xs
xsm
sm
md
lg

สาวต๊อง บ๊อง ฮา "ครีม นภัสสร” นางเอกเพื่อนไม่เก่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
เปิดซิงสาวหน้าใหม่แกะกล่องที่จะมาเพิ่มสีสันบนแผ่นฟิล์ม ในภาพยนตร์เรื่อง เพื่อนไม่เก่า แนวคอมเมดี้-โรด มูฟวี่ ประเดิมด้วยบทบาท “สก๊อยเกิร์ล” ครั้งแรกในชีวิตของสาวหน้าใสปิ๊ง ครีม-นภัสสร เอี่ยมเจริญ เธอพร้อมเข้ามาขโมยหัวใจทั้งหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่กับความสามารถที่โดดเด่น เพราะเธอคือหนึ่งในดรัมเมเยอร์เตรียมอุดมฯ ที่มีอะไรมากกว่าความสวยบนใบหน้าและเรือนร่าง จนเข้าตาผู้กำกับรุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง ปิง-เกรียงไกร ด้วยลุคที่เป็นธรรมชาติมากๆ ถึงแม้จะเป็นสาวหลายบุคลิกแบบหวานซ่อนเปรี้ยวแต่ก็คงความสดใส น่ารัก ขี้เล่นและเป็นตัวของตัวเองสุดๆ ซึ่งตอนนี้เธอเป็นที่สนใจของใครหลายคนในฐานะนักแสดงหน้าใหม่ที่กำลังก้าวเข้ามาเป็นดาวอีกดวงหนึ่งแห่งวงการบันเทิง

*********************************************************
เส้นทางนักแสดงหน้าใหม่ของสาวหน้าหวานคนนี้ เริ่มจากที่เธอเป็นดรัมเมเยอร์ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ความสามารถนี้เปิดทางให้เธอเข้ามารับงานในวงการบันเทิง หลายคนอาจเคยเห็นเธอผ่านจอโทรทัศน์กับงานโฆษณาพรีเซ็นเตอร์สินค้ากันมาบ้างแล้ว อาทิ โอเล่, ดีแทค, มาม่า,แมคโดนัลด์ ฯลฯ พร้อมกันนั้นเธอยังรับบทบาทงานแสดงที่ผู้กำกับเห็นแววของเธอจากบุคลิกที่สดใสและดูเป็นธรรมชาติ กับบทสาวสก๊อยสุดวิ้ง ชื่ออ้อมแอ้ม ที่จะเข้ามาเพิ่มสีสันให้แก่ภาพยนตร์เรื่อง เพื่อนไม่เก่า

“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานจากสาวหน้าใส อารมณ์ดี ครีม-นภัสสร เธอมาในชุดกระโปรงสีม่วง เสื้อสีขาวดูเรียบร้อย ประดับผมด้วยมงกุฎดอกไม้รับกับใบหน้าที่ดูน่ารัก จุดเด่นหนึ่งในตัวเธอคงเป็นความสดใส ร่าเริงและเข้ากับคนอื่นได้ง่าย ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลาทำให้คนที่อยู่ตรงหน้าเธอต้องยิ้มตาม วันนี้ M-Lite นัดหมายสาวคนนี้มานั่งพูดคุยเพื่อให้ได้เห็นและรู้จักอีกในหลายๆ มุมของสาวมากความสามารถ ความที่เธอมีมนุษยสัมพันธ์ดีดูจะเป็นสะพานให้เราเข้ากันได้ไม่ยาก เหมือนกับว่านิสัยช่างพูด ช่างเจรจาจะมาพร้อมกับความเป็นตัวเอง เสียงเจื้อยแจ้วเมื่อพูดถึงชีวิตในโลกที่สดใสสวยงามของเธอ พร้อมแล้วหรือยังที่จะเข้ามาสัมผัสเรื่องราวของเธอบนโลกใบใหม่ที่แตกต่างไปจากโลกใบเดิมที่เราเคยเจอ

ดรัมเมเยอร์สร้างฝัน
“ครีมเข้าวงการได้เล่นหนังเพราะเป็นดรัมเมเยอร์ ผู้กำกับเขาเห็นรูปครีมตามเว็บต่างๆ แล้วอยากให้เรามาเล่น จากนั้นทีมงานได้ติดต่อมาทางพี่กุ๊กกิ๊กซึ่งเป็นรุ่นพี่ดรัมเมเยอร์ที่รู้จักกัน และพี่ปิงผู้กำกับก็เรียกให้มาเทสต์หน้ากล้องเพื่อดูว่าเล่นได้ไหม ครีมมาครั้งนั้นครั้งเดียวแล้วก็ได้เลย ตอนนั้นถือว่าฟลุกมาก”

“ถูกใจมากเลยตั้งแต่น้องเค้ามาแคสครั้งแรก” เสียงจากผู้กำกับหนังเพื่อนไม่เก่าบอกอย่างภูมิใจและไม่ทำให้ผิดหวังที่เลือกมา ครีมเป็นหนึ่งในโปรไฟล์สาวดรัมเมเยอร์ วัยสดใสน่ารักของเว็บเพจหนึ่งบนหน้าอินเทอร์เน็ต ด้วยความที่เธอดูเป็นธรรมชาติ เป็นตัวของตัวเอง ตรงไปตรงมาจึงดูเข้ากับบทบาท “อ้อมแอ้ม” สาวต่างจังหวัดที่ชอบการเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ การแสดงบุคลิกที่ชัดเจนนี้จึงพาตัวเธอเข้ามาสู่อีกบทบาทหนึ่งในวงการภาพยนตร์”

ก่อนเล่นหนังเธอมีงานโฆษณามาบ้างแล้วนิดหน่อย โฆษณาแรกที่ทำคือ ซิสเทมมา ถ่ายมาประมาณปีหนึ่งและตอนนี้ก็มีโฆษณาที่เห็นผ่านหน้าจอทุกวัน ได้แก่มาม่าต้มยำกุ้งน้ำข้น, โอเล่, แมคโดนัลด์, ดีแทค และล่าสุดครีมโอเลย์

“ในเรื่องเพื่อนไม่เก่า เราแสดงเป็นอ้อมแอ้มซึ่งเป็นเด็กวัยรุ่นต่างจังหวัด และเป็นตัวละครที่มีบุคลิกคล้ายตัวเรา คือเป็นคนพูดมาก ลั้นล้า ไม่ค่อยคิดอะไรมาก อยากรู้อยากเห็นแต่ว่าเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองเหมือนเด็กวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าอ้อมแอ้มจะคล้ายกับตัวเราแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด มีส่วนคล้ายที่เด่นชัดที่สุดตรงที่เป็นคนพูดมากเหมือนกัน อยากรู้อยากเห็นเหมือนกัน แต่มีโทนเสียงพูดไม่เหมือนกัน บางคนเขาว่าครีมแมนแต่ในหนังมันจะดูเป็นผู้หญิงกว่านี้ หวานๆ เปรี้ยวๆ หน่อย

“เรามาแสดงหนังเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ตอนแรกพยายามไม่ตื่นเต้น ไม่คิดอะไร แต่พอเข้าฉากแสดงจริงกลับรู้สึกตื่นเต้นเพราะเราไม่เคยเล่นอะไรแบบนี้มาก่อนและแอ็กติ้งก็ไม่ค่อยได้ พอมาอยู่ในฉากแล้วทุกคนต้องเล่นด้วย อย่างโฆษณาเราเล่นคนเดียว เล่นผิดก็เอาใหม่ไม่ลำบากคนอื่น แต่พอเล่นหนัง พอเล่นผิดก็เกรงใจเขา แต่ครีมก็ผิดอยู่ไม่กี่อันจริงๆ นะ (ยิ้มเนือยๆ) ไม่ได้ตั้งใจ แล้ววันนั้นกองถ่ายรีบด้วยเพราะต้องย้ายโลเกชัน วันนั้นรู้สึกแย่มากคิดแต่ว่าเมื่อไหร่จะพูดได้ เพราะตอนนั้นไดอะล็อกมันยาวด้วย”

“หมอ” อาชีพที่ใฝ่ฝัน
ก่อนจะเข้าเรียนในโรงเรียนที่ใฝ่ฝันอย่างเตรียมอุดมฯ ได้ ครีมได้เรียนชั้นประถมมาหลายแห่ง ทั้งโรงเรียนปัญญาศักดิ์ โรงเรียนสารสาสน์วิเทศศึกษาและโรงเรียนบูรณะศึกษา ก่อนจะเข้ามัธยมต้นที่โรงเรียนบดินทรเดชา และในที่สุดก็สามารถเข้า ม.ปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาได้อย่างที่หวังไว้ เพราะเธอคิดว่าที่นี่จะเป็นประตูด่านแรกพาไปสู่อาชีพหมอในอนาคตอย่างที่ฝันไว้

“ครีมเรียนจบชั้น ป.6 ที่บูรณะศึกษา เป็นโรงเรียนแถวบ้านที่พ่อเคยเรียน พ่อเป็นนักเรียนคนแรกในรอบ 30 ปี ของโรงเรียนนี้ที่สอบเข้าเตรียมอุดมฯ ได้ แต่ก่อนบ้านพ่อบ้านแม่ไม่มีฐานะอะไรเลย อากงนั่งเรือมาจากเมืองจีน แต่ครีมว่าโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่ทำให้เราสอบเข้าได้ เป็นโรงเรียนที่ด้านวิชาการดีมาก ปัจจุบันก็มีเพื่อนที่อยู่บูรณะศึกษามาสอบเข้าสตรีวิทยาแล้วได้ที่ 1 ก็เป็นบูรณะศึกษาเหมือนกัน พอ ม.1-3 ย้ายมาเรียนที่บดินทรเดชา ก่อนจะสอบเข้ามาเรียนได้ที่เตรียมอุดมฯ ตั้งแต่ ม.4-6 จำได้ว่าตอนนั้นเขารับ 750 คน จาก 15,000 คน ที่มาสมัคร รู้สึกดีที่อยู่โรงเรียนเดียวกับพ่อ ไม่ทำให้พ่อผิดหวัง เพราะเขาก็อยากให้เราเรียนที่นี่อยู่แล้วด้วย

บางทีผู้ปกครองจะทำตัวเป็นคนสร้างถนน สร้างแล้วมีทางไว้ให้ลูกเดินตามไป แต่เหมือนของครีมเขาแค่ตีกรอบไว้ว่าอย่าเดินไปทางนี้นะ แค่นี้ก็พอแล้ว ถึงจะเดินเลี้ยวไปเลี้ยวมา กระโดดข้ามไปข้ามมาได้หมด พอถึงช่วงเวลาที่สำคัญเขาจะเดินเข้ามาแล้วบอกว่าตอนนี้เราต้องทำอะไร หรือให้คำแนะนำถ้าอยากจะทำอะไร อย่าง ม.1-2 พ่อเขาก็ปล่อยเลย อยากจะทำอะไรก็ทำ เล่นบาส บอล แชร์บอล ตีกอล์ฟ เป็นนักร้องของโรงเรียน ทำนู่นทำนี่ แต่พอ ม.3 เขาจะมาเตือนว่าเราจะเข้าเตรียมอุดมฯ แล้วนะ ถ้าเข้าโรงเรียนนี้ไม่ได้ แล้วจะเป็นหมอมันก็คงยาก เพราะแค่ก้าวแรกยังไปไม่รอดเลย เขาพูดแค่นี้และไม่พูดอะไรต่ออีกเลย มันจึงเป็นความรู้สึกที่เราต้องอ่าน”

“ตอนนี้เตรียมขึ้นชั้น ม.6 สายวิทย์-คุณภาพชีวิต และเตรียมวางแผนสอบเอนทรานซ์ก็คงเรียนหมอนั่นแหละ เป็นคณะแพทยศาสตร์ของที่ไหนก็ได้ คือขอให้ได้เข้าก็พอแล้ว ไปเชียงใหม่ก็ได้ ไปใต้ก็ดีนะ แต่ถ้าได้จุฬาฯ ศิริราช ก็ดีเลยเราก็จะได้ทำงานตรงนี้ต่อไป และพ่อก็จบหมอศิริราช ส่วนแม่จบที่สงขลานครินทร์แล้วไปต่อที่ญี่ปุ่น ตอนนี้ก็มีเรียนพิเศษนิดหน่อยเตรียมสอบเอนทรานซ์ คือครีมจะโดนปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าอ่านหนังสือดีกว่าเรียนพิเศษ เนื้อหาที่ได้เท่ากัน แต่เวลาที่เราอ่านหนังสือใช้น้อยกว่าไปเรียนพิเศษ เพราะที่เรียนเขาต้องรอคนที่อยู่ข้างๆ เราด้วย สุดท้ายจึงตั้งใจว่าจะอ่านเองมากกว่า

เน้นเรียนวิชาเคมีนะ อย่างเลขมันเป็นวิชาที่ใช้ความเข้าใจ ครีมชอบฟิสิกส์ที่สุด ฟิสิกส์ยังไม่เคยเรียนพิเศษเลย เพราะสอบได้ดีกว่าวิชาอื่น ฟิสิกส์มันต้องคิด ต้องจินตนาการขึ้นมา เราชอบแบบนี้มากกว่า เกรดสะสมตอนนี้อยู่ที่ 3.5 แต่มันก็เยอะไม่พอใจสำหรับพ่อ บางทีมาตรฐานพ่อก็สูงไปหน่อย แต่ก็ดีนะเหมือนเป็นเป้าหมายที่เราต้องไปให้ถึง”

เสียดายที่ไม่ได้ทำหรือตอนนั้นทำไม่ได้
ครีมเป็นคนชอบค้นหาประสบการณ์ชีวิตที่หลากหลาย เธอจึงเลือกทำหลายอย่างที่อยากทำ อาจจะบอกได้เลยว่าเธอเป็นสาวนักคิดช่างฝัน ที่มีมุมมองบนโลกส่วนตัวที่ดูแตกต่างจากคนที่อยู่ในวัยเดียวกัน

“เด็กๆ ฝันอยากเป็นนักธุรกิจ จริงๆ แล้วนี่ครีมชอบทำกับข้าวนะ อยากทำร้านอาหารแต่ไม่ได้อยากเป็นแม่ครัว เพราะเรารู้ว่าการเป็นแม่ครัวมันเหนื่อยมาก คือครีมอยากทำร้านอาหารสไตล์คลาสสิกๆ ติดริมแม่น้ำ อีกอย่างอยากทำร้านอย่างโออิชิบุฟเฟต์ อยากเป็นคนบริหารร้าน ดูแลร้าน และอยากเอ็กซ์เพรสไอเดียด้านอาหารออกมา”

การแสดงหนังถึงแม้จะยากแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเธอ ครีมบอกว่าเธออยากเล่นหนังทุกประเภท ถ้าไม่วาบหวิวหรือโป๊เกินงาม ส่วนหนังดรามาเธอก็อยากทดสอบฝีมือดูบ้างแต่ติดตรงที่ว่า เธอร้องไห้ไม่ได้เมื่อต้องแสดงฉากเศร้า เสียใจ เพราะชีวิตของเธอในทุกๆ วันมีแต่ความสนุกสนานรื่นเริง ถ้าจะบอกให้ร้องไห้จึงคิดไม่ออกเลยว่าจะร้องไห้เรื่องอะไร

“หากให้ครีมเลือกแสดงหนังอยากเล่นหนังบู๊นะ อยากแสดงในบทบาทที่เป็นตัวเอก อย่างในหนังเรื่อง เพื่อนไม่เก่านี้เราก็ไม่ได้เป็นตัวที่ดำเนินเรื่องขนาดนั้น คืออยากเล่นในบทบาทที่คนดูเขารู้สึกว่ามันมีค่า มีความหมาย แต่เรื่องนี้ก็มีนะเพียงว่าเราไม่ได้เป็นเมนไอเดีย คืออยากให้คนดูเขารู้สึกถึงสิ่งที่เราเล่นไปมันมีค่า มีข้อคิด มีความหมายต่างๆ และสามารถเก็บไปคิดต่อได้อีก”

สาวนักล่าประสบการณ์อย่างครีม เมื่อพบเจอโอกาสดีๆ จึงไม่พลาดที่จะต้องคว้าไว้ งานแสดงละครจึงเป็นอีกบทบาทหนึ่งที่เธอบอกว่าสนใจเหมือนกัน “ไม่ว่างานแสดงหนังหรือละคร ต่างก็เป็นประสบการณ์ที่ดี เราก็อยากเล่นทุกอย่าง แค่อยากลองตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย อยากจะรู้ว่าอะไรที่เราถนัดที่สุดแล้วเราก็อาจจะทำตรงนั้นต่อไป ซึ่งตอนนี้ก็มีบริษัทหนึ่งมาขอเซ็นสัญญาด้วยแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ได้มีปรึกษาพ่อบ้าง เขาบอกว่าก็ขึ้นอยู่กับเรา ไม่ต้องเรียนก็ได้นะหมอน่ะ แต่เราก็อ้าว...ถ้าไม่เรียนหมอแล้วจะเรียนอะไร คือเมื่อเวลาโตไปแล้วเราไม่อยากรู้สึกว่า รู้อย่างนี้น่าจะเรียนหมอ รู้อย่างนี้น่าจะทำอย่างนั้น ครีมไม่ชอบคำว่ารู้อย่างนี้ เพราะรู้สึกว่าเสียดายที่ไม่ได้ทำหรือตอนนั้นทำไม่ได้กันแน่ เมื่อได้ยินใครพูดคำนี้แล้วจะรู้สึกหงุดหงิดมาก”

“การได้เล่นหนังเรื่องเพื่อนไม่เก่ามันทำให้เรารู้ว่า แอ็กติ้งนี่ไม่ง่ายเลย แต่ก็มีสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเข้าไปอยู่กองถ่ายหนังคือรู้สึกว่าอาชีพในวงการบันเทิง มันได้เงินมากก็จริงในบางตำแหน่งแต่ก็เป็นอาชีพที่เหนื่อยและก็ใช้ความสามารถมากๆ อย่างเพื่อนครีมบางคนก็บอกว่าอยากจะเรียน นิเทศฯ รู้สึกว่าเขาหนีความลำบากเพราะเขาคิดว่านิเทศฯ มันสบายแล้วซึ่งมันไม่ใช่ ครีมคิดว่าในทุกอาชีพมันก็มีความยากในตัวของมันเอง”

“เรามาเล่นหนังไม่กระทบการเรียนเลยแต่เวลาไปโรงเรียนเพื่อนๆ ก็จะล้อพูดเลียนแบบเราเหมือนในทีเซอร์ ตอนนี้ก็มีกลุ่มน้องๆ เข้ามาเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก แต่ไม่เชิงว่าเป็นแฟนคลับนะ ไม่ได้มีเอฟซีที่ตั้งตัวเป็นกลุ่มขนาดนั้นก็มีแค่น้องๆ จากเฟซบุ๊กและก็กลุ่มแฟนคลับของวงออกัส ครีมโดนวงนั้นเขาอาฆาตแล้วเพราะเราไปแย่งแฟนคลับเขามา (ยิ้ม)”

เรื่องเล่าในกองถ่าย
ก่อนวันแสดงจริงครีมได้ไปเวิร์กชอป 2-3 ครั้ง แล้วจึงได้ลงสนามประเดิมฝีมือการแสดงด้วยฉากต่างจังหวัดในภาพยนตร์เรื่อง เพื่อนไม่เก่า ที่ทำให้เธอได้เรียนรู้และพบเจอกับประสบการณ์มันๆ ทั้งในจอและนอกจอ

“ครีมชอบฉากตื่นนอนมากที่สุด คือมันจะมีฉากที่ทุกคนนอนหลับแล้วเราก็ตื่นมา ทุกคนก็ตื่นมา แล้วมีประโยคหนึ่งในทีเซอร์ที่พี่นายน์พูด “กุก็เลยให้น้องเขาไปด้วย” แล้วพี่นนก็พูดว่า “สมเหตุสมผลชิบ...เลย” เป็นฉากที่เรารู้สึกว่าถ้าเป็นเราจริงๆ เราจะนอนอย่างนี้เหรอ มันก็ขำดีนะ ตอนทุกคนตื่นนอนมาแล้วทำหน้าง่วง คือเป็นฉากที่ไม่มีใครหล่อเลย ง่วงทุกคนเลย และก็มีฉากด่าพี่นายน์ เป็นฉากยากที่สุด เราเป็นนักแสดงใหม่ก็ไม่รู้ว่าต้องเล่นอารมณ์เท่าไหน เราต้องใส่อารมณ์ในมุมที่เราเป็นผู้หญิง” ซึ่งในบทสนทนามีคำด่าสระเอียที่เธอต้องพูดแบบเหมือนคนไม่เคยพูดมาก่อน “เราต้องแสดงเหมือนผู้หญิงเรียบร้อยแต่ต้องรุนแรงอยู่ อย่างนี้เราจะพูดยังไง ก็ไม่รู้จะแสดงอารมณ์ออกมาแรงแค่ไหน พี่ปิงก็บอก เฮ้ย...แรงกว่านี้อีก แรงกว่านี้อีก เราก็มีแอบกลัวๆ แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี”

“ในกองสนิทกับพี่นายน์-ปฐมวรรธน์ ซึ่งแสดงเป็น กี เพราะเขาเล่นคู่กับเรา เวลาอยู่ในฉากหรืออยู่นอกฉากก็เล่นกับเขาและเราก็ซ้อนจักรยานเขาด้วย เพราะฉะนั้นเราก็คุยกันตลอด บางทีถ่ายอยู่เราก็คุยอย่างฉากรักเราจะเล่นอย่างไร เขาก็จะช่วยแนะนำ ก็คุยถึงชีวิตเขาเป็นอย่างนู้นอย่างนี้ และพอดีน้องพี่เขาอายุเท่ากับเรา เขาก็แนะนำน้องเขาให้รู้จัก ตอนนี้ก็รู้จักน้องเขาด้วย มาถึงตอนนี้เขาก็เป็นพี่ชายคนหนึ่งไปแล้ว”

“ทุกคนในกองก็แนะนำการแสดงให้เรา ทุกคนน่ารัก เขาจะบอกว่าอย่างนี้ดีไหม ลองอย่างนี้ซิ เขาก็พยายามจะช่วยเรา เพราะเขารู้ว่าในกองเราเด็กที่สุด พี่ปิง พี่วงออกัสเขาก็ช่วยเพราะเขาก็เคยเล่นหนังมาก่อน เขาก็บอกว่าตอนแรกที่เขาเล่นหนังก็รู้ว่ามันรู้สึกอย่างไร มันเป็นอย่างไร เราจึงคุ้นเคยกับพี่ในวงออกัส ก็จะประทับใจพี่อ๋อง-ณฐพงษ์ ที่สุด (หัวเราะ) ก็ไม่มีอะไรแค่พี่อ๋องเขาเป็นคนตัวเล็ก คือทุกคนในวงเขาจะแกล้งพี่อ๋องแล้วพี่อ๋องเขาจะสวนกลับแบบไม่รู้สึกอะไร เหมือนอย่างเราต่อยพี่เขาแล้วพี่เขาจิ้มกลับมา มันไม่ได้รู้สึกอะไรกับการสวนกลับของเขาเลย แต่เขามั่นใจมากว่าเขาสวนกลับได้ดีแล้ว ทุกคนก็จะชอบแกล้งพี่อ๋องหมดเลย”

ทายาทคลินิกศัลยกรรม
ครีมเกิดมาในครอบครัวเดี่ยว ฝั่งพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ครอบครัวเปิดคลินิกศัลยกรรมความงาม “ธีระสุ” ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของครอบครัวที่คุณพ่อกับคุณแม่ของเธอสร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ถึงทั้งคู่จะเป็นหมอแต่ก็ไม่เคยบังคับให้ลูกต้องเลือกเส้นทางอาชีพนี้เหมือนตัวเอง ความอบอุ่นในครอบครัวเล็กๆ ซึ่งมีพ่อ แม่ และน้องชายจึงเป็นสายใยให้ทุกคนรักและผูกพันกัน

“พ่อกับแม่ครีมเป็นหมอ เปิดคลินิกผิวหนังและศัลยกรรมความงาม (แต่นี่ไม่ได้ทำนะ หัวเราะร่วน) คลินิกชื่อธีระสุ มาจากชื่อพ่อและชื่อแม่รวมกัน พ่อชื่อธีระพันธุ์ แม่ชื่อสุชาดา เปิด 3 สาขา ที่เซ็นทรัลบางนา เดอะมอลล์บางกะปิ และก็พระราม 2 ซึ่งเป็นคลินิกของครอบครัวเราเอง ถ้าเราจ้างหมอมาจากที่อื่น บางทีหมอคนนั้นเขาก็ทำไปตามหน้าที่เฉยๆ แต่ถ้าเราทำเองมันเป็นความจริงใจมากกว่า

ครีมมีน้องชายคนหนึ่ง ด้วยความที่ครอบครัวเราเล็ก ทุกคนจึงสนิทกัน เวลาคุยกันในบ้านก็จะคุยกันทั้งครอบครัว มีพ่อ แม่ ครีม น้อง และก็แม่บ้านอีกหนึ่งคน ถ้าเป็นเรื่องหนุ่มๆ วัยรุ่นนิดนึงก็จะคุยกับน้อง เราห่างกัน 4 ปี ตามหลักจิตวิทยาเลยนะ ตามหลักจิตวิทยาแล้วการที่เราจะมีลูกคนแรก และคนที่สองเนี่ย ถ้าห่างกัน 4 ปี พี่คนโตจะรู้สึกว่านี่เป็นน้องมากกว่าคนที่จะมาแย่งความรัก เขาจะโตมากพอที่จะดูแลน้องได้ และน้องก็จะให้ความเคารพพี่มากพอ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจจะคุยกับแม่ และถ้าเรื่องใหญ่จริงๆ จะเป็นพ่อช่วยตัดสินใจ พ่อเป็นคนเหี้ยมโหด ฮื้อ... พ่อครีมดุ ส่วนคุณแม่เป็นคนใจดี พูดมาก เขาจะพูดตลอดเวลา ฉึกๆๆ … อะไรแบบเนี่ย คล้ายเราเหมือนกัน”

ตอนเด็กสาวครีมเป็นคนหวานๆ น่ารักๆ ชอบเต้น ชอบร้องรำทำเพลงกับทางโรงเรียน เอาเป็นว่าเธอทำกิจกรรมของโรงเรียนแทบทุกอย่าง “คิดว่ามันทำให้เราทำอะไรเป็นมากกว่าคนอื่นเขา ไม่ใช่เป็นเด็กเรียนที่เรียนไปอย่างเดียว พอโตขึ้นมาคนที่เลี้ยงเรา ดูแลเรามาเขาออกไป และก็มีแม่บ้านอีกคนหนึ่งเข้ามาดูแลแทน เราก็ติดเขา จากที่เรียบร้อยก็กลายเป็นคนห้าวไปเลย ครีมเป็นคนชวนน้องเล่นปืน แต่เด็กๆ เพื่อนจะชอบชวนเล่นบาร์บี้ ยุคนั้นกำลังฮิตเลย แต่บาร์บี้เป็นอะไรที่เราเกลียดมาก รู้สึกว่ามันไม่ใช่สำหรับเรา เกลียดมากเลยคิตตี้สีชมพูเนี่ย

เราก็สนิทกับน้องชาย แต่ตอนนี้เหมือนเราเป็นแม่น้องมากกว่า คืออย่างครีมมาทำงาน เล่นหนัง แม่ก็จะไม่ยุ่ง ทำอะไรก็ได้ แต่ว่าการเรียนต้องไม่เสียแค่นั้น ส่วนน้องแทบจะยกมาให้เรา ตอนเช้าก็ไปส่ง เงินเดือนก็ให้มาที่เราแล้วก็เอาให้น้องต่อไป ซื้อกับข้าวเราก็เป็นคนซื้อ อย่างล่าสุดเพิ่งไปมอบตัวน้องมา เราเป็นผู้ปกครองน้องไปแล้ว แม่เขาไว้ใจเรา แต่บางทีเราเห็นแม่คนอื่นก็รู้สึกว่าทำไมแม่เราไม่ดูแลเราเยอะๆ อย่างนี้บ้างนะ แต่พอนึกกลับมาอีกที ดีแล้ว โชคดีแล้ว (ยิ้มเล็กๆ) เห็นเพื่อนมีแม่มารับ ไปไหนก็ไม่ได้ ไปเที่ยวก็ไม่ได้ เป็นอย่างเราดีกว่า ได้หนีเที่ยวตลอดเลย”

ชีวิตในวัยเรียน
สาวช่างพูด ช่างเจรจา มนุษยสัมพันธ์เลิศ ชอบทำกิจกรรมเป็นที่สุดและหนึ่งในนั้นก็คือการเป็นดรัมเมเยอร์ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งนี้ “ครีมเป็นดรัมเมเยอร์ของโรงเรียน ตอน ม.4 จริงๆ แล้วตอนนั้นลุงรหัสของห้องเราเขาเป็นดรัมเมเยอร์ เขามาเจอเราตอนรับน้องก็ให้เราไปคัดตัวเป็น
ดรัมเมเยอร์ ไม่คิดว่าจะได้เพราะดรัมเมเยอร์ไม่มีที่เรียนอยู่ชั้น ม.4 มาหลายปีแล้วแต่เราได้เป็น ก็รู้สึกภูมิใจนะคือดรัมเมเยอร์โรงเรียนเราไม่ใช่ว่าสวยแล้วเป็นได้ บางครั้งเขาจะทดสอบให้วิ่งรอบสนาม วิดพื้น เพื่อดูว่าไหวไหมเพราะต้องฝึกหนักมาก ซ้อมทุกเย็นหลังเลิกเรียน ตั้งแต่บ่าย 3-4 โมงเย็นถึงทุ่มหนึ่งทุกวัน และบางทีเสาร์ - อาทิตย์ก็มาซ้อม จึงต้องคัดแล้วคัดอีก จากประมาณ 50-60 คน เหลือผู้หญิง 6 คน โรงเรียนจะมีเพียงดรัมเมเยอร์โรงเรียนไม่มีดรัมเมเยอร์สี เป็นดรัมเมเยอร์กีฬาสีของโรงเรียนโดยเฉพาะ กีฬาสีโรงเรียนเวอร์มาก บางทีเป็นภาพเคลื่อนไหวจากการแปรของสแตนด์ มันดูยิ่งใหญ่มาก”

“ดรัมเมเยอร์นอกจากจะแข็งแรงแล้ว ต้องเสียงดังเพราะต้องคุมวงโยธวาทิต และต้องเป็นที่รักของเพื่อนๆ ด้วย เขาเลือกหนูเพราะหนูควงไม้เก่ง (หัวเราะ...ล้อเล่น) สำหรับครีมคิดว่ามันไม่ยากนะ แต่ว่ากว่าคนอื่นจะเป็น...ยากมาก พอได้ไปสอนรุ่นน้อง เราต้องบอกให้เขารู้สึกว่า ไม้ต้องเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย คนดูต้องรู้สึกว่าไม้ไม่หนัก แต่จริงแล้วไม้ผู้หญิงหนัก 2 กิโลได้เลย”

ด้วยความที่เป็นคนเยอะ หมายถึงทำกิจกรรมเยอะ เพราะนอกจากจะเป็นดรัมเมเยอร์แล้ว เธอยังทำวงดนตรีร่วมกับมหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งมีพี่ๆ โรงเรียนเดิมร่วมด้วย ความสามารถด้านการร้องเพลงจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งเล็กๆ ที่เธอทำแล้วสบายใจตามแนวดนตรีที่เธอร้องเป็นบลูส์และแจ๊ซสบายๆ เมื่อทำกิจกรรมเยอะขนาดนี้ จึงอยากรู้ว่าครีมแบ่งเวลาเรียนกับกิจกรรมอย่างไร “ถ้าตอบแบบนางเอกๆ หน่อยก็ต้องบอกว่า เวลาเรียนต้องมาก่อนนะค่ะ (ยิ้ม) ไม่ใช่ๆ เราก็แค่ใส่มันเข้าไปในตาราง และอย่าให้อะไรมันหลุดไปเท่านั้นเอง ครีมก็จะจดบันทึกมาตลอดเคยมาย้อนอ่านดู โอ้โฮ...เราทำอะไรเยอะขนาดนี้เนี่ย เพราะเป็นคนขี้ลืมเลยต้องแก้ปัญหาด้วยการนั่งเขียนแล้วกัน แต่เดี๋ยวนี้ก็เปลี่ยนมาจดบันทึกอยู่ในมือถือแทน”

เพื่อนเราไม่เก่าเลย
ชีวิตวัยเรียนกับก๊วนเพื่อนย่อมเป็นของคู่กัน จากประสบการณ์ในโรงเรียนหลายแห่งทำให้ได้พบเจอเพื่อนๆ และเรื่องเล่ามากมายในชีวิตวัยเรียน ทั้งเพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่แต่สำหรับเธอคนนี้เพื่อนไม่เคยเก่าอยู่แล้ว “ครีมมีเพื่อนเยอะ ทั้งเพื่อนเรียน เพื่อนเล่น และเพื่อนเลวอีกกลุ่มหนึ่ง คอยปกป้องคุ้มครองไง เขาเป็นพวกอันธพาลนิดนึง เวลาเรามีเรื่อง ก็จะเบ่ง...ใหญ่ ทั้งผู้หญิงผู้ชายมีหมด เคยมีเรื่องครั้งหนึ่ง เดินสวนกับศัตรูริมระเบียงทางเดิน แล้วกลุ่มเรานั่งตรงนั้นพอดี เขาไม่รู้ เขาหันมากระชากเสื้อเรา เพื่อนทั้งกลุ่มยืน ...เฮ้ย เขาก็งงแล้วเดินไปเลย”

“จริงๆ แล้วเพื่อนสนิทในกลุ่มครีมตอนนี้มี 7 คน เป็นผู้ชาย 4 คน ผู้หญิง 3 คนรวมเราด้วยก็เป็น 4 คน (นั่งนับมือพัลวัน) แต่ถ้าพูดถึงเพื่อนที่สนิทที่สุดเลย จะมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งชื่อดรีม เขาหน้าตาคล้ายๆ เรานะ แค่ผิวคล้ำๆ นิดนึง แต่ทุกอย่างเขาจะเหมือนเรา เป๊ะ! โดยเฉพาะการพูด เพื่อนๆ ก็จะล้อว่าเป็นหยินหยางกัน ตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกันตลอด สุดท้ายแล้วพอมีปัญหาอะไรเราก็คุยกับเพื่อนคนนี้ พอเขาทะเลาะกับเพื่อนคนอื่นก็จะมาคุยกับเรา

กลุ่มครีมมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ฉะนั้นบางทีเราไม่ได้ไปกันหมด ถ้าจะไปกันทั้งหมดนี่ต้องไปนั่งกินข้าวกันเฉยๆ และบางทีเราไปนั่งกินข้าวกัน 2-3 ชั่วโมง คือแค่นั่งกินข้าวแต่นั่งโม้กัน ก็เมาท์ๆๆ ผู้ชายกับผู้หญิงก็คุยกันได้นะ ส่วนใหญ่เป็นอีเวนท์วันเกิดจะอยู่กันนาน เราเป็นคนชอบเซอร์ไพรซ์เพื่อนในวันเกิด จัดเปลี่ยนกันไปทุกคน ตอนแรกก็เป็นเค้ก เป็นไอติม ต่อมาเป็นขนมปี๊บปักเทียนบนฝาปี๊บ โดนัทก็มี เอาไม้จิ้มฟันมานั่งเสียบเป็นทาวเวอร์ขึ้นมาแล้วก็ปักเทียนด้านบน และทุกครั้งที่ทำอายเขามาก พอวันเกิดเราเพื่อนเลยจัดลูกโป่งมาคนละอันเลย มันก็เป็นความสนุกอย่างหนึ่ง (หัวเราะ)”

“เตรียมอุดมฯ เป็นโรงเรียนที่เราคิดว่าเป็นโรงเรียนที่เก่งที่สุดในประเทศไทย แต่เข้ามาแล้วมันก็เป็นแค่โรงเรียน แต่เพื่อนที่โรงเรียนเหมือนกับเด็กยิ่งเก่งเขาจะยิ่งเห็นแก่ตัว เรารู้สึกว่าพฤติกรรมแบบนี้มันน่ารังเกลียด แต่สำหรับกลุ่มเพื่อนเราไม่ได้รู้สึกแบบนั้น รู้สึกว่าอะไรๆ ก็แชร์กันได้ บางทีเราไปเรียนนู่นมานี่มา เราก็เอามาให้ซีร็อกซ์ เราได้ข้อสอบนี้มาเราก็ซีร็อกซ์ให้เลย ไม่ถามด้วยซ้ำ แต่กับเพื่อนบางคน พอไปขอ อื้มม...เรายังทำไม่เสร็จ เขาปฏิเสธที่จะให้เรา เขาจะมีแอบไปเรียนตรงนู้นตรงนี้ รู้สึกแบบจะซุ่มไปไหน ที่จริงน่าจะดึงๆ กันไปมากกว่า แต่เพื่อนในกลุ่มไม่มีแบบนี้นะ อันนี้ก็ป็นความอบอุ่นในกลุ่มเพื่อนที่เราประทับใจ

พฤติกรรมแซบซนก็ไม่ค่อยมีนะ จะเป็นประมาณว่าโดดเรียนกับเพื่อนแบบขำๆ เพราะโรงเรียนเตรีมอุดมฯ ติดกับจุฬาฯ เราก็เดินเข้าจุฬาฯ เดินปิ้ว...ออกไปแล้วก็หันหน้าให้กล้องวงจรปิดแล้วก็เดินไป คืออาจารย์โรงเรียนครีมเขาจะมีความว่องไวอย่างหนึ่งนะ คือเขาจะขี่จักรยาน พอเห็นอะไรผิดสังเกตปุ๊บ เราต้องรีบวิ่งไปเดี๋ยวเขาปั่นจักรยานตามมาทัน”

ความสุขที่เราสร้างขึ้น
ส่วนใหญ่ครีมไม่ค่อยว่าง อย่างที่บอกเธอชอบทำนั่นทำนี่ไม่หยุด สรรหาอะไรหลายๆ อย่างมาทำไม่เว้นว่าง แต่ถ้าวันไหนเธอว่างล่ะ เธอจะทำอะไร? “ถ้าว่างๆ ก็จะเช่าหนังไปดูที่บ้าน เพราะว่าเราอยู่ข้างนอกก็ไม่รู้จะทำอะไร เวลาอยู่กับเพื่อนก็ไปกินข้าวกับเพื่อนแต่ถ้ามันหลุดจากเวลาที่เราอยู่กับเพื่อน เราก็คงดูหนัง อ่านนิยายอยู่บ้านอะไรแบบนี้ แต่ก่อนครีมชอบอ่านนิยายแต่เดี๋ยวนี้คุณพ่อไม่ให้อ่านแล้ว เพราะเขาบอกว่ามันเสียเวลาเยอะ นิยายที่ครีมอ่านจะเป็นแนวแฟนตาซี มันสนุกมาก เป็นความรู้สึกว่า มันใช่ เรื่องที่ชอบมากที่สุดในชีวิตคือเรื่อง เดอะ ลาส แฟนตาซี (The Last Fantasy) เป็นนิยายในดวงใจครีมเลยนะ”

“จริงๆ แล้วครีมไม่ได้เป็นคนรักสวยรักงามมากมายอะไร แต่ถ้าพูดว่าไม่เลยมันก็คงไม่ใช่ มันก็มีบ้างนิดนึง อย่างครีม ครีมไม่ทาครีม (จะครีมเยอะไปไหน) ไม่ทากันแดด ไม่ใช้โฟมล้างหน้า ไม่ใช้อะไรเลยแต่ว่าก็ยังมีความรักสวยรักงามบ้าง อยากแต่งตัว อยากทำสีผม ไม่อยากอ้วน ชอบรองเท้าแบบนั้น ชอบเสื้อผ้าแบบนี้ก็มีบ้าง สไตล์การแต่งตัวของครีมก็ไปเรื่อย บางทีแต่งฮิบฮอบมาก็มี ใส่หมวก กางเกงตัวใหญ่ หรือบางทีมาแบบหวานเป็นเดรสก็มี คือเพื่อนยังงงเลยเพราะเรามีหลายแนว

การเล่นกีฬากลางแจ้งนี่ชอบสุด ครีมไม่กลัวแดดเพราะเป็นคนชอบแดดมาก ชอบมากเลยเวลาเล่นบาสฯ ตอนเที่ยงแล้วพระอาทิตย์อยู่กลางหัว พอชู้ตไปมองไม่เห็นห่วงแต่พอลงมันเป็นความรู้สึกที่สุดยอดมาก กีฬาที่ชอบมากที่สุดก็คือบาสกับกอล์ฟ มีสองอย่างนี้ บาสเป็นกีฬาที่เล่นกับเพื่อน ส่วนกอล์ฟเป็นกีฬาที่เล่นกับครอบครัว

ครีมเป็นคนชอบพูด ชอบเที่ยว ชอบความรู้สึกที่ว่าเรามีคุณค่า ไม่ใช่การที่เราไปยกตัวเหนือคนอื่นนะ แต่ว่าเรามีความสามารถที่จะทำตรงนี้ได้ เรามีความรับผิดชอบที่ทำตรงนี้ได้ เราเป็นคนที่ไม่ต้องเป็นภาระของใครๆ เรามีคุณค่าในตัวเอง คือครีมมีญาติที่เรียนจบแล้ว เขาอยู่บ้านเฉยๆ ใช้ตังค์พ่อแม่ รู้สึกว่าถ้าชีวิตแบบนั้นคงไม่มีคุณค่า ถึงแม้ว่ามีตังค์ใช้ มีความสุขก็จริงแต่มันไม่มีคุณค่าอะไรเลย

ครีมชอบไปสวน ไม่ว่าจะเป็นสวนอะไรขอแค่มีเสื่อกับมีน้ำ คือชอบเสียงน้ำ ชอบกลิ่นหญ้า ชอบนอนมองท้องฟ้า ชอบอาหารไทยๆ แต่ถ้าถามว่าชอบดาราคนไหนคงเป็นพี่มาริโอ เมาเร่อ เขาหล่อมากแต่ไม่ใช่คนที่เราจะเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะ คนที่เป็นเยี่ยงอย่างได้นี่ถ้าเราเอาพ่อกับแม่มามิกซ์กันแล้วหารได้ก็คงดี เพราะพ่อเป็นคนฉลาด รอบคอบ ส่วนแม่เป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ เลยอยากเอาคนทั้งสองมารวมกันแล้วหารสอง”

“ถ้าอยากเห็นรุ้งไม่ต้องรอให้ฝนตก หยิบฟ๊อกกี้มาฉีดเองเลย” นี่คือคติประจำใจของครีม ที่เธอให้ความหมายว่าถ้าเราอยากมีความสุขไม่ต้องรอให้มีความเศร้าเข้ามาก็ได้ แค่เราสร้างความสุขของเราเอง


เรื่องหนุ่มๆ ขอเลือกนิดนึง
เมื่อก่อนครีมสะสมมีดพกไว้หลายสิบอัน หนุ่มๆ คนไหนคิดจะจีบก็ระวังตัวหน่อยนะ เดินเซ่อซ่าไม่รู้เรื่องอาจเป็นเหยื่อมือมีดได้ ล้อเล่นน่ะ! เดี๋ยวนี้เธอเขาเลิกพกไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่ามีติดกระเป๋าบ้างรึเปล่าแค่นั้นเอง

“แต่ก่อนครีมพกมีดเพราะไปไหนมาไหนคนเดียวตลอด เห็นขายตามแผงลอยสวยดีก็ซื้อมาเก็บไว้ 20-30 อัน พอเอามารวมกันมันเลยดูเยอะ พ่อเขาห่วงครีมมาก ถ้าเป็นเรื่องหนุ่มมาจีบ พ่อเขาบอกว่ายังไม่อยากให้เลือกใคร” แสดงว่ามีคนมาให้เราเลือก? “ก็มีนิดนึงนี่กระซิบๆ พ่อเขาอยากให้เราเลือกเยอะๆ มากกว่า เลยยังไม่อยากให้มีใครตอนนี้ พ่อบอกอีกว่าถ้าขึ้นมหา'ลัยแล้วเอามาที่บ้านเลย เดี๋ยวพ่อช่วยเลือก 20 คน พ่อไม่ว่า พ่อคิดหรือว่าเราจะมีปัญญาหา” (ฮาตรึม)

“เรื่องหนุ่มของครีม น่ารักแบบนี้ก็มีบ้างที่หลายคนจะเข้ามาจีบ แต่มีหนึ่งหนุ่มที่ประทับใจสุดๆ เธอเล่าให้ฟังด้วยแววตาซึ้งใจว่า มีผู้ชายคนหนึ่งเขามีแฮปปี้เบิร์ธเดย์ครีมตอนตี 1 ของวันเกิดครีมวันนั้น เป็นคนแรกที่มา และเขามาที่หน้าบ้านเราพร้อมกับเค้ก เทียน ดอกไม้และเตาอบ เขารู้ว่าครีมชอบทำขนมเขาก็ซื้อเตาอบให้อันหนึ่ง เรารู้สึกว่าเขาใส่ใจ เพราะตอนนั้นเป็นเวลา ตี 1 แล้ว”

สเปกหนุ่มของสาวครีมอาจฟังดูง่ายแต่ทำยาก ใครอยากคว้าหัวใจของเธอต้องผ่านบทพิสูจน์ใจกันนิดหนึ่ง “อะไรก็ได้ที่ไม่น่ารำคาญ ผู้ชายสมัยนี้เรารู้สึกว่าเมื่อก่อนผู้ชายจะมีความเป็นผู้นำมากกว่านี้แต่เดี๋ยวนี้ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ ครีมไม่ชอบอยู่แล้วผู้ชายที่ไม่ตัดสินใจอะไรเลย เป็นที่ปรึกษาไม่ได้ มันใช้ไม่ได้ ในเรื่องความรักเราคงพร้อมอยู่แล้วที่จะมีใคร แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เข้ามาจะใช่สำหรับเรา และไม่ใช่ว่าเราจะใช่สำหรับเขาเสมอไป มันก็ต้องดูกันไปเรื่อยๆ ว่าใครคนไหนที่จะรักจริงๆ และจะเข้ากับเราได้จริงๆ”

“นิยามรักของครีม ความรักมันก็เป็นแค่ความรู้สึก ไม่ได้มีความหมายอะไรมากมายแต่เราก็ไม่เคยขาดมันได้เลย เพราะมันก็มีทั้งรักของแม่ รักของพ่อ เรารักน้อง เรารักเพื่อน เรารักพี่ ความรักมันอยู่ในทุกๆ ที่และมันไม่ได้มีความหมายตายตัว”


เธอนี่แหละ! “กิ้งก่า”
กิ้งก่าต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมเพื่อความอยู่รอด แต่สำหรับคนอย่างครีม เธอพร้อมเป็นกิ้งก่าในทุกที่ ทุกเวลาแต่นั่นไม่ใช่เพื่อความอยู่รอด เพียงแค่เธออยากเข้ากับคนอื่นได้ในทุกวัย ทุกสังคม และทุกสถานการณ์ แม้จะพูดแบบขวานผ่าซากไปบ้างในบางทีแต่การพูดตรงๆ ออกมาจากใจจริง ทำให้เธอดูเป็นคนตรงไปตรงมาและเป็นตัวเองเหมือนอย่างทุกวันนี้ที่เธอเป็น

“ครีมว่าครีมเหมือนกิ้งก่า คือบางทีในบางมุม ครีมขอสารภาพเลยนะบางทีครีมก็พูดคำหยาบถ้าเพื่อนพูดด้วย แต่โดยพื้นฐานแล้วเราไม่ได้เป็นคนพูดคำหยาบ คือไม่ได้เป็นคนหยาบคาย แต่ว่าเมื่อเราอยู่ในสังคมที่ต่างกันไป ถ้าเราอยู่กับผู้ใหญ่ก็จะพูดอีกแบบหนึ่ง พูดกับรุ่นพี่ รุ่นน้องก็พูดอีกแบบหนึ่ง และพูดกับเพื่อนก็พูดอีกแบบหนึ่ง สำหรับคนที่พูดกับเราดีเราก็พูดกับเขาดี สำหรับคนที่พูดกับเราแย่เราก็พูดกับเขาแย่ ในหมายความของกิ้งก่าก็เหมือนกับเราเปลี่ยนได้ทุกที่ เปลี่ยนได้ตามสถานการณ์นั้นๆ กับคนนั้นๆ”

*********************************************************
ชื่อ : นภัสสร เอี่ยมเจริญ (ครีม)
เกิดวันที่ : 27 ธันวาคม พ.ศ. 2536 (อายุ 17 ปี)
น้ำหนัก/ส่วนสูง : 44 กก./ 160 ซม.
การศึกษา : กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แผนการเรียน วิทย์-คุณภาพฯ
ผลงานที่ผ่านมา : โฆษณาต่างๆ (Ole Cutie, Dtac, Mama, Systema, สสส., McDonald, Olay), นิตยสาร และภาพยนตร์เรื่อง เพื่อนไม่เก่า
 
 
 
 
 
 

 
ข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/ASTV สุดสัปดาห์
ภาพโดย อดิศร ฉาบสูงเนิน /ขอบคุณภาพจาก Dek-D.com











หน้าใสแต่เด็ก
ครีม คุณพ่อ และน้องชาย
ครีมกับทีมเพื่อนเล่นบาสฯ
ฉากซ้อนท้ายจักรยานใน ภ.เพื่อนไม่เก่า
กำลังโหลดความคิดเห็น