xs
xsm
sm
md
lg

“แคท รัตกาล” โปรกอล์ฟ สวยสุดสวิง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 “230 หลา คือระยะไดร์ฟที่ไกลที่สุด และ 72 แต้ม คือคะแนนที่ดีที่สุด” ของโปรกอล์ฟ “พุทธชาติ ยศแก้วอุด” หรือที่รู้จักกันในวงการเพลงลูกทุ่งว่า “แคท รัตกาล” สาวสวย เสียงใส ดีกรีระดับนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง หุ่นเธอระดับนางแบบสาวเปรียว กอล์ฟเป็นอีกหนึ่งกีฬาที่เธอหลงรักและผันตัวมาเทิร์นโปร เพื่อเป็นครูสอนกอล์ฟ หรือ Teaching Pro Golf

เล่นขำๆ กลายเป็นอาชีพ

หากพูดถึงชื่อของ “แคต รัตกาล” หลายคนอาจจะรู้จักเธอในมุมของนักร้องเพลงในวงการลูกทุ่งเมืองไทย ทว่าอีกมุมหนึ่งที่บรรดาคอเพลงลูกทุ่งหรือที่ใครได้ติดตามเธออยู่อาจจะยังไม่ทราบกันมากนักว่าเธอคือ โปรสอนกอล์ฟสาวสวย ที่เริ่มต้นการเล่นกอล์ฟด้วยความบังเอิญ จนกลายเป็นความรักและพัฒนาให้เป็นอีกหนึ่งอาชีพหลังจากพักผ่อนกับงานเพลง

แคทเริ่มต้นเล่นกอล์ฟเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเธอยังอยู่ที่ค่ายแกรมมี่โกลด์ รู้จักกับนักร้องลูกทุ่งและหลายๆคนที่อยู่ในวงการออฟโร๊ด ซึ่งใช้เวลาว่างหลังจากเสร็จสิ้นงานด้วยการรวมก๊วนตีกอล์ฟกันอย่างสนุกสนาน ช่วงนั้นเธอยังคงไม่ได้สนใจมากนักเพราะยังไม่ได้มีอุปกรณ์ จนกระทั่งมีคนนำเอาอุปกรณ์และถุงไม้กอล์ฟที่ได้มายกให้กับเธอ จึงได้มีโอกาสลองเล่นกีฬากอล์ฟดูสักครั้ง

“ตอนนั้นแคทอยู่แกรมมี่โกลด์ ได้รู้จักกับพี่เท่ อุเทน แกงค์นั้นจะตีกอล์ฟ อยู่แล้ว ตอนแรกก็ไม่ได้มีอุปกรณ์อะไรมาก่อนเลย ก็มีเพื่อนๆ ในวงการออฟโร้ด เค้าก็ตีกัน ตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย แล้วน้องสาวพี่เค้าทำงานอยู่ในบริษัทแอร์ ลูกค้าเค้าเบี้ยวตังค์ แล้วก็ยกถุงกอล์ฟมาให้ แล้วมันขายแปลงเป็นเงินลำบาก น้องสาวก็เลยเอามาให้ ก็เลยได้ถุงกอล์ฟชุดแรกมา ได้มาทั้งชุดเลย เราลองไปเล่นดู เราก็ไปแอบตีที่สนามไดร์ฟ บ้าง ครูพักลักจำมา หรือเพื่อนๆ สอนบ้าง เราก็จำๆ เค้ามา เพื่อนสอนบ้าง แล้วเราเริ่มเป็น พวกพี่ๆในค่ายก็รู้ว่าเราตีเป็น เค้าก็จะมีรายการแข่งขันต่างๆ ก็เริ่มต้นตีกอล์ฟ มาตั้งแต่ตอนนั้น”

ถ้าหากใครได้เล่นกอล์ฟ จะทราบกันดีว่าความรู้สึกอยากเอาชนะตัวเองจะเริ่มเกิดขึ้นทุกครั้ง รวมถึงการได้ร่วมก๊วนกอล์ฟอย่างสนุกสนาน และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ช่วงแรกๆ ที่แคทออกรอบบ่อยมากขึ้นกว่าเดิม อาทิตย์ละสองถึงสามครั้ง จนเกิดอาการหลงรักกอล์ฟขึ้นมา “มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ ออกรอบบ่อยมาก ช่วงนั้น ออกอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้ง คือทุกคนจะมีช่วงบ้าอยู่ช่วงหนึ่ง ออกไปด้วย ซ้อมไปด้วย แล้วเราก็ได้รู้จักเพื่อนเราที่เป็นครู ก็ให้เพื่อนสอนบ้างและก็พัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ ค่ะ”

แคทเล่าว่า ช่วงที่ได้มีโอกาสออกรอบหลายๆ ครั้ง ทำให้ตนได้มีประสบการณ์ในการตีกอล์ฟมากขึ้นทุกครั้ง เพราะเธอเองลงเล่นในระดับเลดี้ มีได้ถ้วยบ้าง บางครั้งเพื่อนยุให้เทิร์นโปรบ้าง ซึ่งช่วงนั้นตนเองก็กลับมาใช้เวลาทบทวนหลังจากที่ออกจากค่ายเพลงเดิม และมีเวลาว่างมากขึ้น

กว่าสองปีที่เธอจะพัฒนาฝีมือของตัวเองขึ้นมาได้ นอกจากการเล่นกอล์ฟเพื่อความสนุก เอาไว้พักผ่อนกับเพื่อนหลังเสร็จงานเพลง เธอยังคิดอยู่ในใจกับการลงมาเล่นอย่างจริงจังและคิดทำอาชีพกับการเล่นกอล์ฟโดยการพัฒนาตัวเองให้ขึ้นเป็นครูสอนกอล์ฟขึ้นมา และตัดสินใจเรียนกอล์ฟอย่างจริงจังเพื่อเตรียมตัวสอบ (teaching Pro)

โดยก่อนสอบจะต้องมีการเรียนรู้เรื่องราวของกอล์ฟ การตีกอล์ฟ มีทั้งการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา เทคนิคในการสอน สอนจับวงสวิงอย่างไร เรื่องของการจัดการระบบขนานซึ่งจะเหมาะกับคนที่สนใจเรียนเพื่อเปิดเป็นโรงเรียนสอนกอล์ฟว่าก่อนจะตั้งโรงเรียนขึ้นมาเราควรทำอย่างไร มีเรื่องของจิตวิทยาเข้าไปเกี่ยวข้อง

“ตอนสอบเรื่องของทฤษฎีในตำราไม่ใช่เรื่องยากสำหรับแคทเลย แต่ปฏิบัติจะยากหน่อย เพราะ ทีชชิ่งโปรตอนนั้น ถ้าจำไม่ผิดคะแนนสองวันติดต้องได้ไม่เกิน 14 แต้ม แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนระบบใหม่แล้ว เราก็ได้แต้มเท่านี้เป๊ะ เลย ใช้เทุกสิ่งทุกอย่างเลยข้าช่วย เพราะเราเองก็อยากได้อีกอาชีพหนึ่ง เป็นครูสอนโปร ระดับทีชชิ่ง สองวัน ต้องได้คะแนน 72 แต้ม วันหนึ่งน่าจะเกินได้ ประมาณ 4-5 นะก็จำไม่ได้เหมือนกัน กฎนี้ตั้งแต่ ปี 48 แล้วล่ะ”

เรื่องยากกับการสอนกอล์ฟ

การเริ่มต้นบทบาทการเป็นครูสอนกอล์ฟ อีกบทบาทหนึ่งที่ต่างจากงานร้องเพลงโดยสิ้นเชิง การเป็นครูสอนกอล์ฟ ทำให้เธอได้พบผู้คนที่หลากหลาย และการสอนกอล์ฟเป็นเรื่องที่เหนื่อยและยากมากกว่าการร้องเพลง

“เหนื่อยนะ การสอนเป็นอะไรที่ต้องทุ่มเทอย่างมาก เหมือนเราเป็นครูสอนวิชา วิชาหนึ่งโดยตรงให้แก่นักเรียน มันต้องใช้หลักจิตวิทยาในการสอนอย่างมาก ซึ่งแคทเป็นทั้งคนที่อยู่ในวงการเพลงลูกทุ่ง มีคนรู้จัก ถ้าหากไปสอนให้กับผู้ชายเราก็กลัวจะตกเป็นข่าวอีก ซึ่งต้องระมัดระวังตัวอย่างมาก เลยเลือกที่จะสอนเฉพาะระดับผู้หญิงกับเด็ก”

เมื่อการสอนกอล์ฟโฟกัสมาเหลือเพียงแค่เด็กและผู้หญิง ดูเหมือนจะเป็นเรื่องไม่ยากสำหรับโปรแคท แต่การสอนเด็กถือเป็นเรื่องยากมากสำหรับเธอ ซึ่งต้องเจอกับความกดดันจากผู้ปกครองที่ต้องการให้ลูกๆ ของตัวเองเป็นอย่างที่ตั้งใจเอาไว้

“สอนเด็กกับผู้หญิง ผู้หญิงไม่เท่าไหร่ เพราะพวกผู้หญิงจะเป็นพวกระดับผู้บริหารใหญ่โต พอสามารถเล่นได้ สอนง่ายหน่อยแต่เด็กนี่ เหมือนจับปูใส่กะด้ง เพราะว่ามันเหนื่อย เหมือนกับเราไปเจอผู้ปกครองที่เขาคาดหวังกับเด็กมากๆ แล้วเด็กเล่นบ้าง ซนบ้างตามปกติของเด็ก เขาก็ต้องการให้ลูกได้เท่านี้ คาดหวังกับเด็กเราก็รู้สึกว่า เราเจอแบบนี้บ่อยๆ มันไม่ใช่ล่ะ เพราะถ้าเราจะสอนให้เด็กได้จริงๆ มันก็ต้องสอนให้อยู่ในโปรแกรมของเราล่ะ เราก็ปรึกษากับผู้ปกครอง แล้วที่แน่ๆ ผู้ปกครองเค้าก็ กดดันกับเรามาก”

แคทเล่าถึงประสบการณ์ในการสอนเด็กระดับน้องๆ อนุบาลไปจนถึงชั้น ป. 1 ว่า ผู้ปกครองบางคนอยากให้ลูกตีกอล์ฟ ซึ่งเด็กเองเป็นคนมีไหวพริบดีมาก ตีดีในระดับนึง ซึ่งพ่อและแม่คงจะเห็นแววการเล่นกอล์ฟ เลยลองพามาฝึกเรียน ซึ่งพอมาเรียนในความเป็นเด็กก็อยากทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกัน ศิลปะก็อยากเรียน เปียโนก็อยากเล่น ร้องเพลงก็อยากทำ เลยตัดสินใจปรึกษากับผู้ปกครองว่าลองไปจัดการกับน้องก่อนว่าจริงๆ แล้วน้องอยากทำอะไร

หรือบางครั้งการถูกกดดันจากผู้ปกครองก็ทำให้ต้องมาจัดระบบการสอนกันใหม่ ลองจัดแผนใหม่ ลองกดดันที่น้องดูว่าน้องจะทำได้ในระดับไหน ซึ่งต้องใช้หลักจิตวิทยาในการสอนอย่างมาก ตำรามีอะไร ก็ขุดขึ้นมาสอน จนถึงในระดับที่เด็กเองก็รับไม่ไหวแล้ว เราเองก็คิว่าหนักเกินไปสำหรับเด็ก ซึ่งก็ไม่อยากให้ผู้ปกครองที่พาเด็กมาคาดหวังกับเด็กมากเกินไป ว่าจะไปแข่งในระดับไหนได้ ให้เด็กเขาลองเล่นแบบสนุกไปตามวัย สนุกกับเกมกันไปก่อน แล้วเมื่อเค้ารู้สึกสนุก ก็จะรู้สึกอยากเล่นเอง เพราะยิ่งถ้าไปยัดเยียดอัดเข้าไปอย่างเดียว เด็กก็อาจจะรับไม่ได้

ช่วงนี้เอง จึงทำให้ครูสาวสวยเว้นระยะห่างช่วงของการสอนลงไป เพื่อเตรียมตัวทำงานอัลบั้มเพลงลูกทุ่งกับค่ายอาร์สยาม มีพบปะกับแฟนเพลง เมื่อห่างการสอนมาบ้างและเธอก็จะลงลุยกับงานเพลงอย่างจริงจังอีกครั้ง ซึ่งถ้าสอนไปด้วย ร้องเพลงไปด้วย จะทำให้ตนเองไม่สามารถเต็มที่กับงานทั้งสองได้ในเวลาเดียวกัน

“รู้สึกว่าการสอนมันไม่ใช่ว่าเราจะวางแผนได้ว่าเดี๋ยวฉันจะไปสอนเดี๋ยวจะไปร้องเพลงก็ไม่ไหวเหมือนกัน ถ้าคิดแบบว่า มันทำให้เราได้เงินสองทางก็จริงแต่แบบนั้นมันก็ไม่ใช่ ความจริงแล้ว ถ้าจะสอนก็ต้องโฟกัส แล้วฝีมือก็ต้องทรงตัวตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าฝีมือเราจะต้องทรงๆ ทรุดๆ ก็เลยคิดว่า มันก็ดีเหมือนกันพักไปช่วงหนึ่งก่อน แล้วก็มาทำงานเพลงเราช่วงนั้นก็มีงานเข้ามาตลอด”


“กอล์ฟ” เปลี่ยนตัวตน

หลังจากช่วงพักทำงานเพลง แคทเองก็ยังคงมีการออกรอบกับเพื่อนร่วมก๊วนบ่อยๆ ซึ่งการตีกอล์ฟ ยังช่วยให้เธอค้นพบกับสัจธรรมอย่างหนึ่งขึ้นมาในชีวิต จากคนในร้อน ขี้หงุดหงิด ตีไม่ดีก็โทษดิน ลม ฟ้า อากาศ หรือแม้กระทั่งแคดดี้

“ก่อนตีกอล์ฟ เราจะเป็นคนหงุดหงิดอยู่แล้วด้วย อารมณ์ร้อน มาหมดทุกอย่าง ปะเดปะดังเข้ามาพร้อมกันหมด ใจร้อนรออะไรนานๆ ไม่ค่อยได้ ตีไม่ดีตีไม่ได้ดั่งใจก็โทษดิน โทษลม ฟ้า โทษ แคดดี้ โทษทุกอย่างจนเพื่อนเริ่มไม่อยากจะคบละ จนเพื่อนมาสะกิดว่า ถ้ายังเป็นแบบนี้อีก ไม่คบล่ะนะ ”
โชคยังเข้าข้างที่เพื่อนคอยสะกิดและตักเตือนถึงอารมณ์ใจร้อนของเธอได้มีโอกาสเข้าไปศึกษาพระธรรม ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ ถือศีลไปด้วย ทำให้เริ่มรู้ตัวและเพื่อนก็กลับมาคบ มาร่วมก๊วนตีกอล์ฟด้วยกันมากขึ้น

"เวลาไปหาพระ พระท่านก็บอกว่าเวลาเดินอยู่ในสนามกอล์ฟ ก็เหมือนเราเดินจงกรมไปด้วย ให้รู้สึกว่าเท้าเดิน เวลาจะเดินให้รู้สึกว่าเราเดิน พอเราใจเย็นขึ้นก็ทำให้ตีกอล์ฟได้ดีขึ้นเลยเพราะแบบนี้ทำให้เราสอบผ่าน ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ เจอร้อนมั้ง เย็นมั้ง มันก็เป็นนะ วันนี้ตีดีก็หัวเราะ ตีไม่ดีก็หัวเราะ กอล์ฟก็เป็นลูกกลมๆ อย่าไปซีเรียส ปล่อยวาง ตกน้ำก็หัวเราะกันไป ตกทรายก็หัวเราะแล้วเราจะมีความสุขกับการเล่นกอล์ฟ แล้วเพื่อนๆ ก็จะเข้ามาหาเราเต็มไปหมด”

แคทเล่าถึงประสบการณ์ในการออกรอบที่สนามแต่ละที่ที่เธอเคยพิชิตความยากของแต่ละสนาม ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีเสน่ห์ของความยากง่ายแตกต่างกันไป บางสนามมีน้ำ แล้วยังจะมีบังเกอร์บังอีก อย่างการตีพาร์ 3 ไกลนิดนึง เจอทั้งน้ำ เจอทั้งบังเกอร์ แล้วยังปักธงใกล้อีก ก็คิดอยู่ในใจว่าจะเล่นยังไง สถานการณ์ตอนนั้นคิดไว้เลยว่า อย่าเสี่ยงดีกว่า จับวางอย่างเดียวไปก่อน ถ้าไม่ตีไข่ดาวจมพลักเข้าไปนี่มีสิทธิ์ไปง่ายๆ แน่นอน ก็ตีไปแบบเรื่อยๆ เผื่อเหล็กกันไป ถ้าซ้อมบ้างไม่ซ้อมบ้างก็อยู่ที่ 80 บางครั้งไม่ซ้อมเลยอาจจะทะลุถึง 90 เลยนะ ซึ่งวันนี้ก็เป็นการออกรอบกับก๊วนอาร์สยาม ก็อาจจะมีสิทธิ์ตีไม่ดีทะลุไป 90 ก็ได้เหมือนกัน

“เพราะเราเองก็เพิ่งกลับมาจากงานร้องเพลงต่างจังหวัด ไม่ค่อยได้ซ้อมเลย มาวันนี้มาเล่นการกุศลเหมือนเป็นการพักผ่อนไปด้วย เราเองก็ไม่ได้คาดหวังอะไร มาออกรอบก็เหมือนมาออกกำลังกาย มุ่งมั่นบ้างเอาแค่ว่ามันไม่ออกทะเลไปกว่านี้ก็ดี และการมาร่วมออกก๊วนสนุกแบบนี้จะได้ความสนุกกลับไปเหมือนกัน”

การออกรอบของแคต ก็ไม่ได้จะร่วมเฉพาะก๊วนเพื่อนๆ เท่านั้น บางครั้งสัมคมกอล์ฟจะมีการออกรอบกับระดับผู้ใหญ่หน่อย ซึ่งจะต้องวางตัวให้ดี ผู้ใหญ่บางคนมาตีกอล์ฟเพื่อออกกำลังกาย เราก็จะวางตัวนิ่งๆ ไม่ดี๊ด๊าเหมือนอยู่กับเพื่อนๆ

“การแต่งตัวให้มิดชิด เรียบร้อย มีมารยาทในการเล่นกอล์ฟ เขาเล่นกับเราก็ต้องยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนเดิม เคยสอนเป็นระดับนักธุรกิจผู้หญิงเหมือนกัน หรือเคยไปออกรอบกับเฮียฮ้อบ้างเหมือนกัน เพราะว่าซ้อกับเฮียเขาชอบออกไปตีกอล์ฟ แล้วท่านจะดีแบบสกอร์ คงที่อยู่แล้ว เฮียเขาจะนิ่งแล้วก็ขรึมๆ แต่ซ้อจะร่าเริง ตีดีก็จะดีใจ บางครั้งเฮียฮ้อก็มาถามว่าลูกแบบนี้ควรตียังไง เราก็ให้คำแนะนำไปบ้างเล็กๆ น้อยๆ ไม่มากเท่าไหร่ เพราะเราก็ไม่กล้าไปสอนอะไรท่านมาก เวลาพูดจาก็จะค่อยๆ พูด ประมาณว่าพูดปกติ แนะนำให้ท่านบ้าง”

สาวเมืองรถม้า สู่วงการลูกทุ่ง

กลับมายังจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชื่อของ “พุทธชาติ ยศแก้วอุด” สาวจากเมืองรถม้า จังหวัดลำปาง ก้าวมาสู่วงการเพลงลูกทุ่ง ซึ่งถ้าหากให้ย้อนกลับไป เธอคือหนึ่งในสาวที่ขึ้นประกวดบนเวทีสาวเปรียวและมีดีกรีรางวัลจากการเป็นรองมิสมอเตอร์โชว์ รวมถึงงานถ่ายแบบ งานถ่ายโฆษณาบนจอทีวีมาก่อน

“ก่อนมาทำงานงานเพลง เริ่มต้นด้วยการเข้ามาประกวดมิสมอเตอร์โชว์มาก่อน พอดีผู้ใหญ่ที่เขาเป็นกรรมการอยู่ก็ชวนไปทำอัลบั้ม หลังจากนั้นเราก็พักงานเพลงจากค่ายก่อนไปเทิร์นโปร แล้วก็ได้เข้ามาทำงานในอาร์สยาม ช่วงนั้นก็มีอาจารย์ พี่ๆ หลายๆ ท่านคอยสนับสนุนก็ได้มาเริ่มทำเพลงกันอีกครั้ง เพลง ที่คนรู้จักมากคือ “สาวก๋าไก่” “นิยายรักขาดตอน” ก็เป็นเพลงในอัลบั้มแรกๆ “อย่ากึดนัก” ก็จะมี “แฟนเพื่อนไม่เหมือนแฟนเรา” และอัลบั้มล่าสุด “ก้อนหินสิ้นใจ” “ป๋อจายลั้ลลา” แล้วก็ตอนนี้มีล่าสุด เลย ก็ต้อง “เป็นไว้อาลัยสายลม” เป็นเพลงเศร้าที่ชอบมาก แล้วก็ช่วงนี้ก็เป็นช่วงพักกอล์ฟไป”

การเป็นนักร้องเหมือนจะเป็นความฝันของเด็กหลายๆ คนที่อยากจะเข้าสู่วงการ และแคทเองก็ฝันอยากได้ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากการร้องเพลง แต่เธอก้ไม่คาดฝันว่าจะได้กลายมาเป็นนักร้องอาชีพอย่างวันนี้

แคทบอกว่าการฝันจะเป็นนักร้องอาชีพของเด็กต่างจังหวัดเป็นเรื่องที่ยากมาก ถ้าเป็นสมัยนี้ทำอัลบั้มอยู่ที่เชียงใหม่ก็ดังแล้ว แต่ในอดีตมันไม่สามารถดังได้ และโอกาสของสาวน้อยจากเมืองรถม้าเข้ามาสู่วงการลูกทุ่งในกรุงเทพฯ เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะเธอเป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัว พ่อกับแม่จึงห่วงเป็นพิเศษ

โชคยังเข้าข้างที่เธอได้มีโอกาสเข้าไปฝึกงานเป็นผู้ประกาศข่าวช่อง 11 และฝึกงานกับ ดร. สมเกียรติ อ่อนวิมล จึงทำให้ได้มีโอกาสมาฝึกอบรมที่กรุงเทพฯ เพื่อไปเป็นผู้ประกาศข่าวประจำที่จังหวัดลำปาง

“ตอนอยู่ลำปางเราทำทุกอย่างเพื่อได้เงิน เป็นคนไฮเปอร์มาก เป็นผู้ประกาศข่าวตอนเย็น เป็นครูสอนคอมพ์ ซึ่งตอนนั้นเรียนแค่ปี 3 ความรู้เท่าหางอึ่ง ก็ไปสอน เพราะว่าอยากได้เงิน มีประกวดนางงามสลุงหลวง นางงามสงกรานต์ ลอยกระทง ก็ขึ้นไปประกวด ได้เงินก็เอาไปโรงเรียน ช่วงนั้นก็ได้โอกาสมากรุงเทพฯ ก็ดีใจ เรามากรุงเทพ ก็ได้ลองขึ้นเวทีประกวด บ้าง ทั้งสาวเปรียว มิสมอเตอร์โชว์บ้าง ตอนเด็กๆ เราไม่ได้สวยมาตั้งแต่เด็ก แต่ช่วงนั้นคนสวยๆ มากๆ มันมีน้อย เราก็เลยหลุดเข้าไป ก็ได้เดินแบบ ถ่ายโฆษณา ผิว ผม ที่เราได้มีโอกาส เดินแบบถ่ายแบบ แล้วก็ได้มีโอกาสมาร้องเพลง”

“แม่เองก็ยังไม่รู้ว่าเราทำอะไรก็บอกแม่ว่า ฝึกงานอยู่ พอได้สักพักบริษัทที่เราอยู่เกิดมาปิดตัวลงพอดี เราก็คิดว่าไม่งั้นเราจะต้องได้กลับบ้านแน่ๆ เลยตัดสินใจบอกแม่ว่าเราทำงานอะไรอยู่ แม่ก็บ่นๆ ว่าทำไมไม่หางานที่เป็นหลักแหล่ง ช่วงแรกแม่ก็ไม่ค่อยไว้ใจ แต่เราก็พยายามให้แม่ไว้ใจ
จากนั้นเราก็มีเงินส่งไปให้แม่ใช้ที่ต่างจังหวัด ถึงจะไม่มียังไงก็ต้องส่ง มีมากน้อยก็ต้องส่ง หลังจากนั้นก็เริ่มสร้างบ้านให้แม่ได้ แม่ก็เริ่มวางใจ ลูกก็ไม่มีข่าวเสียหาย เพราะเราก็ไม่ใช่คนเที่ยวกลางคืน เพราะเราเคยไปร้องเพลงในผับบาร์ เราแพ้ควันบุหรี่ จากนั้นเลยบอกเลยว่าเราจะไม่รับงานในผับแบบนี้อีก พอเราไม่มีข่าวเสียหาย พ่อแม่ก็ไว้วางใจเรามากขึ้น แต่ทุกวันนี้แม่ก็ยังคิดว่าเราเที่ยวอยู่นะ งานเพลงก็หนักขึ้นจากนั้นก็วางมือการสอนกอล์ฟไปก่อน เราก็ได้บัตร ใบประกาศ ทุกสิ่งทุกอย่างมาแล้ว เราเลยไม่อยากจะทิ้งโอกาสตรงนี้”

แฟนคลับ หลงใหล

จากสาวลำปางเข้าสู่เมืองกรุง เวลากว่า 10 ปีที่อยู่ในวงการเพลงลูกทุ่ง การได้ขึ้นร้องเพลงลูกทุ่งครั้งแรกนับว่าเป็นเรื่องหินสำหรับแคทอยู่บ้าง ซึ่งก็อาจจะโดนตำหนิ เรื่องของการเอนเตอร์เทนคนดู และการร้องเพลง แต่เธอก็สามารถปรับตัวและสามารถทำให้คนดูหลงรักเสน่ห์การร้องเพลงในแบบของสาวชาวเหนือได้อย่างสนิทใจ

ตอนนั้นจำได้ว่าครั้งแรกที่ร้องเราโดนติอย่างหนักเลย ตรงที่เราเก้งก้างด้วย แล้วก็เขาอยากให้เราดูเรียบร้อย แต่เราร้องเพลงสนุกก็เลยวิ่งรอบเวทีเลย ไปซ้าย ขวา มันส์อยู่คนเดียว ผู้ใหญ่เลยบอกว่าให้ดูคนดูด้วย แล้ววันนั้นเราโดนขึ้นเวทีใหญ่ด้วย แล้วก็เห็นคำตำหนิมา เราก็เลยปรับตัวว่าเราจะสามารถวางตัวได้ในระดับไหน หรือวางตัวยังไงบนเวที หลังจากนั้นมาก็ร้องเพลง มีตื่นเต้น ประหม่า ลืมเนื้อบ้าง

ปรับตัวแรกๆ ก็พยายามดูคนอื่นๆ ที่เขามืออาชีพ เราก็ดูพี่ก็อต จักรพรร เป็นตัวอย่างว่าขามีลีลาเอนเตอร์เทนยังไง เล่นกับคนดูยังไง คนดูถึงชอบ พี่เขาเป็นผู้ชายก็สามารถพูดหยอกล้อในแบบผู้ชายได้ แต่เราเป็นผู้หญิง แรกๆ อาจจะเผลอๆ ไปบ้าง แต่ก็คิดว่ามันไม่ใช่นะ เราเป็นผู้หญิงพูดแบบนี้ไม่ได้ ก็ต้องเอามาปรับเป็นมุกส่วนตัวของเรา มุถกของแคทก็จะเป็นมุกธรรมดา”

หลังจากนั้นบรรดาแฟนเพลงลูกทุ่งก็คอยติดตามผลงานของเธอเพิ่มมากขึ้น มีการตั้งเว็บไซต์แฟนคลับของแคต รัตกาล ขึ้นเพื่อเป็นแหล่งพบปะพูดคุยถึงผลงาน คอนเสิร์ตให้ทุกคนได้คอยติดตาม และในเฟซบุ๊กส่วนตัวของเธอมีเพื่อนๆ ที่คอยติดตามและเป็นแฟนคลับ มากถึง 5,000 คน

“แคทเริ่มมีแฟนคลับมาตั้งแต่เราอยู่ค่ายเดิมแล้วค่ะ ตอนนี้อาจจะน้อยลงบ้างแต่ก็ยังเหนียวแน่นกันอยู่ตลอดเวลา อีกหลายคนที่เป็นแฟนคลับในแฟนเพจ ตอนนี้ก็เยอะขึ้น แฟนคลับเยอะ ทิปเยอะ ก็เป็นบางคน อย่างลิเกก็เป็นบางคน เราก็มีแค่ดอกไม้แล้วก็เงินติดไม้ติดมือนิดหน่อย ส่วนใหญ่ก็เป็นแบงค์พัน บางทีเราก็เล่นมุกว่า ตอนนี้ได้แต่ดอกกุหลาบยังไม่มีใบมาเลยนะเนี่ย เราก็ได้มา ไปร้องมาทุกทีที่เขาร้องเพลงเราได้ เราจะมีความสุขมาก ไม่ใช่ว่า ที่เราไปเขาไม่ร้องแล้วเราจะไม่มีความสุขนะ แต่ว่ามันสนุก เพราะว่าคนที่ร้องเพลงเราได้ เราจะสนุก ทางเหนือบ้านเราเค้าจะเรียบร้อย ไม่ค่อยจะร้องหรือเต้น”

ล่าสุดกับแฟนคลับที่หลงรักสาวแคตอย่างมาก มีของขวัญเป็นกระเป๋ามาให้เธอถึงหน้าเวที ในกระเป๋ามีสมุดบันทึกรัก ที่พร่ำเพ้อ พรรณนาถึงความรู้สึกที่มีต่อเธออย่างมาก นอกจากสมุดแล้วยังมีเงินอีกจำนวนสามพันบาทที่เขาใส่มาให้ในกระเป๋าอีกด้วย

"ในสมุดเขาเขียนว่า ถ้าเราเสียใจจากใครก็ให้มาหาเขาได้นะ ไปไหนก็ขอให้จำเขาให้ได้ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้เปิดดูว่าในกระเป๋ามีอะไร พอตอนมาเปิดดู เจ้าของก็กลับสะแล้วคอนเสิร์ตเลิกพอดี เราก็ไม่รู้ทำไง”

เชื่อว่า “ความรัก” เป็นเรื่องของกรรม

การอยู่ในวงการเพลงลูกทุ่ง จากคนที่มองโลกในแง่ดี เจอใครก็ยิ้มแย้มแจ่มใส เมื่อได้เข้ามาสัมผัสกับคนในวงการยิ่งทำให้ได้ทราบว่า แท้จริงแล้วคนเราไม่ควรไว้วางใจใครได้ง่ายๆ

“เราคิดว่าเค้าเป็นคนดี แต่จริงๆ ไม่น่าไว้ใจเลย เราเห็นเค้ายิ้มแย้มแจ่มใสแต่ข้างในเขาอาจจะกำลังคิดร้ายต่อเราอยู่ก้ได้ เราก็ไม่รู้ เรามารู้ทีหลังก็เหมือนรู้สึกเขาแทงข้างหลัง เราก็ไม่ไว้ใจคนง่าย แต่เราจะไม่ใช่ไม่ไว้ใจใคร แต่ก็จะฟังๆ เอาไว้ ถ้าเราเจอคนคิดร้ายต่อเราก็หลีกๆ หนีเค้าไปสะ พยายามยิ้ม และคอยระวังตัวเองด้วย เคยมีประสบการณ์ด้วยคนที่คนรักษาคำมั่นสัญญา อย่างคนที่เคยลงข่าวหน้าหนึ่ง เราก็ไว้ใจเขา เชื่อถือเขา แต่สุดท้ายเขาก็เบี้ยว ตอนนั้นเราก็ไม่ได้เครียดเพราะเราไม่ได้โดนอยู่คนเดียว”

การได้ไปปฏิบัติธรรมก็ช่วยทำให้แคตคิดได้ถึงสิ่งที่สัจธรรมสอน คือการบอกกับตัวเอง ว่า “ปล่อยวางแล้วจะมีความสุข” ทุกวันนี้คนเรามีทุกข์เพราะความคิดของตัวเอง ถ้าเราไม่คิดเรื่องของคนอื่น ถ้าเราไม่คิด เราก็ไม่ทุกข์

“วางๆ อยู่บ้านพักผ่อน ทำงานบ้านเล็กๆ น้อย เราก็ฟังธรรมะไปด้วย เสียงรอสายในโทรศัพท์ก็เป็นธรรมะเพราะเราอยากให้คนที่โทรมาเข้าได้ฟังธรรมะ ฟังเพื่อเรียกสติของทุกคน”

การอยู่กับรสพระธรรมของเธอ เมื่อไหร่ที่ได้พูดถึงเรื่องของธรรมะ สีหน้า แววตาของเธอดูช่างมีความสุข เหมือนคนที่เข้าใจและซาบซึ้งอย่างที่คนๆ หนึ่งจากคนใจร้อน ขี้หงุดหงิด จะสงบลงได้

“ทุกวันนี้การมองเรื่องความรัก จึงกลายเป็นเรื่องของการที่คนสองคนจะมาผูกพันกันคือเรื่องของกรรม เมื่อไหร่ที่มีกรรมเมื่อนั้นเราจะมีคู่ ตอนนี้ตัวเองยังโสดก็มองว่าเรายังไม่มีใครที่มากระทำกรรมกับตัวเราเอง”

“ตอนนี้โสด เพราะว่าเรารู้สึกว่ามีแฟนแล้วยุ่งยาก เขาแค่เห็นว่าเรายืนคุยกับเจ้านาย หรือเพื่อนร่วมงานผู้ชาย เค้าก็ต้องมาถามตลอด รายงานตลอดว่าเป็นใครอะไรยังไง ถึงเราจะบอกว่าเป็นงาน ก็ไม่มีใครจะมาเข้าใจหรอก ก็ต้องมาโดนซักถามแล้วฉันทำงานมาเหนื่อยทำไมจะต้องมาคอยนั่งตอบคำถามตลอด คิดว่าเมื่อไหร่ที่มีความรักแสดงว่าเรามีกรรมเมื่อนั้น มันอาจจะเป็นกรรมชาติที่แล้ว เพราะฉะนั้นเราก็อย่าไปหวังว่าเราจะอะไรกับใคร อนาคตไม่ได้ว่าเราจะรอเค้าอย่างเดียว แต่ว่าถ้าไม่มีเราก็วางอนาคตเอาไว้แล้วว่าเราจะกลับไปอยู่บ้าน กลับพ่อแม่ ยิ่งเราอยู่คนเดียว ยิ่งทำให้มีเวลาดูแลพ่อแม่ มีพี่น้องสามคน เราเป็นคนสุดท้อง เราคิดว่าเราเอาเปรียบพี่ๆ เราก็ต้องหาเวลาไปดูแลท่าน”

แคททิ้งท้ายถึงอนาคตไม่แน่เธออาจจะเปิดโรงเรียนสอนกอล์ฟขึ้นมาโดยเฉพาะ แต่ตอนนี้สามารถติดตามผลงานเพลงกับอัลบั้มล่าสุดเพลงอย่ากึ๊ดนัก/ป้อจายลั้นลา/ก้อนหินสิ้นใจ ใครที่ติดตามและชื่นชอบงานดนตรีในแนวเพลงป๊อบสไตล์ลูกทุ่งผสมคำเมือง ของเธอได้ แล้วคุณจะหลงรักสาวเหนือเมืองรถม้าอย่างเธอ “แคท รัตกาล”

********************************

ประวัติส่วนตัว

ชื่อ พุทธชาติ ยศแก้วอุด
ชื่อในวงการ แคท รัตกาล , แคท รัตติกาล
เกิด 30 พฤษภาคม
การศึกษา - ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฎลำปาง
ผลงานที่ผ่านมา
- รองอันดับ 1 Miss Motor Show ปี 2542
- รางวัลมหานครอวอร์ด สาขาศิลปินส่งเสริมสังคมและวัฒนธรรมดีเด่น ปี 2551
- รางวัล Bio Economy Awards 2010 จาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในงาน มหกรรมทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น ประจำปี 2553 ในฐานะที่เป็นศิลปินที่ทำคุณประโยชน์เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด
- ผลงานเพลง เพลงอย่ากึ๊ดนัก/ป้อจายลั้นลา/ก้อนหินสิ้นใจ
 
ข่าวโดย  Manager Lite/ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์

ภาพโดย อดิศร ฉาบสูงเนิน 


















กำลังโหลดความคิดเห็น