ร้านนี้...เรา(กุ๊กทั้ง 2 คน)ต่างมีใจรักในการทำอาหาร จึงปรารถนาให้นักชิมทุกท่านมีความสุขกับการรับประทานอาหาร อาหารปลอดภัย สะอาด และมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะเราได้คัดเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุดสำหรับท่าน โดยที่จ่ายค่าอาหารต่อจานไม่แพงเกินไป
** กุ๊ก 1 คนจบการตลาด ** กุ๊กอีก 1 คนจบเศรษฐศาสตร์ สิ่งที่เราคาดหวังคือทุกท่านจะเปื้อนรอยยิ้มออกจากร้านด้วยความสุข แต่! กรุณาอย่าคาดหวังการบริการจากเรา...
“ลองเริ่มต้นด้วยการหาน้ำเปล่าดื่มฟรีสักแก้วสิคะ!”
โปรดระวัง! การ “Complain” ของท่านด้วย เพราะชื่อร้านของเรา...แรง!
ขอบพระคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุน
“ติ-เตะ” อาจเป็นชื่อที่ฟังแล้วงง แต่จากข้อความข้างต้นที่ปรากฏบนเมนูของร้านคงจะพอเข้าใจถึงที่มาบ้าง ซึ่งจริงๆ แล้วชื่อติ-เตะมาจากเมื่อก่อนที่กุ๊กประจำร้านจะชอบแซวลูกค้าออกแนวกวนๆ จึงได้รับหลายฉายา ซึ่งติ-เตะเป็นมติเอกฉันท์ของทุกคนในร้าน ส่วนฉายาอื่น ได้แก่ ร้านภูเขา จากภาพลักษณ์อาหารจานโตเหมือนภูเขาขนาดย่อมบนจานสีขาว หรือร้านลึกลับเพราะร้านไม่มีป้ายชื่อ
“ก่อนหน้าที่จะมาเปิดในอาคารนี้ก็จะเป็นแค่ร้านเล็กๆ มีโต๊ะอยู่แค่ 2-3 โต๊ะเท่านั้น แต่ในที่ปัจจุบันเปิดมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว”
เจ้าของร้านทั้ง 2 คน คือ นันทกรณ์ มังคลรังษี และธนภัทร หอมศิริ ไม่เคยเรียนทำอาหาร แต่ใจรักเรียนรู้วิธีการทำอาหารทั้งเมนูพื้นฐาน เมนูที่คิดค้นสูตรขึ้นมา หรือดัดแปลงให้อร่อยในแบบของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามและตั้งใจทำเสมอมา
ส่วนเรื่องที่ให้ระวังการ Complain นั้นตั้งขึ้นมาขำๆ ให้เข้ากับวัยรุ่นสมัยนี้ และด้วยอุปนิสัยที่ชอบกวนๆ ลูกค้า จึงเป็นที่ติดปากว่า “เฮ้ย...ระวังพ่อครัวนะ เดี๋ยวจะโดนเตะเอา เห็นชื่อร้านหรือเปล่า” ซึ่งจริงๆ แล้วสามารถติชมได้
“ติได้แต่อย่าบ่อยครับ ไม่งั้นอาจมีเตะจริง” กุ๊กทิ้งท้ายในคำตอบ พร้อมยืนยันว่า “...ล้อเล่นครับ”
จุดเด่นของร้านนี้นอกจากชื่อแปลกเตะหูแล้ว เรื่องอาหารก็เด่นไม่แพ้ใคร สำหรับครั้งแรกหากได้เห็นปริมาณอาหารของแต่ละจานแล้วจะต้องอึ้ง! ตะลึง! ไปตามๆ กัน สาเหตุที่เสิร์ฟอาหารในปริมาณที่ทำให้คนธรรมดาอิ่มจุกได้นั้น เกิดจากสมัยที่กุ๊กทั้งสองยังเรียนอยู่ เวลาไปกินข้าวร้านไหนก็รู้สึกไม่อิ่มจึงอยากให้ลูกค้าติ-เตะได้กินแบบจุใจ
“คนกินเหลือก็ค่อนข้างเยอะ เราจึงพยายามลดปริมาณข้าวลง แต่ถ้าใครอยากกินเยอะก็บอกได้ จัดให้ แค่ขอให้บอกก่อน เพราะเหลือเยอะแล้วก็เสียดาย”
นอกจากเสียดายแล้วยังสงสัยด้วยว่าเป็นเพราะอะไร บางรายที่เห็นว่าเหลือเยอะมาก กุ๊กจะเดินเข้าไปถามด้วยตัวเอง ถ้าลูกค้าบอกว่าปริมาณเยอะเกินไป ก็จะบอกกับลูกค้าว่า “คราวหลังมาก็บอกได้ เพราะอยากให้อยู่ด้วยกันนานๆ เข้าไปคุยด้วยดีๆ แต่ลูกค้าก็กลัวกัน...พี่เองก็ไม่เข้าใจ”
ส่วนในกรณีสั่งเป็นข้าวกล่อง ก็จะยังคงปริมาณไว้เหมือนกับมานั่งกินที่ร้าน ดังนั้นจึงเป็นข้าวกล่องที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านอื่นมีตั้งแต่ขนาดใหญ่ปกติไปจนถึงขนาดคิงไซส์ หากส่งใกล้ๆ หรือสั่งหลายกล่องจะไม่คิดค่าจัดส่ง แต่ถ้าไกลก็คิดราคาตามมิเตอร์แท็กซี่เฉพาะขาไป
แม้ว่าอาหารจานยักษ์จะมากด้วยปริมาณแต่ใช้วัตถุดิบคุณภาพดี โดยผู้เป็นพี่สาว(กุ๊กอีกคน)ไปเลือกซื้อจากตลาดด้วยตัวเอง โดยเมนูที่นี่มีอยู่หลากหลายสไตล์ตามสั่ง แต่ผสมผสานอาหารหลากเชื้อชาติตั้งแต่อาหารอิตาลีอย่างสปาเก็ตตี้ มะกะโรนี เมนูตะวันตกอย่างสเต๊ก หรืออาหารญี่ปุ่นซึ่งมีเมนูสำหรับคนชอบลองของคือ ‘ข้าวหน้าคัตสึด้ง’ ที่มีปริมาณข้าว หมูทอด ผัก และซอสราดรวมแล้วเหมือนรับประทานติ-เตะจานปกติเกือบ 2 จานในจานเดียว และเชื่อหรือไม่ว่ามีนักศึกษาหอการค้าปี 4 พิชิตชัยมาแล้วในเมนู คัตสึด้งพิเศษ!
ส่วนเมนูเด็ดๆ ที่กุ๊กยืนยันมั่นใจว่าอร่อยชัวร์ๆ อีกทั้งยังเป็นเมนูที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มลูกค้า นั่นคือ ‘ข้าวผัดมันกุ้ง’ กับกุ้งทอดตัวเป้ง 5 ตัวบนยอดสุดของภูเขาข้าวผัดมันกุ้งเน้นๆ
หากคุณมั่นใจว่ามี ‘กระเพาะเหล็ก’ และอยากรับประทานอาหารแบบอิ่มสะใจ เปื้อนรอยยิ้มแล้วล่ะก็ “ติ-เตะ”พร้อมให้คุณมาพิสูจน์
ร้าน “ติ-เตะ”
239/52 ซอยประชาสงเคราะห์ 27 หลังมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
เปิดบริการ 10.00 – 21.00 น. (หยุดวันอาทิตย์)
บริการจัด-ส่งข้าวกล่อง สั่งด่วนโทร.089-444-1091
แนะนำก่อนเข้าร้าน
- หลังจากจดรายการอาหารส่งแล้ว เมื่อกุ๊กทำเสร็จจะต้องเดินไปหยิบอาหารด้านหน้าร้านเอง พร้อมกับชำระค่าอาหารก่อน และขอย้ำว่าเขียนอย่างไรได้ตามนั้นจริงๆ
- อย่าลืมเหลือที่ไว้รับประทานของหวานอมตะอย่าง “เฉาก๊วยหิมะ” ที่เนื้อเฉาก๊วยหนึบ น้ำเชื่อมหวานกำลังดี กับเกล็ดน้ำแข็งละเอียดนุ่มสี ขาว