Muse Garden สวนแห่งแรงบันดาลใจที่ให้บรรยากาศของร้านอาหารแบบเทพนิยายชวนฝันย่านกลางเมือง ซึ่งรายล้อมไปด้วยตึกสูงใหญ่ระฟ้า ผู้คนภายนอกเดินขวักไขว่ไปมา แต่ภายในที่ตรงนี้กลับเงียบสงบและอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของอาหาร ดั่งอยู่ในเทพนิยายสมกับชื่อ “Muse Garden” อันหมายถึงเทพแห่งแรงบันดาลใจ เพื่อสร้างผลงานให้เกิดขึ้นในสวน (ร้าน) แห่งนี้
ด้วยอาหารสไตล์ฟิวชันฟู้ด แต่เน้นความเป็นไทย 80% นอกนั้นแม่ครัวหัวป่าสร้างสรรค์เมนูด้วยการหยิบนู้นนิดผสมนี่หน่อยแล้วได้เมนูใหม่ที่ถูกใจลูกค้า พร้อมรสชาติและหน้าตาที่ลงตัวในแบบ Muse Garden อย่ารอช้า...มาดูหน้าตาแต่ละเมนูกันเลยดีกว่า
ประเดิมจานแรกเริ่มจากเมนูที่ลูกค้าชื่นชอบมากที่สุด นั่นคือ “ปลาหมึกทอดพริกเกลือ” ได้ยินแค่ชื่อก็ต้องร้องว้าว...อะไรกันนี่ ปลาหมึก+พริกเกลือ? เจ้าของร้านสองพี่น้อง ติ้ว-ชยาภรณ์ มณีสุธรรม และ แต้ว-สุชาญา วงศ์สุรวัฒน์ จึงขอพูดถึงจุดเริ่มของการคิดสูตรเมนูนี้ขึ้นมาที่อร่อยลงตัวโดยแม่ครัวมืออาชีพ
“ปลาหมึกทอดพริกเกลือ สูตรผัดแบบจีนซึ่งเป็นการผัดด้วยความเร็ว และใช้ไฟแรงร้อนฉ่า หอมติดกระทะจนได้กลิ่นไหม้ๆ ให้อารมณ์เหมือนราดหน้าที่ต้องมีเส้นติดไหม้นิดนึงถึงจะอร่อย ยิ่งถ้าได้กินเล่นก็ยิ่งเพลินใหญ่ นอกกรอบ แต่เนื้อในนิ่มแทรกด้วยรสปลาหมึกที่ไม่เหมือนใครและไม่เผ็ดจนเกินไป เสิร์ฟพร้อมด้วยน้ำจิ้ม 3 รส ที่มีทั้งความหวาน เค็ม และเปรี้ยว จึงช่วยเพิ่มรสชาติเด็ดได้อย่างลงตัว”
“ลาบหมูทงคัตสึ” อร่อยตามเมนูแรกมาติดๆ ด้วยรสชาติเปรี้ยวนำ เค็มตาม กินไปกินมาเหมือนลาบหมูบ้านเรานี่แหละ แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือ “ทงคัตสึ” ที่แม่ครัวจับมาลงน้ำมันทอด ซึ่งตอนแรกทางร้านคิดสูตรราดด้วยน้ำยำ น้ำสลัด และอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่าง แต่สุดท้ายมาลงตัวที่ข้าวคั่วได้อย่างเข้ากันดี ชุบแป้งใส่ไข่ และคลุกเกล็ดขนมปังลงทอดเพิ่มความกรุบกรอบ แกมด้วยผักสีเขียวอย่างโหระพา ถั่วฟักยาว ผักกาดขาวก็อร่อยเลิศไม่เบา
เมนูถัดไป “ข้าวผัดกระเทียมปลาแซลมอน” รสชาติที่ออกมาจะได้กลิ่นหอมของซอส และปลาแซลมอนที่ไม่ติดคาว เด็กกินได้ ผู้ใหญ่กินดี แถมมีประโยชน์อีกด้วย ซึ่งกว่าจะได้เมนูนี้ เธอลองใส่ปลาหลายชนิดมานักต่อนัก แต่สุดท้ายแล้วมาลงตัวที่ปลาแซลมอน เมนูฟิวชัน ไทย-ญี่ปุ่น แบบคลุกคลิก “ถ้าเบื่อข้าวสวยก็สั่งข้าวผัดกระเทียมแทนได้” เจ้าของร้านนำเสนอ
เมนูแนะนำสุดท้ายเพื่อคนรักผักโดยเฉพาะ “คอร์นบีฟ บาซามิก” ได้รวบรวมกลุ่มผักสลัดไฮโดรโปนิกส์ไว้ในจานเดียว ซึ่งให้รสชาติหวานๆ เผ็ดๆ จากน้ำสลัดบาซามิกที่ราดลงทั่วทั้งจาน จึงเป็นอาหารผักสีเขียวที่ไม่มีความขมหลงเหลืออยู่เลย และมากด้วยคุณค่าทางอาหารไม่แพ้เมนูก่อนหน้านี้
เราหยุดพักเรื่องเมนูเด็ดสักครู่ แล้วมาดูคอนเซ็ปต์ของร้านที่ออกแนวสบายๆ เปิดเพลง Jazz และ Bossa เย็นๆ ส่วนผนังรอบด้านตกแต่งด้วยภาพถ่ายจากฝีมืออดีตช่างภาพเจ้าของร้าน ทั้งหมดจึงมาจากฝีมือการถ่ายภาพ Landscape ของเจ้าตัวเอง เมื่อลูกค้ารับประทานไป มองงานศิลปะไปก็ยิ่งทำให้เพลินตาเพลินใจไปกับบรรยากาศ และรสอาหารที่คัดสรรแต่ละเมนูมาให้ลูกค้าของร้านโดยเฉพาะ
ส่วนชั้นบนของร้านจะให้บรรยากาศไม่แตกต่างกับชั้นล่างเลย คงคอนเซ็ปต์ติดชิล บอกได้เลยว่าน่านั่งมาก มีการจัดเรียงโซฟา โต๊ะ เก้าอี้ ด้วยสีสันและรูปแบบที่แตกต่างกัน ทำให้ทุกมุมมองไม่น่าเบื่อ และยิ่งทำให้ชวนมองมากขึ้น ซึ่งเป็นการเอาความต่างมาอยู่รวมกันได้อย่างแปลกตา และพื้นที่ด้านหลังของชั้นบนนี้มีส่วน Open Air ที่ให้ลูกค้าได้รับลมธรรมชาติยามค่ำคืนได้อย่างสุดชิล
“ส่วนใหญ่พื้นที่ชั้นบนใช้เป็นที่จัดเลี้ยง สามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณ 40 คน มีโต๊ะเล็กๆ อาจจะดูงานศิลปะไป รับประทานอาหารไป หรือจะทำงานก็ได้ เรามีกาแฟ ของกินเล่นที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกได้ถึงช่วงเวลาพักผ่อนอย่างแท้จริง”
หลังจากที่ชื่นชมบรรยากาศร้านแบบเทพๆ ไปหนึ่งรอบ เรามาต่อด้วยของหวานรับประทานเล่น “โฮมเมดบราวนี่” ที่มีเนื้อในแน่น ช็อกโกแลตหวานหอม ราดหน้าด้วยวิปครีมนุ่ม ละลายในปากทันทีเมื่อถึงลิ้น ชิ้นนี้อร่อยมากกว่าที่บรรยายจริงๆ ถ้าใครไม่ชอบบราวนี่จะสั่งเยลลี่วิปครีมเขาก็มี หรือจะเป็นขนมหวานแบบไทยๆ อย่างเช่นสละลอยแก้ว เฉาก๊วยชากังราวก็เลือกชิมกันได้ ทางร้านพร้อมจัดมาตามสั่ง เพราะไม่อยากให้พลาดของดีของอร่อยโดยไม่ตั้งใจ...
Muse Garden Restaurant & Gallery ตั้งอยู่ในซอยอารีย์ ( พหลโยธิน 7 ) เข้ามาสุดซอยอยู่ทางด้านซ้ายมือ ใกล้กับ 7-11เลย ซ.อารีย์ 5 เล็กน้อย ก่อนทางเข้ากรมสรรพากร
เปิดบริการ : 11.00-14.00 น., 17.00-22.00 น. (ปิดเฉพาะวันเสาร์)
ราคาท่านละ 100 - 250 บาท
โทร. 0-2619-5107, 08-1801-1875
เมนูยกนิ้วให้
1.ปลาหมึกทอดพริกเกลือ (120 บาท)
2.ลาบหมูทงคัตสึ (140 บาท)
3.ข้าวผัดกระเทียมปลาแซลมอน (120 บาท)
4.คอร์นบีฟ บาซามิก (230 บาท)
ข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/ASTV สุดสัปดาห์
ภาพโดย พงศ์ศักดิ์ ขวัญเนตร