“รถเมล์ตีนผี” Unseen in Bangkok หลายคนพร้อมใจกันยกให้รถเมล์เมืองไทยขึ้นชื่อว่า “นรก” สุดๆ
เป็นที่กล่าวขานกันมานานถึงความยอดแย่ของพนักงานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ไล่ตั้งแต่คนขับรถโดยสาร ยันกระเป๋ารถเมล์ ซึ่ง ขสมก.พยายามปรับเปลี่ยนแก้ไขซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่ว่าจะบริหารงานเท่าไหร่ก็มีแต่ขาดทุนแล้วขาดทุนอีกวันยังค่ำ
ด้วยลีลาการขับรถราวกับนักขับ Formula 1 ในเมืองหลวง ปาดซ้ายที...ปาดขวาที กระเป๋ารถเมล์ก็เร่งด้วยปากเสริมทัพเข้าอีก “เร็วอีกๆ ...ไม่ทันแล้ว” บนถนนช่วงระยะหนึ่งคนขับเหยียบมิดเหมือนเป็นจุดสตาร์ทเข้าสู่ถนนการแข่งขัน ซึ่งมีป้ายรถเมล์ถัดไปเป็นเส้นชัย
ไล่ตั้งแต่ “รถเอกชนร่วมบริการ” ขึ้นชื่อนักหนากับลีลาการขับรถเมล์ที่โหดที่สุด คนนั่งเหมือน “ตกนรก” ไปชั่วขณะหนึ่งเพราะทันทีที่เหยียบบันไดรถขึ้นมาได้แล้ว อาจโชคร้ายไม่มีที่นั่ง แต่อย่าคิดว่าคนนั่งจะโชคดีนะ เพราะต่างคนก็ต่างนั่งเกร็งจนเมื่อยไปตลอดทาง ในทุกวินาทีที่ทุกคนร่วมชะตากรรมเดียวกันต้องมีสติตลอดเวลาไปกับการภาวนา ชน...ไม่ชน
ถ้าคุณได้สิทธิพิเศษยืนตลอดทาง เหมือนคุณได้เข้าคอร์สออกกำลังกาย เพราะมือทั้งสองข้างต้องจับราวให้มั่น โยกตัวไปตามแรงกระชากของเกียร์ เท้าทั้งสองข้างจิกพื้นให้แน่น ถ้าไม่ทำตามคำเตือนนี้อาจได้เพิ่มสิทธิ์ตัวปลิวทะลุกระจกได้ทุกเวลา
ทันทีที่กระเป๋ารถเมล์มาประชิดตัว เราจะได้ยินประโยคจากปากยมทูตประจำรถเมล์นรกนี้ไม่กี่คำ “เร็วหน่อยๆ...” หรือไม่ก็ “ชิดในๆ...” แต่ถ้าเธออารมณ์เสียขึ้นมาเมื่อไหร่ อาจเพราะเปียแชร์ไม่ได้ หรือหวยไม่ถูก ประโยคเหล่านั้นจะเปลี่ยนเป็นคำสบถขึ้นมาทันที
“ชิดในสิ...ยืนขวางอยู่ได้”
“ผิดคันแล้ว หัดมองป้ายเสียบ้างสิ”
“ไม่ก้าวสักที ลงป้ายหน้าแล้วกัน” ผู้โดยสารจึงกลายเป็นที่รองรับอารมณ์ของกระเป๋ารถเมล์ที่ส่วนมากมารยาทดังได้รับการอบรมจาก “ทัณฑสถาน”
ในขณะที่อยู่บนรถโปรดชื่นชมสภาพรถ “เส็งเคร็ง” ไปพลางๆ ก่อน ซึ่งบางคันแย่สุดเกินจะบรรยาย เสากลางรถหลุด ที่จับขันนอตไม่แน่น พื้นไม้พุ เบาะนั่งขาด คงความเก่าไว้เป็นมรดกโลกหรืออย่างไร ราวกับรถสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ไม่ปาน
ถ้ามีโอกาสได้นั่ง ปอ. อย่าเพิ่งคิดว่าได้ขยับคลาสขึ้นมาหน่อย เพราะถ้าฝนตกขึ้นมาเมื่อไหร่ จะต้องมีที่นั่งสัก 2-3 ที่เจอแจ็กพอตหลังคารั่วตรงนั้นพอดี และกรุงเทพฯ เอาแน่เอานอนกับฤดูฝนไม่ได้ด้วย จะรู้แจ้งเลยว่าที่ตรงนั้นมันช่างทรมานเกินจะบรรยายมากกว่าเอาหน้าไปนั่งตากลมเป็นไหนๆ
มาถึงความโหดของ “รถเมล์ฟรี” กันบ้าง ซึ่งในปีแรกๆ ประชาชนสุดแสนจะดีใจที่ได้ใช้รถเมล์ฟรี ถ้าจำกันได้คนขึ้นรถเมล์ฟรีแน่นขนัดทุกคัน แต่เดี๋ยวนี้โล่ง...ว่าง ไม่ใช่ไม่มีใครขึ้น แต่คนขับเขาไม่จอด เพราะเขามีนโยบายส่วนตัวที่ว่า “รถเมล์ฟรี วิ่งหนีประชาชน” ชาวบ้านวิ่งร้องตาม “รอด้วย...รอด้วย” รถเมล์ฟรีไม่สนใจ แถมพ่นควันใส่หน้า พร้อมเหยียบคันเร่งมิดจากไปอย่างรวดเร็ว
พอกดกริ่งลงป้ายหนึ่ง จะแถมให้อีกป้ายหนึ่ง ขึ้นชื่อว่า “ตีนผี” ไม่ต่างอะไรกับรถเอกชนร่วมบริการ หรือรถร่วมมินิบัส วิ่งไม่จอดเลยสักป้าย ถ้าไม่มีคนลง แม้ว่าจะมีคนโบกรถก็ตาม เพราะเขายังคงคอนเซ็ปต์วิ่งหนีประชาชนเหมือนเดิม ฉะนั้น ถ้าป้ายไหนที่คนจะขึ้น แต่ไม่มีคนลง ก็อย่าหวังเลยว่ารถเมล์จะจอดให้ขึ้นมานั่งอย่างสบายใจ
ประสบการณ์รถเมล์ฟรี วิ่งหนีประชาชน เคยเจอกับตัวเองหลายครั้งที่ป้ายรถเมล์สาย 97 ภายในกระทรวงสาธารณสุข ตอนนั้นมีรถเมล์ฟรีจอดอยู่หนึ่งคัน คันถัดไปเป็นรถ ปอ. สายเดียวกันจอดรอผู้โดยสารอยู่ แต่พอคนจะขึ้นรถเมล์ฟรี พนักงาน ขสมก.กลับบอกว่า “รถไม่ออก ขึ้นคันหลังแทน” ทุกคนก็แห่ไปขึ้น ปอ.คันหลังที่ว่านี้ พอคนเต็มรถและจ่ายค่าโดยสารเสร็จ รถเมล์ฟรีออกรถทันที วิ่งไปรับผู้โดยสารป้ายต่อไป แล้วไหนบอกว่ารถไม่ไปแล้วมาออกก่อน แถมยังรับผู้โดยสารระหว่างทางปกติ อย่างนี้ตั้งใจหลอกกันชัดๆ
จึงไม่ต้องแปลกใจที่ทำไม ขสมก. ขาดทุนทุกปี เพราะว่ามีพนักงานห่วยๆ อย่างนี้นี่เอง (แต่สำหรับคนที่ทำดีแล้วก็ขอให้ทำดีต่อไป) ที่ผ่านมาก็เคยมีข่าวโกงตั๋วโดยสาร โดยเอาตั๋วเก่าสภาพดีที่ผู้โดยสารทิ้งแล้วเอามาขายให้ผู้โดยสารคนใหม่ กลายเป็น “ตั๋วเวียน” เงินที่ได้จากตั๋วทุจริตนี้ก็เอาเข้ากระเป๋าตัวเองไปเหนาะๆ
เห็นว่า ขสมก.จะมีนโยบายให้พนักงานพูดทักทายผู้โดยสารอย่างสุภาพ “สวัสดีครับ” “สวัสดีค่ะ” แต่ถ้าพนักงานไม่ทำด้วยใจ เห็นทีคงไร้ค่าไม่นานคงกลับมาเป็นเหมือนสภาพเดิมที่เราเคยเจอ
สงสารแต่ผู้โดยสารต้องทนรับชะตากรรมกับ “อารมณ์เหวี่ยง” ของกระเป๋ารถเมล์ และทนกับคนขับ “ตีนผี” อยู่ในรถเมล์ “ขุมนรก” ที่แสนยอดแย่และไร้ประสิทธิภาพ หรือคนไทยผู้จำเป็นใช้รถประจำทางต้องอดทนกับสภาพอย่างนี้ต่อไป โดยไม่มีใคร (ขสมก.) ออกมาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังเสียที คงไว้แต่สายรถเมล์ขาโหดสุดระทึกที่บั่นทอนจิตใจทุกครั้งที่ขึ้นไปซวยยกล้อบนเมล์นรก
ข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/ASTV สุดสัปดาห์