xs
xsm
sm
md
lg

สาวบ้าพลัง “ฝ้าย สตรอเบอรี่” หลงใหลมวยไชยา-กีฬาเอ็กซ์ตรีม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
สาวสวยหุ่นนางแบบ ฝ้าย-นันทนัช โล่ห์สุวรรณ หนึ่งในผู้ดำเนินรายการสตรอเบอรี่ชีสเค้ก ทำให้คุณต้องเปลี่ยนความคิดไปเลยว่าสาวผิวขาวที่ดูบอบบางอย่างเธอจะไม่ชอบเล่นกีฬาผาดโผน เพราะฝ้ายเรียนมวยไชยามานานเกือบ 2 ปีแล้ว ทั้งยังชื่นชอบกีฬาเอ็กซ์ตรีมทุกชนิด จึงไม่พลาดทุกครั้งที่มีโอกาสประชันฝีมือและทดสอบพละกำลัง ไม่ว่าจะเป็นกีฬาเทควันโด ยิงธนู เวกบอร์ด เพนต์บอล ฯ พอรู้จักเธออย่างนี้แล้ว ชายอกสามศอกก็คงไม่กล้าแหยม!
 

M-healthyได้นัดพูดคุยกับฝ้าย ด้วยรูปร่างสูงยาวเข่าดี จึงไม่แปลกใจที่เธอเคยผ่านงานเดินแบบ และถ่ายนิตยสารวัยรุ่นมาก่อน เห็นผอมเพรียวอย่างนี้ แต่รับรองหุ่นฟิตทุกสัดส่วน ทั้งยังดูมีสุขภาพดี อารมณ์ดี วันนี้เธอมีเคล็ดลับการดูแลตัวเองมาฝาก ซึ่งนำมาปรับใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ยิ่งถ้าเป็นคนชอบทำกิจกรรมอย่างเธอด้วยแล้วยิ่งไม่ควรพลาด ทำให้ทุกกิจกรรมหนักๆ เปลี่ยนเป็นวันสบายๆได้ทันที

ชื่นชอบศิลปะการต่อสู้
ด้วยความที่เป็นคนสนใจกีฬาเอ็กซ์ตรีมมาตั้งแต่เด็ก จึงชื่นชอบกีฬาที่ใช้พละกำลังและมีศิลปะชั้นเชิงการต่อสู้ จากการส่งเสริมของคุณพ่ออีกทางหนึ่งจึงเป็นแรงสนับสนุนให้ฝ้ายเริ่มเรียนมวยไทยโบราณไชยาอย่างจริงจัง
 

“ฝ้ายเรียนมวยไชยาตามคุณพ่อ เพราะเขาชอบศิลปะด้านนี้ ก่อนที่พ่อจะเรียนจบ ได้เรียนฟันดาบที่พุทไธสวรรย์มาก่อน แล้วพอได้ยินมวยไชยามาจากเพื่อนๆ ก็ลองเสิร์ชข้อมูลดูว่า มวยไชยาเป็นยังไง ไม่รู้จัก เมื่อลองศึกษาหาข้อมูลเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าน่าสนใจ เพราะมวยไชยาเป็นศิลปะที่ใช้ในศึกสงครามมาก่อน เป็นมวยประจำของ อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงเป็นที่มาของชื่อมวยไชยา
 

แต่ก่อนมวยไชยายังไม่มีสอนเป็นระบบแบบนี้ ค่อนข้างหวงวิชา เพราะมันเป็นศาสตร์การต่อสู้ที่ใช้ในศึกสงคราม คือเป็นตำรับวิชาที่จะถ่ายทอดให้เฉพาะคน ดูว่าคนนี้น่าจะเป็นคนดี จะไม่ใช้วิชาไปในทางที่ผิด สมัยก่อนจึงเลือกคนสอน และสมัยนี้ก็เลือกสอนเหมือนกัน เขาเปิดสอนเข้ามาทุกคน แต่ใครที่จะได้รับมาก ได้รับน้อย คือบางคนเรียนไปเรียนมาก็ขี้เกียจแล้ว แต่เราอยู่เรียนตลอด จริงๆ เรียนเต็ม 2 ชั่วโมงแต่อยู่ประมาณ 5 ชั่วโมง ครูคนสอนเขาก็ดูลูกศิษย์ด้วยว่าแต่ละคนมีความสนใจมากน้อยขนาดไหน”
 

“ฝ้ายสนใจมวยไชยา เพราะเราเป็นคนสนใจกีฬาพวกเอ็กซ์ตรีมอยู่แล้ว ซึ่งตอนแรกเรียนเทควันโดก่อนที่จะมาเรียนมวยไชยา เพราะตอนเรียนอยู่ชั้น ป.2 เคยโดนเพื่อนแกล้งมาก่อน แล้วเห็นว่าเพื่อนข้างบ้านเขาเคยเรียนเทควันโด พ่อเขาก็เลยบอกว่า “จัดไป” จึงเริ่มเรียนเทควันโดมาตั้งแต่ชั้น ป.4-ป.5 ประมาณ 1 ปี แล้วเว้นไปสักระยะหนึ่งจึงมาเริ่มเรียนมวยไชยาตั้งแต่ชั้น ม.3 จนถึงตอนนี้ ก็เกือบๆ 2 ปีแล้ว”

แม่ไม้ที่ใช้ได้จริง
เสน่ห์ของมวยไชยาเมื่อเปรียบเทียบกับมวยไทยแล้ว มวยไทยเป็นมวยที่ใช้หมัด เข่า ศอก ซึ่งไม่ได้เน้นที่จุดใดจุดหนึ่ง ก็ถือเป็นศิลปะที่ดีเหมือนกัน แต่มวยไชยาซึ่งมีแม่ไม้ไม่ซ้ำท่า ศิลปะการต่อสู้มีรายละเอียดมากกว่า จึงทำให้เธอชื่นชอบมวยไทยโบราณชนิดนี้
 

“สำหรับฝ้ายคิดว่ามวยไชยาได้ศิลปะป้องกันตัวเองมากกว่ามวยไทย เหมือนกับว่ามันรัดกุมกว่า อย่างเทควันโดเราไม่มีการ์ด โต้ตอบโดยการเตะ แต่มวยไชยามีการ์ด เวลาเราจะเดินเข้าหาคู่ต่อสู้ เราจะรู้สึกปลอดภัยกว่า เราเตรียมพร้อมปัดป้องอยู่ตลอดเวลา”
 

“มวยไชยามีเอกลักษณ์ด้านการใช้ศอก ล้มลุก คลุกคลาน ป้อง ปัด ปิด เปิด เรียกได้ว่าถ้าสมมติล้มลงไปก็สามารถที่จะสู้ได้ คืออย่างบางท่า เราล้มไป เอ๊ะ!จะทำยังไงต่อ แต่นี่เขาสอนทุกอย่างเลย มีการปีนป่ายบนตัวคน สวมวิญญาณเป็นลิง (หัวเราะ) มวยไชยาจึงมีศิลปะสอดแทรกเข้าไปลึกกว่ามวยไทย พอเราเรียนไปเรื่อยๆก็จะมี up level เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สมมติเราอยู่ level 1 เพิ่งเริ่มเรียนจะเป็นท่าพื้นฐานก่อน ก็จะมีปั้นหมัด พันแขน ท่าครู พันหมัด ฝานบวม และอีกมากมาย”
 

การ “ปั้นหมัด” คือ เอามือ 2 ข้าง ขนานกับลำตัว แยกเท้า 2 ข้าง พร้อมย่อตัว แล้วกำมือ แบมือ ทำอย่างนี้เรื่อยๆ เรียกว่าการปั้นหมัด ช่วยทำให้ข้อนิ้ว และข้อมือแข็งแรง เพราะมวยไชยามีทั้งเกี่ยว จิ้ม หลายอย่าง ข้อมือสำคัญมาก ถ้าข้อมือไม่แข็งแรงก็ไม่สามารถที่จะล้มคู่ต่อสู้ได้
 
นอกจากนี้ ยังมีเรียนลูกไม้ อย่างเช่น ท่ายอเขาพระสุเมรุ เถรค้ำฟัก ดับชวาลา คือเป็นลูกไม้ที่ใช้ท่าศอก นอกจากนี้มวยไชยาก็จะมีท่าพิเศษ ซึ่งเป็นท่ายากในอีกระดับหนึ่ง ซึ่งฝ้ายชอบท่า “ฝานบวบ” เป็นท่าเตะพร้อมกับฟันศอก ถือว่าเป็นท่าตั้งการ์ดที่รัดกุมที่สุด และทำให้สามารถโต้ตอบคู่ต่อสู้ได้ทันที
 

“ตอนนี้ level ที่ฝ้ายเรียนอยู่มีท่ายอเขาพระสุเมรุ, เถรค้ำฟัก, ดับชวาลา อย่างท่ายอเขาพระสุเมรุเป็นการย่อหลบผู้ต่อสู้ สามารถประดิษฐ์ได้หลายท่าคือ ย่อเข่าชก ถอยหลังชก มีย่าง 3 ขุม ย่าง 4 ขุม ยกย่าง ซึ่งเป็นท่าเตรียมตัว ในทุกอาทิตย์จะมีเข้าคู่ต่อสู้กัน คือจะดูว่าเราสามารถโต้ตอบคู่ต่อสู้ได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งตอนนี้ฝ้ายเพิ่งอยู่ระดับสาย 1 ทั้งหมดมี 12 สาย เหมือนเทควันโด แต่ว่ายากกว่า มีความยากง่ายไม่เท่ากัน และใช้ระยะเวลาการเรียนก็ไม่เท่ากัน”
 

พอท้ายคาบเรียนจะมีการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างผู้เรียนเพื่อนำมาปรับใช้ได้จริงใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งตรงนี้เธอบอกว่ามีประโยชน์มาก “อย่างถ้าโดนมีดแทงเข้ามา เราจะมีการปรับแก้อย่างไร เขาก็จะสอนให้”
 

“เคยได้ยินมาจากครูเหมือนกันว่าเดี๋ยวนี้มีอาวุธแปลกๆ เยอะ ที่ผ่านมาได้มีแลกเปลี่ยนความรู้กัน เป็นอาวุธที่มีลักษณะเหมือนเคียวของประเทศฟิลิปปินส์ พอเขาแทงมาแล้วเราปัด สามารถสะบัดต่อไปเองได้ คือเขาทำมาเพื่อให้เราปัดกลับ เจออาวุธแบบนี้เราก็ต้องหาทางแก้ให้ได้ อันตรายมาก”

“มวยไชยา” ไม่ใช่แค่การป้องกันตัว
“เรียนแล้วได้ประโยชน์หลายเด้งเลย ทั้งอนุรักษ์วัฒนธรรม ได้ออกกำลังกาย และป้องกันตัวได้ด้วย เป็นศาสตร์ที่ไม่ได้ตายตัว สามารถประยุกต์ใช้ต่อยอดไปได้เรื่อยๆ ด้วยความที่รายละเอียดของมวยไชยาค่อนข้างเยอะจึงทำให้สามารถพลิกแพลงได้ทุกสถานการณ์” สิ่งเหล่านี้จึงล้วนเป็นประโยชน์ที่ฝ้ายได้มาพร้อมกับการมีร่างกายที่แข็งแรง
 

มวยไชยานั้นถือเป็นการออกกำลังกายและรักษาวัฒนธรรมไทยไปพร้อมกัน ศิลปะการป้องกันตัวแบบมวยไชยาจึงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และเป็นตัวเลือกในการป้องกันตัวอีกวิธีหนึ่ง เพื่อหลีกหนีอันตรายจากกลุ่มมิจฉาชีพทั้งหลาย 
 

“ตอนแรกที่มาเรียนยังไม่ได้สนใจมากขนาดนี้ แต่พอได้มาสัมผัสจริงๆ แล้ว พูดได้เลยว่าเริ่มรักมวยไชยาแล้ว รักศิลปะแบบนี้เลย พอมาเรียนมวยไชยา ก็เห็นว่าเป็นสิ่งที่ค่อนข้างสำคัญมาก เพราะเป็นมวยไทยที่สื่อเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ถือว่าได้อนุรักษ์ศิลปะป้องกันตัว ยิ่งในสังคมปัจจุบัน ซึ่งค่อนข้างที่จะอันตรายเหมือนกัน มิจฉาชีพมันเยอะขึ้น เราไม่รู้ว่าเขาจะมาในรูปแบบไหน คือเราต้องมีศิลปะป้องกันตัว หรืออะไรที่สามารถป้องกันตัวเองได้ในระดับหนึ่ง เพราะคนรอบข้างไม่สามารถอยู่ปกป้องเราได้ตลอดเวลา”
 

เมื่อเห็นความสำคัญของมวยไชยาอย่างนี้ ฝ้ายจึงแบ่งเวลาเรียนมวยไชยาลงไว้ในตารางกิจกรรมส่วนตัวที่เธอต้องทำอยู่เป็นประจำ “ในวันจันทร์-ศุกร์ เรามีเรียนเต็มหมดเลย พอถึงวันเสาร์-อาทิตย์ก็จะมีแบ่งเวลาไปออกกำลังกาย มีเรียนมวยไชยาอาทิตย์ละครั้ง แต่ถ้าปิดเทอมจะไปเรียนประมาณ 2-3 ครั้ง/อาทิตย์ ฝ้ายเรียนกับครูแปรง ที่ออลสตาร์ แถวเหม่งจ๋าย ซึ่งที่นั่นเป็นยิมที่มีกีฬาหลากหลาย ทั้งฟิตเนส ยิงธนู ฯลฯ”
 

ถ้าใครอยากให้พื้นฐานแน่น และเรียนเร็วขึ้นก็สามารถฝึกอยู่ที่บ้านได้ แต่ฝ้ายแนะนำว่า “ที่โรงยิมเขาจะมีอุปกรณ์ให้เล่น และมีครูให้คำแนะนำด้วย ถ้าไปฝึกที่บ้านเองก็จะไม่รู้ว่าท่านี้มันถูกรึเปล่า อาจเพี้ยนนิดนึง ทำให้ท่าไม่สมบูรณ์ เพราะการเตะแต่ละแบบมีองศาเตะที่ไม่เหมือนกันแล้วแต่มุมด้วย อย่างท่าฝานบวบ ก็จะเป็น 45 องศา บางทีเราซ้อมเอง อาจกลายเป็นเตะตัดไปเลย”
 

รักกีฬาเอกซ์ตรีม
หลังจากที่ฝ้ายทำรายการสตรอเบอรี่ชีสเค้กมาประมาณ 2 ปี ทำให้ได้เรียนรู้วิธีการทำงาน และได้ทำกิจกรรมต่างๆ ระหว่างการถ่ายทำรายการ ซึ่งในแต่ละกิจกรรมมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอชอบ โดยเฉพาะการแข่งกีฬาเอ็กซ์ตรีม อาจดูโลดโผนไปสักหน่อยสำหรับสาวๆสตรอเบอรี่ฯ แต่สำหรับฝ้ายแล้วมันเป็นเรื่องสนุกและยังได้ออกกำลังกายไปพร้อมๆ กัน
 

“ฝ้ายเคยเล่นเพนต์บอลกับรายการสตรอเบอรี่ชีสเค้ก ก็เป็นอีกกีฬาหนึ่งที่สนุก ตอนนั้นเขามีจัดแข่งเพนต์บอลโลก แล้วก็เลือกสาวสตรอเบอรี่ฯ บางกลุ่มไปแข่ง เราไปฝึกกันประมาณสัปดาห์หนึ่ง พอไปวันแรกอากาศร้อนมาก ขนาดฝ้ายเป็นคนเล่นกีฬาก็เกือบจะเป็นลม แต่พอฝึกไปสักพักหนึ่งเริ่มอยู่ตัว เริ่มสนุก เริ่มยิงมัน พอวันแข่งจริงมีหลายชาติมาแข่ง ยิงกราดกันหนักมาก บังเกอร์แทบทะลุ เคยโดนยิงเหมือนกัน ตัวเขียวเป็นจ้ำๆ เลย”
 

นอกจากนี้ฝ้ายยังเคยเล่นกีฬาเวกบอร์ด ซึ่งทางรายการสตรอเบอรี่ฯ ก็เป็นเจ้าภาพจัดแข่งอีกเหมือนเคย ในแต่ละอย่างที่เธอชอบ ต่างก็เป็นกีฬาที่ใช้กำลังเหมือนกันหมด รวมทั้งการเรียนยิงธนู ซึ่งแม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้ลงเรียนเหมือนเมื่อก่อน เนื่องจากไม่มีเวลาว่างมากพอ แต่อุปกรณ์กีฬาที่มีอยู่ทั้งหมดได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว “ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่คงได้กลับมาเล่นอีกแน่นอน” เธอบอกอย่างมั่นใจ
 
คนดูแลตัวเองอย่างฝ้าย ย่อมเชื่ออยู่แล้วว่าการเล่นกีฬาทำให้คนเรามีสุขภาพดี และการมีสุขภาพที่ดีนั้นมีผลต่อการทำงานอย่างมาก และสามารถนำมาปรับใช้ได้ในการทำงาน
 

“การออกกำลังกายโดยการเรียนมวยไชยาเนี่ย เขาปรับเรื่องบุคลิกภาพเลย เพราะท่วงท่าในการออกอาวุธ การตั้งท่าครู ทุกอย่างคือต้องมีบุคลิกดี สรีระมันต้องบาลานซ์กันอยู่แล้ว ทำให้มีบุคลิกดีขึ้นด้วย ซึ่งครูที่สอนเขาค่อนข้างเน้นตรงนี้เลย
 

นอกจากได้สุขภาพดี บุคลิกดี ยังทำให้เรามีทักษะด้วย เวลาจะไปทำอะไรทำให้เรารู้สึกมั่นใจมากขึ้นด้วย อย่างเช่น เวลาไปอัดรายการสตรอเบอรี่ชีสเค้ก เขาจะให้ไปทำอะไรถึกๆ เยอะมาก (หัวเราะ) เราก็เลยต้องใช้ skill นี้มาช่วยในการทำงานด้วย”

ออกกำลังกายช่วยได้จริง!
สาวนักกิจกรรมอย่างฝ้าย การเลือกวิธีการดูแลตัวเองจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมีเวลาว่างครั้งใด ส่วนใหญ่เธอจะเลือกออกกำลังกาย ซึ่งส่งผลดีทั้งทางด้านสุขภาพและอารมณ์
 
“ปกติฝ้ายเป็นคนดูแลสุขภาพอยู่แล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการออกกำลังกาย แต่ก่อนจะวิ่งทุกเช้าเลย แต่ตอนนี้ยุ่งเรียนพิเศษ เคยวิ่ง 15 รอบสนาม รอบหนึ่งประมาณกิโลครึ่ง เพราะเราเคยเป็นนักกีฬาอยู่แล้ว แข่งเทควันโดก็ต้องวิ่งเยอะๆ” 
 

การออกกำลังกายจึงช่วยได้ทั้งเรื่องสุขภาพและอารมณ์ด้วย เมื่อคนเราต้องเจอกับสภาวะความอ่อนแอทางด้านอารมณ์ ปัญหาต่างๆที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ การออกกำลังกายเพื่อกำจัดความเครียดก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่สามารถช่วยได้เช่นกัน “เวลาเรามีเรื่องซีเรียส ไม่สบายใจมากๆ ทั้งเรื่องเรียน กิจกรรมเรื่องงาน มันเยอะเยอะมากมาย บางครั้งเราคิดว่ายังทำเรื่องต่างๆ ไม่ค่อยได้ดี ฝ้ายคิดว่าทุกคนต้องเคยเจอมาอยู่แล้ว ไม่มีใครที่หนีอุปสรรคได้ เราก็ต้องทำใจยอมรับมันว่ายังไงก็ต้องเจอ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด จึงต้องยอมรับสภาพนั้นให้ได้ และหาเวลาว่างออกกำลังกายก็จะช่วยหยุดคิดเรื่องเครียดๆไปได้” 
 

การปฏิบัติกิจวัตรประจำวันก็มีผลต่อสุขภาพเช่นกัน ซึ่งฝ้ายเห็นความสำคัญและไม่เคยมองข้าม ทั้งเรื่องการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หรือการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ ถือเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับการดูแลสุขภาพตัวเองที่คนเรามักจะละเลย
 

“การดูแลสุขภาพง่ายๆเลย คืออย่างแรกต้องพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นเรื่องสำคัญที่สุด คือฝ้ายเป็นคนที่ถ้านอนไม่พอจะเห็นหน้าโทรมชัดมากต่อให้ทาครีมดีแค่ไหน เมคอัพดีแค่ไหนก็ไม่สามารถปกปิดได้เลย เพราะขอบตาจะคล้ำ ผิวหน้าจะแห้งๆ ไม่ชุ่มชื้น ไม่มีน้ำ และเราสายตาสั้นก็ใส่คอนแทกต์เลนส์ไม่ได้อีก นอกจากนี้ก็ต้องดื่มน้ำเยอะๆ วันละ 8 แก้ว อันนี้ฟิกซ์เลย ฝ้ายดื่มน้ำเยอะอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นร่างกายจะดูแห้ง คอแห้ง ผิวแห้ง สุดท้ายต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วย”
 

“ส่วนเรื่องอาหารการกิน ฝ้ายจะเป็นคนไม่ชอบกินผัก แม่ก็จะมีเตือนๆให้กินบ้าง เราทำงานด้วย เรียนด้วย จึงต้องกินอาหารที่มีประโยชน์ แม่ก็พยายามทำเมนูอะไรที่เกี่ยวกับผักเยอะๆ อย่างแกงจืดก็ใส่ตำลึงมาเยอะมาก อาหารเพื่อสุขภาพที่รับประทานบ่อยสุดจะเป็นเมี่ยงญวน ทำมาจากแป้งกลมๆ ใส่หมูยอ ใส่ผัก เหมือนเปาะเปี๊ยะ แต่มีผักเยอะ อยากกินอะไรก็ใส่ไปเลย ฝ้ายจะใส่ผักกาดหอม ผักแพรว แตงกวา มะนาว ถั่ว ซึ่งคุณแม่จะทำให้กินเป็นประจำ เราก็ชอบกินด้วย อร่อย เหมือนไม่มีผักอยู่ รสชาติมันแซบและกลมกล่อมด้วย” ใครสนใจเมี่ยงญวนก็ไปทำกินกันได้ สูตรอร่อยเพื่อสุขภาพนี้เธอไม่สงวนลิขสิทธิ์!
 
 
 
 

ข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/ASTV สุดสัปดาห์
ภาพโดย พลภัทร วรรณดี




ท่าปีนป่าย
ท่าสอดสร้อยมาลา
ท่าจูบศอก
ท่าเสือลากหาง
เรียนแม่ไม้มวยไชยากับครูแปรง
กำลังโหลดความคิดเห็น