คงไม่ง่าย ถ้าการมีชีวิตทั้งในแวดวงธุรกิจ หน้าที่การงานและวงการบันเทิงจะดีไปเสียทุกอย่าง และยิ่งในช่วงเวลาอายุอานามที่มากขึ้น ดาวที่เคยพร่างพราวบนฟ้าก็อาจหันเหไปทำธุรกิจอย่างอื่น ทั้งที่ไปทำธุรกิจแบบจริงจังหรือบังหน้าก็มีไม่น้อย แต่สำหรับ “พล ตัณฑเสถียร” ภาพพ่อครัว และเจ้าของร้านอาหาร อีกทั้งเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ให้กับสถาบันสอนทำอาหารระดับโลกอย่าง Le Cordon Bleu (เลอ กอร์ดอง เบอ) ทำให้ชีวิตพระเอกของเขากลับกลายมาเป็นพ่อครัว โดยไม่อยากหวังพึ่งบารมีพระเอก
เส้นทางกว่า 30 ปีแห่งการต่อสู้ และกำลังใจในการใช้ชีวิต M-Light มีโอกาสได้พูดคุยกับหนุ่มคนนี้ ในญานะผู้บริหาร พ่อครัว และผู้อำนวยการร้านกาแฟ 24 ชั่วโมง เรียลิตีรายการแรกที่เดิมพันด้วยการเป็นเจ้าของร้านกาแฟ และกำไรในการขายกาแฟอีก 3 ปี โดยมีเขาเป็นผู้ควบคุมผู้เข้าแข่งขัน และดูเขาเองก็ตื่นเต้นกับหน้าที่นี้ไม่น้อย อีกทั้งพร้อมให้ประสบการณ์ทั้งหมดที่มีผ่านชีวิตของเขา เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่อาจยังหาตัวเองไม่เจอเรื่องอาชีพ
ชีวิตไม่เคยนั่งรอโอกาส
ไม่ง่ายนักกับการเข้ามาในวงการบันเทิงของผู้ชายชื่อ “พล ตัณฑเสถียร” และเราก็คุ้นเคยกับงานแสดงของเขาดีแม้ว่าช่วงหลังเขาจะหันหน้าไปทำธุรกิจร้านอาหาร Spring & Summer รายการอาหารพลพรรคนักปรุง หันไปจับกะทะอย่างเป็นทางการมานานหลายปีแล้ว แต่พล เล่าสั้นๆว่าชีวิตเขาก็ไม่เคยนอนรอโอกาส และโอกาสที่ว่าก็ไม่ได้มีช่องทางเหมือนเช่นทุกวันนี้
“พลไม่เคยนอนรอโอกาสนะบอกเลย ว่าที่ได้เขียนคอลัมน์ในแพรว ก็ส่งไปเองเขาไม่ได้มาขอร้องเลย วิ่งเข้าหาโอกาสตลอด”... พลตอบถึงโอกาสที่หลายคนจะมองว่าเขามีโอกาสดีแต่แท้ที่จริงแล้ว เขาวิ่งชนโอกาสทุกครั้งจนมีโอกาสได้ทำหลายๆอย่าง
“พลไม่เคยมีแมวมองเข้ามาในชีวิต ตั้งแต่เล่นคู่กรรม พลก็ต้องไปออดิชัน อยากเล่นละครเวทีพลก็ไปขอเขา เขาก็ไม่ให้เล่น พลต้องไปเป็นแบ็กสเตจ จนในที่สุดเขาก็ยังไม่ให้เล่น จนสุดท้ายออกจากโรงละครกรุงเทพ ช่วยไปทำตัวให้ดังก่อน พูดง่ายๆ เราก็ต้องไปเล่นหนังก่อน พอดังเลยขอเข้าไปเล่น ทุกอย่างพลเลือกเองหมด อาชีพด้านอาหาร ก็เลือกเองหมดเลย ของานเข้าด้วยซ้ำ พลเขียนคอลัมน์ที่แพรว แพรวไม่เคยโทรมาชวนเลย ยื่นตั้งหลายเล่มกว่าจะมีคนตอบรับ”
เงินไม่ใช่คำตอบของทุกอย่างเสมอไป
โดยเส้นทางชีวิตของพล อาจไม่ได้มองเงินเป็นตัวหลัก หากแต่วันที่เขาเป็นผู้บริหารร้าน “เงิน” ไม่ใช่ตัวแปรที่ทำให้เขาเลือกคนเข้าทำงาน
“การประสบความสำเร็จจองมนุษย์หนึ่งคน ไม่ใช่มาจากตัวเลข ไม่ได้มียอดเงิน5 ล้าน หรือ10ล้านในบัญชี มันหมายความว่าคุณได้เป็นในสิ่งที่คุณอยากเป็นหรือเปล่า ถ้าอยากเป็นนักข่าวต้องได้เป็นนักข่าวไม่ใช่ว่ามีคนมาชวนไปทำบัญชี คุณก็ไป แล้วคุณก็ไปดีทางนั้น พลถือว่าไม ใช่เรื่องที่จะประสบผลสำเร็จนะ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เราตั้งใจทำ ฉันอยากจะทำแค่งานเล็กๆ ขายกิฟต์ชอป แล้วได้ขายกิฟต์ชอปจริงๆ พลถือว่าเขาประสบความสำเร็จในจุดมุ่งหมายที่เขาอยากเป็นแล้ว”
ธุรกิจร้านอาหาร ใครว่าง่าย !
ในวันที่ก้าวเข้าวงการอาหารจริงๆ กระทั่งมีร้านเป็นของตัวเองหลายคนอาจจะมองว่าเขาสบายแล้ว แต่เขายืนยันว่า ธุรกิจอาหารมีปัญหาทุกวันและมีความละเอียดอ่อนมาก
“จริงปัญหาคงมีทุกอาชีพ ทุกธุรกิจต้องเจอคือเรื่องคน คนนี่แหละ ใช่ว่าได้คนดีจะไม่มีปัญหานะ มีปํญหาตลอด คนดีคนหนึ่งมันห้อมล้อมด้วยคนหลายๆคนก็มีปัญหาครับ พ่อครัวพลคนหนึ่งดีมาก มาบอกเราว่าทำงานไม่ได้แล้วครับต้องมาลาออก เราก็ถามว่าทำไม เขาบอกว่ากลับบ้านดึกแล้วแฟนห่วง เขาก็เลยบอกขอให้ย้ายไปอยู่ที่ทำงานเดียวกัน ไปเป็นเซลส์ เราก็บอกโอเค รักแฟนก็ไปเถอะ จุดมุ่งหมายคนเราไม่เหมือนกัน ต้องปล่อยเขาไป มันเป็นปัจจัยที่เราแพลนไม่ได้ คนเป็นปัจจัยที่น่ากลัวที่สุด พลเลยเลือกลงทุนกับคน ดูแลเขาให้ดี ให้เหมือนญาติเรา เขาจะได้อยู่กับเรานานๆ กิน นอนกับเขาได้ไม่มีช่องว่างแล้วจะดีเองทั้งเราทั้งเขา”
“พลพูดตรงๆว่าทำร้านมาแล้ว 6 ปี ทุกคนมองว่าคงสบายแล้ว เข้าที่แล้ว บอกเลยว่าทำร้านอาหารปัญหาไม่มีวันจบ ร้านอาหารเหมือนโรงละครโรงหนึ่งเล็กๆ คนที่อยู่ข้างในเป็นผู้บริหารจะแก้ปัญหาอย่างไร คนมีความต้องการเพิ่มขึ้น สิ่งที่เราให้กับผู้บริโภค มันยังไม่พอ เขาอาจจะต้องการอินเทอร์เน็ตไวไฟ เขาอาจจะต้องการ อะไรที่มันเพิ่มเติมขึ้นเยอะแยะ เราก็ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมไปเรื่อยๆ”
อย่าทำอะไรเพราะ “เทรนด์”
พอให้ถามถึงแนวทางในการทำธุรกิจ และทำชีวิตให้มีเป้าหมาย ต้องทำอย่างไร พลบอกว่าหลายคนคิดว่าการเปิดร้านอาหาร คิดว่าเป็นเรื่องง่าย เชื่ออย่าทำตามกระแสแต่ให้ยึดหลักความตั้งใจจากสิ่งที่ตนเองอยากทำแบบจริงจัง
“มีคนชอบมาถามพล พี่พลครับผมอยากเปิดร้านอาหาร ตอนที่เทรนด์อาหารกำลังมา อย่าคิดว่าเทรนด์อะไรกำลังมา คุณคิดว่าเขากินอาหารไทย อิตาเลียน ญี่ปุ่นได้ทุกวันมั้ย เขาเปลี่ยนไปทุกวัน แล้วร้านคุณมีกี่โต๊ะ เป็นในสิ่งที่อยากเป็น ทำในสิ่งที่อยากทำ แล้วคุณจะทำได้ดี คุณไม่กินอาหารญี่ปุ่นเลย แต่กินอาหารใต้ แล้วจู่ๆ อาหารญี่ปุ่นมาแรง แล้วคุณจะมาทำอาหารญี่ปุ่น แล้วคุณจะรู้อะไร แล้วถ้าทำในสิ่งที่รัก แล้วทำได้ดี และชัดเจน ทุกคนจะไปได้"
"ต้องบอกว่าบางคนก็ไม่ชอบทำธุรกิจ บางคนชอบทำงานเป็นศิลปินเดี่ยว ต้องปล่อยตามใจเขา บางคนไม่ชอบบริการชีวิตคนอื่น บางคนชอบอิสระ บางคนอยากเป็นนักโฆษณา อยากทำฟรีแลนซ์ เพราะฉะนั้นทุกคน ทำในสิ่งที่อยากเป็น ถ้าเริ่มใหม่ก็ต้องเริ่มทำในสิ่งที่คิดว่าใช เพราะว่าคุณจะต้องอยู่กับมันตลอดชีวิต มันต้องสนุก ทำให้งาน เป็นงานอดิเรก และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ทำให้ชีวิตของคุณตื่นแล้วอยากไปทำงาน"
อย่าฟุ่มเฟือยจนลำบาก
พล ทำธุรกิจ มีร้านอาหาร มีงานแสดง อีกทั้งยังมีหลกหลายกิจกรรมที่เขาเองทำเพื่อให้เกิดรายได้ แต่ตัวเขาเองกลับบอกว่าเงินที่มีไม่ได้มากมาย หากแต่มีพอที่จะไม่ทำให้ตัวเองลำบาก
"บริษัทพลเป็นบริษัทเล็กๆ ชื่อบริษัท HWM จำกัด ทำงานโฆษณานิดๆ ยังงงกับมี รายการอาหารเต็มรูปแบบ เอาประสบการณ์อาหารที่พลได้เรียนมาแบ่งปัน แล้วก็พยายามเสนอในแง่ที่ว่าให้คนทั่วไปทำได้ ไม่ได้เสนอในรูปแบบเชฟทำ คนอาจจะรู้สึกในเรื่องไกลตัว พลอยากทำเมนูง่ายๆให้คนทำตามได้"
"ทำงานหลายอย่าง แหม...ก็ไม่ได้มีเงินมากมาย พลเป็นคนชอบเก็บตังค์ พลไม่ค่อยใช้ เสื้อผ้าแทบไม่ซื้อเลย แต่งตัวแบบใส่เสื้อเชิ้ต สแล็ก ยีนส์ แค่นี้ คนคิดว่าพลได้ตังค์เยอะ แต่จริงๆ พลเอามาแปรรูปหมดเลยพลจะแปรรูปธุรกิจ ร้านที่จะเปิดใหม่อีก 3 ร้าน แล้วเราก็เอากำไรจากของเดิมมาเปิด เพราะฉะนั้นเงินเก็บเป็นก้อนใหญ่ๆ ไม่มีเยอะหรอกครับ มีพอแค่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเราเอง เราไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินใคร เวลาที่เรามีแรงที่จะทำ ทำไปก่อนดีกว่า
เอาตังค์มาแปรให้เป็นทรัพย์สินต่อยอดให้เราได้ ดอกเบี้ยไม่ต้องพูดถึง เงินไม่เยอะครับ พลไม่มีของเก่า ครอบครัวพล ค่อนข้างใหญ่ แม่เป็นครอบครัวกงสี แม่เก็บของเขา ซัปพอร์ตของที่บ้าน เขาก็มีบริษัทเรามาเริ่มต้นจากศูนย์หมด ครอบครัวพลไม่มีใครมาทางสายบันเทิงเลย"
ผู้จัดการร้านกาแฟ 24 ชั่วโมง
“ทรู วิชั่นส์” ทำเรียลิตีชื่อรายการคอฟฟี่ มาสเตอร์ (Coffee Master) โดยมีพล เป็นผู้จัดการร้าน ดูแลผู้เข้าแข่งขันอีก 12 คน เพื่อหาผู้ชนะ เขาเองบอกว่าระยะเวลา 2 เดือนในร้านกาแฟที่เซ็นทรัลเวิลด์ เกมอาชีพ ที่ของรางวัลเป็นเจ้าของร้านกาแฟ พร้อมผลกำไร 3 ปี อดีตคนทำงานในเครือเซเว่นฯอย่างเขา เตรียมพร้อมถ่ายทอดประสบการณ์ในหน้าที่นี้อย่างเต็มที่
“พลเรียนตรงๆเลย หลายคนคิดว่าเราจะวางคาแร็กเตอร์ตัวเองอย่างไร เราจะทำอย่างไร คือส่วนตัวพล เป็นตัวเราดีกว่า พอมัน 24 ชั่วโมง มันไม่ใช่ละคร มันต้องเป็นตัวของตัวเองนี่แหละ ไม่เหนื่อย อะไรที่มันจะเกิดขึ้นเราไม่รู้ อันนี้ซีซั่นแรก แล้วพลไม่รู้ว่าวัตถุดิบเป็นอย่างไร 12 คน พูดจารู้เรื่อง หรือพูดไม่รู้เรื่อง หรือต้องพูดทุกวัน พลเองรู้ว่ามีกล้อง เราต้องควบคุมอารมณ์ให้อยู่ อย่างหนึ่งพลคิดว่าหลายๆอย่างตรงนี้ต้องควบคุมได้ในระดับหนึ่ง คำพูดคำจา ก็ต้องระวัง ในพื้นฐานที่เราต้องสุภาพ สิ่งหนึ่งที่เราต้องให้คือผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก ติเป็นติ ชมเป็นชม ก็ตามจริงไป พลเชื่อว่าถ้าเผื่อเราไม่เป็นกลางหรือว่าวิธีการให้คำแนะนำของเราไม่เป็นกลาง คนก็จะวิจารณ์เราได้เหมือนกัน เราก็พยายามทำใจนิดหนึ่งเวลาจะพูดอะไรก็คิดสองครั้งเสมอ”
อยากเป็น “พ่อพระ” ของเด็กในร้าน
ในการใช้ชีวิต หรือสวมหมวกใบไหนก็ตาม ย่อมเกิดปัญหา หนักเบาแล้วแต่การบริหาร แต่สำหรับพล เขาเองบอกว่าในการทำงานย่อมมีคนหลายประเภท แต่สำหรับตัวเขาเองอยากเป็นพ่อพระของลูกน้องเสมอ
“เด็กในร้านจะมีสองอย่าง ตัวพลเองอยากเป็นพ่อพระให้เด็ก มันมีเด็กสองกลุ่ม กลุ่มคนที่ทำงานกับพล แล้วอีกกลุ่มหนึ่งคือลูกน้องของเด็กที่ทำงานกับพล ทุกวันนี้ พลจะไม่ใช่คนรีคูตเข้ามาเอง ข้อเสียของพลคือไม่รู้ชื่อ ไม่รู้จะทักอย่างไร ก็ต้องพยายามจำชื่อ ไม่ทำให้เด็กที่อยู่ล่างสุด ห่างกันเกินไป อยากระบายอะไรได้เลย เราอยากเป็นพ่อพระให้เขา ในแง่ของการที่ว่าเข้ามาทัก ทักทายเขา จะไม่คุยเรื่องงาน ทำจานแตก ล้วงมือถือส่งเมสเสจ เราไม่เตือนเด็กนะ แต่จะคุยกับเจ้านายเด็ก ลงไปเตือนปุ๊บเด็กไม่กล้าเข้าหาเรา ให้เจ้านายเขาไปจัดการ เขาจะได้ไม่งงว่า เขามีเจ้านายกี่คนกันแน่ พลไปฝึกงานมา ถ้ามีโอกาส ก็จะหิ้วเด็กเราไปเป็นโบนัสเขา บางทีพอเราไปได้ทำงานเมืองนอก ไปเสียเงินเรียนเอง หิ้วเขาไปเรียนด้วย ให้เขารู้สึกว่าเขาคือครอบครัวเรา”
***
"ถ้าคุณไม่สามารถทำอะไรก็ตามให้ดีได้ ก็จงพยายามทำให้มันดูดีที่สุด"…บิลล์ เกตส์ นักธุรกิจที่รวยเป็นอันดับต้นๆของโลก
ข่าวโดยทีมงาน M-Lite