรู้สึกว่าการใส่แหวน ทำให้เรามั่นใจในตัวเองมากขึ้น มันก็แปลกไปอีกอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ บางคนเขาอาจพกพระ ชาวพุทธก็จะมีเครื่องรางของขลังอะไรของเขา แต่เราพกแหวน เพราะคิดว่ามันเป็นตัวเรา”
และสุดท้ายตุ๊กตาหมี ของที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะสะสม แต่พอเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ และแต่ละตัวนั้นมีความหมายและมีที่มาที่แตกต่างกัน จึงกลายเป็นของสะสมอีกอย่างหนึ่งไปโดยปริยาย ซึ่งวันนี้เธอเอามาโชว์แค่ 3 ตัวให้ดูก่อน เป็นเจ้าหมีตัวน้อย ตัวกลาง และตัวใหญ่
“ตัวนี้ภูมิใจเสนอมาก (หมีขนสีน้ำตาลเข้ม) เพราะว่าไปต่อคิวยาวมากๆ กว่าจะได้ตัวนี้มา ไม่ได้มาจากการซื้อนะค่ะ แต่ได้มาจากการจับสลากเพียงแค่ 10 บาท ทุกคนอยากได้ตัวนี้มาก ตอนนั้นเราอยู่ ม.1อยากได้ตุ๊กตาตัวนี้มาก ไอซ์ก็เลยไปต่อคิว แล้วเชื่อไหมว่ามีนักเรียนต่อคิวเกือบประมาณ 300 คน ซื้อสลากมา 10 บาท ใบเดียว แล้วก็จับได้ ตอนจับได้นะเพื่อนอิจฉากันหมดเลยว่าจับได้ได้ไงเนี่ย แหมก็แน่อยู่แล้วว่าของแบบนี้มันอยู่ที่ดวง จริงมั้ยค่ะ (ยิ้ม)
แล้วอย่างตัวนี้ก็เป็นตัวที่รักเหมือนกัน (หมีครีมอ่อนเสื้อลายฟ้าขาว) เพราะว่าเป็นตุ๊กตาตัวแรกที่คุณแม่ซื้อให้ ปกติคุณแม่ไม่ค่อยซื้อตุ๊กตาให้ไม่รู้ว่าทำไม แต่ตัวนี้เป็นตัวแรกที่เราเพิ่งจะได้เป็นของขวัญวันเกิด ส่วนตัวนี้เป็นตัวที่ได้มา(หมีตัวเล็ก) จากการประกวดมิสมอเตอร์โชว์ค่ะ ตรงก้นมันก็จะนิ่มๆ ชอบจับ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นของรักของหวงของไอซ์ ซึ่ง Snowball Music Box เหล่านี้ เราก็จะเอาไว้ฟังก่อนนอน อย่างหมีตัวนี้เราก็จะเอาไว้กอด ส่วนแหวนพวกนี้เราก็จะเอาไว้ใส่ไปข้างนอก ซึ่งแต่ละอย่างก็จะมีความหมายทั้งหมดเลย”
โสดมา 18 ปีแล้ว
“ไอซ์ไม่เคยมีแฟนนะ” หลังจากได้ยินประโยคที่พูดออกมาอย่างชัดเจนและเต็มเสียงขนาดนี้ หนุ่มๆ หลายคนคงใจชื้นขึ้นเป็นกอง แต่ถ้าใครจะเข้ามาจับจองหัวใจเธอ ต้องมีคุณสมบัติอย่างหนึ่งบอกให้เป็นแนวก่อนเลยว่า “ตลกไว้ก่อน ได้แฟนแน่นอน”
“ไม่ว่าเราจะบอกใครก็ไม่มีใครเชื่อเลย รู้รึเปล่า คือ ไอซ์เกิดมา 18 ปี ยังไม่มีแฟน อันนี้เป็นเรื่องจริง (หัวเราะ) ไม่รู้ว่าที่เขาไม่เข้ามาจีบเพราะคิดว่าเรามีแฟนอยู่แล้วรึเปล่า ก็เคยมีคนแซวๆ บ้าง แต่เขาคงกลัวว่าเดี๋ยวแฟนเขาจะมาเตะเอา แต่จริงๆ เราไม่มีแฟน ยังเคยพูดกับเพื่อนเลยว่า เราต้องเอาป้ายมาเขียนคำว่า “โสด” คล้องคอไว้ (หัวเราะ)”
“ไอซ์เป็นคนชอบคนตลกนะ เพราะคิดว่าเวลาเราอยู่กับเพื่อนฮาๆ เราจะรู้สึกอารมณ์ดีไปด้วย ถ้าเรามีแฟนตลกๆ อารมณ์ขันก็คงจะสนุก คงไม่เกร็งเวลาไปไหนมาไหนด้วย มันก็จะเป็นได้ทั้งเพื่อนทั้งแฟน ทำให้เรารู้สึกดีกว่าที่เราจะมานั่งเกร็ง ทำตัวเรียบร้อย จึงคิดว่าขอให้เป็นทั้งเพื่อนและแฟนจะดีกว่า”
ถึงแม้ว่าสาวไอซ์จะไม่เคยมีแฟนก็จริง แต่ใช่ว่าเธอไม่เคยรู้จักคำว่ารัก เพราะคำนี้ไม่ได้ใช้กับแฟน หรือคนรักเท่านั้น แล้วคนที่มีความรักในใจเต็มเปี่ยม ซึ่งพร้อมจะมอบให้แก่คนรอบข้างอย่างไอซ์ จะมีมุมมองความรักยังไงบ้าง
“ความรักมันเป็นอะไรที่สวยงามนะ ความรักมันเป็นเหมือนกำลังใจให้กันกับคนทุกๆ คน ไม่ว่าเราจะรักใครก็แล้วแต่ ความรักมันเหมือนเป็นแรงบันดาลใจ เป็นแรงจูงใจ และเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในการดำเนินชีวิตของคนเรา สำหรับคนคน หนึ่งถ้าไม่มีความรักให้แก่เพื่อน พ่อ แม่ หรือว่าให้แก่ใครก็ไม่สามารถอยู่บนโลกใบนี้ได้ เหมือนที่ตอนนี้เรารัก พ่อ แม่ เพื่อน และคิดว่าจะตั้งใจเรียนและทำงานให้ดีที่สุด
และสำหรับนิยามคำว่า “รักสุดทีน” ไอซ์คิดว่าน่าจะเป็นอะไรที่สามารถทำให้คนคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง เป็นแรงบันดาลใจและก็ทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีขึ้นเพื่อคนคนหนึ่งได้ เหมือนเป็นกำลังใจ เป็นอะไรที่สามารถทำให้เราทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความเต็มที่ให้แก่คนคนหนึ่ง และไอซ์ก็คิดว่าความรักเป็นแรงบันดาลใจสำหรับการทำทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่คน 2 คนได้”
“สุดท้ายนี้ขอฝากผลงาน ภาพยนตร์ เรื่อง “รักสุดทีน” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องแรกของไอซ์ที่ทำด้วยความตั้งใจแล้วก็เต็มที่มากคะ มีทั้งแง่คิด ข้อคิด แล้วก็อะไรหลายๆ อย่างที่แฝงอยู่ในเรื่องเดียว มันเป็นความรักหลายๆ รูปแบบที่อยู่ในเรื่องเดียวกัน ที่สำคัญจะได้เห็นพี่โอ้ในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน รับรองว่าทุกคนจะต้องอมยิ้มกันอย่างแน่นอนค่ะ”
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-นามสกุล : อามีนา กูล (ไอซ์)
วัน/เดือน/ปีเกิด : 27 เมษายน 2536
ส่วนสูง : 47.5 กก. /172 ซม.
การศึกษา : กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียน เสสะเวชวิทยา สายศิลป์-ฝรั่งเศส
ผลงานที่ผ่านมา : Miss coca idol 2009 จากเวที Missteen thailand, Miss Motorshow 2010, ถ่ายนิตยสารแฟชั่น, รางวัลโล่พระราชทานลูกกตัญญูแห่งชาติจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ
ผลงานล่าสุด : ภาพยนตร์ เรื่อง รักสุดทีน
ข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/ASTV สุดสัปดาห์
ภาพโดย ธนารักษ์ คุณทน