xs
xsm
sm
md
lg

“สาวพันล้าน” ที่ปรึกษามหาเศรษฐี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สาวร่างเล็กคนนี้ ถ้ามองจากบุคลิกภายนอกที่ดูยิ้มแย้มแจ่มใส ช่างพูดช่างคุยของเธออาจจะคิดว่าเธอทำงานด้านประชาสัมพันธ์ หรืองานด้านติดต่อสื่อสาร แต่ชื่อของ “เอมี่-อลิสา ตันติภิรมย์สิน” ในแวดวงนักธุรกิจ นักลงทุน ระดับมหาเศรษฐีทั้งไทยและต่างประเทศ กว่า 20 ราย ต่างให้ความไว้วางใจยกให้เธอคนนี้ดูแลจำนวนเงินก้อนโตไม่ต่ำกว่า 30 ล้าน เราไปทำความรู้จักกับตัวตนของเธอ และจะพบว่าหนทางสู่ความเป็นเศรษฐี อาจจะไม่ใช่เรื่องยาก หรือเรื่องไกลตัวอย่างที่หลายคนคิด

สาวนิเทศฯกลายมาเป็นสาวแบงก์
จากสาวนิเทศฯ ที่มีอัธยาศัยดี บุคลิกยิ้มแย้มแจ่มใส ชอบพูดชอบคุย รักจะทำงานในวงการสื่อสารมวลชน เคยชิมลางทำงานสายออแกไนซ์ พีอาร์มาก่อน พอทำงานที่ตนเรียนมาไปได้สักพัก เกิดอยากลองผันตัวเองมาทำงานด้านเงินๆ ทองดูบ้าง ปรากฎว่ากลายเป็นความชอบ ความสนุก และรักในเส้นทางสายอาชีพนี้
 

“ก่อนหน้านี้เรียนจบคณะนิเทศฯ มา (Communication Arts จาก Bangkok University International College) ก็เป็นสาวนิเทศฯ อยากทำงานในวงการทุกอย่าง ผู้กำกับ สื่อสารมวลชน ก็อยากทำงานอยู่ในวงการพีอาร์นั่นแหละ คิดแคมเปญใหม่ๆ ทำออแกไนเซอร์ พอเรียนจบมาก็ทำงานเป็นเลขาฯ บ้าง ช่วยเพื่อนทำออแกไนเซอร์บ้าง ตอนนั้นไม่มีไอเดีย รู้แต่ว่าชอบในเรื่องแบบนี้ แต่นิสัยส่วนตัวหลักๆ เป็นคนชอบพูดชอบคุย พอวันหนึ่งก็มาคิดว่าเราชอบอะไร เราเหมาะกับอะไร ก็เลยลองตัดสินใจโดดไปทำงานด้านแบงก์ ที่สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดก็คิดแค่ว่าอยากลองทำดู
 
ตอนแรกคุณแม่ก็งงว่าเธอจะทำได้เหรอ เพราะเห็นเราอยากจะเป็นนักข่าว อยากเป็นอะไรด้านนั้น เราก็บอกว่าไม่รู้ อยากลองทำดู คิดว่าคงไม่ยากเกินความสามารถของเรา งานที่ทำก็ไม่ใช่ ไฟแนนซ์จ๋า อยู่ในลักษณะของการดูแลลูกค้า พอเข้าไปทำงานในธนาคาร ความรู้เรื่องการเงินมันเป็นระบบมากขึ้น เราเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับการลงทุนได้มากขึ้น ก็เลยรู้สึกสนุกมากกว่าที่จะรู้สึกเหนื่อย หรือแย่ ประกอบกับเราได้มีส่วนช่วยลูกค้าแก้ปัญหาเรื่องนั้นเรื่องนี้ ช่วยแนะนำลูกค้าที่มาเปิดบัญชี หรือทำธุรกรรมปกติ กลายเป็นว่าเราชอบ สนุกดี
  

เราก็ได้เรียนรู้ว่าการบริหารเงินก็ไม่ได้เป็นเรื่องซับซ้อน หรือเป็นเรื่องที่ผู้หญิงจะเข้าใจยากเกินไป อาจจะเป็นเพราะตัวเองมาทางสายนิเทศฯ มันก็มีพื้นฐานทางการสื่อสาร บางทีเรื่องของการเงินมันค่อนข้างซับซ้อน แต่การที่เราเรียนสื่อสารฯ มา ก็ช่วยได้เยอะเราก็สามารถแปลงความซับซ้อนเรื่องการเงินมาถ่ายทอดให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่ายขึ้น
  

พอทำงานแบงก์ไปได้สักพัก คุณพล (พล อินทเสนี) ก็ชวนไปทำงานกับอีกแบงก์หนึ่ง HSBC เขาก็ชวนให้มาดูลูกค้าในกลุ่มที่พอร์ตที่ใหญ่ขึ้น จำนวนเงินสูงสุด 3 ล้านบาท ตอนที่เขาชวนเราก็มีความรู้สึกว่าอยู่ในรูปแบบงานเดิมนี่แหละ แต่มันเติบโตขึ้น ก็มองว่าเป็นการเดินหน้าขั้นต่อไป ดูท้าทายขึ้น ก็เลยเปลี่ยนไปทำงานที่ธนาคาร HSBC ดูแลลูกค้าพรีเมียร์ ไม่ได้ดูแลอย่างเดียว ต้องหาลูกค้าใหม่ ตอนนั้นเราก็ยังเด็ก อายุประมาณ 23 ปี เราก็คิดว่าจะทำได้เหรอ อยู่ดีๆ จะไปหาใครที่ไหนมาฝากเงิน แล้วยิ่งเป็นแบงก์ต่างชาติด้วย หาลูกค้ายากกว่าแบงก์ทั่วไปอีก แต่ก็ลองทำดู เพราะเราเป็นคนชอบลอง”
  

เอมี่เล่าถึงลูกค้ารายแรกที่เธอเคยดูแลตั้งแต่ครั้งที่ทำงานอยู่ที่แบงก์แรก และกลายมาเป็นลูกค้าปัจจุบันของเธอจนถึงทุกวันนี้ “ลูกค้ารายแรกเริ่มจากที่สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ลูกค้าคนนี้เวลาเขามาแบงก์เขาแต่งตัวธรรมดามาก ถือขนมตาลบ้าง ถือถุงก๊อบแก๊บมาแบงก์ เราก็คุยกับเขาเรื่องสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าระดับสูง เราชวนเขาว่ามาสมัครไหม จะได้รับอะไรบ้าง แต่ก่อนหน้านี้เราก็ดูแลเขาในเรื่องของการฝากเงินนิดๆ หน่อย เรื่องบัตรเครดิต เราก็ลองชวนดู ปรากฏว่าเขาก็หิ้วเงินเงินสดมาเลย 3 ล้านบาท ใส่ถุงก๊อบแก๊บ แล้วห่อกระดาษ มาเปิดบัญชีกับเรา เราก็นั่งนับเงิน นั่นเป็นลูกค้ารายแรกที่เปิดกับเราตั้งแต่สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ก็ดูแลกันมา หลังจากนั้นเขาก็ยังช่วยแนะนำเพื่อนๆ ให้มาเปิดกับเรา พอเราย้ายมา HSBC เขาก็ตามเรามาด้วยนะ ก็รู้สึกดีที่ลูกค้าตามเรามา
  

สิ่งที่ทำให้ลูกค้าตามเรา คิดว่าประเด็นสำคัญอยู่ที่การให้คำแนะนำ การบริการที่เขาต้องการ แล้วเรามีอะไรเราก็บอกเขาตลอดเวลา การลงทุนใหม่ๆ มีอะไรบ้าง อย่างเวลาลูกค้ามีปัญหา เรื่องบัตรเครดิต หรือเรื่องอะไร เราก็ไม่โบ้ย ให้ไปฝั่งอื่น เราเป็นคนที่ช่วยตามให้เขาอีกที มันก็ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราจริงใจ และตั้งใจให้บริการจริงๆ
  

งานเซอร์วิสมันเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อน ไม่ใช่แค่คุณบอกให้เขาเปิดบัญชี เปิดเสร็จแล้วคุณก็ทิ้ง มันก็เหมือนคุณเผาสะพานนั้นทิ้งไป มันก็แค่ทำงาน เอมี่มองว่าคนเหล่านี้เขาจะซัปพอร์ตเราในอนาคต อย่างตอนนี้ที่เติบโตมีธุรกิจของตัวเอง ส่วนหนึ่งก็มาจากลูกค้าจากแบงก์เดิมตามมา อีกส่วนหนึ่งก็เป็นการแนะนำจากลูกค้า บอกต่อๆ กันมา”

“ซื่อสัตย์ จริงใจ” ทำให้ลูกค้าติด
ด้วยบุคลิกภายนอกที่ดูเด็ก ประสบการณ์ก็ยังน้อย แต่เธอก็สามารถประสบความสำเร็จในเส้นทางสายการเงินอย่างรวดเร็ว มีลูกค้าเข้ามาจนมีผลงานดีเด่นเข้าตาแบงก์ต่างชาติ และหลักสำคัญในการทำงานสำหรับเธอคือ ความจริงใจ และซื่อสัตย์ต่อลูกค้า
  

“เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนมองว่าเราเป็นจูเนียร์ แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ที่รู้จักเราเขากลับชอบนะ เขามองว่าแอ็กทีฟดี เด็กรุ่นใหม่เก่งนะ ตอนนั้นก็ถือว่าประสบความสำเร็จ มีลูกค้าเยอะมาก 30 กว่าราย ภายใน 1 เดือน แล้วก็ได้ Top Performance ของแบงก์ มีผู้ใหญ่ของแบงก์บางคนเดินมาถามว่าเธอมีเคล็ดลับอะไร ตอนนั้นเราก็ทำงานร่วมกันเป็นทีมกับแฟน มีลูกค้าฐานใหญ่ เขาก็จะช่วยไกด์ และเราเป็นคนที่มีบุคลิกคล้ายๆ กัน คือมีความจริงใจ มีอะไรก็ไม่กั๊ก ทำให้ลูกค้าเข้ามาแล้วรู้สึกว่าอยากเปิดบัญชีกับเรา ลูกค้าจะเชื่อใจ สมมติมีโปรโมชันอะไรบางอย่างออกมา บางคนจะกั๊กบ้าง แต่เราจะบอกเขา จะดูแลเขาเหมือนญาติ บางเรื่องนิดๆ หน่อย เราก็ช่วยดูแล ทำให้เขารู้สึกว่าเราเหมือนเป็นกลุ่มแฟมิลี่ของเขา
  

ตอนที่ทำงานอยู่ที่ HSBC ก็ส่งผลงานตัวเองลงไปในเว็บไซต์เว็บหนึ่ง แล้วก็มีคนโทร.มาถามว่าสนใจมาทำงานสิงค์โปร์หรือเปล่า เราก็ฮ่ะ! อะไรนะ ตอนนั้นก็ทำงานแบงก์ประมาณ 2 ปี ประสบการณ์ก็ยังไม่มาก คิดว่าจะกระโดดไปทำงานเงินเดือนขนาดนั้นเลยเหรอ ได้เป็นอย่างนี้เลยเหรอ ดูแลลูกค้า กลุ่มที่แบบล้านเหรียญเหรอ มันก็รู้สึกตื่นเต้นนะ แต่ก็คิดว่าลองดูอีก เพราะเห็นว่าถนนสายการเงินทางฮ่องกง สิงค์โปร์ ในสายเอเชียมันท็อปเลยนะ
ก็เริ่มมีลูกค้าเสนอมา ก็มีทั้งที่ผ่านแบงก์ และไม่ผ่านแบงก์ ผ่านบริษัทออแกไนเซอร์ มาพร้อมๆ กันหมด เราก็คิดว่าเอาไงดีคุณพลก็แนะนำว่าให้เริ่มทำเป็นบริษัท เขามองว่าตัวงานไม่หนักเท่ากับแบงก์ แล้วอาจจะดำเนินเรื่องต่อไปยังแบงก์ได้ เราก็โอเค เริ่มเปิดบริษัท ที่เป็นที่ปรึกษาทางด้านการเงิน แต่ไม่ได้นั่งในแบงก์ แต่ทำงานกับแบงก์อีกรูปแบบหนึ่ง ก็เลยได้เรียนรู้งานลักษณะให้คำแนะนำ เป็นที่ปรึกษา เราก็ไปช่วยให้เขาทางออกมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งเราเรียนรู้มาจากทางสิงค์โปร์ มีคอนเน็กชั่น ช่วยได้เยอะ
  

อย่างอสังหาฯ ก็ไม่ใช่ซื้อแล้วเก็บอย่างเดียว สามารถซื้อแล้วขาย ทำกำไร เราก็จะเป็นเหมือนยูนีกกว่าคนอื่น แล้วลูกค้าเราก็ไม่ได้ดูมาก ดูแลเหมือนเป็นแฟมิลีไป ประมาณ 20 ครอบครัว
 
เรื่องเงินเป็นเรื่องละเอียดอ่อน การที่อยู่ดีๆ จะไปเปิดกระเป๋าชาวบ้านเขาได้ ความน่าเชื่อถือ ความซื่อสัตย์เราต้องมีในงานมาก เรื่องของการเก็บความลับของลูกค้า การดูแลพอร์ตก็ต้องสม่ำเสมอ ภาพรวมการลงทุน ต้องคอยอัปเดต และติดต่อกับลูกค้าตลอด
 

เวลาคุยกับลูกค้าสำคัญมาก ไม่ใช่เธอเป็นเธอ ฉันเป็นฉัน ในขณะที่บริการเขา เราก็ต้องให้คำแนะนำด้วย แต่ไม่ได้ไปบอกว่าต้องทำตามไดเร็กชันแบบนี้ เราต้องรับฟังความคิดเห็นของเขา แล้วมาปรับให้เข้ากับเขา บางทีการจะไปเปลี่ยนหัวเขา อย่างเขาเคยลงทุนอย่างนี้มา เปลี่ยนไอเดียเขามันยาก บางทีเราต้องหาเหตุผลรวมกับสิ่งที่เสนอเขาไปแล้วเขาเซย์...เยส

เรื่องนี้ไม่ได้ยากธรรมดา ต้องบอกว่า..ยากมาก เพราะเขาคิดว่าเขามีเงินของเขาอยู่แล้ว ทำไมฉันต้องเชื่อเธอ แล้วเธอเป็นใคร แต่สิ่งเราจะเปลี่ยนก็เพื่อประโยชน์ของเขา แล้วมันก็ใช่ในหลายๆ ครั้ง แล้วลูกค้าต้องกลับมาขอบคุณ เพิ่มความไว้วางใจ ผลงานเหล่านี้ก็ทำให้ลูกค้าอยู่กับเราได้นานขึ้น ลูกค้าส่วนใหญ่จะแนะนำกันมา หนึ่งน่าจะเป็นจากความน่าเชื่อถือ ความน่าเชื่อใจจากคนที่เคยเข้ามา บางทีก็มีลูกค้าลองทำตามที่เราแนะนำไปก่อน ยังไม่ต้องมาเป็นลูกค้า แล้วมันใช่อย่างที่เราบอก เขาก็ค่อยๆ เข้ามาเอง”

พิทักษ์เงินให้มหาเศรษฐี
เพิ่งเปิดบริษัทของตัวเอง (บริษัท เซ็นจูรี อาร์ จำกัด) ร่วมกันกับสามี (พล อินทเสนี) มาได้ประมาณ 2 ปีกว่า แต่ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ชื่อของเธอและสามี ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าระดับA-Listทั้งชาวไทยและต่างชาติ
 

“หน้าที่ของเอมี่ก็จะดูแลภาพรวมทางการลงทุนทั้งหมดของลูกค้าในจำนวนเงินที่ให้เราบริหารว่าควรจะลงทุนในอะไรบ้าง และก็ให้คำปรึกษาบางทีลูกค้าก็อยากลงทุนอะไรที่แปลกๆ ใหม่ๆ สำหรับเขา อย่างทำธุรกิจทางด้านเป็นผู้ผลิตอยู่ แต่อยากจะแตกไลน์มาทำร้านกาแฟ อยากทำหอพักนักศึกษา หรืออยากทำห้างสรรพสินค้า กระทั่งพลังงานไฟฟ้า อย่างนี้เราจะช่วยให้คำปรึกษาว่าเม็ดเงินในการลงทุนเท่าไหร่ ทำตัวเลขผลตอบแทนการลงทุน และจุดคุ้มทุนอยู่ที่เท่าไหร่
สำหรับในประเทศไทย ณ ตอนนี้เอมี่มองว่าเหมาะกับการลงทุนเรื่องเกี่ยวกับพลังงานทางเลือก คือเรามองว่าโลกอยู่ในสภาวะโลกร้อนขึ้น ประเทศญี่ปุ่นก็มีระเบิดนิวเคลียร์ขึ้นมา ประเทศเราก็ใช้แก๊สธรรมชาติเป็นหลัก แต่แก๊สในธรรมชาติมันมีวันหมด แก๊สธรรมชาติในอ่าวไทยมันก็ลดลงทุกปีๆ ก็เชื่อว่านักลงทุนหลายๆ ท่านจะหันมามองในเรื่องของgreen energyมากขึ้น เรามองว่าหนึ่งดีมานด์มันมีตลอด เพราะว่าคนต้องใช้ไฟ อย่างการผลิตสินค้ามันต้องคิดว่าจะมีดีมานด์ไหม ก็เลยมองว่าในเรื่องของพลังงานน่าสนใจ อย่างเช่น ดับเบิ้ลเอ เขาก็เริ่มลงทุนโรงไฟฟ้า สร้างแผงโซล่าร์ ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้าจากไบโอแมส ในการเผาพวกชีวมวล
 
“เราดูแลลูกค้าระดับ A List เป็นเจ้าของกิจการ กลุ่มนักลงทุน มาให้เราแนะนำว่ามีอะไรการลงทุนที่น่าสนใจ ก่อนหน้านี้ก็มีพร็อเพอร์ตี้ในลอนดอน ช่วงนั้นตึกถูกลง ราคาดร็อปลงไปเยอะ เราเองก็มีแหล่งให้ข้อมูลอสังหาฯ จะมองจังหวะ ทางออกในเรื่องของเงินว่าเมื่อไหร่ค่อยขาย หลักการก็เหมือนซื้อถูกขายแพง เราจะเป็นคนบอกว่าเมื่อไหร่ล่ะ ถึงจะใช่ เมื่อไหร่ที่คุณควรจะปล่อย

ลูกค้าที่ดูแล 80-90 เปอร์เซ็นต์จะเป็นคนไทย ที่เหลือจะเป็นต่างชาติ ธรรมชาติของนักลงทุนก็จะต่างกัน แต่สิ่งสำคัญคือเรื่องผลกำไร บางครอบครัวที่รวยมากๆ อยู่แล้ว ก็เก็บเงินไว้เพื่อลูกหลาน ปีหนึ่งก็จะเรต 8-10 เปอร์เซ็นต์ ให้เงินนี้ปลอดภัย ให้สืบต่อลูกหลาน
 

อีกประเภทก็เป็นนักลงทุน มีเงินเก็บส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งอยากเก็บไว้ลงทุน ถ้าคนที่เน้นไม่หวือหวามาก อาจจะเป็นเรื่องของประกันภัย พวกนี้จะเหมือนกับว่าเก็บหลักๆ แล้วก็เพื่อลูกหลาน ขอให้เงินเฟ้อนิดหน่อย ก็โอเค
ถ้าเป็นคนที่เป็นนักลงทุน จริงๆ เราก็ไม่ต้องแนะนำเขาเยอะ เขาจะมีทางเลือกเยอะ บางทีเราเองก็เป็นคนต้องเหยียบเบรกให้นักลงทุนมากกว่า บางคนที่ลงทุนมากๆ เขามองในแง่บวกอย่างเดียว ไม่มีคนมองรอบๆ ให้เขา เรากลับกลายเป็นส่วนเสริมกำลังให้เขามากกว่า เขาลงทุนไป แล้วมีทางออกหลายทางมากขึ้น ในเรื่องของการลงทุน

ลูกค้าต่างชาติ ที่ดูแลเขาเน้นในเรื่องการลงทุน เขามองว่าเราเป็นตัวแอดออนให้เขา แล้วเขาได้รีเทิร์นที่ดีมากกว่า กลุ่มลูกค้าต่างชาติที่ดูแล เรามองให้เขาว่าโปรเจกต์ไหนเหมาะ เรื่องเวลาได้ไหม เราเป็นนักแสวงหาโอกาสมากกว่าไม่ได้ฟิกซ์ว่าให้เขาลงทุนที่ประเทศเขา หรือให้มาประเทศเรา แต่จริงๆ ชอบนะ ให้เขามาลงทุนบ้านเรา ส่วนใหญ่นักลงทุนต่างชาติชอบประเทศไทย แต่ยังมีอะไรที่ไม่แน่นอน เดี๋ยวเปลี่ยนๆ แต่ถ้ามันเป็นทิศทางที่ดีกว่านี้ จะบูมมาก อย่างภูเก็ต เป็นสวรรค์ของนักลงทุน เป็นสวรรค์ของชาวต่างชาติ
 

ลูกค้าต่างชาติก็จะมี อินเดีย สิงค์โปรค์ อินโดมาใหม่ บ้านใกล้เรือนเคียง ก็มีฝั่งยุโรปที่คุยๆ อยู่ ส่วนใหญ่คนไทย ลงทุนอะไรก็ได้ที่เงินต้นยังอยู่ เซฟ ๆหน่อย ยังไม่เหมือนนักลงทุนต่างชาติ นี่ไฮรีเทิร์น
เราก็มีการสกรีน หนึ่งต้องดูวัตถุประสงค์ เราดูระยะยาว ตัวเงินก็ต้องมีสแตนดาร์ดอยู่ 10-30 ล้าน เรื่องสถานที่ เรื่องพอร์ตของการลงทุน การกระจายความเสี่ยงต้องได้ เราก็ทาร์เกตกลุ่มลูกค้าไว้เป็นลักษณะ เอเอ ลิสต์เลย และคุณต้องไม่ใช่คนที่ทำอาชีพผิดกฎหมาย คอนเซ็ปต์คล้ายๆ แบงก์เหมือนกันในการสกรีนลูกค้า อีกเรื่องก็คือการคุยแล้วเข้ากันใจกันได้ ไม่งั้นจะคุยกันลำบาก เพราะเราดูแลระยะยาว ไม่ใช่ปีเดียวขาด
ผลตอบแทน ค่อนข้างดีถึงดีมาก ขึ้นอยู่กับผลงานที่เราทำให้ลูกค้าด้วย เป็นเหมือนเกณฑ์ค่าที่ปรึกษา ผลตอบแทนก็เป็นเปอร์เซ็นต์ แล้วแต่คุย ได้เป็นค่าที่ปรึกษา ได้เป็นเปอร์เซ็นต์
 

อนาคตจะจัดตั้งกองทุนของตัวเอง แต่ไม่ใช่ในประเทศ เพื่อดูว่าจังหวะการลงทุนไหนเหมาะสม อาจจะเป็นเซ็นจูรีอาร์ฟัน ที่คุยกันไว้กับนักลงทุนต่างชาติด้วย อนาคตกะว่าไม่ได้อยากจะเป็นแอดไวเซอร์ทั่วๆ ไป จะเป็นกองทุนที่เราช่วยลูกค้าแมนเนจเลย
 

เราคิดแต่ว่าลูกค้าต้องได้ผลกำไรสูงสุด แล้วทำยังไงให้ลูกค้าเซย์...เยส ต้องวางแผนก่อนอยู่แล้ว เพื่อการนำเสนอทั้งหมด แล้วก็ต้องเผื่อ เราก็ต้องแล้วแต่นักลงทุนด้วย ไม่คาดหวัง ขอแค่ทำดีที่สุด”

แนะควรเก็บเงินเพื่อลงทุน
สำหรับคนทั่วไปที่อาจจะไม่ได้มีเงินเป็นล้านๆ หรือมนุษย์เงินเดือนทั่วไป ก็คงไม่คิดเรื่องการลงทุน เล่นหุ้น หรืออะไรที่มีความเสี่ยงมากนัก เอมี่แนะนำว่าควรมีการลงทุนที่หวือหวาบ้าง เพื่อผลตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ
“เอมี่มองว่าเราควรจะลงทุนอะไรหวือหวาบ้าง อย่างสัดส่วน 100 ใน 10-20 บาท ควรจะเก็บมาลงทุนอะไรที่มันตื่นเต้น มากกว่าเงินฝากปกติ อาจจะเป็นพวกพันธบัตร หรือสลากออมสิน

ควรมองจังหวะให้ถูกในเรื่องของการลงทุน ช่วยได้เยอะ ซื้อหุ้นก็อย่าไปซื้อตอนมันแพงๆ บางทีต้องให้แอดไวเซอร์ คนที่ปรึกษา โปรกเกอร์ เขามีไว้ทำไม เพื่อให้คุณคุย แต่คุณเองก็ต้องศึกษา ส่วนใหญ่เราจะไม่ให้ลงทุนโดยไม่ให้เขาศึกษา เราจะให้ความรู้ และให้คำปรึกษา ไม่ใช่ว่าคุณจะเล่นหุ้นตัวนี้ เพราะเขาว่าดี ก็เลยซื้อ แต่ถ้าศึกษา มีความรู้เรื่องการลงทุน มันช่วยได้เยอะในอนาคต สมมติว่ามันติดลบ คุณจะเข้าใจว่า มันคืออะไร คุณจะไม่ตีโพยตีพาย เพราะจังหวะที่มันจะขึ้นก็มี เพราะฉะนั้น นักลงทุนต้องใจเย็นมาก สามารถอยู่ยาวได้ 5-10 ปีก็ถือได้
 

สมมติ ซื้อหุ้นปูนที่ 100 ตอนนี้ขึ้นเป็น 200-300 เขาก็ถือได้ อย่างวอร์เร็น บัฟเฟ็ตต์ เขาไม่ได้มองที่แวลู เขามองที่มูลค่าของธุรกิจนั้นคืออะไร ทำไมเขาถึงลงที่โคคา โคลา เพราะเขามองว่าตลาดน้ำดื่มนั้นคนบริโภค เขาถึงลงทุน ประกอบกับราคาได้ มันทำให้เขาถือได้ระยะยาว มันทำให้เขาเป็นมหาเศรษฐี
 

ส่วนใหญ่ก็จะบอกนักลงทุน ให้ดูว่าคุณเป็นคนแบบไหน ถ้าคุณเป็นคนขี้กลัว ก็อย่าไปตามคนอื่น ให้ดูว่าการลงทุนแบบไหนเหมาะกับตัวเอง การลงทุนมีหลายรูปแบบไม่เพียงเฉพาะเป็นธุรกิจ แค่ลงทุนในพอร์ต หุ้น อย่างเดินเข้าไปในแบงก์เอง ก็จะมีคนคอยให้คำปรึกษา ให้เราลองทำเทสต์ ว่าเราควรจะอยู่ในกลุ่มนักลงทุนประเภทไหน เสี่ยงมาก เสี่ยงน้อย หรืออยู่ตรงกลาง ก็ครึ่งหนึ่งลงเป็นพวกพันธบัตร เงินฝาก ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง ลงที่เป็นหุ้น หรือการลงทุนอื่นๆ อีกแบบก็ ออมแค่ 20-30 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเข้าหุ้นหมดเลย
 

หนทางที่จะไปสู่ความสำเร็จไม่ได้มีหนทางเดียว แล้วแต่ละคนไม่เหมือนกัน ใช้ระยะเวลาไม่เท่ากัน บางคนใช้เวลาสั้น บางคนใช้เวลานาน บางคนไม่ถึงเลยทั้งชีวิตก็มี

เอมี่มองว่าควรมองเป้าหมายในชีวิตว่าเราอยากจะทำอะไร แต่ไม่ใช่นั่งคิดแล้วไม่แสวงหาโอกาส อย่างเอมี่ก็คิดว่าถ้าเราไม่ได้เปลี่ยนงานวันนั้น ก็คงไม่ได้มีวันนี้ ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง สัจธรรม ของโลก ทุกอย่างย่อมมีเปลี่ยนแปลง ถ้าคุณเป็นคนที่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้ คุณก็อยู่บนโลกนี้ได้อย่างมีความสุข อย่ายึดติด”

ข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/ASTV สุดสัปดาห์

ภาพโดย อดิศร ฉาบสูงเนิน






เอมี่ และพล อิทเสนี (สามี)
กำลังโหลดความคิดเห็น