xs
xsm
sm
md
lg

ตรวจ ‘ฮวงจุ้ย’ ที่นั่งห้องประชุมรัฐสภา ยุครัฐบาลปู 1 ครองอำนาจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ขอความกรุณานั่งลงด้วยครับ”
“ผมยังไม่นั่ง” การขัดขืนคำสั่งของประธานสภา เลยทำให้ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าพรรครักประเทศไทย โดนตำรวจรัฐสภาขนาบสองข้างนำตัวออกจากห้องประชุมรัฐสภา ในวันที่ 5 สิงหาคม 2554 วันเดียวกันกับการแต่งตั้ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย
 
ด้วยเหตุการณ์ข้างต้นที่เกิดขึ้นในห้องประชุมรัฐสภา ความวุ่นวายเหมือนจับปูใส่กระด้งครั้งนี้ หากมองกันตามเนื้อข่าวก็ต้องบอกว่า เฮียชูป่วนสภาอีกแล้ว แต่ถ้ามองในมิติที่ลึกลงไป ย่อมมีเหตุผลที่ซ่อนอำพรางอยู่ ซึ่งตัวชูวิทย์เองต้องการสื่อสารออกสู่สังคมไทย

เพราะความเชื่อตามหลักฮวงจุ้ยของนักการเมืองในพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งมองที่นั่งในรัฐสภาว่า มีความสำคัญต่อความเจริญก้าวหน้าหน้าที่การงาน อำนาจบารมี ชื่อเสียงเงินทอง และเกียรติยศ

จากตำแหน่งที่นั่งในห้องประชุมรัฐสภา ซึ่งจะมีนักการเมืองสักกี่คนที่จะสนใจในการทายทักและแก้เคล็ด เสริมบารมีให้อยู่ดีมีสุขอยู่รอดปลอดภัยในสภาไทย จากในอดีตก็เคยมีข่าวกันว่า เมื่อครั้งที่ บรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ได้แก้ฮวงจุ้ยดวงชะตา ด้วยการเอาม้ามาตั้งไว้ที่ด้านหน้าโต๊ะที่นั่งในขณะประชุมสภา เพราะอดีตนายกฯ คนนี้ มีนามสกุลเดิมคือ แซ่เบ้ ซึ่งแปลว่า ม้า พอวันต่อมาหัวหน้าฝ่ายค้านในขณะนั้น ชวน หลีกภัย ก็แก้เกมด้วยการตั้งดินสอปลายแหลม 9 แท่ง ชี้ไปท่านนายกฯ บรรหารบ้าง

นี่คือหลักฮวงจุ้ยที่นักการเมืองอาจเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่ถ้าหากว่ากันตามหลักการนั่งในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมของศาสตร์ฮวงจุ้ยเชื่อว่าจะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานไม่ดี ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้ แต่ถ้าได้นั่งในที่ตำแหน่งที่ดีก็จะได้รับพลังงานที่ดี ชีวิตก็จะเจริญรุ่งเรือง สุขภาพแข็งแรง

จึงเป็นที่น่าสนใจว่า ตำแหน่งที่นั่งภายในห้องประชุมรัฐสภาจะมีอิทธิพลต่อนักการเมืองที่นั่งทำหน้าที่ในสภาได้จริงไหม หรือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับนักการเมืองในสภาเป็นผลมาจากอำนาจวาสนาที่สั่งสมมาแต่ในอดีต ไม่เกี่ยวกับหลักฮวงจุ้ยที่นั่งในห้องประชุมรัฐสภาแต่อย่างใด

‘เฮง’ ได้ถ้าใส่ใจ ‘ฮวงจุ้ย’
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์ฮวงจุ้ยหรือที่รู้จักกันในนาม ซินแสไฮเทค อาจารย์มาศ เคหาสน์ธรรม ตรวจดูลักษณะฮวงจุ้ยทั้งภายในและภายนอกรัฐสภา ซึ่งจากลักษณะตัวอาคารด้านนอกฝั่งที่น่าสนใจและมีความเกี่ยวพันกับเรื่องของนายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ คือ ในส่วนฝั่งขวาทิศเสือขาว ส่วนในทางด้านซ้ายเปรียบได้กับมังกรเขียว ซึ่งมีผลกระทบต่อ ส.ส.ที่เป็นผู้ชาย

“ตัวอาคารฝั่งขวามีลักษณะเล็กไม่มีพลังส่งผลมาถึงนายกรัฐมนตรีหญิงคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งแม้ว่าที่ผ่านมาในเวลาที่เธอให้สัมภาษณ์จะมีความโดดเด่นสักเพียงไร แต่เมื่อมาอยู่ในอาคารรัฐสภาที่มีฮวงจุ้ยลักษณะนี้ ก็จะทำให้การแสดงบทบาทของเธอจะดูแป๊กไปถนัดตา ส่วนฝั่งซ้ายจะมีผลต่อ ส.ส.ฝ่ายชายจะเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ทำให้ส.ส.เจ็บป่วย เจออุบัติเหตุ อาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตในระหว่างดำรงตำแหน่ง โดยเฉพาะส.ส.ที่เกิดในปีฉลู, มะแม, มะเส็ง และ ระกา”

สำหรับการเลือกตำแหน่งที่นั่งภายในห้องประชุมรัฐสภาที่ดีของส.ส.แต่ละพรรค เมื่อพิจารณาเรื่องทิศทางให้สอดคล้องกับพลังงานธาตุของแต่ละพรรคเพื่อทำให้เกิดความเป็นมงคล ทิศเหนือจะเหมาะกับพรรคประชาธิปัตย์ ทิศใต้ธาตุไฟเหมาะกับพรรคเพื่อไทย ทิศตะวันออกทิศธาตุไม้ ดีกับพรรคมาตุภูมิ และทิศตะวันตกทิศของธาตุทองเหมาะกับพรรครักประเทศไทย

“ทิศเหนือในทางฮวงจุ้ยจัดว่าเป็นธาตุน้ำ เป็นทิศที่เหมาะกับพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคคภูมิใจไทย ที่จะทำให้การเป็นฝ่ายค้านสามารถตรวจสอบข้อมูลมีความน่าเชื่อถือ เจาะลึกได้ดี เปรียบกับน้ำที่ไหลซึมทะลุทะลวงไปได้ทุกซอกทุกมุม ส่วนทิศใต้ธาตุไฟ เหมาะกับพรรคเพื่อไทย และพรรคชาติไทยพัฒนาที่หมายถึงความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ทิศนี้สื่อถึงความโชคดี ความร่ำรวย ความอุดมสมบูรณ์ ผู้คนนิยมชมชอบ เหมาะกับฝ่ายรัฐบาลเพราะสื่อถึงการประสบความสำเร็จในงานที่ตั้งความหวังไว้ ส่วนทางทิศตะวันออกทิศธาตุไม้ ดีกับพรรคมาตุภูมิของคุณสนธิ บุญยรัตกลิน เพราะสื่อได้ถึงเกียรติยศ ชื่อเสียง เพื่อให้ท่านคงไว้ลายทหาร เกียรติยศ ศักดิ์ศรี และทิศตะวันตกทิศของธาตุทองเหมาะกับพรรครักประเทศไทยของคุณชูวิทย์ ในการตรวจสอบการทุจริต”

ซึ่งการพิจารณาให้ละเอียดต้องดูพลังงานทิศทางที่ดีประจำปี 2554 หากไปนั่งในมุมนั้นก็จะทำให้โชคดี พูดจาอภิปรายประสบความสำเร็จ แต่หากนั่งทิศไม่ดี พรรคนั้นดูภาพลักษณ์เสีย คะแนนนิยมหดหาย

“ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พรรคใดได้นั่งทิศดีมุมนี้ถือได้ว่านั่งในทิศแห่งของความสำเร็จ ความเป็นมงคลทิศตะวันออกเฉียงเหนือ พรรคที่ได้นั่งจะมีความสามารถในการปรับตัวพลิกแพลงเก่ง ทำให้มีความเจริญก้าวหน้า ทิศตะวันออกเฉียงใต้ นั่งแล้วจะมีอำนาจ ยศศักดิ์ ตำแหน่ง การเมือง การปกครอง การทหาร ทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะเป็นตำแหน่งที่นั่งแล้วจะเป็นที่ชื่นชมชื่นชอบทั้งคนภายในและภายนอกสภา และทิศที่ดีทิศสุดท้าย คือทิศตะวันตก คนที่ได้นั่งจะมีชื่อเสียงทั่วประเทศรู้จัก โดดเด่น ดึงดูด” 

ฝ่ายรัฐบาลต้องครอบครองทิศที่มีความเป็นมงคลไว้มากๆ อย่างน้อยต้องนั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือและทิศตะวันออกเฉียงเหนือให้ได้ ไม่เช่นนั้นฐานอำนาจอาจจะถูกสั่นคลอนได้

ส่วนทิศที่ไม่ดีหรือไม่สมควรนั่งในปีนี้คือ ทิศตะวันออก, ทิศเหนือ, ทิศใต้ และตรงกึ่งกลาง ซึ่งจะทำให้พบกับความวิบัติ เจ็บป่วย อารมณ์ร้อน มีปากเสียง ซึ่งที่สำคัญตรงกึ่งกลาง ซึ่งคนที่ได้นั่งจะมีการวิวาท ขัดแย้ง แตกหัก แข่งขันรุนแรง ดังกรณีที่ผ่านมาในรัฐสภา

“คุณชูวิทย์ ก็เป็นข่าวขึ้นมาในเรื่องการแย่งที่นั่งจนต้องถูกประธานสภาไล่ออกจากห้องประชุม ตำแหน่งที่คุณชูวิทย์ แย่งต้องการนั่ง ถ้ามองแบบชัยภูมิง่ายๆ ก็จะถือว่าเป็นจุดที่ดี เพราะอยู่ตรงกลางห้องประชุม ที่มีทางเดินกลางอยู่ข้างหน้า แต่น่าเสียดายคุณชูวิทย์ไม่รู้จริงเรื่องฮวงจุ้ย เพราะจุดนี้เป็นทำเลฟันกรรไกร มีทางเดิน 2 สายจากหลังห้องประชุมพุ่งเข้ามาเป็นมุมแหลมแคบ แถมมีทางเดินอีกสายมาจากตำแหน่งของประธานสภาพุ่งเข้ามาชนเหมือนทาง 3 แพร่ง นอกจากนี้ ในปี ‘54 ตรงจุดกึ่งกลางห้องเป็นพลังร้ายประจำปีและพลังร้ายประจำเดือน จึงกลายเป็นไปแย่งคนอื่นรับพลังร้ายเข้าไปนอกจากนี้คุณชูวิทย์ ก็เกิดวันมะโรง ยามมะโรง ซึ่งชงกับทิศทางของรัฐสภา จึงรับไปเต็มๆ คนเดียว” 

ดังนั้น ถ้าหากฝ่ายรัฐบาลนั่งทิศไม่ดีประจำปีก็จะทำให้เกิดความเสื่อมขึ้นอย่างมาก รวมทั้งเรื่องราวบางเรื่องที่จะถูกมองในภาพลบ ทำให้ฝ่ายค้านได้ทีเจาะยางด้วยการหาหลักฐานเด็ดๆในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คว่ำรัฐบาลได้

การกระทำ กำหนดชีวิต
ต่างคนต่างความคิดและต่างที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ บางคนอาจจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะทำหรือไม่ทำ แต่ไม่ควรให้มากระทบต่อบุคคลอื่นหรือสร้างความเดือดร้อนต่อสาธารณชนก็เพียงพอ นี่คือความคิดเห็นของ พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ที่เห็นว่าเรื่องฮวงจุ้ยกับตำแหน่งที่นั่งในรัฐสภา เป็นความเชื่อส่วนบุคคล จะนำมากำหนดที่นั่งในรัฐสภาคงไม่ได้ ซึ่งการกำหนดที่นั่นนั้นต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในแต่ละสถานที่ที่จัดให้ ถ้าไปยึดเรื่องความเชื่อส่วนตัวก็จะทำให้เกิดความไม่น่าเชื่อถือกับตัวนักการเมืองคนนั้นๆได้ การเข้ามาทำหน้าที่ควรจะดูว่าเข้ามาทำอะไรเป็นหลัก แม้จะเชื่อได้แต่ก็ไม่ควรแสดงออก

“เชื่อได้ แต่อย่าแสดงออก อย่างผมก็นับถือพระพุทธศาสนา มีความเชื่อเรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตาย ความเชื่อตรงนี้ เป็นความเชื่อส่วนตน แต่ว่าการแสดงออกต่อสาธารณชน มันเป็นเรื่องของหลักการสมัยใหม่ หลักการทางวิทยาศาสตร์ การเข้ามาทำหน้าที่ควรจะดูดีกว่าว่าเราเข้ามาทำอะไรในสภาเป็นหลัก ถ้าเอาหลักความเชื่อมาดำเนินการคนก็อาจจะขาดศรัทธาในนักการเมือง”

เช่นเดียวกับความคิดเห็นของ ดร.บุญเลิศ ไพรินทร์ ส.ส.จังหวัดฉะเชิงเทรา สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ หรือที่เป็นที่รู้จักในนาม ‘โหร ส.ว.’ กล่าวว่า เรื่องฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์ความเชื่อของชาวจีนที่มีอิทธิพลต่อคนไทยอยู่พอสมควร แต่หากพูดถึงหลักการสร้างลักษณะสถาปัตยกรรมของอาคารรัฐสภาที่มีคงก่อสร้างตามหลักความเหมาะสมทางสถาปัตยกรรมมากกว่าความเหมาะสมทางด้านฮวงจุ้ย เช่นเดียวกับความคิดตนที่มีความเชื่อในเรื่องของกรรม

“ผมคิดว่าเรื่องกรรมเก่าของตัวเอง น่าจะเป็นตัวกำหนดอนาคตของตัวเองมากกว่า การทำความดี หรือการทำความชั่วเป็นตัวกำหนดอนาคตของเรา ดวงดาวต่างๆยังแพ้เลย อิทธิพลเหล่านั้นก็ยังแพ้พฤติกรรมของคน ถ้าสมมติว่าดวงเราไม่ดี แล้วเราขยันทำความดีมากๆ ความดีมันก็จะตามมาได้ ซึ่งเราสามารถฝืนดวงดาวได้”

>>>>>>>>>>>
..........
 

เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
ภาพ : ทีมภาพ CLICK



กำลังโหลดความคิดเห็น