xs
xsm
sm
md
lg

“อนาวิน จูจีน” ฟุตบอลให้มากกว่าการมีสุขภาพดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
นักเตะลูกหนังแข้งทอง ฝีเท้าไม่เป็นสองรองใคร ในชั่วโมงนี้เขาเป็นคนเดียวที่ทุกคนต้องพูดถึง เอ็ม - อนาวิน จูจีน หนุ่มนักฟุตบอลอาชีพแห่งสโมสรบางกอกกล๊าส ซึ่งได้ฝากลวดลายในสนามฟุตบอลทั้งไทยและเทศมาแล้วหลายรายการ และสร้างความประทับใจให้เหล่าบรรดาแฟนคลับทั้งสาวน้อยสาวใหญ่มากมาย วันนี้เขาจะพามาดูเบื้องหลังการฟิตซ้อมของนักฟุตบอลทีมชาติ รวมถึงการดูแลตัวเองของนักกีฬาอาชีพ แล้วจะรู้ว่าการเล่นฟุตบอลไม่ได้ส่งผลดีแค่เรื่องสุขภาพเท่านั้น

กว่าจะเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ
ถ้าใครเคยทราบประวัติหนุ่มนักเตะไทยคนนี้มาบ้างแล้ว คงได้ใจใครหลายคนไปครอง ต้องยกให้แก่ความมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อเลือกทางเดินชีวิตที่ดีกว่าด้วยกีฬาฟุตบอล และหันหลังให้ยาเสพติดอย่างสิ้นเชิง

ใช่...แม้อดีตอนาวินเคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่วันนี้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองจนได้เป็นนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็กไทยอีกหลายคน อนาวินเล่าเท้าความให้ฟังว่า “จริงๆ แล้วมันไม่ได้เริ่มต้นที่ว่าเราอยากเป็นนักกีฬาทีมชาตินะครับ เพียงแต่ว่าสิ่งแรกที่คิดคือ อยากทุ่นค่าใช้จ่ายทางบ้าน โดยที่ไปหาโรงเรียนที่เป็นโรงเรียนประจำและมีทุนเรียนฟรี เพื่อที่จะแบ่งเบาภาระทางบ้านมากกว่า จึงพยายามที่จะไปสอบคัดเลือกที่โรงเรียนกีฬาให้ติด

ความรักในกีฬาฟุตบอล และความคิดที่ต้องการช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้าน เขาจึงอยากให้ทั้งสองสิ่งไปในทิศทางเดียวกัน แม้ต้องพบกับความผิดหวังมาถึง 2 ปี

“ตอนแรกเราไปคัดที่โรงเรียนกีฬา จ.สุพรรณบุรี ตอนอายุ 12 ปี ไปคัดมา 2 ปีแล้ว แต่ว่าตอนนั้นที่สุพรรณ โรงเรียนเขาดังมากในรุ่นที่ไปคัดก็มีประมาณ 1,500 คน รับ 15 คน คือ เท่ากับ ร้อยละ 1 และเราก็ติด 1 ใน 50 ก่อน แต่อันดับ 1-15 เราไม่ติด พอไม่ได้ก็กลับมาเรียนต่อ ม.1 ที่กาญจนบุรี ตอนนั้นก็ไม่ได้หวังอะไรแล้ว และทีนี้ก็มีจดหมายมาที่บ้านว่าโรงเรียนกีฬา จ.อ่างทองเขาจะเปิดใหม่ เขาจึงให้สิทธิ์คนที่ติด 1 ใน 50 ก่อน ที่จะได้เรียน เราจึงตัดสินใจที่จะไปเรียน แต่มีข้อแม้ว่าต้องเรียน ม.1 ใหม่”

“เมื่อเข้าเรียนโรงเรียนกีฬา จ.อ่างทอง ผมเป็นรุ่นที่โชคร้ายมาก เพราะว่าคนที่เกิด พ.ศ. 2530 ในช่วงนั้นไม่มีคัดทีมชาติให้เล่นเลย จะมีก็แต่รุ่นปี 2529 หรือไม่ก็โดดไป รุ่นปี 2531 เราก็ไม่สามารถเข้าไปเล่นกับเขาได้ จนเรียนถึงชั้น ม.6 แล้วเพิ่งจะมีโอกาสได้คัดทีมชาติครั้งแรก ตรงรุ่นอายุในตอนนั้นเป็นรายการ The Winner ซึ่งเป็นรายการทีมชาติธรรมดานี่แหละ แต่ช่อง 3 เอามาทำเป็นเรียลิตี เป็นการคัดออกสื่อ ทำให้ทางบ้านได้เห็นว่ามีวิธีการคัดเลือกยังไง ก็ดีนะ สนุกดี”

หลังจากนั้นมาอนาวินมีรายการทีมชาติเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในรุ่นอายุ 20 ปี ได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศอินโดนีเซีย และเป็นตัวแทนโครงการ เป๊ปซี่ เวิลด์ ชาลเลนจ์ รองชนะเลิศ ปี 2549 ส่วนรุ่นอายุ 21 ปี ได้แข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 25 ประจำปี 2552 ที่เวียงจันทน์ ประเทศลาว และเอเชียนเกมส์ 2010 (พ.ศ. 2553) ที่กว่างโจว ประเทศจีน

เมื่อถามว่ารักฟุตบอลไหม แน่นอนเขาไม่ลังเลที่จะตอบเลยว่า “รัก ผมคิดว่าเด็กผู้ชายเกิน 80% นะที่ชอบเล่นฟุตบอล” และเขาก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ชอบเล่นเช่นกัน อาจเพราะอนาวินคุ้นเคยกับฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก และเป็นนักกีฬาตัวแทนของโรงเรียนเช่นเดียวกับนักกีฬาตะกร้อที่เคยเล่นมาก่อนแล้ว

“ตอนแรกเลยผมเล่นตะกร้อ ไม่ได้เล่นฟุตบอล เพราะว่าตัวเล็กด้วย พอเวลาไปคัดฟุตบอลจึงไม่ค่อยติด แต่มันก็มีความโชคดี คือวันหนึ่งที่ผมมาซ้อมตะกร้อ ก็มานั่งดูเพื่อนซ้อมบอลด้วย และเผอิญคนเขาขาดจึงเรียกเราลงไปเล่นด้วย พอเล่นปุ๊บ เขาเห็นว่าเราเล่นดี เล่นได้ จึงเล่นควบคู่กันไปเป็นตัวแทนโรงเรียนทั้งตะกร้อและฟุตบอล”

ชาร์จแบตให้เต็มก่อนลงสนาม
ทุกวันนี้การฝึกซ้อมฟุตบอลเป็นงานหลักที่เขาต้องทำเป็นประจำ แล้วแต่โปรแกรมที่โค้ชจัดสรรเวลามาให้ซ้อม มาดูสิว่าในวันหนึ่งๆ นักฟุตบอลอาชีพต้องทำอะไรกันบ้าง

“ถ้าตอนเช้าจะซ้อมตั้งแต่ 8 โมงถึง 10 โมง ตอนเย็นก็บ่าย 4 โมงถึง 6 โมง ตอนเช้าเราต้องถึงสนาม 7 โมงครึ่ง ต้องตื่นประมาณ 6 โมงครึ่ง แล้วกินอะไรรองท้องไว้ก่อน ทิ้งระยะเวลาเพื่อให้อาหารย่อยก่อนลงสนามซ้อม และเริ่มซ้อมตอน 8 โมง ซึ่งโค้ชเขาจะมีโปรแกรมแต่ละอาทิตย์มาให้ ในแต่ละวันจะไม่เหมือนกัน เราไม่สามารถคาดเดาล่วงหน้าได้ว่าอาทิตย์หน้าเราจะว่างวันไหน โปรแกรมของแต่ละอาทิตย์กำหนดมาให้แล้วว่าอาทิตย์นี้ต้องการฟิตเนสสมรรถภาพร่างกายอย่างนี้ ฉะนั้นจึงขึ้นอยู่กับว่าต้องการอะไรในแต่ละอาทิตย์”

“พอลงสนามอย่างแรกเลยก็ไปยืดเส้นยืดสายกับเพื่อนๆ ไปวอร์มร่างกายก่อนเพื่อให้กล้ามเนื้อได้ขยับขยาย และสำคัญที่สุด คือการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เพราะถ้าเราไปเตะบอลเลย โดยที่เรายังไม่ได้ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ ฉะนั้นต้องวอร์มอัพร่างกายเบาๆ ก่อนเพื่อพร้อมรับการปะทะอย่างรุนแรง”

สิ่งสำคัญของนักกีฬาที่ควรเน้นเป็นพิเศษ คือช่วงเวลาพักผ่อนและการรับประทานอาหาร ซึ่งตรงนี้ทางสโมสรจะมีโปรแกรมการรับประทานอาหารมาให้แก่นักกีฬาว่าต้องกินอะไรบ้าง เพื่อให้ครอบคลุมครบทุก 5 หมู่ พร้อมทั้งให้อาหารเสริมจำพวกวิตามินร่วมด้วย

จะเห็นว่านักฟุตบอลมีเวลาว่างค่อนข้างมาก แต่ว่าไม่สามารถเอาเวลาว่างนั้นไปทำอะไรได้เพราะว่าต้องเตรียมร่างกายเพื่อลงซ้อมในแต่ละวันให้พร้อมอยู่ตลอดเวลา เหมือนที่อนาวินเคยพูดไว้ว่า “นักฟุตบอลมันเหมือนงานหลักของเรา ถ้าเราไม่มีสภาพมาเพื่อซ้อมมันก็ไม่ได้ จริงๆ แล้วเราต้องไม่ทำอะไรเลยเพื่อรอซ้อมบอลอย่างเดียว เพราะค่าตอบแทนที่เขาให้มันก็สูงพอสมควร ฉะนั้นจึงต้องดูแลตัวเองให้ดีก่อนที่จะลงสนามซ้อมทุกครั้ง”

เทคนิคเรียกพลัง
ดูแลตัวเองอย่างไรไม่ให้เกิดอาการแบตเสื่อมหรือเกิดภาวะหมดแรงไปเสียก่อน เคล็ดลับง่ายๆ ในการดูแลตัวเองของหนุ่มอนาวิน นั่นคือการกินอาหารให้ครบ 3 มื้อในแต่ละวัน เพราะเรื่องการกินเขาให้ความสำคัญรองมาจากการนอนหลับซึ่งถือว่าสำคัญมากเป็นอันดับหนึ่งเลยทีเดียว

“เมื่อเรากินแล้วออกกำลังกายมันก็จะไม่อ้วน ถ้านักกีฬานอนดึก มันก็เหมือนการชาร์จแบตไม่เต็มที่ พอต้องไปใช้งานจริง อาจทำให้แบตเสื่อมแบบเหนื่อยไว ถ้าเราพักผ่อนเต็มที่ ในตอนเช้าตื่นมากินอาหาร มันก็ดีต่อสุขภาพ

ปกติแล้ว ผมเป็นคนนอนไม่ค่อยหลับ ถ้าเป็นช่วงที่หยุดซ้อมบางทีก็เที่ยงคืน-ตี 1 แต่ถ้าเป็นช่วงซ้อม มีโปรแกรมหนักๆ เข้ามา ประมาณ 3-4 ทุ่มก็นอนแล้ว พอตื่นเช้ามาก็รู้สึกสดชื่น ปกติแล้วจึงออกกำลังกายสม่ำเสมอ แทบทุกวันก็ว่าได้”

และถ้าใครเลือกการออกกำลังกายด้วยการเล่นฟุตบอล อนาวินมีข้อคิดซึ่งเป็นเทคนิคการเล่นฟุตบอลเฉพาะตัวว่า “เทคนิคมันอยู่ที่ว่าเราเล่นเข้ากับเพื่อนร่วมทีมได้มากน้อยแค่ไหน เพราะมันไม่ใช่กีฬาประเภทโชว์เดี่ยว แต่เป็นประเภททีมจึงต้องอาศัยการร่วมทีม ถ้าเข้ากับเพื่อนร่วมทีมได้ดี มันก็จะประสบความสำเร็จได้มากกว่า มันดีกว่าที่เราจะเก่งคนเดียว”

“ฉะนั้นสิ่งจำเป็นมากที่สุดของทีมฟุตบอล คือการได้อยู่ร่วมกันนานๆ ได้ทำอะไรร่วมกัน มันเหมือนเป็นการสร้างความสัมพันธ์ แล้วจะรู้ใจกันด้วยเวลารับ-ส่งบอล สมมติบางคนเล่นฟุตบอลด้วยกันมา 5-6 ปี แค่มองหน้ากันก็รู้แล้วว่าเพื่อนจะวิ่งไปทางไหน จะรับ-ส่งบอลกันยังไง”

ฟุตบอลให้ทุกอย่างแก่ผม
แน่นอนที่การเล่นฟุตบอลจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย นี่เป็นความคิดของคนทั่วไปที่รู้อยู่แล้วว่าการเล่นกีฬาทำให้สุขภาพดีได้ แต่ผลลัพธ์ไม่ได้มีเพียงแค่นั้นในความคิดของนักฟุตบอลอาชีพดาวรุ่งอย่างอนาวิน เพราะเขาบอกได้เต็มปากเลยว่า “ฟุตบอลให้ทุกอย่างแก่ผม” ซึ่งเปรียบเสมือนใบเบิกทางให้พบโอกาสดีๆ มากมาย และวันนี้ฟุตบอลได้ให้ทุกอย่างแก่เขาทั้งชีวิต

“ข้อดีของการเล่นกีฬาฟุตบอล มันมีหลายอย่างเลย อย่างแรกเลยมันทำให้สุขภาพดี และที่สำคัญทำให้ได้สังคมเพิ่มขึ้น เพราะบางคนอาจเป็นชาวบ้านธรรมดาไปเล่นฟุตบอลตอนเย็นๆ แล้วอาจไปเจอผู้หลักผู้ใหญ่ที่เขามาออกกำลังกายเหมือนกัน จึงทำให้ได้รู้จักกัน เพราะลำพังเราอยู่บ้านปกติแล้วจะรู้จักกับคนอื่นได้คงลำบาก ฟุตบอลจึงเป็นตัวเชื่อมให้เข้าหากันได้

อีกอย่างหนึ่งเมื่อเล่นแล้วได้เข้ามาเป็นนักฟุตบอลอาชีพก็จะเป็นรายได้ สร้างอาชีพให้เรา ขนาดเด็กอายุ 10 กว่าปี หรือเพิ่งจบ ม.6 มาก็ได้ 30,000-40,000 บาทแล้ว นอกจากนี้ยังได้โอกาสเรื่องของการศึกษา เพราถ้าเรามีความสามารถพิเศษ พอเข้ามหาวิทยาลัยเขาจะมีทุนให้เรียนฟรี และโดยตัวผมเองเลย ฟุตบอลให้ทุกอย่างแก่ผม เพราะว่าที่เรามีบ้าน มีรถ มีทุกอย่างในวันนี้ขึ้นมาได้ก็เพราะฟุตบอลครับ”

รวมถึงการศึกษาที่ได้รับทุนนักกีฬาเรียนฟรี จากมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ซึ่งไม่ว่าตอนนี้อนาวินจะเป็นตัวแทนไปเข้าร่วมโครงการที่ไหน ก็ดูเหมือนว่าเป็นแมสคอตไปด้วยเลยในตัว เรียกว่าเข้าทำนองน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าเสียจริงๆ “ตอนนี้เรียนปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ปี 5 แล้วมั้งครับ (หัวเราะ) ผมเหลืออีก 7 ตัว จริงๆ แล้วเนี่ย ทางมหาวิทยาลัยเขาอยากให้เราคอยช่วยโฆษณาประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัย และเล่นกีฬามหาวิทยาลัยให้เขาด้วย และมหาวิทยาลัยก็ช่วยเรื่องค่าเล่าเรียนของเราด้วย”

อนาวินเป็นอีกคนหนึ่งที่ได้รับโอกาสดีๆ หรืออาจมีชีวิตที่ดีกว่าเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันอีกหลายคนด้วยซ้ำ ทั้งเรื่องอาชีพการงานและรายได้ซึ่งเป็นผลมาจากความเพียรพยายาม และความตั้งใจในการฝึกซ้อมฟุตบอลจนทำให้เขามีเช่นทุกวันนี้ได้

“เราโชคดีที่เลือกเล่นฟุตบอล ตอนเด็กมันก็เป็นทางแยกหนึ่งว่าเราจะเลือกเล่นฟุตบอลหรือตะกร้อ แต่สุดท้ายแล้วก็เลือกเล่นฟุตบอล เมื่อเราได้ติดทีมชาติแล้ว หลายๆ อย่างก็ตามเข้ามา คือเพื่อนรุ่นเดียวกันที่เก่งกว่าเราก็มีนะ เพียงแต่ว่าเรื่องจิตใจเขาไม่ได้ ไม่มีความอดทนในการฝึกซ้อมเพียงพอ พอซ้อมหนักๆ เขาก็ท้อถอย แต่พอก้าวแรกที่เราได้ติดทีมชาติปุ๊บเนี่ย ก็จะมีสโมสรและมหาวิทยาลัยมาติดต่อเราเอง มันจึงเป็นโอกาสที่ได้จากฟุตบอลทั้งหมด”

คงไม่ผิด ถ้าจะบอกว่า วันนี้...ฟุตบอลได้เปลี่ยนแปลงอนาวินไปทั้งชีวิต
“จากเด็กที่อดมื้อกินมื้อจนมีทุกวันนี้ได้ก็จากการเล่นฟุตบอล ตอนนี้มีงานในวงการบันเทิงเหมือนกันที่เข้ามาทาบทาม แต่ว่าเราต้องให้เกียรติทางนี้นะครับ คือว่าเราเกิดมาจากตรงนี้ทุกอย่าง เราเคารพในฟุตบอลที่ให้ทุกอย่าง เราไม่สามารถที่จะทิ้งตรงนี้แล้วไปที่อื่นได้ เพราะฟุตบอลเป็นเหมือนบันไดให้เราเดินขึ้นมา เมื่อมีฟุตบอลจึงมีเรา”

ตั้งเป้าหมายแล้วไปให้ถึง
แม้ว่าอนาวินจะเดินบนเส้นทางนักกีฬาฟุตบอลมาตลอด และบางครั้งอาจโดนคนจีบชักชวนเข้าสู่วงการบันเทิงบ้าง แต่ความตั้งใจในการเลือกเป็นนักกีฬาอาชีพ นั่นคือเป้าหมายที่กำหนดไว้ เมื่อเขาเกิดตรงนี้ จึงเลือกอยู่ที่ตรงนี้เช่นกัน

“เรามานั่งคิดว่า จริงๆ เราก็ไม่ใช่คนหน้าตาดีอะไรมาก ถ้าเรายืนในสนามฟุตบอล ถึงแม้หน้าตาเราไม่ดี แต่เล่นดี มันก็ดูหล่อขึ้นมาได้ และถ้าเราไปอยู่ในวงการบันเทิง เราหน้าตาเท่านี้ แล้วไปเจอคนที่เขาเก่งอยู่แล้ว สู้เราอยู่ทางนี้ แล้วรับงานในวงการเป็นจ๊อบๆ ไปจะดีกว่า ผมไม่เคยคิดเข้าไปทำงานในวงการบันเทิงแบบเต็มตัวเลยนะ แต่เคยคิดว่าอยากเป็นพิธีกร อัดรายการท่องเที่ยวที่ไม่มีสคริปต์ ได้ท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ ใจอยากจะไปอย่างนั้นมากกว่า”

เมื่อถามถึงไอดอลของอนาวิน เขาตอบอย่างทันควันและคงไม่พ้นคนในวงการลูกหนัง “พี่โอ่ง-ดุสิต เฉลิมแสน เป็นไอดอลของผมเพราะอะไรผมก็ไม่รู้ คือผมชอบมาตั้งแต่เด็กแล้ว จะบอกว่าเป็นแรงบันดาลใจก็คงไม่ใช่ แต่รู้สึกว่าชอบครับ เพราะว่าพี่เขาเก่ง และเป็นถึงระดับดาราเอเชีย”

ในฐานะรุ่นพี่นักกีฬาอาชีพที่ประสบความสำเร็จอีกคนหนึ่งในแวดวงนักฟุตบอล จึงอยากให้อนาวินช่วยแนะรุ่นน้องที่มีใจรักในการเล่นฟุตบอลจะอยากเดินบนเส้นทางนักกีฬาอาชีพเช่นเดียวกับเราบ้าง

“อย่างแรกคือต้องมีเป้าหมาย ไม่ได้อยากเน้นให้น้องๆ ต้องเล่นกีฬาฟุตบอล จะทำงานอดิเรกอะไรก็ได้ที่ทำแล้วไม่เดือดร้อนคนอื่น และพยายามตั้งเป้าหมายไว้ แล้วเดินเข้าไปหามัน เข้าไปให้ใกล้ที่สุดแล้วมันจะเกิดเป็นความภูมิใจในตัวเอง

และอีกอย่างอยากแนะนำให้น้องๆ ที่อยากเป็นนักกีฬาอาชีพ อาจจะเป็นฟุตซอล วอลเลย์บอล บ้านเราก็สามารถเอามาเป็นอาชีพได้อย่างหนึ่ง แล้วจะเป็นใบเบิกทางที่ดีแก่น้องๆ ได้ และถ้าใครยังยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอยู่ก็อยากให้ลองดู จากประวัติของผมเองก็ได้ที่เคยอยู่ตรงนั้นแล้วออกมามีชีวิตที่ดีทุกวันนี้ได้ จึงอยากแชร์ความคิดว่า ถ้าตอนนั้นยังทำอยู่ สักวันหนึ่งคงต้องโดนตำรวจจับ คงต้องพลาดเพราะไม่มีใครเจริญอยู่บนสิ่งผิดกฎหมาย มันเป็นเงินร้อน ได้มามันก็ใช้เยอะ”

ใครจะเลือกเล่นฟุตบอลให้เป็นกีฬาโปรดอีกชนิดหนึ่งเหมือนอนาวินได้ไม่ว่ากัน และสามารถติดตามผลงานล่าสุดของเขาได้เร็วๆ นี้จาก MV เพลงรักกันเท่าที่เธอจะรักได้ ของพลพล พลกองเส็ง แล้วจะได้รู้จักเขาในอีกมุมหนึ่งที่อยู่นอกสนามฟุตบอลของผู้ชายที่ชื่อ “อนาวิน จูจีน”


ชื่อ - นามสกุล : เอ็ม - อนาวิน จูจีน
วันเกิด : วันศุกร์ ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2530 (25 ปี)
สถานที่เกิด : จังหวัดนครสวรรค์
ส่วนสูง - น้ำหนัก : 171 ซม./ 67 กก.
การศึกษา : ประถมศึกษา- โรงเรียนเทศบาล 3 (บ้านบ่อ) จ.กาญจนบุรี, มัธยมศึกษา- โรงเรียนกีฬาจังหวัดอ่างทอง, ปริญญาตรี- คณะบริหารการจัดการ มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต
สโมสรอาชีพปัจจุบัน : บางกอกกล๊าส (หมายเลข 15)
ตำแหน่ง : กองกลางริมเส้นฝั่งขวา

 
 
 

ภาพโดย พลภัทร วรรณดี
ขอขอบคุณ เทสโก้โลตัส เอ็กซ์ตร้า พระราม 4 เอื้อเฟื้อสถานที่







กำลังโหลดความคิดเห็น