ขึ้นชื่อว่าร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงใน พ.ศ.นี้ คงยากที่จะหาคนไม่รู้จัก ส่วนใน พ.ศ.ก่อนๆ จะรู้จักแบบไหน ในฐานะคนติดตามการเมืองก็ต้องรู้ประวัติหรือทำความรู้จักกันนิดหน่อย ด้วยคนไทยไม่ว่าอาวุโสหรืออ่อนวัยต่างหลงลืมหรือไม่จดจำบทเรียนในประวัติศาสตร์ และบางส่วนมักเห่อ รวมทั้งคอยแห่แหนกับการมีอำนาจ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เริ่มแสดงร่วมการมีอำนาจตั้งแต่เป็น สิบโทเฉลิม อยู่บำรุงเป็นสารวัตรทหารในหน่วยของ พ.อ.สาคร กิจวิริยะ (สห.มทบ. 11) ซึ่งเป็นนายทหารรุ่น จปร.7 รุ่นเดียวกับ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจรและพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ต่อมาได้ย้ายมาเป็นตำรวจจนได้รับยศร้อยตำรวจเอกเป็นตำรวจกองปราบ มีชื่อดังจนเป็นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ไม่ว่าการเข้าไปจัดการแหล่งบันเทิง ในโรงแรมแอมบาสซาเดอร์ หรือเรื่องการจับเพชรที่เยาวราชที่คุณสอน สุขบรรจง อดีตประธานชมรมนักข่าวอาชญากรรมมีเครื่องช่วยจำให้น้องๆ นักข่าวรุ่นหลังได้รับรู้ ซึ่งจัดการแบบไหน ในแต่ละเรื่องคนที่จดจำได้ดีต้องไปถาม ร.ต.อ.เฉลิม แต่คนที่จดจำจนวันตายคือเจ้าของธุรกิจนั่นเอง
เมื่อมาเล่นการเมืองครั้งแรกก็สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เจรจาหาที่ตั้งให้พรรคประชาธิปัตย์ มาได้ดีเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ นั้น ร.ต.อ.เฉลิม มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.) แต่ทั้งบีบ-เค้น-ควบคุมผู้เกี่ยวข้อง (www.matichon.co.th) ในบางครั้งถึงกับเข้าไปสั่งการในห้องตัดต่อเอง จนคนในช่อง 9 เรียกว่า “บรรณาธิการเฉลิม” ทั้งสร้างวีรกรรมนำรถถ่ายทอดโทรทัศน์ไปลักลอบดักฟังข้อมูลของฝ่ายตรงข้าม จนเป็นที่มาของฉายา “เหลิมดาวเทียม” (www.positioningmag.com) และการทุจริตคอร์รัปชันในรัฐบาลที่เรียกว่า “บุฟเฟ่ต์คาบิเนต” ก็ถูกทำการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ซึ่งร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นหนึ่งในนักการเมืองที่ถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ และถูกยึดทรัพย์จำนวน 32 ล้านบาทและต้องลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศเดนมาร์ก
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ถึงประกาศว่าเลิกเล่นการเมือง แต่วันนี้ยังคงเล่นการเมืองและผลักดันให้ลูกชายเล่นการเมือง ทั้งประกาศซ้ำว่าถ้าลูกชายไม่ได้รับการเลือกตั้งครั้งล่าสุด (พ.ศ. 2554) จะยุติบทบาททางการเมือง แต่แล้วก็มารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี การพูดแบบ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จึงเป็นคำพูดที่พายเรือในอ่างชูวิทย์ ซึ่งคนไทยเราต้องเอาไปทบทวนและพิจารณาก่อนจะเชื่อหรือไม่เชื่อทุกครั้ง
อีกทั้งคำพูดที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ชอบใช้อยู่ประจำคือคำว่า แอ๊กอาร์ต (Act art) ซึ่งคำว่า แอ๊ก แปลว่า แสดงหรือเล่นละคร ส่วนอาร์ต แปลว่า ศิลปะเมื่อมารวมกันก็เป็นศิลปการแสดงหรือศิลปะการเล่นละคร เมื่อรวมคำพูดแล้วเราก็จะเข้าใจร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงในทางการศึกษาพฤติกรรมทางการเมือง ก็จัดได้ว่าร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นพวกที่เป็นนักแสดงซึ่งต้องเติมคำหรือเรียกใหม่ว่าเป็นนักแสดงที่มีศิลปะชั้นสูง ไม่สูงได้อย่างไร พูดไปพูดมาได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี…ฮา
จากพฤติกรรมข้างต้น คงเป็นคำถามพื้นๆ ที่คนไทยห่วงใยบ้านเมืองอยากรู้ เพราะดูการเมืองบ้านเราเหมือนดูลิเกเข้าไปทุกทีอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เมื่อมี ด-ว-ง อีกครั้ง ได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยในสมัยสมัคร สุนทรเวช นั่งกำกับกรมที่ดินมีการฟ้องบริษัทศรีสุบรรณ แต่พอพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล กรมที่ดินถอนฟ้อง ผมไม่เห็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ออกมาพูดอะไร มาวันนี้พรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาลผมจึงอยากเห็นว่ารองนายกรัฐมนตรีที่ชื่อเฉลิมประกาศปราบบ่อนการพนัน ปราบยาเสพติด จะปราบคอร์รัปชันด้วยหรือไม่ ก็ที่ดินที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ระบุจังหวัดมาด้วย เดี๋ยวรายงานด่วนเป็นเกาะฉลุยที่ไม่มีสารบบในประเทศไทย หรือ เกาะกินฉลุย คุ้ยชำเละบ่อนที่ไม่อยู่ในอาณัติ ด้วยการประกาศแบบตีเอาเมืองขึ้น เหมือนสัญญาณเตือนว่าวันนี้คนพูดเป็นคนมีอำนาจ เพิ่งได้รับการปราบดา และกำลังรอค่าต๋งค่าส่งส่วย ซึ่งพฤติกรรมที่กล่าวมาเป็นพฤติกรรมของนักการเมืองเลวๆ ที่ชอบทำ จนชาวบ้านที่รู้ทันต่างเบื่อระอา
ผมจึงไม่อยากเห็นใครมาว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แต่อยากเห็นนักการเมืองที่ไม่เฉพาะร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นแบบอย่างที่ดี ที่คนเอาไปพูดต่อๆ ได้ว่า “นักการเมืองคนนี้ของจริง พูดคำไหนคำนั้น” ไม่ใช่พอลับหลังบอกว่า “นักการเมืองคนนี้เลวจริง พูดคำไหนเป็นคำขู่เอาเงินเมื่อนั้น” ซึ่งภาพความรู้สึกเหล่านี้มีอยู่จริงที่นักการเมืองทั้งหลายควรพิจารณา
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เคยได้รับสมญานามว่า “เหลิมดาวเทียม” ซึ่งเป็นที่มาของการเร่งการรัฐประหารของคณะรสช.เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 และในปลายปี พ.ศ. 2552 สื่อมวลชนประจำรัฐสภาได้ตั้งฉายาให้ ร.ต.อ.เฉลิมว่า “ดาวดับ” อันเนื่องจากวาทกรรมที่บอกว่า “พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่ทำในสิ่งที่กฎหมายห้าม”
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง วันนี้ยังเวียนว่ายตายเกิดในทางการเมือง ในฐานะคนอยากเห็นบ้านเมืองที่ดีไปข้างหน้า ไม่อยากเห็นคนบ้าอำนาจอยู่ข้างหลัง จึงใคร่เตือนสติซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นการสีไวโอลินให้ใครฟังหรือเปล่า จึงขอสรุปสั้นๆ ว่า
อย่าหลง... ถ้าคุณหลงให้กลับย้อนไปดูตอนถูกยึดทรัพย์ 32 ล้านบาท
อย่าเหลิง...ถ้าคุณเหลิงให้คิดถึงตอนลี้ภัยไปอยู่เดนมาร์ก
อย่าเหลิม...ถ้าคุณเหลิมหรือเหิมอีกครั้ง บอกได้เลยว่าจะไม่เหลืออะไร
และให้คิดว่าชีวิตนี้เป็นอนิจจัง
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เริ่มแสดงร่วมการมีอำนาจตั้งแต่เป็น สิบโทเฉลิม อยู่บำรุงเป็นสารวัตรทหารในหน่วยของ พ.อ.สาคร กิจวิริยะ (สห.มทบ. 11) ซึ่งเป็นนายทหารรุ่น จปร.7 รุ่นเดียวกับ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจรและพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ต่อมาได้ย้ายมาเป็นตำรวจจนได้รับยศร้อยตำรวจเอกเป็นตำรวจกองปราบ มีชื่อดังจนเป็นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ไม่ว่าการเข้าไปจัดการแหล่งบันเทิง ในโรงแรมแอมบาสซาเดอร์ หรือเรื่องการจับเพชรที่เยาวราชที่คุณสอน สุขบรรจง อดีตประธานชมรมนักข่าวอาชญากรรมมีเครื่องช่วยจำให้น้องๆ นักข่าวรุ่นหลังได้รับรู้ ซึ่งจัดการแบบไหน ในแต่ละเรื่องคนที่จดจำได้ดีต้องไปถาม ร.ต.อ.เฉลิม แต่คนที่จดจำจนวันตายคือเจ้าของธุรกิจนั่นเอง
เมื่อมาเล่นการเมืองครั้งแรกก็สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เจรจาหาที่ตั้งให้พรรคประชาธิปัตย์ มาได้ดีเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ นั้น ร.ต.อ.เฉลิม มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.) แต่ทั้งบีบ-เค้น-ควบคุมผู้เกี่ยวข้อง (www.matichon.co.th) ในบางครั้งถึงกับเข้าไปสั่งการในห้องตัดต่อเอง จนคนในช่อง 9 เรียกว่า “บรรณาธิการเฉลิม” ทั้งสร้างวีรกรรมนำรถถ่ายทอดโทรทัศน์ไปลักลอบดักฟังข้อมูลของฝ่ายตรงข้าม จนเป็นที่มาของฉายา “เหลิมดาวเทียม” (www.positioningmag.com) และการทุจริตคอร์รัปชันในรัฐบาลที่เรียกว่า “บุฟเฟ่ต์คาบิเนต” ก็ถูกทำการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ซึ่งร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นหนึ่งในนักการเมืองที่ถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ และถูกยึดทรัพย์จำนวน 32 ล้านบาทและต้องลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศเดนมาร์ก
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ถึงประกาศว่าเลิกเล่นการเมือง แต่วันนี้ยังคงเล่นการเมืองและผลักดันให้ลูกชายเล่นการเมือง ทั้งประกาศซ้ำว่าถ้าลูกชายไม่ได้รับการเลือกตั้งครั้งล่าสุด (พ.ศ. 2554) จะยุติบทบาททางการเมือง แต่แล้วก็มารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี การพูดแบบ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จึงเป็นคำพูดที่พายเรือในอ่างชูวิทย์ ซึ่งคนไทยเราต้องเอาไปทบทวนและพิจารณาก่อนจะเชื่อหรือไม่เชื่อทุกครั้ง
อีกทั้งคำพูดที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ชอบใช้อยู่ประจำคือคำว่า แอ๊กอาร์ต (Act art) ซึ่งคำว่า แอ๊ก แปลว่า แสดงหรือเล่นละคร ส่วนอาร์ต แปลว่า ศิลปะเมื่อมารวมกันก็เป็นศิลปการแสดงหรือศิลปะการเล่นละคร เมื่อรวมคำพูดแล้วเราก็จะเข้าใจร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงในทางการศึกษาพฤติกรรมทางการเมือง ก็จัดได้ว่าร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นพวกที่เป็นนักแสดงซึ่งต้องเติมคำหรือเรียกใหม่ว่าเป็นนักแสดงที่มีศิลปะชั้นสูง ไม่สูงได้อย่างไร พูดไปพูดมาได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี…ฮา
จากพฤติกรรมข้างต้น คงเป็นคำถามพื้นๆ ที่คนไทยห่วงใยบ้านเมืองอยากรู้ เพราะดูการเมืองบ้านเราเหมือนดูลิเกเข้าไปทุกทีอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เมื่อมี ด-ว-ง อีกครั้ง ได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยในสมัยสมัคร สุนทรเวช นั่งกำกับกรมที่ดินมีการฟ้องบริษัทศรีสุบรรณ แต่พอพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล กรมที่ดินถอนฟ้อง ผมไม่เห็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ออกมาพูดอะไร มาวันนี้พรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาลผมจึงอยากเห็นว่ารองนายกรัฐมนตรีที่ชื่อเฉลิมประกาศปราบบ่อนการพนัน ปราบยาเสพติด จะปราบคอร์รัปชันด้วยหรือไม่ ก็ที่ดินที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ระบุจังหวัดมาด้วย เดี๋ยวรายงานด่วนเป็นเกาะฉลุยที่ไม่มีสารบบในประเทศไทย หรือ เกาะกินฉลุย คุ้ยชำเละบ่อนที่ไม่อยู่ในอาณัติ ด้วยการประกาศแบบตีเอาเมืองขึ้น เหมือนสัญญาณเตือนว่าวันนี้คนพูดเป็นคนมีอำนาจ เพิ่งได้รับการปราบดา และกำลังรอค่าต๋งค่าส่งส่วย ซึ่งพฤติกรรมที่กล่าวมาเป็นพฤติกรรมของนักการเมืองเลวๆ ที่ชอบทำ จนชาวบ้านที่รู้ทันต่างเบื่อระอา
ผมจึงไม่อยากเห็นใครมาว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แต่อยากเห็นนักการเมืองที่ไม่เฉพาะร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นแบบอย่างที่ดี ที่คนเอาไปพูดต่อๆ ได้ว่า “นักการเมืองคนนี้ของจริง พูดคำไหนคำนั้น” ไม่ใช่พอลับหลังบอกว่า “นักการเมืองคนนี้เลวจริง พูดคำไหนเป็นคำขู่เอาเงินเมื่อนั้น” ซึ่งภาพความรู้สึกเหล่านี้มีอยู่จริงที่นักการเมืองทั้งหลายควรพิจารณา
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เคยได้รับสมญานามว่า “เหลิมดาวเทียม” ซึ่งเป็นที่มาของการเร่งการรัฐประหารของคณะรสช.เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 และในปลายปี พ.ศ. 2552 สื่อมวลชนประจำรัฐสภาได้ตั้งฉายาให้ ร.ต.อ.เฉลิมว่า “ดาวดับ” อันเนื่องจากวาทกรรมที่บอกว่า “พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่ทำในสิ่งที่กฎหมายห้าม”
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง วันนี้ยังเวียนว่ายตายเกิดในทางการเมือง ในฐานะคนอยากเห็นบ้านเมืองที่ดีไปข้างหน้า ไม่อยากเห็นคนบ้าอำนาจอยู่ข้างหลัง จึงใคร่เตือนสติซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นการสีไวโอลินให้ใครฟังหรือเปล่า จึงขอสรุปสั้นๆ ว่า
อย่าหลง... ถ้าคุณหลงให้กลับย้อนไปดูตอนถูกยึดทรัพย์ 32 ล้านบาท
อย่าเหลิง...ถ้าคุณเหลิงให้คิดถึงตอนลี้ภัยไปอยู่เดนมาร์ก
อย่าเหลิม...ถ้าคุณเหลิมหรือเหิมอีกครั้ง บอกได้เลยว่าจะไม่เหลืออะไร
และให้คิดว่าชีวิตนี้เป็นอนิจจัง