xs
xsm
sm
md
lg

"อย่ายึดติด" ...ธรรมะของเจ้านาย พูดง่ายแต่ทำโคตรยาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ณภัทร ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม
หลายคนคงคุ้นเคยกับภาพยนตร์เรื่องมะหมา สี่ขาครับ เมื่อ3 ปีก่อน อีกทั้งผลงานเฉลิมพระเกียรติ อีกหลายต่อหลายเรื่องที่บริษัท NGR ผู้ผลิตหนังให้ได้ชมกัน และกับค่ายหนังเดิม และผลงานล่าสุด กับ “October Sonata” โดยมี “ณภัทร ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม” คือผู้อำนวยการผลิต ร่วมกับ “วิชา พูลวรลักษณ์” เจ้าของโรงหนังเมเจอร์ฯ วันนี้ M-Light มีโอกาสพูดคุยกับเธอ ผ่านเรื่องราวชีวิตในหลากหลายมุมที่สอดแทรกธรรมะที่แน่นอนว่า ผู้หญิงทำงาน ปากร้ายใจดีคนนี้ มีหลายอย่างที่น่าสนใจมากกว่าเครื่องรางของขลัง ที่เธอชอบแจกเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับผู้ร่วมงาน รวมไปถึงสื่อมวลชน

“พระ” ของขลังทางใจ

“เราเองเป็นคนชอบแจกของดีๆ เราไปวัดไหนมาได้อะไรมาเราก็อยากแจกให้ มันเหมือนเป็นขวัญ เป็นกำลังใจ แต่ไม่ใช่ไปทำมั่วๆมานะ จะให้อะไรใคร ก็ต้องให้ของดีจะได้เริ่มแต่สิ่งที่ดีๆ” … เราถามหลังจากที่ทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นรอบสื่อ หรือการแถลงข่าวของบริษัท NGR เจ้าของบริษัทอย่าง ณภัทร จะมีขวัญและกำลังใจให้ไม่ว่าพระ ตะกรุด หรือเครื่องรางของขลัง ให้กับสื่อมวลชน และแขกผู้มาร่วมงานเสมอ

ก่อนที่เจ้าตัวจะเล่าว่าสาเหตุที่ทั้งบ้าน และออฟฟิศของเธอเต็มไปด้วยพระ และเครื่องรางของขลัง เพราะเป็นความศรัทธาส่วนตัว รวมไปถึงมีคนเช่ามาฝาก จึงทำให้ทุกเทศกาลที่มีการไหว้พระไหว้เจ้า บริษัทนี้จึงไม่ได้ว่างเว้น หากแต่มีคนทักว่าทำแล้วดี เธอจึงเป็นแกนนำ ให้ลูกน้องในบริษัทในยามทำบุญในเทศกาลต่างๆ

“ส่วนใหญ่เราก็พาเด็กๆไหว้ ส่วนพระนี่เป็นคนชอบพระ เป็นคนสวดมนต์ที่บ้านอยู่แล้ว ใครเห็นหรือมีก็เอามาให้ ไม่มีที่เก็บแล้วเยอะมาก กระจายมาบ้าง เด็กๆที่นี่ส่วนใหญ่เขาจะไหว้พระกัน เวลาวันสำคัญเด็กๆจะมารดน้ำเรา ปีใหม่ สงกรานต์ ตรุษจีน พระศุกร์เข้าพระเสาร์ออกไหว้พระ เอาอาหารมาเลี้ยงกัน มันคือวัฒนธรรมแล้ว เราก็สอนเขาว่าวิธีการทำบุญเริ่มต้นคือต้องตั้งใจ เขาก็รู้สึกว่าตอนที่เขาตั้งใจเนี่ยเขาได้บุญแล้ว มันคือความสุขทางใจ สงกรานต์เราก็มีรดน้ำ ตรุษจีนก็มีแต๊ะเอีย น้อยบ้าง มากบ้าง เราก็จะมีเขียนแซวแต่ละคน เขาจะเรียกว่าความสุขไม่ได้คิดเป็นเงิน” ...และนั่นคือวิธีการสอนให้ลูกน้องเริ่มเข้าถึงการทำบุญในแบบของณภัทรที่มีพื้นฐานจากความสบายใจเป็นที่ตั้ง

ผู้หญิงร้าย ลูกน้องรัก

ด้วยบุคลิกที่ดูแกร่ง ห้าว และอาจไม่หวานแหววสไตล์ใคร แต่ดูเหมือนณภัทร กับลูกน้อง จะมีเรื่องให้เคี่ยวเข็ญกันอยู่บ่อยๆ เจ้าตัวยอมรับว่าเป็นคนใจร้อนและปากไว แต่หากว่าตนเป็นฝ่ายผิด ก็ไม่อายที่จะต้องขอโทษเด็ก

“เราเป็นคนใจร้อน แต่ใจร้อนไม่ได้แปลว่าทำอะไรไม่คิดนะ แต่ใจร้อนคือไม่ใจเย็นเวลาคิดงาน แต่เมื่อตัดสินใจแล้วต้องรีบทำให้เสร็จ มัวเอิงเอยอยู่ก็ไม่ได้ แต่งานการตลาดมันไม่ได้มีแค่นั้น มันมีมากกว่านั้นไปอีก เมื่อเราตัดสินใจแล้ว ลงมือทำให้เร็วที่สุด ใจร้อนตรงงานเมื่อทำแล้วต้องให้เสร็จเร็วที่สุด แล้วแตกยอดไป ให้เวลา 10 วันให้เสร็จภายใน 7 วัน อีก 3 วันตรวจแก้ เราเผื่อไว้ แต่เด็กรุ่นใหม่สั่งไปมันส่งวันที่ 10 ไม่ก็วันที่ 9 แล้วจะเอาเวลาที่ไหนแก้งาน บางครั้งความเข้าใจมันไม่ตรงกัน”

“เรายกตัวอย่างให้เด็กฟังเสมอว่า หนังสือเล่มเดียวกัน ครูคนเดียวกันสอนเด็ก แต่ทำไมอีกคนได้ที่หนึ่งอีกคนสอบตกล่ะ ทำไมอีกคนได้A อีกคนได้ B ได้C ล่ะ เพราะสมองคนเราไม่เท่ากัน หิวจิตหัวใจคนเรามันก็ไม่เท่ากัน อุดมคติทุกวันนี้คือชิลๆ ตถตา มันก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ทำงานทุกวันมันก็มีเครียดไอ้นั่นไม่เสร็จ ไอ้นี่ไม่เสร็จ มีปัญหาที่เราต้องแก้”

ในวันที่เราแย่ อาจมีคนที่แย่กว่า

ณภัทรเล่าว่าในการทำงานล้วนแล้วแต่มีปัญหาทั้งสิ้น และเมื่อใดที่เธอทุกข์ เธอเล่าว่าต้องหาทางออกด้วยการระบายให้บรรดาเพื่อนๆของเธอ และบางครั้งการระบายที่ว่ากลับทำให้เห็นว่า ทุกชีวิตล้วนแล้วแต่มีทุกข์และทุกข์นั้นอาจมากกว่าทุกข์ที่เธอมีอีกด้วยซ้ำไป

“เวลาทุกข์ก็หายใจลึกๆ น้ำตาจะไหลก็ให้มันไหล แต่จะไม่ฟูมฟาย แต่ก่อนตอนเป็นสาวๆก็ชอบร้องไห้ แต่พออายุมากขึ้น เรียนรู้มากขึ้น ชีวิตเปลี่ยนเอาความตลกเข้าข่ม เวลาโกรธก็กดลมปราณ มันเลยดีขึ้น ตลกๆไป ทำใจให้เย็นที่สุด ล้างหน้าล้างตา เอาขนมหวานใส่ปาก เวลาโมโห เปิดเพลง แต่ก็ไม่ใช่เปิดเพลง ถึงเขาหลอก แต่เต็มใจให้หลอกนะ ก็แนวอื่นไป อย่าไปอยู่ใกล้กับสิ่งที่มันจะตอกย้ำความสุขเรา โทรศัพท์ไปหาเพื่อน รีบออกจากบริเวณนั้นให้เร็วที่สุด บางทีเราโทรหาเพื่อนเราบอกเพื่อนว่าไปกินข้าวกัน บางทีไม่ใช่หรอก ทุกข์แล้วอย่าเก็บไว้คนเดียว หาคนที่เราไว้ใจที่ไม่พูดมากคุยกัน บางทีไปเล่าเนี่ย แม่งเอ๊ย! มันเครียดกว่าเราอีก มันทุกข์กว่าเราอีก (หัวเราะ)”

ผู้หญิงหลายวัย ในร่างเดียว

ด้วยภาระหน้าที่การงาน ทำให้ต้องผูกพันกับคนหลายเพศหลายวัย ตั้งแต่เด็กรุ่นใหม่จนถึงผู้บริการระดับสูง แต่ไม่ทำให้ณภัทรวิตกต่อการดำรงชีวิตแต่ประการใด

“เราอายุ 58 แล้ว เรารู้สึกว่าไม่ว่าจะโกรธหรือผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะวัยไหนก็ตาม เขาต้องการความรัก ความยอมรับและความเข้าใจ ถ้าเข้าใจเขาก็โอเค เราแสดงว่าเรารักเขา ทำให้รู้สึกว่าให้เกียรติเขา คิดว่าวัยไหน ก็เข้าถึงกันได้ มนุษย์ทุกคนก็รักความสุข บางทีเรารู้จักวัยรุ่นจะคบกับรุ่นน้อง บางทีก็มีคำพูดแบบมึงแบบนั้น กูอย่างนี้ ฟังก็ขัดๆหู แต่มีคำว่าไอ้เตี้ย (ห หีบ) เขาบอกว่ามันคืออะเมซซิ่ง เราก็จำว่าเออมันอะเมซซิ่งนะ หรือเพื่อนสาวชอบด่า อี ดอก …(ไม้) เราก็จะเข้าใจว่ามันคือดอกไม้ อีผักกาดแก้ว อีกวางตุ้ง อีผักบุ้งทะเล เราก็ชอบบัญญัติศัพท์ เวลาทำงานก็มีความสุข ใช้มุมมองทุกอย่างแบบอาร์ติสท์มอง ไม่ยึดติด ชิลชิล ทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองมีความสุข อาร์ติสท์ ไม่ได้แปลว่าเอาแต่ใจตัวเอง มันต้องทำให้ตัวเองมีความสุขด้วย มันถึงมีคำว่าเสพงานศิลป์ จึงได้ชื่อว่าอาร์ติสท์”

เก่งเพราะโดนโกง

ด้วยท่าทางที่ดูห้าวหาญ แต่เธอบอกกับเราว่าแท้ที่จริงแล้วคงเป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอกที่คนอื่นยกตำแหน่งนี้ให้เธอเท่านั้น เพราะในชีวิตจริงเข้มแข็ง และเดูเหมือนเท่าทัน แต่ก็ไม่วายโดนโกงมาแล้วจนทำให้รอบคอบในชีวิตมากขึ้น

ถูกโกงก็มาเยอะ หน้าตาเราน่าจะโกงคนอื่นเขามากกว่า (ยิ้ม)”... ณภัทรพูดพลางหัวเราะ

“ต้องโทษพ่อแม่ที่สอนให้เรามองโลกในแง่ดี สอนให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา ในยุคนั้นน่ะมันใช้ได้ แต่ปัจจุบัน เขาตัวใครตัวมันแล้ว ทำอะไรต้องคิดก่อนพูด พูดแล้วต้องทำ เราถูกสอนมาทุกอย่างมีกรอบ มีระเบียบ มีที่มาที่ไป คุณพ่อเราสอนว่า จำไว้นะลูก เงินคือกระดาษที่เราไปให้ค่ามัน อย่าให้มันฆ่าเรา สมัยก่อนอะไรเนี่ย งง ไม่รู้เรื่อง พ่อเป็นคนที่ชอบจดคำคมให้ลูก แล้วก็มาอ่านแล้วก็เอามาสอน ที่บ้านวางของไว้จะไม่หาย แต่ต้องระวัง พ่อบอกว่าคนเราน่ะ ไม่มีใครอยากทำชั่วหรอก ถ้าเราไม่เปิดโอกาสให้เขา ถ้าเกิดไม่วางขนมไว้ให้เด็กมันเห็น เด็กมันก็ไม่อยากกิน วางวันแรกเขาก็ไม่กินกลัวโดนจับได้ เพราะเขายังไม่หิว ไม่ลำบาก วันที่สองเดินมา เริ่มมองซ้ายมองขวา วันที่สามเริ่มหิว ก็กิน ถ้าเป็นเงินก็หยิบไปใช้แผ่นหนึ่ง คนเราแต่ละวันมันเปลี่ยน วันหนึ่งจำเป็นก็ต้องขโมย นั่นคือเราเปิดโอกาสให้เขาทำชั่ว”

“อย่ายึดติด”...จำไว้ให้ขึ้นใจ

พอเราถามถึงหลักธรรมข้อใหญ่ๆในชีวิต ที่ผู้หญิงทำงานเจอสิ่งต่างๆมาอย่างโชกโชน แต่เธอยอมรับว่า “การยึดติด” ไม่ได้ทำให้ชีวิตมีความสุขแม้แต่นิด และเธอก็รอวันที่จะทำให้ชีวิตเข้าถึงคำนี้ได้อย่างแท้จริง

“แต่ก่อนเด็กๆจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด ตอนนี้มันเท่าไหร่แล้วก็ขณะนี้กำลังมีปัญหาเรื่องหลาน พ่อแม่ก็เห่อหลาน บางทีเขาไม่มา เราก็เศร้า เราก็อาศัยหาความสุขจากเขา เรานั่งรอทั้งวันแต่ความจริงบอกเขาว่าแม่ไปดูหนังนะ เราต้องไม่ยึดติด ไม่โกรธ เคยบอกเขาว่าถ้าเราขายบริษัท เราก็บอกเขาว่ามีที่ไหนเข้างาน11โมง ที่ไหนมาขอไปซื้อของข้างนอกได้ เราก็บอกเขาใหม่ ว่าต้องขยันขึ้น อย่าคิดมาก แล้วมองโลกในแง่ดี หัวเราะไว้ โมโหก็หัวเราะ สร้างสรรค์เข้าไว้ บางคนชอบบอกว่าอย่ายึดติด แต่โคตรยึดติดเลย นี่พูดตรงๆ เราต้องไม่หลอกตัวเองเพราะแท้จริงแล้วไม่มีใครทำอะไรได้สำเร็จทุกอย่างหรอก”

Positive Thinking ของผู้หญิงคิดบวก

“เราไม่ใช่คนสรรหาที่ทำบุญหรือว่าอะไร แต่นั่งสมาธิที่บ้านทุกวัน ที่บ้านจะรู้ว่าสวดมนต์ไหว้พระทุกเช้า สั้นยาวไม่สำคัญ ทำให้เป็นปกติ แต่ก่อนตอนเป็นสาวๆ ไม่สนใจ มันจะช่วยอะไรได้ แต่พอแก่ตัวมามันช่วยได้จริงๆ บางทีเราไม่รู้ว่า บางคนไปสรรหาที่นั่งสมาธิไกล แต่เราคิดว่าเฮ้ย เราให้ค่าข้าวกลางวันคนขับรถ ก็ทำบุญเหมือนกัน นอกเหนือไปจากเงินเดือนนะ แต่ก่อนให้วันละร้อย แต่เศรษฐกิจไม่ดีเลยให้ 150 บาท เราก็ได้ทำบุญกับคนใกล้ตัว”


“อะไรก็แล้วแต่ว่าอย่าเอาความคิดตัวเองเป็นหลัก ความคิดของเราเป็นของเรา แต่เอาเป็นหลักมากไม่ได้ มันต้องฟังความคิดคนอื่นด้วย ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ทุกคนพูดได้ว่าต้องมีสติ พูดได้ แต่เราเองก็ยอมรับว่าเราทำไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ คิดเชิงบวก positive thinking ที่จริงไม่ต้องเรียนรู้ที่ไหนหรอก นะศาสนาพุทธก็สอนตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ทุกอย่างมันมีอยู่ ใครโชคดีก็เจอ โชคไม่ดีก็ไม่เจอ

“เราก็ร้าย แต่ร้ายก็รักน่ะ (ยิ้ม) อายุขนาดนี้ มันก็เผลอที่จะเรียบเรียง บางทีก็โกรธกัน เพื่อนถามว่าทำไงให้แกให้หายโกรธวะภัทร เราก็เลยบอกว่าเลิกคบกูไปเลยซิ เราพูดด้วยความภูมิใจ เพราะเราคือที่พึ่งของทุกคนได้ โรคจิต ที่ว่าใครสั่งให้ทำอะไรต้องทำ เพราะมีความสุข ทำแล้วมีความสุข ฉลาดที่จะหาความสุขใส่ตัว บางทีถามลูกน้องว่าวันนี้อยากกินอะไร เขาบอกก๋วยเตี๋ยว แต่เราส่งข้าวผัด แล้วบอกเขาว่าอย่าสมหวังในทุกสิ่ง (หัวเราะ) แซวๆกัน”


ร้องไห้เป็นด้วยหรือ?

ร้องไห้ก็มี คือเวลาที่ไม่มีวันจะได้ดั่งใจทุกอย่าง มันต้องมีปัญหา แต่ว่าสิ่งที่เราทำ มันจะมาหาทางออกไม่ได้ เหมือนครูสอนเด็กค่ะ ทำไม่ได้ เราก็จะเสียใจ เรากำลังไม่เป็นตัวเองหรือเปล่า เราเป็นคนดุทีมงานเจ็บมาก "สอนแล้วไม่จำ จะให้พี่เรียกเราว่าอะไรดี" แต่เราไม่พูดก็ไม่ได้ มีปัญหามาบอกเรานาทีสุดท้าย เราจะไปช่วยอะไรเขาได้ เราเองนี่ก็เป็นคนชอบคิดม็อตโต้เช่น “เกรงใจเมื่อไหร่บรรลัยเกิด” เราไม่ค่อยร้องไห้เรื่องงาน ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องแคร์ความรู้สึกของคนรอบข้าง ทำให้คนรอบข้างเฮิร์ตโดยไม่เจตนานั่นคือสิ่งที่เสียใจ”

***
“ความทุกข์สอนอะไรๆเราได้ดีกว่าความสุข คือสอนตรงว่า-มากกว่า-รุนแรงกว่า ความสุขมีแต่ทำให้ลืมตัว เหลิงจนไม่ทันรู้ และไม่ค่อยสอนอะไร ขอขอบใจความทุกข์ ซึ่งเสมือนเพชรในหัวคางคก”...ธรรมะจากท่านพุทธทาสภิกขุ

ภาพโดย พงศ์ศักดิ์ ขวัญเนตร




คำพูดที่ณภัทรมักเขียนไว้ในที่ประชุมให้ลูกน้องได้อ่าน
กำลังโหลดความคิดเห็น