xs
xsm
sm
md
lg

คุณกล้าพอไหมที่จะทำแบบเรา! รวมวงคนเล่นไม่เป็น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ติ๋วปุ๊ก (ซ้าย) และติ๋วเปิ้ลหน่อย (ขวา): นักดนตรีสมัครเล่นที่กล้าและบ้าบิ่นที่สุดเพราะ ใจบันดาลแรง
จะมีสักวันไหมที่คุณจะกล้าลุกขึ้นมาทำตามความฝันอย่างที่ใจต้องการโดยไม่หยิบเอาความวิตกกังวลใดๆ มาเป็นข้ออ้าง ถ้ายังคิดไม่ออกว่าหนึ่งวันนั้นจะเริ่มต้นเมื่อไหร่ดี ขอเสนอให้เริ่มเพาะความกล้าใน “วันอังคาร” เหมือนอย่างที่พวกเธอชาว “Tue’sday” ใช้วันเดียวกันนี้ปล่อยให้ “ใจบันดาลแรง” จนเกิดแรงบันดาลใจดีๆ มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน



แค่อยากทำมั่ง!
เรื่องสนุกๆ ที่เกิดขึ้นได้ทุกวันนี้เป็นเพียงเพราะคำว่า “อยากทำมั่ง!” ของ “ปุ๊ก-อรธิดา โกมลภิส” และ “เปิ้ลหน่อย-วรัษฐา พงษ์ธนานิกร” ในวันที่ปุ๊กกำลังนั่งเบื่อๆ อยู่อีกมุมหนึ่งของสตูดิโอในฐานะคนเบื้องหลัง คอยจ้องมองศิลปินรายแล้วรายเล่าผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเล่นเพลงของตัวเอง เปิ้ลหน่อย ดีเจสาวจากคลื่นแฟตเรดิโอซึ่งนั่งอยู่ในมุมเดียวกันและรู้สึกไม่ต่างกัน จึงตอบสนองต่อมอิจฉาที่มีอยู่ในตัวด้วยคำชักชวนว่า “เฮ้ย! ตั้งวงกันเหอะ วงของเราต้องสนุกแน่ๆ เลย” ต่างคนต่างฝันหวานโดยไม่สนว่าตัวเองยังเล่นดนตรีกันไม่ค่อยเป็นเลย
 

“อย่างแรกสุดที่ทำคือการตั้งแฟนเพจ ประกาศกร้าวในเฟซบุ๊กเลยว่าเราจะมีวงแล้ว (หัวเราะ) เริ่มเพ้อเจ้อ ถ่ายรูปวงกันจริงจังมากอย่างกับจะถ่ายปกอัลบั้ม พอคนอื่นถามว่าเล่นอะไรกันเป็นบ้าง เราก็บอกเลยว่าเดี๋ยวค่อยหัดก็ได้ (ยิ้มกว้าง)” ดีเจเปิ้ลหน่อย คนต้นคิดพูดถึงจุดเริ่มต้น
 

ความเพ้อเจ้อยังไม่หมดลงเพียงเท่านั้น เมื่อกำหนดคร่าวๆ ได้แล้วว่าเปิ้ลหน่อยจะหัดเล่นกลองเพราะคิดว่าผู้หญิงเล่นแล้วเท่ดี และปุ๊กจะหัดเล่นคีย์ตาร์ (คีย์บอร์ดซึ่งเล่นมือเดียว มีสายสะพายเหมือนกีตาร์) เพราะคิดว่าพื้นฐานเปียโนที่มีน่าจะช่วยได้ ทั้งสองคนจึงใช้คอนเนกชันที่มีหาที่ทางให้ตัวเองได้ปล่อยของเสร็จสรรพก่อนที่วงจะพร้อมเสียอีก คือเล่นที่ร้าน Stu-fe’ ซึ่งเพื่อนๆ วงโมโนโทนเป็นเจ้าของ แต่มีข้อแม้ว่าเล่นได้เฉพาะวันอังคารเท่านั้น
 

เพราะเป็นวันที่คนน้อยที่สุดค่ะ (หัวเราะ) เราเลยตั้งชื่อวงว่า Tue’sday วงที่ต้องเล่นวันอังคารเท่านั้น พอมาอ่านเป็นภาษาไทยก็ได้อีกชื่อคือ ติ๋วส์เดย์ หรือวันของติ๋ว อย่างที่คนในแฟนเพจชอบเรียกเราว่าพี่ๆ วงติ๋วนั่นแหละค่ะ” ปุ๊ก อธิบายให้ฟังด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี
 

อย่าเพิ่งมองว่านี่เป็นแค่วงขำๆ ไร้สาระ เพราะบทจะเอาจริงขึ้นมาทั้งสองติ๋วก็ทุ่มเทใช่ย่อยเหมือนกัน โดยเฉพาะช่วงเวลาก่อนขึ้นคอนเสิร์ตครั้งแรกในชีวิตที่บิ๊กเมาเทนท์เมื่อสองปีก่อน มีเวลาเพียง 4 วันเท่านั้นเพื่อหาสมาชิกเพิ่มและซ้อมอย่างเอาเป็นเอาตายก่อนขึ้นโชว์ แต่ทุกคนก็สามารถทำได้และยังเดินเตาะแตะมาเรื่อยจนสามารถเล่นได้อีกหลายเพลงต่อจากนั้น เผยแพร่ความสนุกลงในยูทูบจนนำไปสู่รายการทาง Pop Channel ในแบบของตัวเอง ถึงวันนี้ติ๋วส์เดย์กลายเป็นตัวแทนความกล้าของคนเล่นดนตรีไม่เป็นไปแล้ว แต่พวกเธอก็ยังยืนยันว่า “เราเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่สนุกกับการเพ้อเจ้อค่ะ (ยิ้ม)”
 

“คนส่วนหนึ่งจะชอบมองคนที่เล่นไม่เป็นแล้วมาเล่นประมาณว่า อี๋! ทำอะไรน่ะ เราเลยอยากจะบอกว่าเล่นไม่เป็นแล้วไงล่ะ คนเล่นไม่เป็นไม่มีสิทธิจะสนุกกับดนตรีเลยเหรอ เล่นไม่เป็นก็ต้องหัดสิ ไม่เห็นผิดเลย ไม่น่าอายด้วย เราอยากสื่อสารสิ่งเหล่านี้ออกไปอยู่ตลอด แต่ไม่เคยมีโอกาสได้พูดกับคนอื่นโดยตรง มีน้องคนหนึ่งเห็นเราแล้วเดินไปซื้อเบสมาเล่นเลยค่ะ จากที่แต่ก่อนคิดว่าตัวเองอายุมากไปแล้ว สายเกินไปที่จะหัดเล่น ก็ดีใจค่ะที่การตั้งวงของเราทำให้คนอื่นรับรู้ว่าเราอยากบอกอะไร” ดีเจเสียงใสพูดความในใจก่อนผลัดให้สมาชิกอีกคนออกโรงบ้าง
 
“เราเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่แค่อยาก “เล่นมั่ง” น่ะค่ะ คนอื่นเขามีแฟนเพจ ก็อยากมีมั่ง เขามีวง ก็อยากมีมั่ง แต่เป็นพวกอยากมีมั่งแล้วทำเลยน่ะ ไม่ใช่แค่อยากมีแล้วก็ปล่อยๆ ไป เราเริ่มทุกอย่างขึ้นเพราะแค่อยากเล่นมั่งแล้วก็อยากอวดค่ะ อยากอวดเพื่อนว่าเรามีวงแล้วนะ ความรู้สึกอยากอวดคนอื่นมันตามมาทีหลัง ทุกครั้งที่มีคนโทร.มาบอกว่าเราได้ไปเล่นที่ไหนบ้าง มันตื่นเต้นมากกว่าที่เราคาดหวังทุกครั้ง เพราะเราไม่เคยคาดหวังอะไร เราก็เลยได้กำไรทุกครั้งเลยค่ะ



 
เพื่อนบอกว่าเท่
“กล้าและบ้าบิ่น” คือคำที่อธิบายตัวตนที่เหมาะที่สุดแล้วสำหรับวงๆ นี้ นักดนตรีสมัครเล่นทั้งสองเองก็ไม่คิดจะปฏิเสธข้อกล่าวหาแต่อย่างใด เพียงแต่ขอยกความดีความชอบทั้งหมดให้แก่เพื่อนๆ ทุกคนที่คอยปลุกปั้นคุณสมบัติดังกล่าวให้ยังคงคุกรุ่นอยู่เสมอๆ
 

ติ๋วมีได้เพราะเพื่อนจริงๆ นะ เพราะการที่เราจะลุกขึ้นมาทำอะไรเพี้ยนๆ แบบนี้ ถ้าทุกคนมองหน้าเรา (เลิกคิ้ว) แล้วถามว่าพวกเธอกำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ เราคงเลิกทำไปตั้งแต่วันแรกที่จะเริ่มแล้ว แต่คนรอบตัวเราไม่มีแบบนั้นเลยสักคน มีแต่เพื่อนที่เชียร์ บอกว่าเท่ว่ะ (ยกนิ้วโป้งทั้งสองนิ้ว) ตอนหัดตีกลอง เพื่อนๆ โมโนโทนก็ชมว่าเรามีพรสวรรค์ ก็เลยเข้าใจมาตลอดว่าเราเหมาะกับกลอง ซึ่งมารู้ทีหลังว่าไม่จริงเลย (หัวเราะ) ตอนไปเล่นบิ๊กเมาเทนท์ครั้งแรกยังไม่มีใครรู้จักแต่ดันมีแฟนคลับไป ซึ่งเป็นเพื่อนของเราเองเหมารถตู้ตามกันไปดู ทำเสื้อยืด “วันของติ๋ว” ไปเชียร์กันจริงจังมาก จนคนอื่นสงสัยว่าวงนี้มันเป็นใครวะ” ว่าแล้วเปิ้ลหน่อยก็ย้อนความทรงจำวันนั้นให้ฟัง
 

“ถ้าไปดูคลิปย้อนหลังดีๆ จะเห็นว่ามีมือกลองมากกว่าหนึ่งคนเอื้อมมือมาตีในกลองชุดเดียวกันนะ (ยิ้ม) คือมีปิง คอยช่วยตีส่งฝั่งนี้ (ชี้มาทางซ้ายมือ) มีโป้ มือทรัมเป็ตวงญารินดาอยู่ฝั่งนี้ (ชี้ทางขวามือ) มีพี่ตั้ม (โมโนโทน) อีกคนคอยตีช่วงต้นให้ ส่วนเราตีแค่จังหวะเบสิกแค่นั้นเลย แถมยังขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ด้วย ตลกมาก พอทุกคนรู้ว่าเรามีวงก็มาช่วยกันใหญ่ สิงโต นำโชค ถามว่ามีเพลงหรือยัง เดี๋ยวผมแต่งให้ แล้วก็เข้าห้องอัด ทำเดโมให้เราทั้งเพลงเร็ว เพลงมีเดียม เพลงช้า ทั้งหมด 3 เพลง ช่วยกันกับตั้ม โมโนโทน ถ้าไม่มีทุกคนเราคงไม่รอดจนถึงตอนนี้หรอก” มือคีย์ตาร์สาวพยักหน้ารับแล้วพูดบ้าง
 

ถ้าเป็นเพื่อนที่มีชื่อเสียง เป็นคนอยู่ในวงการดนตรี เขาจะช่วยบริจาคความสามารถให้ (ยิ้ม) เหมือนกับเขารู้สึกว่าเขาสามารถผลิตอะไรแบบนี้ได้ตลอดอยู่แล้วก็เลยแบ่งให้เราบ้าง เขารู้ว่าเราทำไม่ค่อยเป็นและเขาก็อยากให้สนุกไปด้วย อย่างพี่บอย (ตรัย) พี่สิงโต พี่ตั้ม แล้วก็ เป้ อารักษ์ ส่วนเพื่อนที่ไม่ได้เล่นดนตรีพอได้ยินแบบนี้ก็เชียร์ใหญ่เลย บอกเอาเลยๆ คือเราได้รับกำลังใจจากเพื่อนทั้งสองฝั่งมาตลอดเลยจริงๆ”
 
ถ้าใครจะมองว่าติ๋วได้รับโอกาสมากกว่าวงอื่นๆ เพราะมีเพื่อนในวงการเพลงคอยสนับสนุน สมาชิกทั้งสองก็ไม่เถียง แต่แค่อยากจะบอกว่า “ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณเป็นใคร คุณจะทำมันสำเร็จแค่ไหน หรือได้อะไรจากสิ่งที่ทำบ้าง แต่มันอยู่ที่วันแรกที่เราตั้งวง เราก็มีความสุขเท่านี้แหละ มั่วๆ กันเอง ไม่ได้คาดหวังว่าอีกหน่อยจะเอาชื่อศิลปินที่รู้จักมาใช้เพื่อช่วยให้ดังขึ้น ไม่ว่าจะเล่นที่ร้านอาหาร หรือเล่นกันสองคนแล้วหัวเราะกันเอง หรือเล่นที่บิ๊กเมาเทนท์ ความสนุกในใจมันก็ไม่ได้ต่างกันเลยนะ ถึงจะเหลือแค่เล่นให้เพื่อนฟังก็ยังสนุกอยู่ดี เพราะมันคือสิ่งที่เราอยากทำ ไม่เกี่ยวเลยว่าจะต้องเล่นในงานใหญ่ๆ เท่านั้นถึงจะประสบความสำเร็จ”



 
สนุกกับความผิดพลาด
ลองเข้าไปดูคลิปวิดีโอในเฟซบุ๊กแฟนเพจ “BAND.TUESDAY” จะรู้ว่าผู้หญิงสองคนนี้เป็นคนอารมณ์ดีขนาดไหน ถึงแม้จะเล่นดนตรีหรือร้องผิดพลาดอย่างไรก็ยังยิ้มร่า หัวเราะได้อย่างสบายใจ และนี่แหละคือเสน่ห์ของพวกเธอ “ความเป็นธรรมชาติ” อย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นในวงดนตรีมืออาชีพวงอื่นๆ
 

“วงของเรากดดันน้อยมากค่ะ เวลาทำผิดมันเลยไม่เศร้า เหมือนไม่มีอะไรจะเสีย (หัวเราะ) เรามองความผิดว่าเป็นเรื่องตื่นเต้นมากกว่าเป็นความกดดันหรือเรื่องผิดบาป ผิดก็ตลกสิเนอะ (ยิ้ม) ยิ่งเวลาเห็นมืออาชีพที่เขามาเล่นกับเราแล้วเขาเหวอมันยิ่งน่ารักนะ ทุกครั้งที่เราลงคลิป ประมาณ 99 เปอร์เซ็นต์เป็นเทกแรกหมดเลยค่ะ เพราะถ้าอัดใหม่ เทกใหม่ มันจะไม่มีทางสดและหัวเราะได้แบบธรรมชาติอย่างนั้นอีกแล้ว” ปุ๊ก ยังคงยิ้มง่ายเหมือนเดิม อย่างที่เป็นมาตลอดบทสนทนา
 

“เราสนุกในความผิดพลาดของเราค่ะ” มือกลองสาวรับจังหวะ “ที่ติ๋วสนุกได้เพราะเรามีความสุขกับความไม่เพอร์เฟกต์ของเราค่ะ ไม่เห็นต้องเก่งอะไรมากมายก็ได้ ผิดก็ตลก เล่นให้สนุกดีกว่า เราก็เลยทำอะไรก็ได้เยอะแยะแบบไม่ต้องคอยนึกถึงกรอบเท่าไหร่ แต่ถ้าวันไหนกดดันตัวเองว่าจะต้องเล่นเก่งนะ มันก็คงถึงความสนุกช้ากว่านี้ คือเราคงสนุกกับการซ้อมกับการเล่นอย่างจริงจัง อีกสองปีเก่งแล้วค่อยเจอกันนะ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นเราว่าความสนุกมันมาช้าไป ก็เลยเลือกที่จะหัดไปด้วยสนุกไปด้วย สนุกกันตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่าค่ะ
 

ด้วยลีลาสบายๆ แบบนี้นี่เองที่ทำให้เพื่อนศิลปินหลายคนติดอกติดใจวงติ๋วส์เดย์จนขอมา Featuring ด้วยเพลงแล้วเพลงเล่า อย่างที่เปิ้ลหน่อยบอกว่า “วงเรากลายเป็นความสนุกของทุกคน ติ๋วกลายเป็นจินตนาการที่ใครจะวาดไว้ยังไงก็ได้ ความสบายๆ ของวงทำให้ทุกคนสามารถโดดขึ้นมาแจมด้วยกันได้เลยโดยไม่ต้องคิดมากเพราะไม่มีใครหวังอะไรจากมัน ถ้าเกิดเป็นวงซีเรียสที่ตั้งคอนเซ็ปต์ไว้ว่าวงเราต้องเท่ ต้องอย่างนั้นอย่างนี้ สุดท้ายคนที่จะเข้ามาสนุกกับเราก็เกร็งไปด้วย แต่ด้วยความฟรีสไตล์ของติ๋ว มันเลยทำให้ทุกคนอยากเล่นอะไรก็เล่น สนุกได้ตามใจ”
 

แม้แต่ผู้ก่อตั้งวงทั้งสองคนก็สนุกไปกับมันด้วย ทุกวันนี้การรวมตัวกันหลังเลิกงานเป็นช่วงเวลาที่มีค่าและน่ารอคอยมากที่สุด “พอใกล้ถึงท้ายวันเราจะรู้แล้วว่าอีกแป๊บเดียวจะได้มารวมตัวกัน มาทำอะไรที่ไม่เหมือนกับที่เหนื่อยอยู่ในงานหลัก มันเลยทำให้มีกำลังใจที่จะเล่นต่อไปได้เรื่อยๆ พอมีวงแล้วมันทำให้อยากจะทำนู่นทำนี่ มีแรงบันดาลใจมากขึ้นเยอะเลยค่ะ” ปุ๊กพูดในฐานะพนักงานแผนกมาร์เกตติ้งบริษัทแห่งหนึ่ง ก่อนปล่อยให้เพื่อนสาวเสนอมุมมองของตัวเองบ้าง
 
“ถึงจะเครียดมาจากที่อื่น พอมาเจอกันจะรู้สึกว่าเอ้อ! สนุกจังเลย แฮปปี้กับตัวเองอย่างที่ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน เหมือนเรามีอะไรให้ยึดอีกหนึ่งอย่าง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในชีวิตเลยค่ะที่ได้ทำอะไรแบบนี้ และเราก็เชื่อว่ายังมีคนอื่นๆ อีกเยอะแยะที่กำลังทำแบบเดียวกันอยู่ ยกตัวอย่างน้องเกลือ (เป็นต่อ) เจอหน้าเรา เขาบอกเลยเขาก็มีวงเหมือนกัน เล่าว่ากว่าจะเล่นได้ก็ปล่อยไก่ไปหลายตัว ไปซื้อแซกโซโฟนโดยที่ไม่รู้ว่ามันเป็นเครื่องดนตรีที่ต้องมีลิ้นด้วยซ้ำ คือความสนุกของดนตรีมันไม่ได้อยู่ที่ว่าคนอื่นรู้จักเราแล้วหรือยังหรอกค่ะ แต่มันสนุกตอนได้รวมตัวกันนี่แหละ”



 
“ใจ” บันดาลแรง
เห็นความกระตือรือร้นของทั้งสองคนแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงอดถามตัวเองไม่ได้ว่าเราเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ที่อยากทำครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กัน และถ้าคิดคำตอบเท่าไหร่ก็ยังคิดไม่ออก ติ๋วปุ๊กและติ๋วเปิ้ลหน่อยแนะนำให้เปิดใจให้กว้างๆ โดยไม่ต้องคิดถึงข้อจำกัดอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ การศึกษา หน้าตา หรืออาชีพ ฯลฯ แล้วใช้ “ใจบันดาลแรง” ตามคอนเซ็ปต์ของวง Tue’sday ที่ใช้มาตั้งแต่สมัยตั้งวงจนถึงตอนนี้
 

“คำว่าใจบันดาลแรงมันมีความหมายมากนะ มันอิมแพกมากสำหรับเรา ฟังแล้วรู้สึกเลยว่าจริงว่ะ มันอยู่ข้างในนี้จริงๆ นะ (มือจับที่หัวใจ) ถ้ามันมีในนี้ ทุกอย่างทำได้หมดแหละ ประเด็นคือคุณลืมคิดไปหรือเปล่าว่าคุณมีมันอยู่ มีใจที่อยากทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ถ้าคุณหามันเจอ จะทำอะไรก็ได้ทุกอย่างแล้วล่ะ” ดีเจคลื่นเด็กแนวย้ำแนวคิด
 

ถ้านึกอยากทำอะไรขึ้นมาสักอย่างหนึ่ง แล้วสลัดความอยากนั้นโดยอ้างว่าตัวเองแก่เกินไปที่จะ... ปุ๊กขอให้หยุดความคิดผิดๆ ไว้ตรงนั้นได้เลย เพราะเธอมองว่า “มันไม่ควรมีกำหนดว่าคนอายุเท่านี้ควรจะเคี้ยวหมากนะ ถ้าแก่แล้วไม่เคี้ยวหมากล่ะผิดไหม ถ้าแก่แล้วยังอยากดื่มนมอยู่ได้หรือเปล่า คนเรามีสิทธิที่จะแตกต่างค่ะ อย่างปุ๊กเอง ทำงานฝ่ายมาร์เกตติ้ง น้องชายก็เตือนว่าต้องรักษาอิมเมจบ้างนะเพราะเรายังต้องไปเจอลูกค้า แต่งานก็คืองานค่ะ นี่คือหลังเวลางานแล้ว เราจะปลดปล่อยยังไงก็ได้ตราบใดที่ไม่ได้สร้างความเสียหาย มันไม่สายเกินไปหรอกค่ะที่จะลุกขึ้นมาลองทำสิ่งที่อยากทำ ไม่ว่าจะอยู่ในอาชีพอะไรหรือช่วงอายุไหนก็ตาม
 

ดูอย่างคุณแม่ปุ๊กสิ แต่ก่อนเขาแอนตี้เทคโนโลยีมากเลยนะ แต่ตอนนี้หัดอูคูเลเลจากยูทูบแล้วก็ใช้มือถือทำนู่นนี่ได้ตั้งหลายอย่าง มีอยู่วันหนึ่งเดินเข้าบ้าน ได้ยินเสียงคนคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ ได้ยินเสียงหัวเราะ สักพักเดินเข้ามาเห็นคุณแม่กำลังคุยกับครูฝรั่งที่สอนในยูทูบ พอคนในคลิปถาม Are u ready? แม่ก็ตอบ Yes (ยิ้มปนหัวเราะ) ดูเขาก็มีความสุขที่ได้เริ่มต้น มันไม่มีอะไรสายเกินไปจริงๆ ค่ะ คนเราชอบหยิบเรื่องในอดีตมาพูดแล้วบอกว่ามันดีอย่างนั้นอย่างนี้ ปุ๊กว่าเราน่าจะพูดถึงปัจจุบันมากกว่าว่าตอนนี้เรากำลังลองอะไรใหม่ๆ กำลังทำอะไรดีๆ อยู่บ้าง
 

อย่างที่บอกว่าความกล้าของพวกเธอเริ่มต้นขึ้นในวันอังคาร เพราะฉะนั้นถ้าจะชวนให้ใครสักคนลุกขึ้นมาทำเรื่องดีๆ แน่นอนว่าต้องเลือกวันอังคาร แต่เป็นวันอังคารทั้ง 7 วันในสัปดาห์ เพราะเธอต้องการให้ทุกคนได้ทำตามใจอยากได้ทุกวันเลย

“มีเพลงรายการของเราเพลงหนึ่งบอกว่า “อยากให้เธอมาเต้นรำด้วยกัน อยากให้เธอมารื่นเริงทุกวันอังคาร” วันอังคารของเราตอนนั้นมันมีความหมายมากเพราะเราจะเล่นดนตรีกันวันนั้น แต่ ณ วันนี้ เราพยายามจะทำให้ทุกวันเป็นวันอังคารค่ะ จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำได้ทุกวัน ไม่ต้องรอวันหยุดเสาร์อาทิตย์อย่างเดียวเหมือนแต่ก่อน” เปิ้ลหน่อยทิ้งท้าย และเผื่อจะช่วยให้ใจบันดาลแรงกันได้ดีขึ้น ปุ๊กขอตบท้ายอีกทีด้วยเกร็ดความรู้เล็กๆ “จริงๆ แล้วเทพประจำวันอังคารคือเทพแห่งความกล้าหาญและการต่อสู้นะคะ” ที่เหลือก็อยู่ที่เราจะพร้อมขอความกล้าจากเทพแล้วลุกขึ้นมาต่อสู้ในวันอังคารเมื่อไหร่เท่านั้นเอง

ข่าวโดย Manager Lite/ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์
ภาพโดย... พลภัทร วรรณดี











หน้าตาของคนรักดนตรี


เปิดคอมฯ รวมคลิปเปิ่นๆ ให้ดู
บอกเล่าอย่างเมามัน


กำลังโหลดความคิดเห็น