เรียกว่าเป็นเจ้าแม่การประกวดร้องเพลงก็คงไม่ผิดนักสำหรับสาวเสียงสวย หน้าหวานคนนี้ "ดาต้า-ดรัลชรัส ศุขีวิริยะ" เธอเคยผ่านการประกวดร้องเพลงระดับคุณภาพมาแล้วหลายเวทีทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักมากที่สุดคือรางวัลชนะเลิศ “BABY V.O.X. New Generation Audition” เคยเป็นข่าวดังว่าเธอเป็นสาวไทยที่จะได้เป็นสมาชิกคนใหม่ของวงเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีชื่อดัง หลายคนสงสัยว่าเอ๊ะ! แล้วทำไมยังไม่เห็นผลงานของเธอสักที วันนี้เธอจะมาให้คำตอบ พร้อมทั้งรู้จักตัวตนของเธอผ่านงานซิงเกิลแรก “I don’t wanna make a love” จากค่าย Sony แนวเพลงซาวนด์เก๋ๆ สไตล์เซ็กซี่ปนหวานของเธอกัน
สาวผิวขาว หุ่นสวยในชุดเสื้อถักสีครีม สวมกระโปรงสั้นมีเลเยอร์ โชว์ช่วงขาเรียวสวย ประดับผมด้วยดอกไม้ใหญ่เพิ่มความเก๋ เธอเดินส่งยิ้มหวานทักทายมาแต่ไกล แอบเห็นนักท่องเที่ยวหนุ่มๆ ชาวเกาหลีบริเวณ 'River city' สถานที่นัดสัมภาษณ์ของเรา ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเธอ ซึ่งเธอก็ส่งยิ้มตอบอย่างน่ารัก ใบหน้าหวานๆ รอยยิ้มน่ารักๆ น้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน เรียกความประทับใจได้ตั้งแต่แรกเห็น ยิ่งได้รู้จักตัวตนของเธอมากขึ้น ยิ่งรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ เป็นตัวของตัวเอง และน่าสนใจ เธอมีอารมณ์ขัน สนุกสนาน และมีความสบายๆ เป็นผู้หญิงแบบหวานได้ลุยได้ ไม่ได้เป็นสาวสวยลุคคุณหนูเหมือนภาพลักษณ์ภายนอกที่เห็น
สาวผิวขาว หุ่นสวยในชุดเสื้อถักสีครีม สวมกระโปรงสั้นมีเลเยอร์ โชว์ช่วงขาเรียวสวย ประดับผมด้วยดอกไม้ใหญ่เพิ่มความเก๋ เธอเดินส่งยิ้มหวานทักทายมาแต่ไกล แอบเห็นนักท่องเที่ยวหนุ่มๆ ชาวเกาหลีบริเวณ 'River city' สถานที่นัดสัมภาษณ์ของเรา ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเธอ ซึ่งเธอก็ส่งยิ้มตอบอย่างน่ารัก ใบหน้าหวานๆ รอยยิ้มน่ารักๆ น้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน เรียกความประทับใจได้ตั้งแต่แรกเห็น ยิ่งได้รู้จักตัวตนของเธอมากขึ้น ยิ่งรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ เป็นตัวของตัวเอง และน่าสนใจ เธอมีอารมณ์ขัน สนุกสนาน และมีความสบายๆ เป็นผู้หญิงแบบหวานได้ลุยได้ ไม่ได้เป็นสาวสวยลุคคุณหนูเหมือนภาพลักษณ์ภายนอกที่เห็น
ครอบครัวดนตรี
แม้ว่าในครอบครัวจะไม่ได้มีใครเป็นนักร้อง แต่เรื่องดนตรี เรื่องการร้องเพลง เป็นเรื่องที่เธอซึมซับมาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่เลยก็ว่าได้ เพราะทั้งคุณพ่อคุณแม่ชอบฟังเพลงทั้งคู่ เปิดเพลงให้ฟังกรอกหูตลอด และตั้งแต่จำความได้เธอก็สามารถร้องเพลงภาษาอังกฤษได้ก่อนที่จะพูดเป็นเสียอีก
"ดาต้าซึมซับเรื่องดนตรีมาตั้งแต่เด็ก เพราะชอบร้องเพลงกันทั้งบ้าน คุณพ่อคุณแม่ก็จะชอบเปิดเพลงให้ฟังตั้งแต่ยังอยู่ในท้องค่ะ ตั้งแต่จำความได้เลย ที่บ้านจะชอบเปิดเพลงให้ฟังตลอด เป็นกิจกรรมครอบครัวที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก กลายเป็นความซึมซับ กลายเป็นความชอบ จนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เวลาอยู่บ้านก็จะฟังเพลง ไปเที่ยวต่างจังหวัดก็จะเปิดเพลงฟังบนรถ แล้วก็ร้องเพลงไปตลอด คุณพ่อจะฟังเพลงทุกแนวเลยค่ะ ป็อป คันทรี คลาสสิก แล้วแนวโปรดของท่านจะเป็นพวกร็อกๆ เฮฟวี่ๆ ส่วนคุณแม่จะชอบฟังเพลงคลาสสิก สบายๆ ส่วนดาต้าก็ชอบฟังเพลงหมดค่ะ ไม่ได้จำกัดว่าจะเป็นแนวไหน แต่ที่มีผลกับดาต้าเลยก็จะเป็นเพลงป็อป กับคลาสสิก
ตอนเด็กดาต้าก็ร้องเพลงภาษาอังกฤษได้ ตั้งแต่ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยค่ะ (หัวเราะ) ร้องเพลงได้ก่อน เพลงแรกที่คุณพ่อคุณแม่บอกว่าดาต้าร้องได้จบเพลงคือ “Man In The Mirror” ของ “Michael Jackson” ตอน 5 ขวบ ตอนนั้นเรายัง a b c d อยู่เลย คุณพ่อคุณแม่ก็ยังงงว่าเราร้องได้ยังไง"
นอกจากจะสะดุดใจกับความน่ารัก และน้ำเสียงทรงพลังของเธอ หลายคนอาจจะจะสะดุดกับชื่อแปลกไม่เหมือนใคร ซึ่งเธอบอกที่มาของชื่อว่าเป็นเพราะคุณพ่อเป็นโปรแกรมเมอร์ ทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์จึงตั้งชื่อให้ว่า 'ดาต้า' "หลายคนก็ถามบ่อยมากว่าทำไมถึงชื่อนี้ จริงๆ มาจากคุณพ่อ ท่านทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ทำซอฟต์แวร์เกี่ยวกับ Tourism ดาต้ามีน้องชายฝาแฝดก็ชื่อ รอมกับแรมค่ะ ส่วนคุณแม่ทำธุรกิจร้านจิวเวลรี ดาต้าจะสนิทกับทั้งคู่ กับคุณพ่อดาต้าก็จะปรึกษาอีกเรื่องหนึ่ง กับคุณแม่ก็จะคุยเรื่องความสวยความงาม เรื่องเพื่อน เรื่องชีวิต ดาต้าก็จะดูว่าเรื่องไหนควรปรึกษาใคร ที่บ้านดาต้าก็จะเลี้ยงแบบอยู่ตรงกลาง ไม่ถึงกับเข้มงวดมาก แต่ก็ไม่ถึงกับปล่อย "
นักร้องดาวเด่นประจำโรงเรียน
สาวดาต้าเล่าถึงประสบการณ์ความชอบร้องเพลงว่าเธอชอบร้อง ชอบเต้น ชอบดูการประกวดร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก ถึงขั้นลงสมัครประกวดร้องเพลงกวาดรางวัลใหญ่มาแล้วหลายเวที แถมสมัยเรียนเธอยังเคยได้รับเลือกให้เป็นนักร้องประจำโรงเรียน
"ตอนอยู่เซ็นต์โยฯ (โรงเรียนเซ็นต์โยเซฟคอนเวนต์) เวลาที่โรงเรียนมีกิจกรรมเกี่ยวกับร้องเพลง ทางวงดุริยางค์ก็จะชอบมาเรียกดาต้าให้ไปร่วมกิจกรรม ได้มีโอกาสเล่นละครเวทีของโรงเรียน เป็นละครเพลงที่มีพระคาร์ดินัล นักบวชที่อยู่ในคริสตจักรมาจากต่างประเทศมาชมด้วย ตอนนั้นก็ตื่นเต้นมากมีคนใหญ่คนโตมาดู
ดาต้าจะประกวดร้องเพลงตามงานเล็กๆ มาตั้งแต่เด็ก ที่จำได้รางวัลแรกคือตอนป. 4 ประกวดร้องเพลงพระราชนิพนธ์ ก็ได้รางวัลชนะเลิศ หลังจากนั้นก็มีประกวดตามห้าง ที่เขาให้เด็กประกวด จำได้เลย M2M ดาต้าก็ไปร้องในห้าง แล้วก็ได้รางวัล ตอนเด็กเหมือนเราก็ได้ฝึกร้องเอง เพราะเราชอบฟังเพลงแล้วก็ชอบร้องตาม
ตอน ป. 5 ก็จะมีรุ่นพี่มาหานักร้องประจำโรงเรียน เขาก็จะถามแต่ละรุ่น แต่ละห้องว่ารุ่นนี้ใครร้องเพลงเพราะบ้าง แล้วเพื่อนห้องอื่นก็ชี้ๆ มาจนถึงเรา แล้วพี่ 2 คนที่มาก็เป็นรุ่นพี่ที่ดาต้าชอบมาก เพราะเขาร้อเพลงเพราะมาก เหมือนเป็นไอดอลเราตอนเด็กๆ เขาก็มาถามว่าน้องดาต้าอยู่ห้องนี้หรือเปล่า ดาต้าก็ยกมือ เขาก็บอกอยากให้มาร่วมงาน เราก็เด็กอยู่ ป. 5 เราก็รู้สึกดีใจที่ได้มีส่วนร่วมตรงนั้น หลังจากนั้นก็ทำงานให้โรงเรียนเรื่อยๆ ได้ฝึกซ้อมไปด้วย"
คลั่ง 'บริตนีย์ สเปียรส์'
พอโตขึ้นเธอก็พัฒนาตัวเองโดยการไปเรียนร้องเพลง ทำให้ได้รู้จักเพลงคลาสสิก และบรอดเวย์ เพิ่มขึ้นจากที่เคยร้องแค่เพลงป็อป ศิลปินที่เธอบอกว่าเป็นไอดอลเลย ร้อง เต้นได้ทุกเพลง ฟังจนเทปยืดคือ 'บริตนีย์ สเปียรส์'
"จนคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าดูมีแววทางด้านนี้ ก็เลยให้เราลองไปเรียนดูไหม ซึ่งดาต้าก็อยากเรียนอยู่แล้วก็เลย โอเค ก็ได้เริ่มเรียนร้องเพลงกับครูอ้วน (มณีนุช เสมรสุต) และได้แสดงละครเวที เป็นละครเพลงร่วมกับครูอ้วนด้วย
การเรียนร้องเพลงเพิ่มก็ช่วยในเรื่องของการร้องได้อย่างถูกคีย์มากขึ้น เวลาที่เราฝึกร้องเพลงเอง หรือเวลาที่เราทำอะไรเองมันเหมือนไม่มีกระจกส่องตัวเอง แต่พอเราได้เรียน ครูก็เหมือนเป็นกระจกให้เรา เราก็จะสามารถรู้ว่าอะไร ตรงไหนที่เราควรปรับอย่างไรบ้าง ดาต้าว่าการได้เรียนร้องเพลงมันเหมือนเป็นการเปิดโลกของเรา
อย่างก่อนหน้านั้นดาต้าจะชอบร้องเพลงป็อป ฝึกร้องเพลงป็อปเอง บริตนีย์ สเปียรส์ ตอนนั้นกำลังดังมาก เป็นไอดอลในใจมาก ฟังบริตนีย์ตลอดเวลาจนเทปยืด(หัวเราะ) ชอบบริตนีย์มาก เราอยู่ประมาณ ป.3 ชอบมากถึงขนาดเวลาครูสั่งการบ้านให้ทำอะไรเกี่ยวกับบุคคลในดวงใจก็จะทำเรื่องเกี่ยวกับบริตนีย์ตลอด แล้วก็ร้องเพลงบริตนีย์ตลอดเวลา จนเพื่อนให้ไปร้องให้ฟังหน้าห้องเรียน เราก็ร้อง เต้นให้เพื่อนดู (หัวเราะ) เพื่อนก็จะรู้กันว่ามันเอาอีกแล้วนะ มันร้องบริตนีย์อีกแล้ว นอกจานั้นก็ยังมีศิลปินคนอื่นๆ อีกด้วย อย่างคริสตินา อากีเลรา ช่วงนั้นหนังเรื่องมูแลงรูจกำลังดัง ดาต้าก็ร้องเพลงมูแลงรูจได้ทั้งเรื่องเลย พอเราได้ดูได้ฟัง แล้วเราชอบปุ๊บ เหมือนเราได้แรงบันดาลใจที่จะฝึกต่อ ฝึกตามแบบนั้น
แต่พอได้มาเรียนร้องเพลงกับครูอ้วน ที่โรงเรียนสอนศิลปะการใช้เสียงและลีลา M.S. VOICE STUDIO ได้ร้องเพลงคู่ในละครเพลง ได้ร้องเพลงแนวบรอดเวย์ ทำให้ได้เรียนรู้ในการร้องเพลงแบบใหม่ๆ ซึ่งเราก็รู้สึกว่าก็ต่างจากป็อป แต่ก็มีส่วนที่คล้ายกันอยู่ เราก็ชอบทั้งสองแบบ จากจุดนั้นก็ทำให้ดาต้าเริ่มเรียนรู้เพลงมากขึ้นมากกว่าเพลงป็อป เพลงบรอดเวย์ เชื่อมไปถึงเพลงคลาสสิก”
'เจ้าแม่' เวทีประกวดร้องเพลง
ถ้ามีการประกวดร้องเพลงที่ไหน ต้องเห็นเธอที่นั่น เพราะเธอรักการร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ เวทีไหนเปิดโอกาสให้เธอได้แสดงความสามารถเธอเป็นต้องเข้าไปสมัครอย่างไม่ลังเล การเข้าประกวดแต่ละเวทีถือเป็นประสบการณ์ที่สำคัญในชีวิตที่ได้ร้องเพลงอย่างตัวเองรัก และได้ฝึกการพัฒนาตัวเอง
“เวทีที่ประกวดจริงจังเป็นของ M.S. Star แต่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น Star Maker ของโรงเรียนครูอ้วน ได้รางวัลชนะเลิศ แต่ก็ยังคล้ายๆ การประกวดภายใน หลังจากนั้นก็มีประกวด KPN award 2005 ตอนนั้น ม.4 ได้รางวัลรองชนะเลิศ เขาเรียกว่ารางวัลนักร้องดีเด่นแห่งประเทศไทย แล้วก็รางวัลป็อปปูลาร์โหวต
ดาต้ารู้สึกว่าทุกเวทีมันมีความประทับใจต่างกัน ได้ประสบการณ์ต่างกัน แต่เวทีที่ดาต้าคิดว่าแปลกที่สุดก็คือตอนที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนโครงการ AFS ที่ประเทศอเมริกา ตอนนั้น ม.5 ได้มีโอกาสไปประกวดร้องเพลง Solo Ensemble เป็นการประกวดร้องเพลงระดับรัฐระหว่างไฮสคูลทั่วรัฐ คือพอเข้าไปโรงเรียนดาต้าก็สมัครเข้าวงคอรัส เลือกเรียนวิชาเกี่ยวกับเพลง แล้วครูประจำวิชาที่เป็นหัวหน้าวง เขาเคยได้ยินดาต้าร้องเพลงเขาก็เลยแนะนำให้ประกวด
ตั้งแต่ KPN แล้ว ก็มีครูที่โรงเรียนเอาใบสมัครมายื่นให้ พอที่อเมริกาก็มีครูมาบอกให้สมัคร เราก็คิดว่าน่าสนใจ การประกวดที่นี่สามารถลงกี่ประเภทก็ได้ ไม่ได้มีประเภทเดียว ดาต้าก็ลงไปหลายอันเหมือนกัน แล้วก็ได้รางวัล 4 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน ที่ได้เหรียญทองก็จะมีร้องเดี่ยว มิวสิคัลเดี่ยว แล้วก็มีดูเอตกับเพื่อน แล้วก็มีดับเบิลทรีโอ จะเป็นร้องกัน 6 คน จะมี 3 เสียง เสียงละ 2 คน คือเป็นการประกวดที่มีหลายประเภทมาก และประกวดหลายรอบตั้งแต่ในเมือง ไปถึงระดับรัฐ นั่งรถไปประกวดที่เมดิสัน เมืองหลวงของรัฐ คนประกวดเยอะค่ะ ทุกโรงเรียนทั่วรัฐเลย
แล้วเราเป็นคนไทยก็รู้สึกตื่นเต้น เพราะมันไม่ใช่ภาษาที่เป็นภาษาบ้านของเรา ตอนนั้นดาต้าภาษาอังกฤษก็ดีในระดับหนึ่ง แต่เราก็คิดว่าเราร้องต่อหน้ากรรมการที่เป็นฝรั่ง เป็นเจ้าของภาษา เราจะสามารถถ่ายทอดออกมาให้เขารู้เรื่องได้ไหม ทำให้เขาชอบได้ไหม มันก็เป็นความตื่นเต้นอีกแบบหนึ่ง ดาต้าว่าเป็นความท้าทายค่ะ ดาต้าเดาว่าที่เราได้รางวัลน่าจะเป็นความอินของเรา คือเราอินกับเพลง เราเลือกเพลงที่เราชอบก็เลยอินกับเพลงมาก แล้วก็ในเรื่องของน้ำเสียงที่ทำให้เราโดดเด่นกว่าคนอื่น”
เด็กช่างฝัน
ด้วยความสนใจด้านเพลงมาตั้งแต่เด็ก และอยากเรียนรู้อย่างจริงจังนี่เอง ทำให้เธอเลือกที่จะเรียนต่อระดับปริญญาตรีคณะศิลปกรรมศาสตร์ ภาควิชาดุริยางคศิลป์ตะวันตก เอกขับร้อง ที่จุฬาฯ แม้ว่าวัยเด็กเธอจะเคยมีความฝันหลายอย่าง เช่น อยากเป็นนักดาราศาสตร์ นักโบราณคดี แต่ความฝันที่มีมาตั้งแต่เด็ก และไม่เคยหายไป คือฝันอยากเป็นนักร้อง
“คือเราตั้งใจที่อยากจะเป็นนักร้องอยู่แล้ว และอยากทำตรงนี้จริงๆ แล้วเราก็มีความรู้เกี่ยวกับดนตรีอยู่แล้ว นอกจากเราจะร้องเพลงแล้ว เราก็อยากจะรู้ลึกเกี่ยวกับแขนงนี้ คุณพ่อคุณแม่ก็เห็นว่าดีที่เราได้เรียนสิ่งที่เราชอบ แล้วเราก็สนใจในเรื่องของการแต่งเพลง เคยแต่งเพลงเองด้วย แล้วพอได้มาเรียนทฤษฎีดนตรี เรียนอะไรลึกๆ ก็ช่วยในการแต่งเพลงของเรา เราสามารถฟังเพลงๆ หนึ่ง แล้วดึงรายละเอียดของเพลงออกมาได้ สามารถเอามาเขียนให้นักดนตรีเอาไปเล่นจริงๆ ได้
ชีวิตในมหา'ลัยก็สนุกสนาน เฮฮา ปาร์ตี้ เพื่อนในคณะก็ตลกมาก ดาต้าสังเกตว่าเพื่อนดาต้าทุกคนเนี่ย จะไม่มีใครไม่ตลก (หัวเราะ) เหมือนถ้าไม่ตลกมันจะจูนกันไม่ติด ช่วงถึงจะทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยก็เหนื่อยนะคะ แต่ดาต้าว่ามันดี สนุกดี เพราะยังไงเราก็ได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ ช่วงที่เรียนก็รับผิดชอบเรื่องเรียนอยู่แล้วค่ะ แล้วด้วยความที่เราเป็นเด็กชอบทำกิจกรรมด้วยก็ต้องรับผิดชอบส่วนนั้น ก็เลยค่อนข้างชิน กับการทำกิจกรรมเยอะอยู่แล้ว ที่บ้านก็ไม่ค่อยเป็นห่วงเรื่องเรียน เพราะท่านรู้ว่าดาต้าดูแลตัวเองเรื่องเรียนได้อยู่แล้ว
แต่ตอนเด็กฝันอยากเป็นหลายอย่างมากเลยนะ เป็นเด็กช่างฝัน ชอบคิดนู่นคิดนี่ เหมือนแอกทีฟ ไฮเปอร์ตลอดเวลา แล้วก็ชอบวาดรูป อยากเป็นจิตรกร อยากเป็นนักดาราศาสตร์ นักโบราณคดี ขุดซากไดโนเสาร์ แต่จริงๆ ความฝันนักร้องก็มีมาตั้งแต่เด็ก แต่พอโตมาเรื่อยๆ ก็เริ่มเลือก ถ้าเราจะฝึกทุกอย่างเวลามันก็ไม่ได้ แล้วการร้องเพลงมันก็เด่นขึ้นมาเอง เพราะว่าร้องเพลงมันร้องที่ไหนก็ได้ แล้วเราก็มีโอกาสได้ฝึกมากกว่าอย่างอื่น ก็เลยได้ใช้เวลากับการร้องเพลงมาก และคิดว่า นี่แหละเป็นสิ่งที่เราชอบจริงๆ
ถ้าไม่ได้ทำงานด้านร้องเพลงจริงๆ ดาต้าก็อยากทำงานเกี่ยวกับจิวเวลรี เพราะคุณแม่ก็เป็นแรงบันดาลใจของดาต้า คุณแม่ทำร้านเอง และดีไซน์เองด้วย คุณแม่เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการเยอะมาก ในการทำงาน แล้วดาต้าก็รู้สึกว่ามันดูน่าสนุก น่าสนใจ คุณแม่จะเป็นคนที่มิกซ์แอนด์แมตช์เก่งมาก อย่างชุดของดาต้า คุณแม่ก็จะช่วยมิกซแอนด์แมตช์บ่อยมาก ถ้าดาต้านึกอะไรไม่ออก อย่างชุดนี้เมื่อคืนดาต้าก็ใส่ แล้วคิดในใจว่ามันขาดอะไรอีกไหม เอาไปให้คุณแม่ดู คุณแม่ก็บอกว่าติดดอกไม้เพิ่มสิ คือท่านจะเก่งด้านนนี้ค่ะ ก็เป็นที่ปรึกษา และเป็นสไตลิสต์ส่วนตัวให้ดาต้าด้วย”
เกือบได้เป็นสมาชิกวง Baby V.O.X.
หลายคนรู้จักเธอจากข่าวการประกวด “Baby V.O.X. New Generation Audition” และทราบว่าเธอจะได้เป็นสมาชิกร่วมวงคนใหม่ให้แก่ Baby V.O.X. วงเกริล์กรุ๊ปชื่อดังของเกาหลี เซ็นสัญญา 4 ปี และตั้งตารอชมผลงานของเธอ แต่ใช้เวลาในการเตรียมตัว และฝึกซ้อมไปประมาณ 1 ปี ยังไม่ได้มีผลงาน ทางดาต้าและครอบครัวเห็นว่าการศึกษาก็เป็นสิ่งสำคัญมากจึงยกเลิกสัญญากลับมาเรียนให้จบ ส่วน โปรเจกต์ Baby V.O.X. New Gen ได้มีการเดบิลท์ใหม่ แต่ใช้ชื่อวงว่าRania โดยมีสาวไทยชื่อ “จอย-จุฑามาศ วิชัย” พรีเซ็นเตอร์โฆษณาเอเวอร์เซนส์ชุดบิ๊กแบงเข้าร่วมแทน
“ตอนนั้นดาต้าเรียนอยู่ปี 1 พอได้รางวัลจากการประกวดก็เลยดร็อปเรียน เพื่อที่จะไปฝึกร้อง ฝึกเต้น เรียนภาษาที่เกาหลี เราก็พยายามฝึกตัวเองให้ดีที่สุดในทุกๆ ด้าน เพื่อเตรียมที่จะออกอัลบั้มกับทางเกาหลี แต่พอซ้อมไปแล้ว มันมีการเปลี่ยนแปลง ตอนแรกก็รู้สึกเสียใจเหมือนกันนะคะ เพราะว่าตอนประกวดเสร็จ ตามแพลนดาต้าจะต้องไปฝึกที่นู่นเลย แต่ว่าทีนี้ทางที่บริษัทมีการย้ายออฟฟิศ มีอะไรกัน เขาก็วุ่นๆ ก็ทำให้ดีเลย์ออกไปค่อนข้างนานกว่าจะได้ไปก็หลายเดือนแล้ว พออยู่ได้แค่ไม่กี่เดือนก็ครบปี คุณพ่อคุณแม่ก็เป็นห่วงเรื่องเรียน เพราะเราดร็อปเรียนเอาไว้ ท่านก็คุยเรื่องสัญญาว่าถ้าภายใน 1 ปี ยังไม่มีอะไรที่เหมือนเป็นผลงานออกมา เราก็สามารถขอเขากลับมาเรียนได้
พอครบปี ท่านก็ปรึกษากับดาต้าว่าจะยังไงดี ท่านบอกว่ากลับมาเรียนก่อนไหม เรื่องนี้ค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง เพราะเรื่องเรียนก็เป็นเรื่องที่เราต้องรับผิดชอบ ต้องเรียนให้จบ ถามว่าเสียใจไหม ตอนนั้นก็รู้สึกว่าเราอุตส่าห์ดร็อปเรียน อุตส่าห์ฝึกซ้อม แต่เราก็ได้มุมมองใหม่ๆ ได้ทัศนคติ ได้ทักษะในเรื่องการรร้อง การเต้นมากขึ้น ได้ภาษาเกาหลีด้วย เราได้เห็นโลกที่กว้างขึ้น ดาต้าคิดว่ามันก็ขึ้นอยู่กับความพอดีด้วยค่ะ ความพอดีของจังหวะกับเวลา มันก็ช่วยไม่ได้ เราก็ต้องทำใจ”
อยากเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น
กว่าจะมีวันนี้ วันที่เธอมีซิงเกิลแรก “I don t want to make a love” แนวเพลงจังหวะเก๋ๆ ที่มีซาวนด์ทันสมัย และมีความลงตัวเป็นตัวของตัวเองออกมาให้แฟนๆ ได้ฟังกัน เธอต้องผ่านประสบการณ์อะไรหลายๆ อย่าง มีทั้งสมหวัง ผิดหวัง ซึ่งล้วนเป็นบทเรียนสำคัญให้เธอพัฒนาตัวเองมากขึ้นไปอีก ซึ่งเธอหวังเอาไว้ว่าเมื่อเธอได้เป็นนักร้องอย่างที่ฝันแล้ว เธอก็อยากให้ตัวเธอเองเป็นแรงบันดาลใจ เป็นแบบอย่างให้แก่คนที่มีความฝันเช่นเธอ
“งานเพลงเริ่มจากพี่ชมพู (สุทธิพงษ์ วัฒนจัง) เคยเห็นดาต้าประกวดร้องเพลงมาหลายเวทีแล้ว เขาก็ชวนมาทำตรงนี้ ซึ่งเราก็แฮปปี้มาก ไม่ต้องดร็อปเรียน จริงๆ ดาต้าก็คิดเรื่องนี้ตั้งแต่กลับมาเรียนแล้ว ว่าคงมีโอกาสที่เราจะได้ทำงานเพลงกับที่อื่น อยากมีงานเพลงของเรา พอมีโอกาสได้ทำก็แฮปปี้ทั้งเรา และพ่อแม่ด้วย กว่าจะออกซิงเกิลแรกก็ใช้เวลานานเหมือนกันนะคะ มีการปรับซาวนด์ ปรับซิงเกิล ให้เข้ากับความเป็นตัวเรา มีการปรึกษากันเรื่องชุด เรื่องคอนเซปต์ว่าจะออกมาเป็นแนวไหน พี่เขาจะคุยเรื่องนิสัยเรา ตัวตนของเราด้วย ว่าจริงๆ แล้วเราชอบแบบไหน เราเป็นคนยังไง ให้เราออกความเห็นด้วยว่าแบบนี้ชอบไหม ใส่แล้วรู้สึกยังไง อึดอัดหรือเปล่า เขาให้อิสระในการทำงานและให้เราได้เป็นตัวของตัวเองมากๆ
พี่ชมพูจะช่วยให้คำแนะนำในหลายๆ เรื่อง ที่ควรรู้ไว้ในการทำงานตรงนี้ เช่น เรื่องเทคนิคการร้องเพลงป็อป ดาต้าร้องเพลงมาหลายสไตล์ ทั้งคลาสสิก บรอดเวย์ พี่เขาจะแนะนำเกี่ยวกับการร้องเพลงป็อปว่าร้องยังไงที่เราจะทำให้เพลงที่เราร้องนั้นมีเสน่ห์
ซิงเกิลนี้เรียกว่าตอบโจทย์ในสิ่งที่เราอยากทำมาตลอด ดาต้าอยากมีเพลงของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก พอได้มาทำตรงนี้ก็รู้สึกดีใจมากๆ และแนวเพลงก็เป็นแนวที่ดาต้าชอบด้วย อย่างซิงเกิลแรก เพลง 'I don t want to make a love' ซาวนด์เป็นสไตล์ที่เก๋ มีความ Chic และมีความละเอียด มีความแน่น อยู่ในเสียง ดาต้าชอบที่ว่ามันเก๋ คอนเซ็ปต์ที่ออกมาก็คือ'Chic&Chill' Chic ก็คือซาวนด์นี่แหล่ะ แบบตื๊ดๆ เปิดในผับ เปิดในปาร์ตี้ สนุกสนานเฮฮา Chill ก็คือมันค่อนข้างปรับใช้ได้หลายที่ หลายงาน อย่างปาร์ตี้ก็เปิดได้ อยากฟังสบายก็เปิดได้
ดาต้าก็คิดอยากพัฒนาตัวเองในงานเพลงมาตลอด แต่ไม่ได้คาดหวังว่าจะยังไง เพราะว่าเราก็มีประสบการณ์มาแล้วในหลายๆ เรื่อง รวมทั้งเรื่องของงานว่าอะไรๆ มันก็ไม่แน่นอน อนาคตก็มีการเปลี่ยนแปลงได้ ตอนนี้ดาต้าก็เลยคิดว่าเราทำปัจจุบัน ให้แฮปปี้ที่สุด แล้วก็เต็มที่กับสิ่งที่เราทำตรงนี้ เชื่อว่าในอนาคตก็จะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นตามมา ดาต้ามั่นใจในตัวดาต้านะ แต่คิดว่าถ้าจะได้พัฒนาผลงานเพลงไปอีกขั้นคงเป็นเรื่องของจังหวะ เรื่องของปัจจัยหลายๆ อย่าง
สิ่งที่หวังอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตัวดาต้าอยากเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คน ด้วยเสียงเพลง ด้วย Performance ของเรา อย่างที่ดาต้าเคยได้รับตั้งแต่ดาต้าเด็กๆ ดาต้าเคยเปิดดูการประกวดต่างๆ ทั้งของไทย และต่างประเทศ เปิดดูตั้งแต่เด็ก เราดูการประกวด KPN แล้วเรารู้สึก เราขนลุกจังเลย เขาสุดยอดเลยเนอะ เขาเก่ง เขาเท่ เราได้รับแรงบันดาลใจว่าอยากไปยืนตรงนั้นบ้าง ก็มีผลที่ทำให้ดาต้าตัดสินใจประกวด KPN ตอนนั้น แรงขับเคลื่อนของดาต้าก็มาจากศิลปินหลายๆ คนเหมือนกัน อย่างบริตนีย์ บียอนเซ่ เจ.โล พอเราได้เห็นผลงานของเรา เราก็อยากที่จะพัฒนาตัวเอง ถามว่าอยากไปถึงจุดไหน ดาต้าก็อยากให้เพลงของดาต้าเนี่ย เป็นเพลงที่ให้แรงบันดาลใจกับคนทุกคนค่ะ”
สาวเซอร์ หวานอมเปรี้ยว
ถ้าให้พูดตัวตนของดาต้า เธอบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีหลายมุมมาก แต่ที่เป็นตัวเองมากที่สุดก็คงเป็นผู้หญิงสบายๆ ชอบความชิล เวลาว่างชอบอ่านหนังสือ ฟังเพลง นอกจากนั้นก็มีไปเฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนบ้าง เป็นจอมโก๊ะประจำกลุ่ม ใช้ชีวิตสนุกสนานแบบวัยรุ่นทั่วไป
“ดาต้าเป็นคนมีหลายมุมนะ มีทั้งมุมสบายๆ มุมเฮฮาปาร์ตี้ มีทั้งมุมบ้าๆ บอๆ กับเพื่อน สนุกสนาน มีทั้งมุมโก๊ะๆ ติ๊งต๊อง เพื่อนๆ จะรู้กันว่าดาต้าเป็นจอมโก๊ะประจำกลุ่ม ถ้าเห็นขาเขียวๆมา ก็ไม่ต้องถามเลย อาจจะไปเดินชนโต๊ะ หรือชนอะไรมาสักอย่าง แล้วก็มีอีกมุมที่เป็นคนจริงจังด้วยในด้านการเรียน หรือการทำงาน แล้วก็มีมุมที่เป็นคนมีโลกส่วนตัวด้วย อาจจะนั่งอ่านหนังสือคนเดียวเงียบๆ สบายๆ
ถ้าให้นิยามก็เป็นผู้หญิงหวาน เซอร์ อมเปรี้ยว แต่ไม่ใช่คนหวานเจี๊ยบหรือเปรี้ยวไปเลย แต่มีความหวาน และแอบเซอร์อยู่ด้วย เป็นคนแมนๆ นิดหน่อย แล้วก็เปรี้ยวในเวลาที่เราอยากจะเปรี้ยว แต่ถ้าอยู่บ้านก็อาจจะใส่เสื้อยืด กางเกงเล สบายๆ ชิลๆ บ้าง ถ้าชัดเจนก็คือเป็นที่ชอบความชิลค่ะ ชอบอะไรสบายๆ เรื่องติดหรูก็อาจจะมีบ้าง แต่มุมลุยๆ ก็มีเหมือนกันค่ะ
นอกเหนือจากร้องเพลง แต่งเพลง ฟังเพลง เล่นเปียโน แล้วก็ชอบวาดรูปมากๆ ชอบอ่านหนังสือ หนังสือที่อ่านก็จะเป็นแนว ตอนเด็กจะชอบอ่านวรรณกรรม อย่างแฮร์รี พอตเตอร์ ชอบอ่านอะไรที่เกี่ยวกับจินตนาการ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้อ่านแล้ว เดี๋ยวนี้จะชอบอ่านหนังสือธรรมะ ชอบอ่านหนังสือแนวพัฒนาตัวเอง แล้วพอมีโอกาสได้อ่านหนังสือธรรมะก็คิดว่ามันเหมือนหนังสือพัฒนาตัวเองของฝรั่งที่เขาเขียนกันเลยนะ แล้วธรรมะนี่เวิร์กกว่าอีกด้วย ก็เลยชอบอ่านหนังสือธรรมะ”
สนใจธรรมะตั้งแต่ม.ต้น
เห็นเธอเป็นสาวสมัยใหม่ที่ชอบทำกิจกรรม ทั้งชอบร้องเพลง ชอบเต้น ใช้ชีวิตสนุกสนาน แต่ใครจะรู้ว่าตัวดาต้าเองก็มีมุมธรรมะ และไม่ได้แค่ชอบไปปฏิบัติธรรม เธอยังชอบอ่านหนังสือธรรมะ เริ่มอ่านตั้งแต่ ม. 2 เพราะอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง และนำธรรมะมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตได้อย่างดี ในเรื่องของทางสายกลาง และใช้ธรรมะช่วยขัดเกลาจิตใจให้ใสอยู่เสมอ
“ถ้ารู้ว่าดาต้าสนใจธรรมะคนอื่นจะแปลกใจ แต่ถ้าเพื่อนสนิทจะไม่แปลกใจ เขาจะรู้กันค่ะ เพราะเราก็คุยเรื่องนี้กับเพื่อนตลอด เพื่อนบางคนที่เฉยๆ กับเรื่องนี้ แต่พอเราได้แนะนำเขาในเรื่องที่เขาสงสัย หรือเรื่องที่เขาขอความช่วยเหลือ ในเรื่องของการจัดการกับเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต พอเราได้ให้คำปรึกษาเขา เขาก็จะรู้สึกว่าดีเนอะ เริ่มสนใจเรื่องธรรมะมากขึ้น ล่าสุดที่ไปปฏิบัติธรรมก็มีเพื่อนไปด้วยหลายคนมากเลยค่ะ
ชอบอ่านหนังสือธรรมะมานานแล้วเหมือนกันนะ ตั้งแต่ม.2 ตอนนั้นก็ยังอ่านพวกวรรณกรรมอย่างอื่นด้วย แต่พอผ่านไปเรื่อยๆ ได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมด้วย ตอนนี้ก็อ่านอย่างอื่นน้อยลง อ่านหนังสือธรรมะมากขึ้น เล่มแรกที่อ่านเป็นของ 'ดร.สนอง วรอุไร'เล่มนั้นคุณพ่อซื้อให้ เป็นเล่มที่เบิกทางเราให้เข้าสู่ทางธรรม อ่านแล้วรู้สึกว่าเจ๋ง มีเหตุมีผล ธรรมะเป็นอะไรที่มีคำถาม มีคำตอบ สามารถอธิบายได้ ไม่ใช่แค่พูดขึ้นมาลอยๆ
ปกติจะชอบอ่านหนังสือแนวพัฒนาตัวเอง พออ่านหนังสือธรรมะมันเหมือนเป็นหนังสือพัฒนาตัวเองด้วย แล้วมันก็สอน ให้เราโตขึ้นด้วย ตอนนั้นอาจจะรู้สึกว่าตัวเราเด็ก แล้วรู้สึกว่าเราเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเอง เรารู้สึกว่าทำไมเราเป็นอย่างนี้ จริงๆ รู้ตัวตั้งแต่ป.5 แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้จัดการอะไรกับมัน จนถึง ม.2 เรารู้สึกอยากเปลี่ยนตัวเองในด้านนี้ เราไม่อยากจะเป็นเด็กเอาแต่ใจ ตอนนั้นชอบทะเลาะกับน้องบ่อยมาก ก็รู้สึกว่าทำไมเราต้องทะเลาะกับน้องด้วยนะ รู้ตัวว่าเป็นคนขี้โมโหด้วย เราก็อยากเปลี่ยนตรงนั้น อยากเป็นพี่ที่ดีของน้อง เพราะเราก็รู้สึกไม่ดีที่เราทะเลาะกับเขา
พออ่านหนังสือธรรมะมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแบบทันทีทันใดหรอกนะคะ บางทีเราอ่านปุ๊บเราเข้าใจแล้ว แต่ความเข้าใจกับการทำได้มันยังห่างกันอยู่ ดาต้าก็เริ่มพยายามทำมาเรื่อยๆ ตอนนี้เราแฮปปี้มากค่ะ ทั้งเรื่องครอบครัว และเรื่องน้อง แฮปปี้กับสิ่งที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบัน นิสัยที่ไม่ดีมันก็ไม่ได้หายไปหมดหรอกนะคะ เพราะอย่างนั้นคงเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว แต่มันก็ทำให้เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้น เมื่อก่อนจะมีความรู้สึกแย่กับตัวเองบางเรื่อง แต่พอเอาความรู้สึกนั้นออกไป ความรักตัวเองมันยิ่งเพิ่มขึ้น
ถ้ามีเวลาว่างก็ไปปฏิบัติธรรมค่อนข้างบ่อยเหมือนกัน การไปปฏิบัติ หนึ่งเป็นการชำระใจเราให้บริสุทธิ์ ในชีวิตประจำวันเรามีเรื่องราวมากมาย เกี่ยวกับอารมณ์ดีบ้าง ไม่ดีบ้างปนๆ กันไป พอไปปฏิบัติธรรมก็เหมือนไปทำใจของเราให้มันใส หลังจากเราผ่านอารมณ์อะไรมาหลายๆ วัน ใจมันก็ขุ่นๆ พอได้ไปตรงนั้นดาต้าเรียกว่าเหมือนไปขัดออก สมมติมันมีตะกอนๆ ตกอยู่ในใจเราใช่ไหมค่ะ พอเราได้ไปทีหนึ่งก็เหมือนไปเอาตะกอนตรงนั้นออก หรือเรียกว่าไปเติมพลังก็ได้ ทั้งพลังกาย พลังใจ เป็นหลักยึดให้เราไม่เขว และเป็นกำลังใจ บางทีเราอาจจะท้อบ้าง อะไรบ้าง การได้ปฏิบัติ ได้ฟังธรรมะ อ่านหนังสือบ้างก็เป็นการชาร์จพลังให้เรา
ดาต้าจะนำหลักทางสายกลางมาใช้ เมื่อก่อนดาต้าเป็นคนสุดโต่ง เรารู้ตัวว่าบางทีเราเป็นคนสุดโต่งมากเกินไป ตั้งแต่เด็กแล้ว อย่างเรื่องการบ้านก็จะจริงจังเกิ๊น (ทำเสียงสูง) เครียดมากเกินไป ถึงจะเรียนได้ดีก็เถอะ แต่เรารู้สึกว่าสิ่งที่เสียไปมันคือสุขภาพนะ อยากเอาธรรมะมาช่วยในเรื่องนี้ มาดึงให้เราอยู่ตรงกลาง แทนที่เราจะสุดโต่งไปเลย หรือเล่นไปเลย ไม่รู้เรื่อง ก็ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างแฮปปี้ เข้าใจทุกสิ่งมากขึ้น”
ความรักเริ่มจากความเป็นเพื่อน
สำหรับความรักของสาวน่ารักคนนี้ เธอมองถึงความสัมพันธ์ที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น และยั่งยืนขึ้น เพราะเธอเคยผ่านความรักแบบรักแรกพบมาแล้ว ซึ่งจากประสบการณ์เธอบอกว่าความรักแบบนั้นมันไม่ใช่สำหรับเธอ ทุกวันนี้ถ้าจะคบใครเป็นแฟนคงต้องเริ่มจากความเป็นเพื่อนกันก่อน แล้วค่อยพัฒนามาเป็นคนรัก
“เคยมีมุมมองความรักแบบเด็กๆ แต่ ณ ตอนนี้มองว่า ความรักควรเกิดจากการเป็นเพื่อน ความรักที่เวิร์กสำหรับดาต้า ตอนนี้ คือความรักที่เกิดจากมิตรภาพก่อน ความเป็นเพื่อนกัน เข้าใจกัน ใช้เวลาศึกษากัน ให้รู้จักตัวตนของกันและกัน และถ้ารู้จักตัวตนของกันและกันแล้ว ถ้ายอมรับได้มันก็ใช่ เราก็เคยมี puppy love มาแล้ว ก็รู้สึกว่ามันก็มีความสุขอยู่ในช่วงหนึ่ง แต่มันก็ไม่ใช่อะไรที่ยั่งยืน ตอนนี้ก็เลยคิดว่า ความเป็นเพื่อนมันเวิร์ก
ดาต้าชอบผู้ชายที่มีความเป็นธรรมชาติ เป็นตัวของตัวเอง มีเสน่ห์ ยิ้มสวย ชอบคนตลก คนที่ทำให้เราหัวเราะได้ ไม่ชอบผู้ชายขี้เก๊ก จริงๆ ไม่ได้มีสเปก แต่ถ้าเลือกได้ก็ขอขาวๆ สูงๆ (หัวเราะ) เป็นคนที่ก็ยังมีหลงรูปอยู่บ้างนะ คือชื่นชมในความดูดี แต่ถ้าคบจริงๆ ก็จะต้องดูนิสัยด้วยว่าเข้ากันได้ไหม”
ประวัติ
ชื่อ: ดรัลชรัส ศุขีวิริยะ
ชื่อเล่น: ดาต้า
วันเกิด: 28 ส.ค. 2532
ประวัติการศึกษา: กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี ปี 3 คณะศิลปกรรมศาสตร์ ภาควิชาดุริยางคศิลป์ตะวันตก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รางวัลที่เคยได้รับ: รางวัลเหรียญทองประกวดร้องเพลง Solo Ensemble ระดับ USA รางวัลนักร้องดีเด่นแห่งประเทศไทยและ Popular Vote จากเวที KPN Award และรางวัลจากเวทีอื่นๆ อีกหลายเวที
ข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/หนังสือพิมพ์ ASTV สุดสัปดาห์
ภาพโดย พลภัทร วรรณดี
ขอบคุณภาพประกอบจาก Face book Data และขอบคุณสถานที่ถ่ายภาพ ร้าน CAFFE' CHINO'