xs
xsm
sm
md
lg

บ้านหลังที่สองของโรส...พระนครนอนเล่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โรงแรม 4 ชั้น หลังเก่าย่านพระนคร ที่ได้รับการดัดแปลงจนกลายเกสต์เฮาส์สุดชิก ที่ได้รับความนิยมจากฝรั่ง และมีชื่อเสียงในเรื่องของการบริการ และใส่ใจสิ่งแวดล้อม มองภายนอกดูคล้ายบ้านไม้หลังใหญ่ บรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบ เกสต์เฮาส์หลังนี้มีชื่อเก๋ๆ ว่า “พระนครนอนเล่น” เรียกได้ว่าเป็นบ้านหลังที่ 2 ของพิธีกรสาว “โรส-วริศรา มหากายี” ซึ่งปัจจุบันนี้เธอทำหน้าที่ดูแล ออกแบบ และตกแต่งสถานที่แห่งนี้มานานกว่า 5 ปีแล้ว

ความรู้สึกแรกที่เข้ามาที่นี่คือ รู้สึกเย็น สงบ สบาย ด้วยบรรยากาศร่มรื่นเป็นธรรมชาติของต้นไม้ใหญ่ การตกแต่งส่วนใหญ่ใช้ของเก่าเกือบทั้งหมด มีชานชาลาสำหรับแขกที่มาพัก นั่งเล่นอินเทอร์เน็ต มีมุมกระบะทรายสำหรับเด็ก มีซุ้มจำลองร้านขายของเก่า ดูแล้วคลาสสิก และแสดงถึงความอนุรักษ์ของไทยๆ

แปลงโรงแรมเก่าเป็นเกสต์เฮาส์สุดชิก

จากโรงแรมเก่าที่มีอายุกว่า 30 ปี บนพื้นที่กว่าครึ่งไร่ ในซอยเทเวศร์ 1 ตอนแรกโรสตั้งใจจะปรับปรุงทำเป็นหอพัก เพราะเห็นว่าย่านนี้ มีหอพัก และมีคนทำงานมาพักเยอะ แต่พอได้เริ่มรีโนเวตเปลี่ยนโฉมโรงแรม งบก็เริ่มบานปลาย เธอจึงต้องเปลี่ยนความคิด และสุดท้ายมาลงที่การทำเป็นโรงแรมเหมือนเดิม แต่เป็นในรูปแบบเกสต์เฮาส์ ให้ฝรั่งเช่า

“ตอนแรกคิดว่าจะทำเป็นหอพัก เพราะว่าละแวกนี้ยังมีคนทำงาน หอพักแถวนี้คนอยู่เยอะ ก็เลยดัดแปลงโรงแรมเก่าเป็นหอพัก เริ่มตั้งแต่หาพี่ที่รู้จักกันมาช่วยวางแบบ ว่าน่าจะเป็นแบบไหน พอตกแต่งเสร็จก็เริ่มคิดว่าคนที่จะอยู่หอพัก เขาจะเบื่อไหม ห้องแคบเล็ก แล้วมีอะไรเหมือนๆ กันหมด ก็เลยทำสวนเพิ่มสำหรับเป็นที่พัก ให้เขามานั่งเล่นกัน คือเราทำเหมือนแต่งบ้านตัวเอง งบก็เลยบานปลาย
พอทำเสร็จก็กลับมาคิดว่า ถ้าคิดค่าห้องถูกเราก็อยู่ไม่ได้ เพราะเงินทุนเราก็ไปกู้มา แต่ไปคิดห้องแพงก็สงสารคนเช่าอีก ก็เลยคุยกับสามีว่าเราน่าทำเป็นโรงแรมดีไหม ก็เลยกลายมาเป็นเกสต์เฮาส์ ตั้งชื่อว่าพระนครนอนเล่น"

ตอนแรกที่คิดจะทำโรงแรมโรสเองก็ไม่มีความรู้เรื่องการทำโรงแรมมาก่อน แต่เมื่อตัดสินใจทำแล้ว ก็ลุยต่อไป ช่วงแรกที่เปิดเป็นเกสต์เฮาส์ก็ไม่มีแขกมาพัก พอคิดราคาค่าห้องถูก แขกที่มาก็เป็นแขกที่ยังไม่เหมาะสม เธอจึงปรับเปลี่ยนกลยุทธ์มาเรื่อยๆ อาศัยลองผิดลองถูก

“มองว่าที่ถนนข้าวสารมีฝรั่งไปเยอะ แล้วที่นี่ก็ไม่ไกลจากถนนข้าวสารมาก ก็เลยตัดสินใจที่จะให้กลุ่มคนที่มาพักเป็นฝรั่ง คิดค่าห้องราคาไม่แพง ปรากฎว่าเราก็ได้แขกที่ไม่ค่อยเหมาะกับเราเท่าไหร่ เพราะโรงแรมเรามีกฎห้ามสูบบุหรี่ ไม่มีทีวีให้ดู แขกที่มาส่วนใหญ่เขาจะเป็นสไตล์ ชอบบันเทิง สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า เป็นแนวแบ็กแพกเกอร์

เราก็เลยมาคิดว่างั้นทำให้ดีไปเลยดีกว่า รีโนเวตไปเรื่อยๆ ปรับห้อง ที่เคยมีเยอะๆ 50 ห้อง ก็เหลือ 30 ห้อง ห้องที่มีอยู่ก็เอาไปทำเป็นฟังก์ชันอื่นๆ พอเราปรับแล้ว เราก็เลือกแขกที่คิดว่าเหมาะกับเรามากกว่า ก็เน้นไปทางยุโรป แล้วเน้นไปที่ครอบครัว เน้นแขกที่รักความเป็นธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม”

ซึ่งจากแนวคิดหลักในการใส่ใจสิ่งแวดล้อม ก็เป็นจุดแข็งของพระนครนอนเล่นแห่งนี้ ตรงที่ไม่ต้องแข่งขันกับโรงแรมอื่นๆ แล้วทำให้แขกที่มาพักก็ตรงกลุ่มเป้าหมาย

แต่งโรงแรมเหมือนแต่งตัว

จุดเด่นของที่นี่คือ ห้องแต่ละห้อง จะมีการวาดลาย เป็นเรื่องราวต่างกันไป เช่น ห้องต้นไม้ ด้านนอกและภายในห้องก็จะเพนต์เป็นลายต้นไม้, ห้องไก่ ก็จะวาดลวดลายเป็นไก่ เรียกว่าทั้ง 30 ห้อง ก็บอกเล่าเรื่องราวและลวดลายห้องที่ไม่ซ้ำกัน ภายในห้องจะตกแต่งด้วยงานผ้าลายไทยๆ ด้วยฝีมือการเย็บของโรสเอง ทั้งปลอกหมอน และผ้าม่าน

“เราไม่ได้เก่งเรื่องการตกแต่ง แต่เราชอบทำเสื้อผ้า เราก็เลยตกแต่งโรงแรม เหมือนตัดเสื้อใส่ (หัวเราะ) เจออะไรที่เราชอบ เราเอามาใส่ในนี้หมดเลย โรงแรมนี้ไม่มีสไตล์ที่ชัดเจนนะ แต่เราชอบแนวแปะๆ ปะๆ แนวแพตเวิร์ก แนววินเทจ ด้วยลักษณะนิสัยของตัวเอง อาจจะเป็นคนไม่ค่อยมีระเบียบ เป็นคนอิสระ เป็นคนขี้เบื่อ มันก็เลยออกมาในงานที่เราทำ

แขกที่มาก็จะรู้สึกได้เลยว่าเปลี่ยนทุกปี ไม่ใช่เราไปสิ้นเปลืองกับมันนะคะ บางทีเราอยู่กับมัน เรายิ่งชัดกับมัน บางอย่างไม่ได้มีเพิ่มเข้า เรามีเอาออกด้วย พอเราให้เวลากับมัน เราก็เลยเข้าใจว่าควรจะมีอะไร หรือไม่ควรจะมีอะไร เราไม่ใช่นักออกแบบที่จะมาถึงเห็นภาพหมดเลยว่าจะเป็นอย่างไร
 
ตัวเราเองรู้สึกว่าบ้านมันต้องดูแล ก็เลยอยากให้มันดูดี เหมือนเราแต่งตัวใส่เสื้อผ้า บางทีชุดนี้นานไปแล้ว มันเริ่มไม่เหมาะกับช่วงเวลานี้ หรือว่าเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล เหมือนเอาอารมณ์เราเป็นตัวนำในการเปลี่ยน ผลพวงที่ได้ก็คือแขกที่มารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง รู้สึกสนุก แขกเก่ากลับมาเขาก็จะรู้สึกตื่นเต้น ว่าที่นี่มาทีไรก็เปลี่ยนไปอีกแล้ว

มีความสุขกับการออกแบบห้องน้ำที่สุด ล่าสุดเพิ่งทำห้องน้ำ แล้วทำกับมันนานมาก เพราะเราดันทำบนโจทย์ที่ว่าจะต้องใช้กระเบื้องเก่าผสมกระเบื้องใหม่ ใช้กระเบื้องเก่าเป็นหลัก เพราะลวดลายมันสวย พอเราไปเจอกระเบื้องเก่าไซส์ 4x4 แต่ปรากฏว่ามันมีไม่ครบ ก็ต้องทำโจทย์กับมันใหม่ว่าลายที่มันไม่เหมือนกัน จะทำยังไงให้มากลมกลืนและเข้ากันได้ ตรงนี้ทำให้สนุกกับมัน พอทำกำแพงเสร็จ ต่อมาก็สุขภัณฑ์ ซิงก์ก็ต้องเป็นสีที่มันเข้ากับตัวนี้ กระจก ผ้าม่านก็ต้องแมตช์”

ตกแต่งด้วยของเก่าเกือบทั้งหมด

ด้วยความที่แนวคิดในการออกแบบ เป็นแนวบ้านไม้โบราณแต่มีสีสัน ของที่ใช้ส่วนใหญ่จึงเลือกใช้ไม้เก่า แล้วนำมาทาสี ซึ่งการใช้ไม้เก่ามันก็มีทั้งข้อดี และข้อเสีย คือไม้เก่าบางชนิดมีความแข็งแรงกว่าไม้ใหม่ แต่บางชนิดก็ดูแลรักษายาก

“ที่นี่เราเลือกใช้ไม้เก่าเป็นหลัก ด้วยคอนเซ็ปต์รียูส ไม่ใช้อะไรใหม่ๆ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เราก็พยายามนำไม้เก่ามาชุบชีวิต แต่ว่ามันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีก็คือเราไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ไม้บางชนิดมันแข็งมาก บางทีไม้ใหม่สู้ไม่ได้ก็มี แต่ไม้เก่ามันมีความงอ มีความคด บางทีไปทำกรอบหน้าต่างมันก็จะมีรู มดเข้า ยุงเข้า แขกก็จะบ่นว่าทำไมประตูบานนี้ปิดไม่สนิท บางทีเราก็หยิบของเก่ามาเป็นคอนเซ็ปต์ทั้งหมดไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องเลือกเป็นบางอย่าง ผสมผสานกับของใหม่บ้าง แต่ว่าหลักๆ แล้ว 70-80 เปอร์เซ็นต์จะเป็นของเก่า

ด้วยความที่เราไม่มีความรู้เรื่องการก่อสร้างก็ใช้วิธีดูในอินเทอร์เนต เวลาจะทำอะไรก็หาข้อมูล เปลี่ยนรูปแบบของพื้นกระเบื้อง ให้เป็นลายอะไร เขาเรียงกันยังไง ลวดลายเป็นยังไง ใช้วิธีลองผิดลองถูก ไม้บางอย่างเมื่อนำมาใช้แล้วมันชำรุดง่าย บางอย่างมันเปื่อยง่าย รั่วง่าย ซึมง่าย ก็ใช้วิธีไปคุยกับพวกร้านวัสดุก่อสร้าง ที่เราไปเจอ ว่าเขาซื้ออะไร เก็บข้อมูลแล้วค่อยมาปรับเปลี่ยน ทุกอย่างจะมีการลองทำ แล้วก็หาคำตอบว่าอะไรที่มันถูก กลายเป็นรู้เรื่องงานช่าง รู้ภาษาช่างแล้ว (หัวเราะ) ได้ประสบการณ์ตรงนี้ไป”

คิดจะพักคิดถึงดาดฟ้า

พระนครนอนเล่น เรียกได้ว่าเป็นบ้านหลังที่สองของโรส ที่เธอต้องเข้ามาดูแล ออกแบบ ต่อเติม แก้ปัญหาต่างๆ และใช้ชีวิตส่วนหนึ่งอยู่ที่นี่ เธอเล่าว่าเวลาเหนื่อยๆ หรือเบื่อๆ เธอจะมีมุมสำหรับพักผ่อน คือชั้น 4 ดาดฟ้า ที่ทำเป็นสวนผักออร์แกนิกขนาดย่อม ปลูกผักไว้สำหรับทำอาหารภายในโรงแรม

“เวลารู้สึกเหนื่อยๆ หรือเบื่อๆ แล้วอยากให้เวลาตัวเองในที่นี่ ก็คือดาดฟ้า ไม่ว่าเราไปลุยที่ไหนมาก็ตามแต่แล้วมันเหนื่อย จะขึ้นไปปลูกต้นไม้ข้างบน มันเป็นที่ที่เรามีสมาธิ ถ้าเป็นที่บ้านจะเข้าห้องเย็บผ้า จะมีอยู่สองกิจกรรมที่เราทำแล้วรู้สึกดี เวลาเย็บผ้าก็จะให้ลูกเห็นว่าเรากำลังเย็บหมอนอยู่นะ อยากให้เขาเห็นว่าการทำอะไรสักชิ้นมันไม่ใช่แค่ไปซื้อ มันเริ่มมาจากมือนะ”

เน้นใช้ของออร์แกนิก

ด้วยความที่เธอและสามีทำงานที่มูลนิธิกระต่ายในดวงจันทร์ เป็นมูลนิธิที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อม เธอจึงได้นำความรู้ และประสบการณ์จากมูลนิธิฯ นำมาปรับใช้ในโรงแรมของเธอ ด้วยการไม่ใช้ขวดพลาสติก ลดการใช้ไฟฟ้า และใช้สบู่ที่ทำเอง อาหารที่เสิร์ฟในโรงแรมก็เป็นอาหารออร์แกนิก

“สบู่ที่เราให้แขกใช้ เป็นสบู่ออแกนิกส์ที่เราทำเอง เราใช้ขวดแก้ว ไม่ใช้ขวดพลาสติก ไม่มีทีวีให้ดูเพราะคุณจะได้มีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น ไม่มีตู้เย็นในห้องพัก เพราะจะได้ประหยัดไฟ ไม่ให้สูบบุหรี่ในพื้นที่เพราะต้องการให้อากาศบริสุทธิ์ เราเน้นให้แขกไม่ต้องยึดติดกับความเป็นอิเล็กทรอนิกส์อะไรมากมายจนเกินไป ให้อยู่กับตัวเองได้ อยู่กับธรรมชาติ ความสงบ ได้ความสบาย

เรื่องของสิ่งแวดล้อม เรื่องทรีตเมนต์ น้ำยาทำความสะอาด เราก็ใช้สูตรที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม อาหารที่เราเสิร์ฟ ก็เป็นอาหารออร์แกนิก ปลูกผักเองข้างบนส่วนหนึ่งด้วย ที่เรานำมาใช้”

บ้านตัวเองเป็นแนวโมเดิร์น

เห็นเธอเป็นสาวอนุรักษ์ธรรมชาติ นิยมของเก่าแบบนี้ จึงถามถึงบ้านที่เธออยู่เองว่าเป็นแนวนี้หรือเปล่า คำตอบที่ได้ก็คือ บ้านของเธอเป็นบ้านโมเดิร์น เป็นบ้านสีเหลี่ยม มีกระจก เพราะว่าเป็นบ้านที่ซื้อตั้งแต่สมัยทำงานในวงการบันเทิง และช่วงนั้นฮิตบ้านแนวโมเดิร์น

“บ้านตัวเองคนละแบบกับที่นี่เลยค่ะ จะเป็นบ้านทันสมัย แนวโมเดิร์น ดูวัยรุ่น ตอนที่เป็นวัยรุ่นยังไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับมูลนิธิฯ ตอนนั้นอยู่ในวงการบันเทิง ช่วงนั้นบ้านแนวโมเดิร์นมันฮิต เราก็ซื้อบ้านหลังแรกเป็นแนวโมเดิร์นเลย เป็นทรงเหลี่ยม มีกระจกรอบด้าน อยู่ไปกับมันก็รู้สึกว่าทำไมมันร้อนอย่างนี้ มันไม่จริง แดดเข้า เอาม่านมาบังก็ไม่เห็นข้างนอกอีก เรารู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นแบบที่เรารู้สึกไปกับมัน ก็ค่อยๆ ปรับเปลี่ยน ก็พยายามปลูกต้นไม้หน้าบ้านเยอะๆ ภายในตัวบ้านก็ไม่ได้แต่งอะไร ทุกวันนี้อยู่มาหลายปี ก็ยังไม่มีอะไรเหมือนเดิม

เหมือนเรามีความสุขอยู่แค่ห้องเดียว พื้นที่หลักก็คือห้องนอนเราก็เลยใส่เฟอร์นิเจอร์ที่ห้องนอน เตียง ตู้ โต๊ะ ห้องอื่นๆ ก็เลยปล่อยโล่ง เป็นห้องเก็บของบ้าง เป็นห้องอ่าหนังสือ เป็นที่ให้ลูกเล่น บางทีพอที่นี่ไม่มีที่เก็บของก็เอาไปเก็บไว้ที่บ้าน ข้างล่างนี่ไม่มีอะไรเลย นอกจากของเล่นลูก คนไปบ้านก็จะงงว่านี่บ้านเหรอเนี่ย เก้าอี้ โซฟา ไม่มีเลย มีแต่โต๊ะไม้ให้ลูกเล่น โต๊ะกินข้าวให้ลูกเล่น กำแพงให้ลูกเล่น ที่บ้านคือสละกำแพงไว้กำแพงหนึ่งเลยให้ลูกวาดรูป ไม่มีการตกแต่งอะไร

ที่บ้านจะเหมือนใช้ชีวิตจริงๆ แต่ที่นี่มันเหมือนเราได้ออกแบบ-ตกแต่งในแนวที่เราชอบ อย่างที่บ้านจะไม่มีอะไรที่เกินเลยความต้องการ ถ้าอะไรที่เกินเลยความต้องการมันก็เยอะเกินไป เหมือนออกมาจากแมกกาซีน บ้านโรสก็คือ ฉันใช้แค่นี้ อยู่แค่นี้ ก็เลยแต่งแค่นี้ (หัวเราะ) เวลาใครจะขอไปถ่ายที่บ้าน โรสจะบอกว่าไม่มีอะไรให้ถ่าย บ้านเป็นพื้นที่ของลูกเลย บางทีเราไม่อยากไปรบกวนพื้นที่ของลูก”

รายงานข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/ASTV สุดสัปดาห์

ภาพโดย ธนารักษ์ คุณทน
 

“พระนครนอนเล่น” เลขที่ 46 ซอยเทเวศร์ 1  ใกล้ตลาดเทวราช เข้ามาในซอยประมาณ 50 เมตร จะเจอโรงแมอยู่ทางขวามือ เยื้องโรงเรียนสตรีวรนาถ
เว็บไซต์ http://www.phranakorn-nornlen.com/

บริการอินเทอร์เน็ตฟรีสำหรับแขกที่มาพัก

ตกแต่งด้วยซุ้มร้านขายของเก่า แสดงเอกลักษณ์ความเป็นไทย


ห้องแต่ละห้อง เพนต์ลวดลายเป็นเรื่องราวแตกต่างกัน



สวนผักปลอดสารขนาดย่อมบนดาดฟ้า
บรรยากาศร่มรื่น ด้วยต้นไม้นานาพรรณ

กำลังโหลดความคิดเห็น