xs
xsm
sm
md
lg

ณัฐวรา หงษ์สุวรรณ นางร้ายขวัญใจหนูๆ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ถ้าใครเป็นมนุษย์ที่ตื่นไม่เช้า และใช้ชีวิตอยู่หน้าทีวีในช่วงเวลาบ่ายถึงดึกดื่น ใบหน้าของหญิงสาวหน้าคมที่มีชื่อว่า ส้ม - ณัฐวรา หงษ์สุวรรณ คงจะผูกติดกับภาพลักษณ์ของนางร้ายที่แสนจะกรี๊ดกร๊าดน่ารำคาญ ตามแบบฉบับของละครวิก 7 สี

แต่ถ้าใครเป็นคนที่มีชีวิตอยู่หน้าทีวีในช่วงเช้า หน้าคมๆ ของสาวคนนี้กลับไปผูกติด กับภาพลักษณ์พิธีกรสาวใจดี ในรายการตูนดิสนีย์ ซึ่งเป็นรายการสำหรับเด็ก ซึ่งบุคลิกทั้งสองแบบนั้นช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ส่วนในชีวิตจริง ส้ม - ณัฐวรา หงส์สุวรรณ คือเด็กสาววัย 22 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งในฐานะนักศึกษาแล้ว นับว่าเธอเป็นคนที่มีผลการเรียนดีมาก และเธอเอง ก็ยังเชื่อมั่นว่า เธอยังเป็นคนที่มีความเป็นเด็กอยู่เต็มเปี่ยม และในขณะเดียวกัน เธอก็บอกว่า เธอนั้นมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าคนที่ตัวเลขอายุเยอะหลายๆ คน

เท็จจริงอย่างไร พิจารณากันได้ในบทสนทนาข้างล่างนี้

เป็นคนที่โตมากับรายการการ์ตูนเลย?
ก็ถ่ายโฆษณามาก่อน ส่วนงานพิธีกรนั้น เราเริ่มมาพร้อมๆ กับการเล่นละครและภาพยนตร์ ตอนนั้นรายการของดิสนีย์นี่จะมีพิธีกรเป็นพี่นัทกับพี่แนน เราก็มาแคสต์แบบไม่คิดว่าเราจะได้ ตอนนั้น เราก็อ้วนๆ ผมฟูๆ แต่คนอื่นที่มาแคสต์นี่เขาสวยๆ กันทั้งนั้นเลย ก็แคสต์อยู่ ปีเต็มๆ เพราะว่าเขาต้องส่งเทปให้ดิสนีย์ที่เมืองนอกเขาเลือก สุดท้ายเขาก็เลือกเรา นี่ก็ทำต่อเนื่องมาเป็นสิบปีแล้ว

คือเราก็ดูรายการนี้ เราก็เลยอยากเป็นพิธีกรรายการนี้ นอกจากดูการ์ตูนดิสนีย์แล้ว เราก็อ่านการ์ตูนเล่มๆ อยู่แล้วด้วยนิยายเยาวชนเราก็อ่าน อาจเป็นเพราะเราทำงานตั้งแต่เด็กการอ่านหนังสือก็เป็นการเติมเต็มในเวลาว่างของเรา พ่อก็ส่งเสริมให้เราอ่าน

โตมาขนาดนี้แล้ว ความเป็นเด็กในตัวยังมีอยู่เหมือนเดิมรึเปล่า
เอาจริงๆ แล้ว หนูเป็นคนมองโลกด้วยสายตาที่เป็นแบบใสๆ มาโดยตลอด ทุกวันนี้อายุยี่สิบสองแล้ว แต่ก็ยังทำรายการเด็กได้อยู่ ก็เพราะเรายังมีความเป็นเด็กอยู่นะ เชื่อว่าโลกนี้ยังเป็นสีชมพูอยู่ มันอาจจะลดลงบ้างนะ คือตอนมัธยมฯ ยังเชื่อว่าเพื่อนแท้ยังมี คนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ยังมี แต่พอมาเรียนมหาวิทยาลัย เราก็เริ่มเรียนรู้แล้วว่าคนเรามีหลายด้าน ได้เห็นความเป็นจริงของโลกเยอะขึ้น แต่ยังไม่หมดหวังกับโลกใบนี้

แล้วถ้าวันหนึ่งอายุมากจนไม่สามารถทำรายการเด็กได้แล้ว คิดว่าจะไปทำอะไร
จริงๆ แล้วก็ต้องคิดเอาไว้ เพราะตอนนี้ก็ใกล้แล้ว (หัวเราะ) คือเราก็อยากที่จะมีโรงเรียนของตัวเองนะ เป็นโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ เพราะเรายังชอบอยู่กับเด็กอยู่ ในวงการก็จะทำไปเรื่อยๆ แต่จะไม่ใช่ทั้งชีวิตเหมือนอย่างทุกวันนี้

ภาพลักษณ์ที่ผ่านมา เป็นพิธีกรรายการการ์ตูนขวัญใจเด็กๆ แต่ทำไมเวลาไปเล่นละครถึงได้เล่นเป็นตัวอิจฉาตลอดเลย
ตอนอยู่มหาวิทยาลัย ก็แปลกใจนะว่าทำไมไม่ค่อยมีคนมาจีบ (หัวเราะ) ตอนหลังก็มีคนมาบอกว่าหน้าเราหยิ่งมาก คือเราไม่ได้หยิ่งนะถ้าลองมาคุยดู เราว่าเราเฟรนด์ลี่มากนะ แต่พอเดินอยู่มหาวิทยาลัย เราก็ขี้เกียจยิ้มให้ใครไง เพราะเราก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง เราสายตาสั้นด้วย ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร

การที่ได้ตำแหน่งนางร้ายมาครองนั้น อาจจะเป็นเพราะผู้ใหญ่เขาเล็งเห็นแล้วว่า การมาเล่นอะไรที่ไม่ตรงกับตัวจริงนี่ มันจะน่าสนใจกว่า

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคืออะไร
เรื่องเรียนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด รองลงมาก็เป็นการทำงาน คือตั้งใจไว้แล้วว่าหลังจากเรียนจบปริญญาตรีก็ต้องเรียนต่อแน่ๆ แต่จะเป็นที่เมืองไทยหรือเมืองนอกก็ยังไม่แน่ ส่วนการทำงานในวงการนั้น ก็ยังไม่ทิ้ง เพราะมันจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะ นำเราไปสู่การทำธุรกิจส่วนตัวได้ง่ายขึ้น เพราะการทำงานบันเทิงนั้น มันก็เหมือนกับการโฆษณากลายๆ เพราะถ้าคนรู้จักเรา เราทำอะไรก็จะง่ายขึ้นกว่าการเป็นคนที่ไม่มีคนรู้จักเลย

ตอนนี้เรียนที่คณะอักษรศาสตร์ แสดงว่าเป็นคนที่ชอบการอ่าน
ใช่ค่ะ เพราะเราลงเรียนวิชาที่เป็นสายวรรณกรรมเกือบทั้งหมดเลย มันไม่ต่างจากการอ่านหนังสือของเราที่เราชอบมาตั้งแต่เด็กเลยนะ หนังสืออะไรก็สนุกทั้งนั้น อย่างการเรียนวรรณกรรมคลาสสิก มันก็มีเสน่ห์ของมัน คือความสามารถพิเศษอีกอย่างของส้มก็คือ สามารถหาแง่สนุก และสิ่งที่เราชอบในทุกอย่างที่เราทำได้

เรื่องเล่าของเรื่องเล่าที่มันมีอยู่ในโลก มันมีอยู่ไม่กี่แบบหรอก แต่มันจะมีความซับซ้อนต่างกันไป

หนังสือผู้ใหญ่ที่อ่านตอนนี้ มันต่างกับวรรณกรรมเยาวชนหรือการ์ตูนที่ชอบยังไง
หนังสือแต่ละประเภทมันมีความดีของมันอยู่นะ คือตอนเด็กเราอาจจะอ่านและเข้าใจเรื่องของมันเฉยๆ แต่พอโตมา เราก็เข้าใจตัวบทมากขึ้น ได้อะไรจากการอ่านมากขึ้น จะมาบอกว่าหนังสือผู้ใหญ่ หรือคลาสสิก มันดีกว่ากว่าวรรณกรรมเยาวชนหรือการ์ตูนนี้ไม่ได้นะ เพราะเอาเข้าจริง หนังสือสำหรับผู้ใหญ่ที่แย่ๆ ก็มีมาก ในขณะที่หนังสือเด็กหรือการ์ตูนที่มีคุณค่า มีแง่คิดก็มีอยู่มากมาย มันขึ้นอยู่กับแต่ละเล่มมากกว่า

การ์ตูนที่ชอบอ่านมันมีอิทธิพลกับชีวิตหรือเปล่า
อะไรก็ตามแต่ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา มันก็มีอิทธิพลกับเราทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ หนังสือ หรือภาพยนตร์ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกสิ่งไหนมาใช้ และที่สำคัญเราต้องรู้ตัว ไม่ควรที่จะเอาสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดมาหล่อหลอมเป็นตัวเรา เราต้องคิดอยู่เสมอเวลาเสพอะไรก็ตาม ว่าเราจะต้องไม่โดนล้างสมองโดยไอเดียของใครคนใดคนหนึ่ง เราต้องมาคิดต่อเองอีกที ไม่ใช่ว่าเชื่อทุกอย่างที่คนอื่นบอก

อ่านมามากๆ แล้วอยากเขียนหนังสือบ้างหรือยัง
ตอนนี้ก็มีออกมาแล้ว แต่เป็นหนังสือฮาวทูที่เกี่ยวข้องกับการเรียน แต่สำหรับเรื่องที่เป็นฟิกชันนั้น ก็มีอยู่ แต่ก็กลัวคนอื่นจะอ่านไม่เข้าใจนะ (ยิ้ม) เป็นนิยายที่ยังเขียนไม่จบ ตอนเราเรียน เรามีพลอตอยู่หลายเรื่อง แต่ยังเขียนไม่จบนะ ตอนนี้เราฝันว่าเราจะเป็นครู แต่คนเรานั้นมีเวลาวันละตั้งหลายชั่วโมงนะ ตอนเช้าเราเป็นครู ตอนบ่ายเราก็อาจจะมาเขียนหนังสือ ตอนเย็นเราก็ยังถ่ายละครไหวนะ คือวัยเรายังมีแรงอยู่ไงอาจจะเรียกว่าไฮเปอร์ก็ได้ (ยิ้ม)

โดยวัยและประสบการณ์ที่เรามี ตอนนี้ถือว่าเป็นผู้ใหญ่หรือยัง
จริงๆ แล้ว เราอาจจะเป็นผู้ใหญ่กว่าคนที่มีอายุมากหลายคน คือบางคนอายุมากก็จริง แต่ก็ยังเป็นเด็กอยู่ก็มี อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเราต้องการอะไร เราอยู่เพื่ออะไร

สุดท้ายแล้วอยากมีชีวิตแบบไหน
ยังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้นนะ คือไม่มีใครรู้อนาคตหรอกวันนี้บอกอย่างนี้ พรุ่งนี้อาจจะคิดอีกอย่างก็ได้ แต่คร่าวๆ แล้ว เราก็อยากเป็นคนดี และไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น และไม่สร้างตัวตนของตนเองขึ้นมาด้วยสิ่งที่เราจำๆ เอามาโดยไม่ได้คิดเอง และไม่ต้องเป็นคนที่ทุกคนชอบก็ได้ เพราะถ้าทุกคนชอบเราหมด แสดงว่าเราเอาใจคนอื่นเยอะไป และไม่เป็นตัวของตัวเอง

>>>>>>>>>

เรื่อง: เอกชาติ ใจเพชร
ภาพ: อดิศร ฉาบสูงเนิน






กำลังโหลดความคิดเห็น