“จูน ธัญชนก ผดุงเกียรติวงษ์” ก็กลายเป็นสาวปริศนาที่หลายคนอยากรู้จักมากที่สุดในตอนนี้ “เธอคือใคร, แฟนคนใหม่ของโดมหรือเปล่า?” หลายคำถามถาโถมเข้ามา หลังจากเธอโพสต์รูปคู่ หนุ่มโดมรวมถึงโพสต์รูปดอกไม้ปริศนาที่มีคนนำมาให้กลางรายการลงในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทำให้หลายคนสงสัยว่าเธอคือมือที่สามที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง หนุ่มหล่อขั้นเทพ โดม-เพ้นท์ สิ้นสุดลงจริงหรือไม่
-------------------------------
M-Lite นัดหมายกับเธอ ที่สตูดิโอรายการ Yaak TV ในซอยลาดพร้าว 15 “จูน ธัญชนก ผดุงเกียรติวงษ์” เธอมาพร้อมกับเสียงทักทายพร้อมรอยยิ้ม หน้าตาสดใสตามประสาวัยรุ่นคุยเก่ง อัธยาศัยดี เราจะพาทุกคนมารู้จักตัวตนที่แท้จริงของสาวน้อยวัย 17 ปีที่มากความสามารถทางด้านพิธีกร มากกว่าจะเป็นข่าวมือที่สาม อย่างที่ใครหลายคนคิดเอาไว้
ฝันเข้าวงการตั้งแต่เด็ก
“จูน ธัญชนก ผดุงเกียรติวงษ์” สาวน้อยช่างคุยคนนี้ เริ่มต้นเข้าวงการตั้งแต่อายุ 13 ปี ด้วยการส่งรูปถ่ายประกวดในเน็ตไอดอลทางเว็บไซต์ Zheza.com ซึ่งเธอเองได้รับตำแหน่งในการประกวดครั้งนี้ด้วยการโหวตให้เป็นรองดาวของทางเว็บไซต์ จนกระทั่งมีการประกวดของผลิตภัณฑ์คลีนแอนด์เคลียร์ไอดอล เธอจึงได้เข้าประกวดอีกครั้งและเริ่มต้นงานโฆษณาชิ้นแรก
“ตอนนั้นจูนเริ่มต้นประกวดเป็นปีแรก มันไม่ได้ขึ้นเวที เราอยู่แค่ในเวป ให้เพื่อนๆ เป็นคนโหวตให้ เห็นปีแรกมีเพื่อนเคยประกวด เพื่อนของจูนก็เลยแนะนำให้ลองส่งรูปภาพไปดูก็เลยลองบ้าง ก็พอจะมีแฟนคลับกับเขาบ้าง เพราะเว็บนั้นเป็นเว็บของบรรดาแฟนคลับกามิกาเซ่ ตอนนั้นจูนเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้หรอกค่ะ ก็ส่งไปล่ารางวัลตามประเด็กๆ”
จากการประกวดคลีนแอนด์เคลียร์ไอดอล จึงทำให้จูนเริ่มมีงานถ่ายโฆษณา ถ่ายแบบเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งโฆษณา รองเท้าแชปปี้ แลคตาซิต นิสสัน ปตท. แชมพูฟอร์เรสอีกทั้งยังมีงานโฆษณาจากต่างประเทศให้เธอได้ร่วมถ่ายทำ ไม่ว่าจะเป็น ยาสีฟันคอลเกต จากประเทศจีน และอเมริกันทัวร์ เป็นต้น
แววในการเป็นพิธีกรและความใฝ่ฝันอยากเข้าวงการของจูนมีมาตั้งแต่ยังเด็ก ความสามารถของเธอในโรงเรียนทำให้ทุกครั้งที่มีกิจกรรมภายในโรงเรียน จูนมักจะได้รับคัดเลือกให้เป็นพิธีกรของโรงเรียน ยุวประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีหน้าที่คอยทำการประชาสัมพันธ์ในโรงเรียน จัดทำป้ายโรงเรียน บ้าง
จูนเล่าถึงประสบการณ์ในการเป็นพิธีกรในงานใหญ่ของโรงเรียนให้ฟังว่า “ในตอนเรียนได้เป็นพิธีกรในงานของโรงเรียน ซึ่งจัดบนเวทที่ใหญ่มาก ที่ศูนย์วัฒนธรรมฯ จูนเองก็ยังเด็ก เราต้องอ่านตามสคริปต์ที่คุณครูเตรียมเอาไว้ให้ แล้วการแสดงต่อไปยังไม่พร้อม หนูกับเพื่อนๆ ก็ต้องแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน ก็ต้องคุยกันไปถึงบรรยากาศรอบๆ ตอนนั้นหัวใจจะวายเดดแอร์ไปเลยค่ะ แต่ก็สนุกดีนะ ผู้ปกครองก็คงให้อภัยเพราะว่าเราเองก็ยังเด็กอยู่ค่ะ”
ได้งานเพราะโชคชะตา
กว่าสาวน้อยจะได้รับงานโฆษณามากมาย เธอต้องผ่านการแคสต์งานมานับครั้งไม่ถ้วน เพราะบุคลิกเป็นคนไม่ชอบอยู่กับที่ และขี้เบื่อ สิ่งหนึ่งที่จูนมักจะทำในช่วงปิดเทอม เพื่อไม่ปล่อยเวลาว่างให้เปล่าประโยชน์ เธอวิ่งแคสต์งานไม่ต่ำกว่า 5-6 งานต่อวัน
ประสบการณ์ที่โรงเรียนเป็นเด็กกิจกรรม ทั้งถือป้ายงานกีฬา เป็นดรัมเมเยอร์ ยุวประชาสัมพันธ์ในโรงเรียน ทำให้จูนกลายเป็นคนกล้าแสดงออกและเป็นคนที่มีบุคลิกภาพโดดเด่นกว่าเพื่อนๆ ในรุ่นเดียวกัน และมีโอกาสในการเข้าสู่วงการบันเทิง
“ช่วงแรกจูนไปแคสต์งาน สิบกว่างาน ไม่เคยได้เลยค่ะ ตอนปิดเทอม เราก็ว่างออกไปแคสต์ หนูว่าการแคสต์งานเหมือนโชคชะตามากเลยนะค่ะ สมมติว่าเราแคสต์งานแล้วได้ เราก็จะได้งานติดๆ กันเลยค่ะ แต่พอไม่ได้ก็ไม่มีงานเข้ามาเลยนะ
ปิดเทอมหนูไปแคสต์งานบ่อยๆ พี่ๆ เค้าก็จำหน้าได้ ก็มีช่วยให้เราได้งานบ้างก็มีค่ะ ไปแคสต์ทุกงาน วันนึงไปแคสต์ 5-6 งาน ไปทุกวันเลย ตื่นตั้งแต่เช้าจนถึงตอนเย็น จะว่าไปหนูก็ไม่ชอบนะ แม่ก็ไม่ค่อยชอบเหมือนกัน มันเหมือนเราไปรอนานมาก กว่าจะได้แคสต์งาน 5-6 ชั่วโมง ต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อให้ไปแคสต์เป็นคนแรกๆ ไปแล้วไม่ได้งาน ก็ท้อนะค่ะ มันจะมีการแคสต์งานสองอย่างคือ แคสต์แบบแอกติ้ง กับแคสต์แบบส่งรูป การแคสต์แบบส่งรูปจะได้เงินน้อยกว่า แต่เราไม่เคยได้เลย เค้าก็ให้
เรารอมาเรื่อยๆ พอได้มันจะได้เรื่อยๆ นะ อย่างที่บอกว่ามันเหมือนโชคชะตามากกว่าค่ะ แม่อยากให้ทำพิธีกรมากกว่าค่ะ ไม่ต้องแคสต์งาน แต่ที่เพิ่งผ่านมาพี่เขาไม่มีคนไปถ่ายเราก็ไปช่วยพี่เค้าบ้างค่ะ”
จากงานโฆษณาทำให้เธอมีโอกาสเข้าสู่การเป็นพิธีกรของช่อง Yaak TV จากการชักชวนของพี่ๆ ทีมงานแคสติ้ง ที่กำลังหาพิธีกรหน้าใหม่ของช่อง จึงทำให้ได้งานพิธีกรที่เธอใฝ่ฝัน
“ความแตกต่างของงานทั้งสองอย่างต่างกันมากค่ะ เพราะว่างานโฆษณา ต้องผ่านการแคสต์ มีการแอกติ้ง อย่างบางงานต้องแสดงอารมณ์ออกมาให้ดูโอเวอร์แอคติ้ง ให้ดูน่าตื่นเต้นนะค่ะ แต่งานพิธีกร มันเป็นงานที่ต้องอาศัยทักษะและควบคุมสถานการณ์ในตอนนั้นให้ได้ ถ้าเราทำรายการสด พูดผิดสคริปต์ก็ยากที่จะแก้ไข เราต้องมานั่งเตรียมตัว ต้องจับประเด็นว่าวันนี้เราจะพูดประเด็นอะไรบ้าง แบบไหน แต่งานโฆษณาไม่ต้องจำเลยค่ะ ถ่ายแล้วเทกๆ ไม่ได้ต่อเนื่องเหมือนงานพิธีกร”
คุณแม่เห่อลูกสาว
คงเพราะเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของที่บ้าน และมีงานในวงการบันเทิง รวมถึงมีกิจกรรมที่โรงเรียนให้ทำอยู่ตลอด คุณแม่จึงคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังตลอเวลา คอยให้กำลังใจทุกครั้งที่ประกวด และเป็นคนคอยเก็บรวบรวมผลงานทั้งหมดที่เคยทำให้เพื่อสานต่อในอนาคต ในการสอบเข้าในระดับมหาวิทยาลัย
“ตอนนี้เข้าวงการบันเทิง แม่จะบอกว่าแม่ดู Yaak TV ทุกวันเลย เปิดเว็บย้อนหลังให้เพื่อนดูบ้าง คุณแม่เห่อลูกสาวนะค่ะ บางครั้งเปิดที่ทำงานดูก็จะเรียกเพื่อนๆ ให้มาดูจูนออกรายการกันค่ะ บางครั้งก็อาย เขินด้วย (หัวเราะ) แม่ชอบเอาหนูไปโฆษณา โทร.ไปบอกให้น้าดูบ้าง ดูให้เรตติ้งขึ้นมั้ง”
แม้จะเป็นลูกสาวคนเดียว แต่เธอก็ไม่ได้เหงา เพราะปกติสาวสวยอย่างจูนมักจะชอบออกไปเจอเพื่อนๆ บ้าง หรืออยู่คนเดียวก็มักจะชอบพูดคุยกับเพื่อนๆ ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก อย่างวัยรุ่นทั่วไป
ทั้งเรื่องเรียนและต้องทำงานในวงการบันเทิงพร้อมกัน ช่วงนี้จูนกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมตัวสอบเข้าในระดับมหาวิทยาลัย จึงทำให้ต้องแบ่งเวลาและจัดสรรเวลาอย่างรอบคอบ
“แรกๆ จูนปรับตัวยากมากค่ะ เพราะหนูเองก็ต้องเรียน ตอนนี้เรียน ม.6 ที่โรงเรียนสตรีวิทยา 2 ทั้งการบ้านและเรียนก้เยอะมาก ถ้าไม่ครบเวลาก็ไม่มีสิทธิ์สอบ และหนุก็ต้องถ่ายรายการช่วงวันที่มีเรียนก็ต้องขออนุญาติคุณครูแล้วก็มาตามงานที่เพื่อนๆ ค่ะ ตอนแรกหนูนึกว่าการบ้าน ม.6 จะน้อย แต่ที่ไหนได้ เยอะมากเลยค่ะ บางวันก็ต้องเอาหนังสือมาอ่านที่บริษัทก่อนอัดรายการค่ะ”
หนูไม่ใช่มือที่สาม
เมื่อไม่นานชื่อของ “จูน-ธัญชนก” เริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้นในวงการบันเทิง เพราะเธอเองดันตกเป็นข่าวที่ทำให้ความรักของซูเปอร์สตาร์หล่อขั้นเทพ อย่าง โดม-ปกรณ์ ลัม กับสาว เพ้นท์ ร้าวและเลิกกันในที่สุด เพราะเมื่อมีข่าวว่าหนุ่มปริศนามอบช่อดอกไม้ให้แก่เธอในรายการ และหลายคนคิดว่าหนุ่มโดมเป็นคนส่งดอกไม้ให้ จนกระทั่งในงานเปิดตัว Yaak TV ทำให้สื่อต่างพุ่งจุดสนใจไปที่จูนเพื่อไถ่ถามถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ว่าเป็นมาอย่างไร
“ช่วงนี้ไม่เครียดค่ะ หนูบอกไปแล้วว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน เพราะหนูกับพี่โดมเป็นพี่น้องกัน ไม่มีอะเกินเลยค่ะ ทุกคนเข้าใจกันผิด หนูก้ไม่คิดว่าวันนึงเราจะเป็นข่าวแบบนี้ เพราะตอนที่หนูถ่ายโฆษณารถยนต์ก็ยังคิดดีใจกับเพื่อนเลยค่ะ ว่าเราได้ถ่ายงานกับพี่โดมด้วย หนูคิดว่าพี่เขาเป็นคนเฟรนด์ลี่ ใจดีมาก คุยกับทุกคน หนูถามทีมงานทีมงานก็บอกว่าพี่เขาน่ารักแบบนี้กับทุกคน นี่แหละตัวจริงของพี่เขา และวันนั้นคุณแม่ก็ไปส่งหนูถ่ายโฆษณา พี่เขาก็เรียกให้คุณแม่มาถ่ายรูปด้วยกันตอนแรกคิดว่าพี่เขาเป็นซูเปอร์สตาร์ จะเข้าถึงยาก แต่เขาไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยค่ะ และเราก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ข่าวเขาพูดกัน หนูเองอายุยังน้อยมีข่าวเรื่องมือที่สามก็ไม่ไหวนะ”
จากเด็กแคสต์งานโฆษณาจนกระทั่งมีงานพิธีกร จนเป็นที่สนใจของใครหลายคน ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกปลื้มมากนักที่เป็นข่าวมือที่สามเช่นนี้ เธอบอกว่าถ้าจะอยากให้คนรู้จัก อยากให้รู้จักในมุมของการทำงาน หรืออยากรู้ว่าเข้ามาวงการบันเทิงได้อย่างไร อยากให้รู้จักในมุมของเด็กวัยรุ่นที่มีงานทำมาตั้งแต่เด็กมากกว่า
“วันนั้นที่พี่โดมเอาของมาให้หนูก็เล่าให้แม่ฟังนะคะ แม่ก็บอกว่าพี่เขาน่ารักดีนะ ตอนมีข่าวก็บอกเราว่าอย่าเครียดและก็ให้สัมภาษณ์อย่าพาดพิงใคร เรายังเด็กอยู่ มีข่าวแบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พ่อกับแม่ก็เตือน”
อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ กระแสข่าวที่เธอบอกว่าจูนเป็นมือที่สามนั้น ระหว่างจูนกับโดม อาจจะมองได้ว่าเป็นเรื่องของการโปรโมตโฆษณาที่ทั้งคู่ถ่ายโฆษณาร่วมกับ ทั้งฝ่ายโดมเองก็เป็นพรีเซ็นเตอร์ของรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง และจูนเองก็เป็นพิธีกรรายการทางช่องเคเบิ้ลน้องใหม่ Yaak TV
การเข้าสู่วงการของจูนกว่า 4 ปี ทำให้เธอได้เรียนรู้หลายสิ่งในวงการบันเทิง ทั้งเรื่องการรับผิด แบ่งเวลาให้เป็น และการได้รู้จักคนมากขึ้น ทำให้ดูแลตัวเองมากขึ้นและมีความคิดที่โตขึ้นอีกด้วย
“คุณแม่จะเตือนจูนอยู่ตลอดเวลาว่า อย่าเหลิงนะ เพราะแม่ก็ไว้ใจเราแล้ว ทำตัวให้ดีๆ ที่สำคัญ อย่าทิ้งการเรียนเพราะบางทีถ้าได้ทำอะไรหนูก็จะทุ่มเทให้กับเรื่องนั้นๆ อย่างเดียวเลยนะ แม่จะคอยเตือนเรื่องการแบ่งเวลาให้ถูกด้วย”
“เอี๊ยง” หนุ่มคนเดียวที่สนิทใจ
แม้จะมีข่าวเป็นมือที่สาม แต่สำหรับจูนก็มีเพื่อนชายคนสนิทที่เป็นทั้งที่ปรึกษาในเรื่องของการทำงานอยู่แล้ว “เอี๊ยง สิทธา สภานุชาติ” หรือ “เอี๊ยง วงรูกกี้ บีบี” เพื่อนชายที่กำลังพูดคุยกันอยู่ แม้จะไม่ได้เรียกว่าแฟนแต่ก็ถือว่าเป็นชายหนุ่มที่เธอสนิทใจด้วยมากที่สุดอยู่ตอนนี้
ถามถึงเรื่องหนุ่มเอี๊ยง จูนเองถึงกับออกอาการเขิน “วัยรุ่นก็ต้องมีบ้าง ก็กำลังคุยๆกันอยู่คะ คุยกันมาตั้งแต่ตอนต้นปี เราทำงานด้วยกันมานาน พี่เขาก็โตกว่าเราสามปี พอคุยด้วยแล้วทำให้เราโตเป็นผู้ใหญ่ เพราะว่าหนูเป็นเด็ก พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่ค่อยมีเหตุผล เอาแต่ใจบ้างตามประสาผู้หญิง พี่เขาโตกว่าก็จะมีความคิดแตกต่างกว่าเราเยอะค่ะ
หนูเองก็ไม่เคยคุยกับคนที่อายุห่างกันแบบนี้ เมื่อก่อนคุยแต่กับเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน เจออะไรแบบนี้ก็แปลกดีค่ะ พี่เขาจะคอยแนะนำเรื่องการทำงานในวงการ การวางตัวยังไง เราก็ปรึกษาเขา ก่อนจะทำงานพิธีกรที่นี่ พี่เขาก็บอกว่าให้เราเป็นตัวของตัวเอง ทำตัวให้เป็นธรรมชาติ เราเข้ามาทำงานใหม่ๆ ก็กูพี่ๆ เขาทำงานบางอันก็เอามาปรับใช้กับตัวเองบ้าง”
ช่วงนี้อาจจะยังเป็นรักในแบบวัยรุ่น ความรักก็สดใสๆ เป็นเรื่องปกติที่เด็กจะคุยกัน แต่เมื่อการได้พูดคุยกับคนในวัยที่อายุห่างกันและทำงาน ความรักในแบบเด็กๆ ทำให้เธอมีความคิดที่โตขึ้น ไม่จำเป็นต้องโทรหากันทุกคืน ขอเพียงความมั่นใจที่มีให้กัน เป็นสิ่งที่ทำให้เธอเปลี่ยนมุมมองความรักต่างจากเดิม
“เมื่อก่อนหนูเป็นนะค่ะ ใครที่ไม่โทร.หากันทุกคืนจะโกรธ จะงอน จะเลิกคุยอย่างเดียว แต่ตอนนี้โตขึ้นไม่ต้องขนาดนั้นแล้วค่ะ แค่มั่นใจกันก้พอ ไม่ต้องคุยกันตลอด 24 ชม. ตอนนี้ก็ไม่ได้น้อยใจแล้ว เราดูโตกว่าเดิมก็ไม่เป็นแบบนั้นแล้ว”
จูนเล่าว่า เรื่องความรัก แม่ยังไม่ค่อยเปิดรับเรื่องนี้มาเท่าไหร่ ช่วงที่อยู่ชั้น ม.1 มีคนโทรศัพท์มาหาจูนตอนดึก แม่จะคอยรับโทรศัพท์ จูนก็ต้องบันทึกชื่อเป็นชื่อเพื่อนผู้หญิงเอาไว้ก่อน แม่ก็จะถามว่าใครโทรมาอีกแล้ว มีช่วงหนึ่งที่ไม่รู้ว่าเขาหาเบอร์จูนมาจากไหนกฌโทรกันมา เราก็นอนกับแม่ แม่ไม่ค่อยเข้าใจหรอก เพราะเขาเป็นวัยรุ่นยุคเด่าไปแล้ว เคนเรารักกันก็ต้องดูว่าถึงวัยหรือยัง เราเองยังเด็ก ก็บอกแม่ว่ามีแค่เพื่อนกันเท่านั้น จูนว่า ไม่ว่าผู้หยิงจะสวยไม่สวย อย่างน้อยก็ต้องมีคนมาคุยด้วยบ้างอยู่แล้ว เราเป็นวัยรุ่น คุณยายก็ชอบบอกว่า ไม่ให้มีแฟนเลย บอกว่าไม่ต้องรีบมีหรอก ทุกวันนี้ที่คุยกันอยู่ก็ยังเป็นพี่ชายที่สนิทกันค่ะ
สเปกหนุ่มในฝันของสาวจูนนั้น ชอบหนุ่มที่แต่งตัวเก่ง และมีแนวในการแต่งตัวของตัวเอง ชอบการแต่งตัวที่ไม่เหมือนใคร ชอบคนนิสัยน่ารัก คุยด้วยแล้วรู้เรื่อง เข้าใจกัน ไม่งี่เง่า และต้องเป็นผู้ชายเข้มแข็ง
ใช้จ่ายอย่างระวัง
นอกจากสาวจูนจะเป็นสาวสวย ช่างคุย ร่าเริง อัธยาศัยดีแล้ว ยังถูกเพื่อนในโรงเรียนการันตีถึงคสามซกมก โก๊ะ อีกด้วย เธอบอกว่า เพื่อนๆ มักจะรู้ถึงพฤติกรรมไม่ค่อยสะอาด ทำอะไรหกเลอะเทอะจะไม่ค่อยเช็ด ทำความสะอาด ทำของตกๆ หล่นๆ จนถูกคุณแม่บ่นอยู่บ่อยครั้ง
“จูนเป็นคนคุยง่ายค่ะ เป็นธรรมชาติตัวของตัวเองมาก อะไรเลอะเทอะไม่เก็บ แล้วก็เป็นคนใจเย็น ไม่ค่อยโกรธใครง่ายๆ ชอบคุยกับคนอื่น คุยได้ทุกคน ไม่เคยตะหวาดใส่ใคร ในบ้านจะมีพ่อกับจูนจะใจเย็นแม่ แม่จะเป็นคนใจร้อน เวลาแม่ใจร้อนจูนก็จะอยู่ข้างพ่อนะ แม่ค่อนข้างเป็นคนละเอียด เราเลยโดนดุอยู่บ่อยๆ ค่ะ ส่วงนใหญ่แม่จะบ่นจูนเรื่องไม่ค่อยเก็บห้องนะค่ะ มาถึงจูนก็เอากระเป๋าวางบนที่นอนแล้วก็นอนแบบนั้นเลยค่ะ แม่เข้ามาก็จะบ่นๆ เราเป็นคนไม่รอบคอบ ทำตัวสบายๆ ”
ตอนเด็กๆ อาจจะเอาแต่ใจบ้าง เพราะจูนเป็นลูกคนเดียว เมื่อก่อนอยากได้อะไรก็จะซื้อ แต่เมื่อได้ทำงาน ทำให้จูนต้องระวังในเรื่องการใช้จ่ายมากขึ้นกว่าเดิม
“ตอนนี้เริ่มมีงานทำ เงินที่ได้มาก็ไม่เคยขอแม่สักบาทเลยนะค่ะ เราจ่ายด้วยตัวเอง ไม่ให้เป็นภาระพ่อกับแม่ค่ะ วัยรุ่นก็อยากได้ของเยอะมาก ชอปปิ้ง ตอนนี้เราก็คิดก่อนซื้อว่าอะไรจำเป็นมากที่สุด หรืออะไรที่สำคัญสำหรับเรามากที่สุด คุณแม่ก็จะเตือนบ่อยๆ ว่า ถ้าอยากได้อะไรก็ให้มันเป็นปัจจัย 4 หรือถ้าเรามีอยู่แล้วทำไมเราจะต้องซื้ออีกล่ะ จูนจะเป็นคนที่ไม่ใช้ของแบรนด์เนม ไม่มีใบละเป็นหมื่นเหมือนคนอื่นหรอกค่ะ ส่วนใหญ่จูนจะหมดไปกับเรื่องกินมากกว่า วันๆ นัดเจอเพื่อน กินข้าว เจอเพื่อทุกเสาร์-อาทิตย์ มาทำงานตรงนี้ก็ยังพอมีเวลาให้เพื่อนค่ะ”
การก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงอาจจะเป็นความใฝ่ฝันของวัยรุ่นที่มีความสามารถและกล้าแสดงออก อย่างสาวจูน แต่สิ่งหนึ่งที่ยังต้องยอมรับและทำความเข้าใจให้มากคือเรื่องข่าวที่จะต้องเตรียมใจเอาไว้ล่วงหน้า อย่างน้อย ทุกคนก็สามารถติดตามความน่ารัก สดใสของเธอได้ในบทบาทของพิธีกรในรายการของช่อง Yaak Tv ได้
*************************
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ ธัญชนก ผดุงเกียรติวงษ์
ชื่อเล่น จูน
อายุ 17 ปี
ศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสตรีวิทยา 2
ผลงาน clean and clear idol 2010 , โฆษณา clean and clear,chappy,colgate,american tour, zheza idol
พิธีกรรายการ wake club , พิธีกรช่องเคเบิ้ล Yaak TV
คติในการใช้ชีวิต
จูนจะทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เราก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ทำแค่วันนี้ให้ดีที่สุด ซึ่งตอนนี้จูนก็มีแค่เรื่องเรียนค่ะ เราต้องคิดว่าเราจะทำอย่างไรต่อไป ไม่ได้มาคิดว่าจะต้องมาทำงานให้ได้และมีเงินห้าร้อยล้านในเร็ววันนี้ ซึ่งอนาคตจูนอยากทำงานในวงการบันเทิง ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องอยู่เบื้องหน้า จูนอย่างทำงานติดต่อประสานงาน งานประชาสัมพันธ์ อยู่เบื้องหลังมากกว่า ชอบดูแลคนอื่นมากกว่าจะให้คนอื่นมาดูแลเรา
**********************************************
ข่าวโดย Manager Lite/ASTV ผู้จัดการ สุดสัปดาห์
ภาพโดย วรวิทย์ พานิชนันท์