ลี่เล้ง-พรวิภา วัชรการุณย์ สาวสวย หมวยขาว นัยน์ตาเซ็กซี่ ขี้อ้อนนิดๆ เคยผ่านงานละครซิตคอมมาแล้วหลายเรื่อง ถึงขนาดได้ฉายาว่าเป็น ‘เจ้าแม่ซิตคอม’ ล่าสุดกับบทบาทนางเอกหน้าใหม่ ในภาพยนตร์ชื่อสะดุดหู ‘ชิป/หาย’ หรือ ‘The Microchip’ ทำให้คนรู้จักและพูดถึงเธอในฐานะนางเอกใหม่มากขึ้น M-Lite นัดคุยกับนางเอกสาวที่บริษัทฟิล์ม เฟรม โปรดักชั่นส์ ระหว่างที่เธอกำลังบรรจงแต่งหน้า นั่งรอเราอยู่ในห้องที่ใช้ในการสัมภาษณ์ ครั้งแรกที่ได้พบเธอดูเป็นผู้หญิงที่มีบุคลิกภาพดี เสื้อผ้า หน้าผมเป๊ะ แต่พอได้เริ่มสนทนากับเธอ กลับรู้สึกว่าเธอเป็นคนสบายๆ ออกจะช่างคุยด้วยซ้ำ จนแอบสงสัยไม่ได้ว่าเธอเอาเวลาไปหายใจตอนไหน
เส้นทางในวงการของสาวหมวยหน้าหวานคนนี้ เริ่มจากการเป็นดาวมหา'ลัย ปี 49 หลังจากนั้นเธอก็มีงานถ่ายโฆษณา งานวีเจ หลายคนอาจจะเคยเห็นหน้าหมวยๆ ของเธอจากละครซิตคอมอยู่หลายเรื่อง อาทิ บ้านนี้มีรัก, นัดกับนัด, เป็นต่อ, ผู้กองเจ้าเสน่ห์ รักล้นๆ 9 คน 4 คู่ ฯลฯ เคยเล่นบทดรัมเมเยอร์ที่ตบกันในภาพยนตร์ ‘สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก’ และภาพยนตร์เรื่องล่าสุด 'ชิป/หาย' กับบทนางเอกที่ชื่อหมวย ซึ่งเรื่องนี้เธอได้เป็นนางเอกเต็มตัวเรื่องแรก
วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ ‘ลี่เล้ง’ สาวช่างจ้อ ที่มีรอยยิ้มน่ารัก ถ้าไม่รู้จักเห็นเธอเป็นสาวหน้านิ่ง เชิ่ดนิดๆ อาจคิดว่าเธอหยิ่ง แต่จริงๆ แล้วตัวตนเป็นสาวโก๊ะ เปิ่น เปิดเผย จริงใจ ให้ใจคนง่าย และด้วยความเป็นคนเปิดเผยนี่เอง ทำให้เธอมีคนเข้ามาหา และถูกหลอกทำให้เธอเสียใจอยู่บ่อยๆ เห็นเป็นสาวมั่น บุคลิกดีขนาดนี้ เธอบอกว่าเป็นคนไม่มั่นใจตัวเอง ตอนเด็กขี้อาย ขี้กลัวมาก แต่เพราะเป็นคนชอบทำกิจกรรม เวลาตั้งใจทำอะไรแล้วต้องทำให้ได้ดีถึงได้ผ่านแต่ละงานมาได้
ดาว...มหา’ลัยช่างจ้อ
ด้วยบุคลิกที่ดูมีความมั่นใจ หุ่นสวย ผิวขาวโดดเด่น หน้าหมวยสไตล์อินเทรนด์ ทำให้เธอถูกชักชวนให้ประกวดดาวมหา'ลัย ตอนแรกเธอปฏิเสธ เพราะตัวจริงเธอไม่ได้เป็นสาวมั่นขนาดนั้น และอยากอยู่นิ่งๆ มากกว่า แต่พอได้ลองเข้ามาประกวด ปรากฏว่าเธอได้รับตำแหน่งดาวมหา'ลัยของ ม. เกษตรฯ และได้เรียนรู้งานในสายบันเทิง อย่างเดินแบบ การเป็นวีเจประจำที่สถานีโทรทัศน์ในมหาวิทยาลัย U Channel เป็นจุดที่ทำให้เธอก้าวสู่วงการบันเทิง ทั้งงานถ่ายโฆษณา และงานละครซิตคอม
“งานในวงการก็เป็นเรื่องที่เล้งสนใจ พอเข้ามหา'ลัยมีอะไรเข้ามามากขึ้น เริ่มจากการได้เป็นดาวมหา'ลัย ได้เป็นวีเจที่ยู แชนแนล เป็นสถานีเครือข่ายที่เปิดเฉพาะในมหา’ลัย กับเครือข่ายที่เปิดทั่วไป ตอนแรกเราเป็นวีเจยู แชนแนลอยู่ในม. เกษตรฯ พอทำได้ไม่นานยู แชนแนลของสาขาใหญ่เปิดรับ เราก็เข้าไปแคส เหมือนเป็นการได้เริ่มทำงานได้เงินแล้ว เราก็รู้สึกสนุก ได้ฝึกพูด ฝึกบุคลิกภาพ การทำงานจะมีทั้งภาคสนาม และภาคสตูดิโอ ได้เรียนรู้การทำงานที่ต่างกัน เราก็เริ่มสนุกกับมัน จากที่ไม่เคยคิดว่าเราจะทำได้ ตอนแรกที่มีคนมาชวนให้ประกวด เราบอกไม่เอา ไม่ประกวด ขอหนูอยู่นิ่งๆ ได้ไหม แต่พอได้เริ่มทำไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่ามันสนุกนะ เราชอบ ก็แฮปปี้ เริ่มมีงานโฆษณา อย่างหนังเรื่องนี้พอได้เข้ามาเล่นเต็มตัวก็รู้สึกยิ่งทำยิ่งมีความสุข ที่ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ”
สังเกตว่าเธอจะเป็นสาวช่างคุย พูดเก่ง พูดเร็ว จนอดที่จะทักไม่ได้ว่าพูดเก่งอย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก หรือว่าเพิ่งมาพูดเก่งตอนทำงานเป็นวีเจ
“เป็นคนคุยเก่งตั้งแต่เด็กค่ะ ส่วนเรื่องพูดเร็ว ตอนเป็นวีเจ เคยโดนพี่เขาบอกเลยว่า “ลี่เล้ง พูดช้ากว่านี้ลูก” บางคนก็ถามว่าหายใจตอนไหน (หัวเราะ) โดนว่าประจำ เพราะว่าบางงานพูดเร็วไปมันก็ไม่ดี มันดูเหมือนรีบ แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นธรรมชาติของเรา ไม่ได้รีบ ไม่ได้ลน แต่เหมือนมันมาเอง ก็ต้องพยายามปรับ เรื่องงานวีเจ เล้งชอบอยู่แล้ว เหมือนเราเกิดมาจากวีเจ เราว่ามันง่ายกว่างานแสดง เพราะว่ามันคือตัวเราเอง มันคือบุคลิก การพูดคุยที่มาจากตัวเรา แต่การแสดงเราต้องเล่นเป็นคนอื่น เล้งว่ามันยาก และยังใหม่สำหรับเล้ง แต่ก็อยากฝึก อยากแสดงเรื่อยๆ เพราะมองว่าเป็นศาสตร์หนึ่งที่น่าสนใจ ถ้าทำได้เราก็ภูมิใจ เรื่องเรียนเราก็รู้มาตั้งแต่เด็กแล้วว่าถ้าเราตั้งใจเราก็ทำได้ เรื่องการเป็นวีเจ เราก็ได้ฝึกมาแล้วระดับหนึ่ง เรื่องงานแสดง ถึงเราจะผ่านงานแสดงซิตคอมมาเยอะแต่ก็ยังเล็กน้อยมากๆ เหมือนเรายังต้องเรียนรู้อีกเยอะ อะไรที่เรารู้สึกมีความสุขกับมัน เราก็อยากเรียนรู้ และอยากทำมันให้ได้”
‘หมวย เซ็กซี่’ เข้าตาผู้กำกับ
ภาพถ่ายของลี่เล้งในเฟซบุ๊กเข้าตาผู้กำกับ ‘โหน่ง’ กฤษณพงศ์ ราชธา ด้วยลุคภายนอกที่ดูเป็นสาวหมวย หน้าสวย หุ่นเซ็กซี่ ตรงกับคาแร็กเตอร์ของนางเอกชื่อหมวยในเรื่อง ‘ชิป/หาย’ ทำให้เธอถูกเรียกให้เข้ามาแคสภาพยนตร์แอ็กชัน-คอมเมดีเรื่องนี้ และได้รับเลือกให้เป็นนางเอกในที่สุด
“มีพี่ที่รู้จักชวนมาแคส เขาบอกเล้งว่าหนังเรื่องนี้อยากได้นางเอกที่ดูหมวยๆ ตอนแรกเราไม่ยอมมานะ ตอนนั้นใส่เหล็กดัดฟัน อยู่ด้วย แล้วช่วงนั้นเราก็เคยแคสมาหลายงานมาก ต่อให้เราบอกว่าเราสามารถถอดเหล็กได้นะ ส่วนมากเขาก็ไม่เอาอยู่ดี เราก็เลยบอกพี่เขาไปว่าอย่าเลย เสียเวลาทั้งคนแคส เสียเวลาทั้งเราด้วย เขาจะได้มีโอกาสลองหาคนอื่นดู แต่เขาตามเล้งประมาณ 3 รอบ เขาบอกว่าเล้งน่าจะได้นะ ผู้กำกับเขาเห็นเราจากรูปในเฟซบุ๊กแล้วเขาชอบ เพราะเราไม่เคยส่งโปรไฟล์เข้ามา ก็เลยคิดว่า งั้นลองดูก็ได้
ตอนแรกก็คิดว่าเหมือนเดิมแหละ ไม่ได้อีกแน่ๆ แต่ตอนแคสก็รู้สึกแปลกกว่าที่ผ่านมาคือเขาแคสเราเยอะมาก 6-7 ซีน เพราะปกติแคสแค่ 1-2 ซีนก็เยอะสุดแล้ว เราก็ลองเล่นไปตามบทดู แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้ เพราะคนอื่นที่มาแคสก็น่ารัก หมวยคนอื่นสวยกว่าเล้งเยอะ แล้วตอนนั้นเล้งน้ำหนักค่อนข้างเยอะ เพราะเพิ่งกลับมาจากอเมริกา แต่เขาเลือกเล้งทั้งๆ ที่เล้งยังอ้วน แล้วก็มาบอกให้เล้งลดน้ำหนักทีหลัง ถ้าดูในหนังจะเห็นว่ายังไม่ผอมเท่าตอนนี้ คาแร็กเตอร์ในเรื่องชื่อหมวยด้วย พี่เขาคงอยากได้หมวยจริงๆ แล้วเล้งก็หมวยได้อีก (หัวเราะ) คิดว่าตาเรานี่แหละ จะดูเป็นอาหมวยเลย คงโดนใจพี่เขา แล้วเขาอยากได้เป็นนางเอกหน้าใหม่ ก็เลยได้ตรงนี้”
บทบาทสาวหมวยในเรื่องนี้เรียกได้ว่าค่อนข้างตรงกับความเป็นตัวตนของลี่เล้ง ทั้งความเป็นสาวสวย จริงใจ รักเพื่อน รักแฟน แต่ที่แตกต่างก็คงเป็นเรื่องการพูดเพราะในเรื่องเธอเป็นผู้หญิงนิ่งๆ ไม่ค่อยพูด บางครั้งก็เงียบ ซึ่งต่างจากตัวจริงของเธอที่เป็นสาวอัธยาศัยดี ช่างพูดช่างคุย
“คาแร็กเตอร์ของหมวยในเรื่องภายนอกจะเป็นผู้หญิงที่ตรงไปตรงมา มั่นใจ เป็นคนที่เหมือนมีเซ็กแอพพีลมากกว่า ไม่ได้เซ็กซี่ซะทีเดียว เหมือนมองแล้วรู้สึกว่าคนๆ นี้ไม่ต้องแต่งโป๊ แต่ก็มีอะไรดึงดูดได้มากกว่าค่ะ เป็นคนที่คอยช่วยเหลือพระเอกทุกๆ อย่าง ไม่ทิ้งพระเอก ในหนังเรายอมรับว่าต้องพูดช้ามา มีแอ็กติ้งเข้ามาด้วย บางทีก็มีสโลว์บ้าง หรือเงียบบ้าง เล่นเป็นตัวหมวยจริงๆ เลย พูดช้ากว่าที่เห็นเยอะ พอเราเล่นเป็นตัวละครตัวนั้นมันเหมือนเนื้อเรื่องมันพาไป อารมณ์มันพาไปว่าต้องเป็นอย่างนี้ แต่ถ้าคุยเล่นกับเพื่อนนี่จ้อเลย (หัวเราะ)
สำหรับคำว่านางเอก เล้งมองว่าเป็นคำที่ใช้เปิดทางเข้าสู่วงการ เปิดประสบการณ์ให้แก่ชีวิตตัวเองมากขึ้น ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เป็นนางเอก วันแรกที่รู้ว่าจะได้เป็นนางเอกก็ทั้งตื่นเต้น ทั้งดีใจ คิดว่าจริงหรือเนี่ย ไม่อยากเชื่อเลย พอได้เข้ามาเต็มตัว เราก็มีระวังตัวบ้าง ทำอะไรก็คิดมากขึ้น รู้กาลเทศะ แต่ก็อยากให้คงความเป็นตัวเองเอาไว้ เราเป็นยังไงก็ยังคงเป็นอย่างนั้น”
แอบปลื้มดาราตลกรุ่นพี่
ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเห็นว่าลี่เล้งรายล้อมไปด้วยดาราตลกทั่วฟ้าเมืองไทยอย่าง แจ๊ส ชวนชื่น, ศักดิ์ชาย อยู่คเชนทร์, แอนนา ชวนชื่น, สายสิน วงษ์คำเหลา, ค่อม ชวนชื่น ฯลฯ การทำงานร่วมกับดาราตลกมากประสบการณ์ เธอเล่าว่าทั้งสนุก และได้เรียนรู้การแสดงจากนักแสดงตลกรุ่นพี่ ซึ่งบางคนเธอก็เคยเจอมาบ้างแล้ว บางคนก็เพิ่งเจอครั้งแรก
“หนังเรื่องนี้เป็นแนวแอ็กชัน-คอมเมดี สังเกตจากโปสเตอร์ก็รู้แล้ว มีพี่ๆ ตลก เต็มไปหมดเลย ส่วนแอ็กชันได้พี่กุ๊ก (สุชาติ ขันวิไล) ที่เป็นดับเบิลของ จา พนม มาเล่นเป็นผู้ร้าย พี่เขาจะเก่งในเรื่องคิวบู๊ พี่โหน่งผู้กำกับจะถนัดในเรื่องคิวแอ็กชันอยู่แล้วด้วย ก็เลยกลายเป็นแอ็กชัน คอมเมดี ได้ดูคิวบู๊ด้วย แล้วก็ได้ผ่อนคลายกับมุกตลก ขำๆ
ทำงานกับพี่ๆ ตลก สนุกนะ อย่างแรกเลยพี่เขาอารมณ์ดี ถ่ายกันข้ามวันข้ามคืน เหนื่อยแค่ไหน แต่คำพูดที่ออกมาจากปากเขามันทำให้เรามีรอยยิ้ม ทำให้บรรยากาศในกองถ่ายฯ มีความร่าเริง สดใส แต่ที่ยากก็ตรงที่ตัวหมวยกับตัวพระเอก ไม่ใช่คนขำ แต่คนที่รายล้อมจะขำมาก มันก็หลุดไงคะ กลั้นหัวเราะกันสุดชีวิต เราก็ไม่อยากให้มาเทกที่เรา แต่บางทีก็มีแบบว่าพี่หนูไม่ไหวแล้ว (หัวเราะ) เราก็มีเล่นมุกตอบกลับบ้าง แต่ก็ไม่ได้ฮา แบบ อ่ะจึ๊ย! อะไรแบบนั้น
เล้งเคยร่วมงานกับพี่เทพ (ศักดิ์ชาย อยู่คเชนทร์) มาก่อนจากละครซิตคอมเรื่องรักล้นๆ 9 คน 4 คู่ พอมาเจอที่กองถ่ายฯ เราก็ทักพี่เขา แต่พี่เขาจำเราไม่ได้ เพราะเราอ้วนขึ้น ดำขึ้น เราถามเขาว่าจำเราได้หรือเปล่า ที่เคยเจอกัน พี่เขาก็บอกว่าจริงเหรอ ตอนนั้นอย่างกับมิยาบิ แล้วดูตอนนี้ เขาก็หยอดมุกใส่ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน เราก็รู้สึกดี ไม่เกร็ง การที่เราได้เจอกับนักแสดงมืออาชีพ เขาจะมีวิธีตั้งแต่เริ่มเลย ไม่ใช่แค่การสอนแอ็กติ้ง แต่มันเป็นการทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย เราพร้อมที่จะเล่น ไม่กดดัน ไม่ซีเรียส เหมือนเป็นการปูอารมณ์ให้เราด้วย ยิ่งพอมาได้เล่น ได้เข้าฉากก็ทำให้รู้จังหวะจะโคนมากขึ้น ด้วยความที่เป็นนักแสดงตลก พี่ๆ เขาจะมีจังหวะการเล่นที่ดีมากๆ อยู่แล้ว เหมือนเป็นการได้เรียนแอ็กติ้งไปในตัว”
พอถามว่าเธอปลื้มใครเป็นพิเศษหรือเปล่า เธอตอบทันทีด้วยรอยยิ้มสดใสว่าปลื้ม แจ๊ส และแอนนา ชวนชื่น เพราะสองคนนี้ทำให้เธอหัวเราะ และมีความสุขในการทำงานได้ตลอด
“ไม่รู้ทำไมเรารู้สึกว่าพี่แจ๊สเป็นคนที่ไม่ต้องทำอะไรก็ขำ บางเวลาเหนื่อยเขาพูด กูเหนื่อยนะเว้ย! แต่เราขำ พี่เขาเป็นคนที่น่ารัก แล้วก็เฟรนด์ลีด้วย เขามีความอดทนมาก โดนซ้อมจนน่วม เล่นจริง เจ็บจริง แล้วก็ชอบน้าแอนนา เวลาเขาพูดจะตลก อย่างถั่วต้ม น้ำส้วม ปกติเขาไม่ได้เป็นคนขำขนาดนั้น แต่พอแอ็กชันปุ๊บ เขาพูดแล้วมันจะตลก ขำกันทั้งกอง เล่นแล้วทำให้คนเชื่อว่าเขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ มีคนถามเราบ่อยมากว่าพี่เขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือเปล่า จริงๆ พี่เขาพูดปกติได้ แต่เหมือนคนติดคาแร็กเตอร์ของเขาตรงพูดไม่ชัดไปแล้ว”
เจ้าแม่ซิตคอม
ก่อนหน้านี้อาจจะไม่ค่อยได้เห็นผลงานเธอเท่าไหร่นัก เพราะหลังจากเรียนจบ เธอก็เดินทางไปเวิร์กแอนด์ทราเวลที่สหรัฐอเมริกา เพื่อหาประสบการณ์ และมองหาที่เรียนต่อ แต่ระหว่างที่เรียนมหา’ลัย เธอผ่านงานซิตคอมมาแล้วเกือบทุกเรื่อง ขนาดเจ้าตัวยังจำไม่หมด จนได้รับฉายาว่าเป็น "เจ้าแม่ซิตคอม"
“ช่วงที่เรียนมหา’ลัยเล้งจะมีงานโฆษณา แล้วก็เล่นละครซิตคอม ส่วนใหญ่จะเป็นซิตคอมของ เอ็กแซ็กท์ เรื่องแรก เป็นต่อ ตามมาด้วย ผู้กองเจ้าเสน่ห์, นัดกับนัด, บ้านนี้มีรัก แล้วก็มีละครสกุลกา, อยากหยุดตะวันไว้ที่ปลายฟ้า แล้วก็มีรักล้นๆ ฯ ถ้าคนดูซิตคอมจะเห็นหน้าเล้งบ่อยมาก จะโดนแซวตลอดว่าเห็นอีกแล้วๆ เล่นมาเยอะ เล่นเยอะจนจำไม่ได้ เราก็รู้สึกสนุกนะ แต่เหมือนเราได้เรียนรู้เรื่องการแอ็กติ้งเล็กๆ น้อย รู้คิวมากขึ้น มีจังหวะ ละครซิตคอมไม่ใช่ท่องตามสคริปต์ มันจะไม่เหมือนละคร ไม่ได้มีหลายกล้อง ลักษณะการเล่นมันจะเน้นเป็นฉากๆ บางทีก็มีมุกสดเข้ามาตลอด เราต้องสื่อความหมายได้ชัดเจนด้วยจากสคริปต์ตรงนั้น”
ถึงแม้จะผ่านผลงานละครซิตคอมมาเยอะ แต่บทบาทที่เธออยากเล่น และใฝ่ฝันจริงๆ คือบทโรแมนติก คอมมาดี้ อย่างเรื่องสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก ซึ่งเธอเล่นเป็นดรัมเมเยอร์ในเรื่องด้วย “บทที่อยากเล่น ที่ใฝ่ฝันเลยนะ คือโรแมนติกคอมมาดี้ เหมือนเรื่องสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก เรื่องนั้นเราก็เล่น เล่นเป็นดรัมเมเยอร์ บางคนจะจำเล้งได้ ชอบหนังแนวๆ อย่างนั้น น่ารักดี เราไม่เคยคิดเลยว่าหนังเรื่องแรกในชีวิตจะเป็นแอ็กชัน”
แม้ว่างานในวงการจะเป็นงานที่เธอสนุก และยังอยากหาประสบการณ์ด้านนี้อยู่ แต่เรื่องการเรียนเธอวางแผนเอาไว้แล้วว่าต้องเรียนต่ออย่างแน่นอน
“เล้งวางแผนไว้แล้วว่าเรียนจบแล้ว เรียนต่อแน่นอน ตอนเรียนจบก็ไปทำงานที่อเมริกา เป็นแคชเชียร์ ร้านฮาร์ดี้ เป็นร้านฟาสต์ฟูด คล้ายๆ แมคฯ ไปทำงานอยู่ 3 เดือน มองไว้ว่าอยากเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา ที่เล้งไปเวิร์กแอนด์ทราเวล เล้งก็มีจุดประสงค์ว่าไม่ได้ไปทำงาน ไปเที่ยวอย่างเดียว เล้งมองหาสถานที่เรียนต่อด้วย อยากเรียนต่อเกี่ยวกับมาร์เกตติ้ง จริงๆ อยากอยู่นานกว่านั้น แต่ติดต้องกลับมารับปริญญา”
ฝันอยากเป็นนักโภชนาการ
ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เธอเป็นเด็กเรียนดี อยู่สายวิทย์ วิชาที่ชอบเรียนมากๆ ก็คือเคมี พอเข้ามหา’ลัยจึงเลือกเรียนทางด้านโภชนาการอาหาร ซึ่งได้ใช้วิชาเคมีที่เธอชอบ เธอมีความคิดว่าพอเรียนจบออกมาอยากทำงานเป็นนักโภชนาการ หรือทำงานในแล็บ ทำหน้าที่ดูแลในเรื่องส่วนประกอบของอาหาร
“เล้งเรียนจบฟูดไซน์ จาก ม.เกษตรฯ เพิ่งรับปริญญาไปเมื่อปีที่แล้ว ที่เลือกเรียนคณะนี้เพราะเล้งชอบในเรื่องเคมีมาก ตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลาย เล้งเป็นคนถนัดเรื่องของเลขกับเคมีก็เลยเน้นเรียนตรงนี้ แล้วที่เราเลือกเรียนฟูดไซน์ เพราะเรามองว่าในประเทศไทยเรื่องของอาหารการกิน มันค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ คิดว่าเรียนจบออกมายังไงก็ไม่ตกงาน ประกอบกับคณะนี้ใช้พื้นฐานทางด้านเคมีเยอะมาก เรียน 4 ปี เล้งเรียนเคมีเกือบ 20 ตัวได้ แล้วเราชอบเรื่องเคมีอยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกสนุก ชอบที่ได้เรียน
เรื่องของคุณภาพอาหาร โภชนาการ เล้งมองว่ามันต้องใช้เรื่อยๆ แล้วอาหารทุกประเภทต้องมี ก็เลยคิดว่าทำงานด้านนี้มันรองรับตัวเราได้ ทำให้เรามั่นคง แล้วก็เหมือนเป็นการช่วยในเรื่องของการพัฒนาศักยภาพของประเทศด้วย ถ้าอาหารการกินดี สุขภาพคนก็ดีตามไปด้วย มันก็พัฒนาไปเป็นสเต็ปๆ”
ถึงแม้เธอจะบอกว่าอาหารไทยอุดมสมบูรณ์ แต่เรื่องของคุณภาพก็ยังมีปัญหาที่ต้องระมัดระวังอยู่ ควรเลือกซื้อ อาหารที่มีอย. และอีกเรื่องที่หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องจำเป็น และไม่ได้จำเป็นต่อร่างกายจริงๆ ก็คือเรื่องของอาหารเสริม
“เล้งมองว่าปัจจุบันมันมีเรื่องอาหารเสริมเข้ามาเยอะนะ สารทดแทนความหวานหรืออะไรต่างๆ เต็มไปหมด คนเรากินอาหารครบ 5 หมู่ มันก็ครบอยู่แล้ว อาหารเสริมสำหรับบางคนที่ไม่ได้มีเงินทองมากมาย แต่เขารู้สึกต้องหามากินให้ได้ เล้งว่าจริงๆ แล้วอาหารไทย เป็นอาหารที่สมบูรณ์จริงๆ ราคาถูก แล้วก็โภชนาการครบถ้วน บางทีอาหารเสริมมันก็ไม่ได้จำเป็น บางทีอาหารเสริมมันออกมาค่อนข้างเยอะ อยากให้ศึกษาดีๆ ได้รับอย. หรือเปล่า มันมีสารอาหารอะไรบ้าง มีอะไรตรงไหนที่ส่วนของร่างกายเราต้องการจริงๆ หรือเปล่า ไม่ใช่คนบอกว่าอันนี้ดี แล้วไปซื้อมาหมด อย่างนั้นคุณคงมีอาหารเสริมเต็มบ้าน เพราะดีไปหมด
ถ้าถามว่าอาหารเสริมดีไหม ชื่อมันก็อาหารเสริมอยู่แล้ว ถ้าร่างกายได้รับเพียงพอ แต่อยากได้เสริม เสริมให้ถูกจุดมันก็ดี สิ่งสำคัญที่ควรได้รับก็คืออาหารหลัก
อยากเตือนว่าอาหารที่ไม่ได้รับอย. อันตราย มันต้องมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติอยู่แล้ว ใช้ไปมันได้ไม่คุ้มเสีย ขายราคาถูก มีเยอะเต็มไปหมด น่ากลัวนะ ทั้งๆ ที่ประเทศเรามีอย. เป็นองค์กรที่ช่วยคุ้มครองผู้บริโภคอยู่แล้ว เขาสกรีน เวชภัณฑ์ อาหาร ทุกอย่างแล้ว เราก็เชื่อเขาหน่อยนะ ราคามันไม่ได้ต่างกันมาก แลกกับความปลอดภัยของเรา อย่าเสี่ยงเลย”
‘ลี่เล้ง’ สาวมังกรที่งดงาม
เมื่อได้ยินชื่อของสาวคนนี้ครั้งแรกแน่นอนว่าหลายคนคงมีคำถามว่าชื่อ ‘ลี่เล้ง’ แปลว่าอะไร เพราะอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ชื่อภาษาจีนที่เคยได้ยินส่วนใหญ่ ผู้หญิงก็จะชื่อ ‘ลี่’ ส่วนผู้ชายก็ ‘อาเล้ง’ แต่ชื่อของเธอแปลกเพราะรวมเอาลี่กับเล้งเข้าด้วยกันซึ่งกลายเป็นคำที่มีความหมาย และเป็นชื่อที่ไม่ซ้ำใคร
“ชื่อลี่เล้ง เป็นคำถามยอดฮิตเลย ตอนเล้งมี hi5 เล้งต้องเขียนที่หน้า wall ไว้เลยว่าชื่อนี้ แปลว่าอย่างนี้ ลี่เล้งเป็นภาษาจีน คุณพ่อตั้งให้ ลี่แปลว่าผู้หญิงสวย ส่วนเล้งแปลว่ามังกร เพราะเล้งเกิดปีมะโรง ความหมายก็จะเป็นผู้หญิงสวยที่เกิดปีมังกร ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้ยินใครชื่อเหมือนเรา ถ้าเป็นคนจีนมีลูกสาวก็จะให้ชื่อลี่ หรือว่าถ้าเป็นผู้ชายก็จะตั้งชื่อว่าเล้ง เพราะอาเล้ง เหมือนเป็นมังกร ผู้หญิงที่มีเล้ง ก็เจ้เล้ง แต่เรารวมสองย่าง ยังไม่เคยเจอใครชื่อเหมือนเรานะ”
ด้วยความที่ชื่อแปลกกว่าคนอื่นนี่เอง ก็กลายเป็นปมทำให้เธอเป็นเด็กขี้อาย ชอบนั่งหลังห้อง เพราะไม่อยากถูกครูเรียกชื่อ ถึงขนาดมีความคิดว่าอยากเปลี่ยนชื่อเป็นดาว
“เรื่องชื่อนี่ ตั้งแต่เด็ก เล้งไม่ชอบชื่อตัวเองมากๆ เห็นเด็กคนอื่น ชื่อนุ่น เฟิร์น ดาว เวลาแนะนำตัวหน้าชั้น ให้แนะนำชื่อ เราก็ชอบนั่งหลังๆ ห้อง ไม่อยากให้เรียกชื่อเรา พอเราแนะนำ ลี่เล้งค่ะ ทุกคนต้องจับจ้องมาด้วยสายตาเดียวกัน เราก็รู้สึกอาย เด็กๆ ก็ทั้งเขิน ทั้งอาย ขอเปลี่ยนชื่อได้ไหมตอนนั้นดาวพระศุกร์กำลังดัง ขอเปลี่ยนเป็นชื่อน้องดาวได้ไหม (หัวเราะ) อยากเปลี่ยนชื่อมาก แต่พอโตมากลายเป็นว่าชื่อนี้ ไม่ซ้ำใคร อยากขอบคุณพ่อที่ตั้งชื่อนี้ให้”
ส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างไทย-จีน
ลี่เล้งเกิดในตระกูลที่มีพ่อแม่เป็นคนจีนร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถูกเลี้ยงดูมาแบบไทยปนฝรั่ง ซึ่งการถูกเลี้ยงดูจากหลากหลายวัฒนธรรมหล่อหลอมให้เธอมีบุคลิกอย่างที่เห็นทุกวันนี้ คือมีความเชื่อ และเคารพบรรพบุรุษของชาวจีน มีการวางตัวรู้กาลเทศะแบบชาวไทย และมีความคิดอิสระ กล้าทำสิ่งใหม่ๆ ภายนอกดูเปรี้ยว มั่นใจ แต่มีความอ่อนน้อม อ่อนหวานแบบไทย
“พ่อแม่เป็นคนจีนทั้งคู่เลยค่ะ แต่เล้งเกิดที่ไทย คุณพ่อจะทำธุรกิจส่วนตัว ติดต่อกับประเทศญี่ปุ่น ส่วนครอบครัวคุณแม่ก็ทำโรงสีข้าว ตอนเด็กเล้งจะถูกสอนออกแนวจีนผสมไทย คนจีนเคารพบรรพบุรุษ คนไทยรู้จักกาลเทศะ สองอย่างนี้มันไปด้วยกัน เราก็ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็เรื่องความกตัญญู ที่บ้านเล้งจะให้อิสระมากๆ แต่ขออย่างเดียวให้รับผิดชอบตัวเองได้ การเรียนต้องไม่ตก ไม่โกหกกัน แล้วก็ต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ให้ได้ดี
ทั้งชีวิตเคยโดนคุณพ่อดุแค่ครั้งเดียวตอน ป.3-4 เกรดตก ตั้งแต่นั้นมาเข็ดมาก เราโดนดุแล้วเสียใจมาก ถึงเขาเลี้ยงให้เรามีอิสระ แต่เราก็สำนึกว่าเขาไว้ใจเรา เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ทำให้ท่านผิดหวัง เราจะรู้ว่าอะไรคือหน้าที่ อะไรคือสิ่งที่ต้องทำ ยิ่งเขาเชื่อใจเราเท่าไหร่ เรายิ่งรู้สึกว่าเราต้องไม่ทำให้เขาผิดหวัง
อย่างเรื่องเที่ยวกลางคืน เข้ามาปีหนึ่งมีคนเข้ามาถามแล้วว่าไปเที่ยวหรือเปล่า ลุคเล้งอาจจะเหมือนคนเที่ยวเก่ง ดูจากการแต่งตัวบุคลิก เล้งยอมรับว่าเป็นคนชอบแต่งตัวมาก แต่ว่าถ้าพูดไม่มีคนเชื่อ เราไม่เที่ยวผับเลยนะ ถ้าเคยไปก็ไม่เกิน 10 ครั้ง ปีหนึ่ง 1-2 ครั้ง ไปวันเกิดเพื่อน หรือนานๆ รวมเพื่อนเก่า เวลาเพื่อนชวนเราจะอ้างนู่นอ้างนี้ จนเพื่อนเลิกชวนแล้ว เล้งเป็นคนไม่ดื่มเหล้าอยู่แล้วด้วย เคยลอง 2-3 ครั้ง แต่ดื่มแล้วเมา ก็ไม่ดื่มอีกเลย ถึงใครบอกว่าอันนี้ดี อร่อย หวาน แต่ตัวแอลกอฮอล์มันมีรสขมอยู่แล้ว และเล้งไม่ชอบขม กินแล้วทรมาน เราก็เลยไม่ดื่ม แต่ไม่ใช่เล้งไม่เที่ยวแล้วไม่เต้นนะ นานๆ ไปที แต่เพื่อนจะถามว่า แน่ในเหรอว่าไม่เที่ยว สเต็ปนี่ มันใช่นะ” เธอเล่าอย่างเปิดเผย
โดนหลอกเพราะจริงใจ
มองภายนอกด้วยบุคลิก การแต่งตัว ที่ดูเป็นสาวเปรี้ยวมั่นใจ แต่ตัวตนเธอบอกว่าเป็นคนเปิ่นมาก โก๊ะๆ ซุ่มซ่าม ซึ่งถ้าใครได้รู้จักจะพูดเหมือนกันว่าเธอผิดจากที่เคยคิดไว้
“ตัวตน เล้งค่อนข้างเข้ากับคนง่าย คุยได้หมด เป็นคนง่ายๆ โก๊ะ บางคนเห็นเราเดินเข้ามาหน้านิ่งๆ ก็คิดแล้วว่าหยิ่ง เชิด แต่จริงๆ อยากบอกว่าคนหน้าหมวยมันเป็นอย่างนั้น หน้านิ่งมันจะดูหยิ่ง แต่ว่าจริงๆ แล้วไม่เลย คนที่ได้คุยกับเล้งจะบอกว่า เธอไม่ใช่อย่างที่คิด เป็นคนโก๊ะ ซุ่มซ่ามด้วย ค่อนข้างเปิ่น บางทีเดินมาสะดุดง่ายๆ บางคนหาว่าเราตาจิกก็มี”
ด้วยความที่เป็นคนจริงใจ เปิดเผย เธอบอกว่าเป็นข้อเสีย บางครั้งก็กลายเป็นดาบสองคมทำให้เธอเสียใจ ที่ไว้ใจคนอื่นมากเกินไปจนถูกหลอก ถูกหักหลัง ยิ่งเธอได้เข้ามาทำงานในวงการ ได้เจอกับคนหลากหลายประเภท ที่คอยหาประโยชน์จากเธอก็มี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เธอต้องปรับตัว สร้างเกราะป้องกันตัวเองให้เข้มแข็งขึ้น
“เล้งเป็นคนเชื่อคนง่าย แล้วก็จริงใจ เป็นคนเปิดเผยด้วย คนที่สนิทกันจะเตือนเล้งว่า ไม่ต้องเปิดเผยมากขนาดนั้น ไม่ต้องจริงใจไปหมดทุกคน มันต้องแบ่งระดับคนที่เราควรจะจริงใจด้วย บางทีแค่ใครมาคุยดีด้วยหน่อย เอาละ ให้ใจเขา ทั้งเพื่อน พี่ๆ น้อง เราให้หมด เป็นคนง่ายๆ ให้ความจริงใจ เปิดเผย แล้วมีอะไรมาทำให้เราเฮิร์ต เขาไม่ได้จริงใจกับเราขนาดนั้น แต่เราเปิดเผยให้เขาเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง เราโดนบ่อย
โอ๊ย...เจ้าน้ำตา (หัวเราะ) เล้งเป็นคน sensitive มาก ยิ่งเราเปิดเผย จริงใจกับคนมาก มันเหมือนเป็นดาบสองคม ถ้าเจอคนที่ดี มันเหมือนเราเป็นมิตรแท้ของเขาได้ เพราะเราให้ใจเขาจริงๆ แต่พอเจอคนไม่ดี เขาก็หาผลประโยชน์จากเรา หลอกลวง ขอให้เราทำให้เขา คนที่มานั่งเฮิร์ตมานั่งเสียใจก็คือตัวเรา บางทีเอาเรื่องคนอื่นมานั่งเสียใจเป็นเหมือนเรื่องตัวเอง เขาเครียด เราก็เครียดไปด้วย สุขภาพจิตเรา สุดท้ายกลายเป็นว่าเขาไม่ได้จริงใจกับเรา มันก็ยิ่ง จุดอ่อนจริงๆ มันทำร้ายตัวเองเยอะ
เราต้องปรับตัวเยอะ แต่คิดว่าเรายังโชคดีที่ได้เริ่มทำงานตั้งแต่ปี 1 พอเราเริ่มเป็นดาวมหา'ลัย คนเริ่มเข้ามาหาเราเยอะ แรกๆ ช้ำ เยอะมาก ด้วยความที่คนเข้ามาแล้วเรายังแมนเจตัวเองไม่ถูก ยิ่งเข้ามาทำงาน สังคมการทำงานในวงการมัน เสือ สิง กระทิง แรด คนในชีวิตจริง มันไม่เหมือนตอนเราเป็นเด็ก ก็เหมือนเป็นครูสอนเรามาเรื่อยๆ สอนให้เรารู้จักวางตัวมากขึ้น เป็นเกราะป้องกันตัวมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้บอกว่าตอนนี้เกราะมันจะเข้มแข็งมากนะ ก็ยังเป็นอยู่ เพราะว่ามันเป็นนิสัย เราก็ต้องพยายาม ต้องโตขึ้นเรื่อยๆ บางทีเราเปิดเผย เราเล่าเรื่องของเราให้เขาฟัง เขาเอาไปพูดลับหลัง เรานึกว่าเขาเป็นเพื่อน เป็นพี่ ปรึกษาได้ กลายเป็นว่าเขาเอาไปพูดหมดเลย บางคนเหมือนเป็นเราขอคำปรึกษาได้ แต่ลับหลังเอาไปพูดอีกอย่าง จนมันไม่ใช่ ก็มีผลกับเรา”
ตอนเด็กเป็นอาหมวยขี้อาย
อาจเป็นเพราะเป็นเด็กหน้าหมวย และโดนล้อเรื่องชื่อมาตั้งแต่เด็ก เธอจึงค่อนข้างเป็นเด็กขี้อาย กลัวคน แต่พอโตขึ้นมาได้ทำกิจกรรม และได้รู้จักคนมากขึ้น ความมั่นใจก็เริ่มตามมา เริ่มฉายแววในการเป็นดาวตอนอยู่ในรั้วมหา'ลัย
“ตอนเด็กเป็นคนที่ไม่มั่นใจเลย เป็นเด็กขี้อาย เดินก้มหน้า มุดๆ ใครมาเล่นด้วยก็ไม่เล่นด้วย กลัว อาย แต่ก็เพิ่มมาเรื่อยๆ มามั่นใจขึ้น เพราะเราเป็นคนชอบทำกิจกรรม เหตุการณ์บังคับให้เราได้คุยกับคนอื่นมากขึ้น ได้รู้จักคนมากขึ้น แต่เราไม่ใช่คนมั่นใจขนาดนั้น เหมือนเราเริ่มแล้วเราต้องทำ อาศัยความพยายาม ไม่ว่าจะเจออะไรใหม่ๆ เล้งหวั่นแล้ว คิดว่าจะทำได้หรือเปล่า เราก็ต้องแก้ไขด้วยการฝึก ซ้อมเยอะๆ ทำการบ้านให้มันดีๆ พอเรารู้สึกว่าเราทำให้มันแน่นแล้ว มันจะเพิ่มความมั่นใจให้เราเอง
ตอนมหา'ลัยมีงานเดินแบบ เล้งจะรู้สึกกลัว ไม่กล้า คิดว่าตัวเองจะเดินไม่ดี ก็จะบ่นกับเพื่อนตลอด แต่ถึงเวลา ปล่อยเสตจ เดินออกมา เพื่อนด่าเลย ไหนบอกแกทำไม่ได้ พอถึงเวลาต้องทำ มันเหมือนมีวิญญาณอีกอย่างหนึ่งเข้า เหมือนเราต้องทำให้ได้ ต้องทำ มันก็ดูเหมือนมั่นใจ แต่จริงๆ ลึก ๆ ก็ไม่มั่นใจขนาดนั้น”
ความชอบการแต่งตัว และมีสไตล์เป็นของตัวเอง แบบเปรี้ยวปนหวานนิดๆ ทำให้หลายคนว่าเธอดูเป็นสาวเปรี้ยว มั่นใจในตัวเอง เธอก็เหมือนวัยรุ่นเวลาว่างชอบชอปปิ้ง แต่ไม่นิยมของแบรนด์เนม จะเลือกใช้ของที่เหมาะกับตัวเองมากกว่า
“เสื้อผ้าที่บ้านมีทุกแนว ตั้งแต่สบายๆ เสื้อยืด กางเกงยีนส์ สไตล์ที่เหมาะกับเราคงเป็นหวานปนเปรี้ยวนิดๆ ชอบซื้อเครื่องประดับเยอะมาก แต่พอใช้จริงๆ ก็ไม่ได้ใช้เยอะนะ อาศัยหยิบใกล้มือ แต่ขยันซื้อ เล้งไม่ติดแบรนด์ รู้สึกว่าอะไรก็ได้ ใส่แล้วดูดี เหมาะสมกับกาลเทศะแค่นั้น ให้มันเข้ากับเรา ไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนม เพราะบางตัวมันราคาค่อนข้างสูง แล้วเราก็ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น ให้เหมาะกับเราแค่นั้นอะไรมันก็ดูดีแล้ว
เวลาว่างชอบชอปปิ้ง อ่านหนังสือ ตอนเด็กจะชอบอ่านนิยายที่เป็นตัวหนังสือ พอโตมาจะชอบอ่านหนังสือที่ให้แง่คิดดีๆ อย่างพวกปรัชญาที่ไม่ได้เคร่งเครียด แต่เป็นปรัชญา เกี่ยวกับการใช้ชีวิต ปรัชญาความรัก ที่อ่านแล้วนำมาปรับใช้กับชีวิตได้จริงๆ เล้งเอามาใช้ตลอดนะ เวลาเราอ่าน "คนเราจะมีความสุขได้มากเท่าที่คนคนหนึ่งอยากจะมี" มันเหมือนเตือนตัวเอง ให้รู้ตัวเองไว้เสมอว่าเรากำลังมีความสุข แต่วันที่เรามีความทุกข์ ประโยคนี้ก็เหมือนเตือนตัวเองว่าจะสุข จะทุกข์มันขึ้นอยู่กับเรา มันเหมือนคำสอนทางศาสนาว่า จะสุขจะทุกข์มันอยู่ที่ใจ
ถ้าเรามีความทุกข์แล้วเราเลือกที่จมอยู่กับความทุกข์มันก็ทุกข์ ประโยคนี้มันจะบอกว่าถ้าเราอยากจะมีความสุขเราจะมีความสุขได้เท่าที่เราอยากจะมี มันเหมือนใช้ได้กับทุกอย่าง เป็นประโยคสั้นๆ แต่ให้อารมณ์ความรู้สึกค่อนข้างเยอะ ให้กำลังใจก็ได้ เตือนตัวเองก็ได้ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเราจริงๆ เราเลือกได้ว่าอยากจะให้ชีวิตเราเป็นยังไง”
หัวใจยังว่าง
สวยน่ารักขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่า พอถามถึงเรื่องหัวใจเธอบอกว่า โสดร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่แอบกระซิบบอกว่าเพิ่งโสดมาได้ไม่นาน ไม่ใช่ว่าไม่มีใครมาจีบ แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้คิดว่าถ้าคบใครเป็นแฟนขอดูนานๆ
“โสดค่ะ (หัวเราะ) เพิ่งโสดได้ไม่นานมาก มุมมองความรักเคยมองว่ามันคือการให้ มันเหมือนพ่อแม่ให้เรา บางทีเราโตมา ให้อย่างเดียวไม่พอ มันต้องมีความเข้าใจ จริงใจ และซื่อสัตย์ เพราะถ้าเราให้แก่คนที่ไม่ซื่อสัตย์ ให้ไปมันไม่มีค่า ให้แก่คนที่ไม่มีค่า ให้ไปเราก็เสียใจ หรือว่าให้ไปแล้วอยู่กันแบบไม่เข้าใจ สุดท้ายก็อยู่ไปไม่ได้ เราก็เลยรู้สึกว่ามันต้องมีให้ครบ ขอให้มี 3 อย่างนี้
ชอบผู้ชายหน้าตาปานกลาง แฟนเก่าเล้งนะ เพื่อนถามว่านี่แก เลือกแล้วเหรอ เราไม่ต้องหล่อก็ได้ ขอหน้าตากลางๆ แต่ขอสูงกว่าเรา ประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้เราขอเลือกนานๆ คนที่รักเราจริงๆ เขาต้องพิสูจน์ให้เราเห็นได้ว่าเขารัก บางทีเวลาก็ช่วย มันก็ต้องค่อยๆ ดูกันไป เล้งชอบคนที่รักครอบครัว ถ้าครอบครัวอบอุ่น เขาจะมีจิตใจโอบอ้อมอารี เขารักครอบครัวเขาเหมือนที่เขาได้รับการปลูกฝังมา บางทีครอบครัวเขาอาจจะไม่เฟอร์เฟกต์ แต่เราดูผู้ชายที่รักครอบครัวเขา ถึงเวลามีครอบครัวตัวเอง เขาก็ต้องรักครอบครัว ดูแลครอบครัวเขาเหมือนกัน”
ชื่อ - นามสกุล : พรวิภา วัชรการุณย์
ชื่อเล่น : ลี่เล้ง
วันเกิด : 25 ส.ค. 31
การศึกษา : ปริญญาตรี คณะอุตสาหกรรมเกษตร ภาควิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการอาหาร ม.เกษตรศาสตร์
ผลงานที่ผ่านมา : ดาวมหา'ลัยปี 49 ม.เกษตรศาสตร์ พิธีกรของ u channal , nations channal , sme way
ถ่ายโฆษณา เบียร์ คาร์ลสเบอร์ก เดินแบบ ละคร อยากหยุดตะวันไว้ที่ขอบฟ้า , อุบัติรักเกาะสวรรค์ , เขยบ้านนอก ,
ผู้กองเจ้าเสน่ห์ , บ้านนี้มีรัก , นัดกับนัด , เป็นต่อ ภาพยนตร์เรื่อง A Little Thing For Love, สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก
(เคยไปออก ล้วง ลับ ตับ แตก ช่วง รถไฟรัก)
ข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/ASTV สุดสัปดาห์
ภาพโดย พงษ์ศักดิ์ ขวัญเนตร