ถ้าใครเคยผ่านไปแถวสีลม คงได้เห็นร้านขนมปังแห่งหนึ่ง เห็นจำนวนคนที่ยืนอยู่หน้าร้านก็การันตีได้เลยว่าขายดิบขายดีขนาดไหน ย่านธุรกิจกลางใจเมืองในกรุงเทพแบบนี้ ไม่วายที่ช่วงเที่ยงวันคนจะห้อมล้อมร้านกันแบบไทยมุงเลยทีเดียว เมื่อได้เวลานัดสัมภาษณ์ซึ่งใกล้เที่ยงพอดี จึงต้องขออภัยคุณลูกค้าทุกท่านที่จำเป็นต้องเข้าเบียดเสียด สอดแทรกกับคนจำนวนนับสิบที่ยืนออต่อคิวซื้อขนมปังอยู่ด้านหน้าร้าน เมื่อทำตัวลีบจนสามารถเข้ามาได้จึงแสดงตัวกับเจ้าของร้านตามที่นัดไว้
โอภาส เมฆคุ้มครอง เจ้าของร้าน “อาม้า เบเกอรี่” ได้การันตีความอร่อยมาแล้วถึง 60 ปี ยืนยิ้มต้อนรับลูกค้าอยู่ทางด้านในของร้าน ขนมปังที่ถูกนำออกจากเตาได้ทยอยขายออกไปเรื่อยๆ ลูกค้าต่างแวะเวียนมาซื้อไม่ขาดระยะ พนักงานของร้านบรรจุขนมปังใส่หีบห่ออย่างเร่งรีบ ด้วยเกรงว่าจะไม่ทันใจลูกค้าที่ต้องยืนรอนาน คนที่ยืนรออยู่ท้ายแถวต่างชะเง้อมองอย่างใจจดใจจ่อ คงคิดว่าเมื่อไหร่จะถึงคิวเราสักที?
ใช้เวลาถึง 60 ปี กว่าจะมาเป็นร้าน “อาม้า เบเกอรี่” ที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน เจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่า "ดั้งเดิมนั้น คุณแม่ของผมขายอยู่ที่นี่ คนแถวนี้เขาจะเรียกว่า “อาม้า” เป็นภาษาจีน แปลว่าแม่ นั่นเอง และคนก็เรียกกันจนติดปากเรื่อยมา แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ตั้งชื่อร้านอย่างเป็นทางการ แต่คนจะรู้จักกันในชื่อร้านอาม้า พอขายเรื่อยมาจนถึงรุ่นลูก คือรุ่นผม ที่มาสืบทอดกิจการต่อจากคุณพ่อ คุณแม่ จึงได้ใช้ชื่อว่า “อาม้า เบเกอรี่” นำมาตั้งเป็นชื่อร้าน เพราะคนแถวนี้เขาก็เรียกชื่อนี้กันจนติดปากแล้ว จึงใช้เรียกชื่อร้านตั้งแต่นั้นมา”
ขนมปังที่ขายอยู่ในร้าน หลักๆมี 10 กว่าไส้ด้วยกัน ได้แก่ สังขยา หมูหยองแฮม ไส้กรอก แฮมชีส พิชซ่า ทูน่า หมูแดง ไก่ และมังสวิรัติ ซึ่งไม่มีเนื้อสัตว์ เป็นพวก งาดำ เผือก และเห็ดหอม ส่วนในช่วงเทศกาลกินเจ ทางร้านจะทำเจอย่างเดียวเท่านั้น คือไม่มีเนื้อสัตว์ สำหรับช่วงเทศกาลกินเจโดยเฉพาะ ซึ่งทำเป็นขนมปังไส้เจต่างๆ มี 10 กว่าไส้ ได้แก่ ไก่เจ เห็ดหอมเจ หมูแดงเจ เป็นต้น ซึ่งมีให้เลือกหลากหลาย ในเทศกาลกินเจนั้น ของใช้ในร้าน รวมถึงถาดใส่ขนมปังทั้งหมด ทางร้านจะนำมาล้างให้สะอาด เพื่อให้ปราศจากของคาว ในช่วงเทศกาลกินเจของทุกปี
นอกจากจะมีขนมปังใส่ไส้แล้ว ยังมีขนมปังตัดขอบขายด้วย สำหรับลูกค้าที่ชอบทานแยกขนมปังกับไส้ แบบจิ้มทานเองได้ หรือสามารถนำไปทำเป็นแซนด์วิส หรือทาหน้าขนมปังอย่างอื่นแทน ซึ่งแล้วแต่ลูกค้าจะเลือกรับประทาน ซึ่งทางร้านมีสังขยา อยู่ 2 อย่าง ได้แก่ สังขยาใบเตย และสังขยาไข่ แต่ถ้าใครชื่นชอบอาหารจำพวกคุกกี้ และ เค้กทางร้านเขาก็มี ไม่ว่าจะเป็นคุกกี้รสเนยสด กาแฟ มะม่วงหิมพานต์ ลูกเกด ส่วนช่วงเทศกาลปีใหม่ และวันคริสต์มาส ก็จะมีชุดอาหารจัดกล่อง เป็นเซตของขวัญสำหรับให้แก่ผู้ใหญ่ในช่วงเทศกาลสำคัญ ซึ่งทางร้านจะออกแบบแพกเกจจิ้งใหม่ให้ดูสวยงามเข้ากับเทศกาล ส่วนขนมปังภายในกล่องจะรวมไส้ต่างๆคละกันไปเพื่อให้ลูกค้าเลือกทานได้หลากหลายรสชาติ ส่วนราคานั้นก็อยู่ในราคาย่อมเยา ประมาณ 100-120 บาท/เชต เท่านั้น
“สังขยาจะขายดีสุดในร้านนี้ เพราะทำเป็นไส้แรกของร้าน ขายดีรองลงมาก็จะเป็นไส้เค็ม ได้แก่แฮมชีส หมูหยอง ไส้กรอก ไส้ไก่ ไส้หมูแดง และไส้อื่นๆตามมา เราพัฒนาขึ้นให้เหมาะสมกับตลาด ผู้บริโภครุ่นใหม่ เราก็ปรับเปลี่ยน พัฒนาของเราเองให้เหมาะสมกับลูกค้าเรา รสชาติกับลูกค้าคนไทย จึงต้องศึกษาจากหลายๆแหล่งตามร้านเบเกอรี่ หรืออ่านในแมกกาซีนอาหารต่างประเทศ เพื่อเอามามิกซ์กับเรา อย่างแฮมชีส ก็คิดว่าทำอย่างไรให้รสชาตินั้นเหมาะกับลูกค้าของบ้านเรา”
ส่วนราคานั้น มีตั้งแต่ 8-10 บาท ได้แก่ ขนมปังเนยสด (8 บาท/ชิ้น) ขนมปังไส้สังขยา (9 บาท/ชิ้น และ 90 บาท/กล่อง/10 ชิ้น) ถ้าซื้อเป็นแบบกระปุก มีให้เลือก 2 อย่าง คือ สังขยาใบเตย และสังขยาไข่ (20 บาท/กระปุก) ส่วนขนมปังไส้แฮมชีส ไส้หมูหยอง ไส้กรอก และไส้ต่างๆ (10 บาท/ชิ้น) นอกจากนี้ยังมีขนมปังตัดขอบ (15 บาท/แถว) คุ้กกี้เนยสด (60 บาท/ถุง) ถ้าเป็นคุกกี้มะม่วงหิมพานต์ ลูกเกด และกาแฟ (70บาท/ถุง) ซึ่งคุณโอภาสเจ้าของร้านบอกว่า การขายของต้องคำนึงถึงผู้ซื้อ คือไม่เอาเปรียบลูกค้า ให้เขาได้กินของดี เราทำของดีๆให้เขา เมื่อเขาอยากกินขนมปังเขาก็จะได้นึกถึงเรา นึกถึงร้าน “อาม้า เบเกอรี่” และทางร้านก็เลือกแต่วัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเราเป็นคนทำเอง ต้องทำให้ดีที่สุด ลูกค้าเขาจะได้นึกถึงเราตลอดเวลา
“ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนที่อาศัยอยู่แถวนี้ และคนที่ทำงานออฟฟิศที่นี่และบริเวณใกล้เคียง ส่วนหนึ่งจะเป็นลูกค้าชาวต่างชาติที่แวะเข้ามาทานอยู่เรื่อยๆ เนื่องจากร้านตั้งอยู่บนถนนสีลม ซึ่งเป็นย่านธุรกิจหลักแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ จึงมีทั้งลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งชาวต่างชาติที่อยู่นานแล้วก็จะชอบทานขนมปังไส้สังขยา แต่ถ้าชาวต่างชาติทั่วๆไป จะซื้อไส้แฮมชีส หรือไส้เห็ดไปทาน”
จุดเด่นของร้าน คือขนมปังที่สด ใหม่ ออกมาจากเตาอบอย่างต่อเนื่องตลอดการขาย ไม่มีของค้าง ไม่ใส่วัตถุกันเสีย ทำเสร็จและนำออกมาขายสดแบบวันต่อวัน ฉะนั้นเมื่อไส้ที่ทำไว้ขายหมด เฉพาะในแต่ละวันเท่านั้น ก็จะไม่มีการทำเพิ่มมาใหม่ เจ้าของร้านได้บอกต่ออีกว่า เราเอาแต่พอเพียงดีกว่า เหมือนอย่างที่พระราชดำรัสของในหลวงพระองค์ท่านว่า “อยู่อย่างพอเพียง” เราจึงเน้นที่คุณภาพ มาตรฐานการผลิต มากกว่าจำนวนที่ทำ วัตถุดิบที่ใช้จึงต้องเป็นเกรดเอทั้งหมด
“เราตั้งใจทำ ในทุกขั้นตอนการผลิต เราทำด้วยใจ ทุกรายละเอียดที่ทำจึงออกมาจากใจจริง เราคำนึงถึงคุณภาพ คำนึงถึงเงินที่เขาจ่ายให้เรา เราขายขนมกลับไปให้เขา ต้องให้เขามีความรู้สึกว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ลูกค้ากินของดี อร่อย ถูก เขาก็อยากกลับมาซื้อเราอีก ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน มาร์เก็ตแชร์ของขนมปังจะเยอะขึ้น แต่เราก็มีจุดยืนในแบบของเรา คือการผลิตของที่มีคุณภาพ ตั้งใจทำด้วยใจ เพื่อลูกค้าเป็นหลัก”
ร้าน “อาม้า เบเกอรี่” อยู่ข้างวัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก) ถ.สีลม เปิดทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-15.00 น. วันเสาร์เปิดครึ่งวัน และปิดวันอาทิตย์เท่านั้น โทร.0-2635-2278
ภาพโดย ธัชกร กิจไชยภณ
ข่าวโดย M-lite / ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์