xs
xsm
sm
md
lg

ณพสรา ไทยวัฒน์ แม่ศรีเรือนยุคใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


     ส่วนตัวเชื่อว่าอย่างน้อยๆ ไม่ว่าจะเป็นยุคไหน...โลกจะหมุนสักเท่าไหร่ สิ่งหนึ่งที่ผู้หญิงไทยทุกๆ คนควรที่จะมีติดตัวมาก็คือการทำอาหารค่ะ” 

     ด้วยวัยเพียง 19 ปี ของ “ณพสรา ไทยวัฒน์” หรือ “เอื้อน” บุตรสาวคนเดียวของ "เศกศักดิ์" และคุณหญิง "เยาวนาถ" ไทยวัฒน์ กับ วิธีคิดข้างต้นของสาวยุคใหม่ที่อิงทุกๆ สิ่งอยู่กับเทคโนโลยี “ไร้สาย” นับว่ามีความหมายมากมาย

   เพราะไม่เพียงสะท้อนสิ่งที่ เอื้อน หลงรัก คือการทำอาหารจริงๆ เท่านั้น...!

    ทั้งยังเป็นการ “ผสม” ระหว่างความใหม่ ผสาน” เข้ากับ วิถีชีวิตเรียบง่ายและพึ่งพาตัวเองดีๆ ตามแบบฉบับของความเก่า

      ที่เป็นเหมือนเส้นตรงที่ไม่มีทางมา "บรรจบ" กันได้อย่างลงตัว

     “หลายคนบอกว่าชีวิตของเอื้อนเป็นการผสมผสานระหว่างคนที่มีหัวคิด 3 ยุค คุณพ่อมีความเป็นนักเรียนนอกหัวสมัยใหม่ สอนให้เราเท่าทันเทคโนโลยีและโลกสมัยใหม่ คุณแม่ก็สอนเรื่องกาลเทศะ สอนเรื่องจิตใจ ส่วนคุณยายก็ไทยจ๋า...สอนให้คุณแม่ สอนให้ร้อยพวงมาลัย (เอื้อนนั่งร้อยพวงมาลัยให้พ่อ-แม่และญาติผู้ใหญ่ทุกวันพิเศษ) สอนให้เข้าครัวทำอาหารเป็นแม่ศรีเรือนมาตั้งแต่เด็กๆ”

     เอื้อน ย้อนความหลังระหว่างเธอกับการทำอาหารให้ฟังว่า ตอนเด็กๆ เธอมักจะคลุกอยู่ในครัวเพื่อเข้าไปช่วย คุณแม่ คุณย่า หยิบโน่น-นี่ เราอยู่กับบรรยากาศ และสังคมโบราณๆ ที่ทำอาหารด้วยตัวเองใน ทุกๆ เย็นแบบนั้นมาตั้งแต่จำความได้

     “ทุกๆ วันหยุดยาวๆ เราก็จะไปที่สระบุรี คือคุณพ่อท่านจะปลูกบ้านอีกหลังอยู่ป่าสัก ทุกๆ ครั้งที่เราไปที่นั่น คุณแม่จะลงมือทำอาหารไทยกินกันเอง”

     ด.ญ.เอื้อนในขณะนั้นก็มีโอกาสได้เข้าไปเป็นลูกมือหยิบโน่น-นี่ ช่วยตีไข่อยู่เสมอ เมนูเด็ด ก็คือผัดสะตอกับไข่ปลาดุก...

     “เคยทานไหมค่ะ” เอื้อนบอกว่า เมนูรสเด็ดนี้ ต้องทำทานพร้อมกับ “แกงคุณย่า” จะเข้ากันมากๆ ค่ะ

     “แกงคุณย่า ชื่อนี้ก็มีประวัติค่ะ…คือคุณแม่ท่านเล่าให้ฟังว่า ตอนเด็กๆ คุณย่าท่านจะหลอกเด็กๆ ให้ทานแกงที่มีผักและมีรสเผ็ด ซึ่งปกติเขาเรียกแกงนี้ว่า “แกงมะเขือ” แต่เด็กๆ ฟังแล้วจะไม่ชอบกิน ดังนั้นการตั้งชื่อแปลกๆ จึงกุศโลบายของคุณย่า (หัวเราะ) ทำให้ลูก-หลานโตมาแล้วชอบกินผักแทบจะทุกคน”

     หลังจากผ่านวัยนั้น คุณยาย คุณย่า คุณแม่ก็เริ่มสอนให้เราเรียนรู้วิธีดู วิธีเลือกซื้อวัตถุดิบผัก วิธีเลือกเนื้อสัตว์ว่าเป็นอย่างไร และเรียนรู้วิธีการทำและเทคนิคการปรุงอาหาร ก็พัฒนามาทีละนิดทีละหน่อยจนถึงปัจจุบัน

    ถามว่าเพื่อนๆ ในวัยใกล้เคียงกันมีใครทำอาหาร ในความหมายคลุกตัวอยู่ในก้นครัวด้วยความเต็มใจแบบนี้บ้างไหม เอื้อนหัวเราะก่อนจะตอบว่า แทบจะไม่ค่อยมี

     “ส่วนใหญ่เขาก็จะไม่ค่อยทำอาหารกันค่ะ เพราะว่าเข้าครัวมันยุ่งยาก จะหั่น-สับ ไหนจะเรื่องเนื้อตัว-เสื้อผ้าก็เหม็น...แต่เอื้อนไม่ค่อยซีเรียส เพราะคิดว่าการทำอาหารเป็นความรู้เป็นเสน่ห์ปลายจวักที่ติดตัวเรา…แถมไปไหนก็ไม่อดตาย”

   
     นี่, เอื้อนก็เพิ่งกลับมาจากไปเรียนซัมเมอร์ภาษา ที่อังกฤษได้ 2 อาทิตย์ แน่นอนว่า เธอได้มีโอกาสไปทดลองใช้วิชาทำอาหารไทยให้ฝรั่งได้ชิมแทบทุกวัน    
     เรียกว่าเข้าครัวทำอาหารบ่อยกว่าที่เมืองไทยซะอีก

    “จริงๆ เรื่องเรียนคุณพ่อท่านจะสนับสนุนเต็มที่มากๆ ค่ะ แต่เรื่องชอปปิ้งท่านไม่สนับสนุน (หัวเราะ) ครั้งนี้คุณพ่อให้เราไปอยู่กับ Host Family เพราะท่านอยากให้รู้ไลฟ์สไตล์ของฝรั่งว่าเป็นอย่างไร ฝึกให้เราได้ใช้ไหวพริบในการเอาตัวรอด”

     "ไปที่นั่นเราก็ไปทำอาหารให้เขากิน พอชิมเขาก็ชอบและชมว่ายูทำเก่งมากๆ (หัวเราะ) โดยเฉพาะเรื่องหั่นผัก เขาก็จะชมว่าเอื้อนหั่นสวย…เนี้ยบมาก”

     “เราก็บอกว่าคุณยาย คุณแม่ที่ประเทศไทยเราสอนมาดีค่ะ” เอื้อนหัวเราะสดใส แต่กว่าหน้าตาอาหารจะสวยและ รสชาติดีอย่างที่เห็น ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย...ถ้าไม่ผ่านการเคี่ยวกรำและไม่มีใจรักด้านนี้พอ

     นอกจากเมนูไทยๆ อย่างหมูโสร่ง ข้าวต้มหมู ขนมปังหน้าหมู และผัดกะเพราที่ Host Family ชอบให้เธอทำให้ทานแทบทุกเย็น เอื้อนยังได้ทดลองทำเมนูอาหารฝรั่งที่คุณพ่อถ่ายทอดวิชาให้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น สปาเกตตี แลมพ์ชอป และเมนูอื่นๆ อีกมากมาย

     “พอเราเปลี่ยนเป็นทำอาหารฝรั่งให้เขาทานบ้าง เขาก็โอ้โห้...เก่งจัง เพราะเด็กไทยที่มาใช้ชีวิตที่นี่หลายๆ คนก็ทำไม่เป็น ซื้ออย่างเดียว”

    “ไม่อึดอัดนะคะ เพราะเอื้อนก็เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีหัวโบราณพอสมควร” เธอตอบคำถามที่ว่าเคยรู้สึกอึดอัด-ต่อต้านกับการอยู่ในสังคม คนหัวโบราณ ทำอะไรก็ประดิดประดอย ทั้งๆ ที่โลกนี้ใครๆ ก็เน้นความเร็ว ความสะดวก สบาย...? ปนเสียงหัวเราะ

     “ซึ่งจริงๆ ที่เอื้อนเป็นเอื้อนได้ทุกวันนี้ก็ต้องขอบคุณคุณแม่ คุณยาย คุณย่า คุณพ่อ อย่างที่บอกไม่เพียงท่านจะปลูกฝังเรื่องการทำอาหารให้เราแล้ว ท่านยังปลูกฝังเรื่องให้มีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ ให้มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแพร่ ที่สำคัญต้องให้เกียรติและใส่ใจในความรู้สึกของคนอื่นๆ อย่าไปวางอำนาจ หรือเหยียดหยามคนที่ด้อยกว่า”

     “ไม่ใช่ว่าเราเรียนดีกว่า...เหนือกว่าจะไปดูถูกคนอื่น ท่านก็จะบอกว่าทุกคนเท่ากัน และให้เราดูคนที่จิตใจ”

     หรืออย่างเรื่องการแต่งตัวให้เหมาะกับกาลเทศะ เอื้อนจะถูกกำชับว่าห้ามแต่งตัวโป๊

     “สมมติวันไหนกางเกงที่เราใส่มันสั้นนิดหน่อย แต่คุณยายก็บอกว่าโป๊แล้ว (หัวเราะ) หรือเวลาท่านนั่งดูทีวีแล้วเห็นคนใส่อะไรโป๊ๆ ท่านก็จะบอกเราว่า อย่าใส่แบบนี้นะ…แต่งตัวห้ามโชว์สะดือนะ (หัวเราะ) ซึ่งเราก็ติดกันมาจนถึงทุกวันนี้”

    นอกจากนี้ที่บ้านเอื้อนมีกฎเหล็กด้วย เธอว่า กฎเหล็กที่ว่าด้วยถ้าจะออกไปที่ไหนต้องขออนุญาตก่อน 1 วัน กลับบ้านก็ต้องให้คุณแม่ไปรับ อีกทั้งไปกับใครบ้าง กลับกี่โมง ก็ต้องโทรบอกท่านตลอด

     “มีบ้างนะคะที่ไม่ตรงเวลาก็โดนดุๆ ไปแต่รวมๆ ก็อยู่ในเกณฑ์ดีค่ะ (หัวเราะ) และก็ไม่รู้สึกอึดอัดหรือต่อต้าน เพราะเราทำอยู่ในกฎมันก็ดีกับตัวเรา แถมคุณแม่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงก็ Ok ค่ะ”

     คิดอย่างไรกับไลฟ์สไตล์ของเด็กสมัยใหม่ที่เมินความเก่า…? 

    เอื้อนว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคลนะค่ะ แต่ถ้าทุกๆ คนไม่สนใจสิ่งที่เป็นไทยประเทศเราก็ลำบาก ปัจจุบันเด็กสมัยนี้เราจะเห็นได้ว่าทำอะไรแบบไม่คิดถึงผลระยะยาวว่าเมื่อคุณทำอะไรลงไปมันจะเป็นอย่างไร เช่นฉันถ่ายรูปโป๊ ฉันสวย ฉันดูดี แต่ถ้ารูปหลุดออกมาไม่เพียงตัวเรา คุณพ่อ คุณแม่ หรือญาติพี่น้องเราจะเสียใจ ดังนั้นทำอะไรก็ต้องคิดให้มากๆ

    อีกเรื่องก็คือเรื่องค่านิยม หรือเรื่องอิทธิพลการใช้ของแบรนด์เนม เอื้อนบอกว่าเป็นเรื่องอันตรายมากๆ

     “ที่จริงเอื้อนพูด แต่เอื้อนก็มี เอื้อนก็ชอบ ก็เอามาใช้บ้างนะค่ะ แต่ว่ากระเป๋าไทยๆ ราคา 200 บาทเราก็ถือได้นะ หรือไปเดินจตุจักร เดินวังหลัง หรือเดินตามตลาดเปิดท้ายก็ได้นะค่ะ เอื้อนคิดว่าไม่ผิดนะ ไม่ใช่พอวันหยุดก็นัดเจอกันที่ห้างสรรพสินค้าหรือร้านหรูๆ เพื่อไปชอปปิ้งของแพงๆ”

    ซึ่งแน่นอนว่า...ถ้าเรามีความสามารถและหาเงินได้ด้วยอาชีพที่สุจริต หรือเก็บเงินซื้อของเหล่านี้ได้ก็ไม่ว่าอะไร

    “แต่สิ่งที่สำคัญก็คือเอื้อนไม่อยากให้พวกเขายี้…ของไทยๆ อย่างอื่น”

     ซึ่งกับเด็กบางคนชอบมองว่าต้องแบรนด์เนมๆ ๆ…แล้วยี้ของไทยๆ ของมือ 2 อย่างอื่น จริงๆ แล้วมันใช่หรือไม่ที่คุณจะต้องใช้ของแบรนด์เนม หาเงินได้เอง หรือถึงวัยแล้วหรือยัง

   “ถามว่าคุณมีเงินแล้ว เงินมันซื้อความสุขที่ยั่งยืน เงินมันคือคำตอบทั้งหมดของชีวิตที่เราต้องการหรือเปล่า...?” เอื้อนตั้งคำถาม

     แต่ความสุขของเราในวันนี้ ที่นอกจากการทำอาหารให้กับคนที่เรารักทานแล้ว การที่มีเพื่อน มีพ่อแม่ มีครอบครัวที่อบอุ่น มีเพื่อนดีๆ เธอบอกว่า แค่นี้ก็มีสุขเกินใคร

     “นอกจากมีครอบครัวที่ดีแล้ว เอื้อนโชคดีที่มีเพื่อนดี ๆ ตั้งแต่เรียนโรงเรียนจิตรลดารุ่น 38 อยู่กันมา 4-5 ปีแล้วค่ะ คือปัจจุบันเรียกว่าไม่สามารถชวนไปไหนเป็นกลุ่มเล็กได้ (หัวเราะ) นั่นคือความสุขที่แท้จริงที่เรารู้สึกได้”

     “ไม่ใช่มีเงินมีทองมากๆ แล้วจะมีความสุขที่ยังยืนเสมอได้” 

     “เอื้อนเชื่อว่าความสุขที่แท้จริงของคนเรา เป็นความสุขที่เกิดขึ้นจากภายในใจ เป็นความสุขจากการที่เราดำรงชีวิตอย่างภูมิใจในสิ่งที่เรามีอยู่ ปัจจุบันเอื้อนมีพ่อแม่ คุณยาย มีครอบครัวอบอุ่นมีเพื่อนที่เข้าใจเรา ต่อไปมันเกี่ยวกับเราแล้วว่าเราจะใช้ชีวิตให้ดีเหมือนกับสิ่งดีๆ ที่เรามีอยู่ไหม มีสิ่งที่ดีๆ ขนาดนี้ แล้วถ้าชีวิตเรามันเลอะเทอะลงไป... มันก็น่าเสียดาย”

      ดังนั้นเมื่อเรามีสิ่งดีๆ อยู่กับตัวเรา เราก็สัญญากับตัวเองว่าจะใช้ชีวิตที่ดี ให้มีค่าพอกับชีวิตดีๆ ที่พ่อแม่ ให้เรามา

     สำหรับเรื่องอนาคต เอื้อนบอกว่านอกจากการแพลนว่าอยากจะไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนจิตรลดาแล้ว ในด้านอาหาร เอื้อนอยากจะเปิดร้านอาหาร เพราะคุณยายของเธอเป็นเจ้าของต้นตำรับ “ข้าวแช่ชาววัง” ซึ่งถ้าทำก็ไม่อยากเปิดร้านอะไรใหญ่โตมากเพราะไม่อยากสิ้นเปลือง

     “ถามว่าวันนี้เราเป็นแม่ศรีเรือนในความหมายเป๊ะๆ แบบดังเดิมไหม… ก็อาจจะไม่...เราอาจจะเป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่กล้าพูดถึงสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และเท่าทันกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย เอื้อนอยากเป็นเวิร์กกิ้งวูดแมน ที่ยังรักจะอนุรักษ์และประยุกต์สิ่งดีๆ ในความเป็นไทยมาดัดแปลงใช้กับโลกทีทันสมัยเพื่อไม่ให้สิ่งดีๆ เหล่านี้สูญหายไปกับกาลเวลา โดยเฉพาะเรื่องอาหารไทยค่ะ”

    เป็นบทสรุปทิ้งท้ายของหญิงสาวที่ชื่อจริงแปลว่า ผู้เป็นที่น่าสรรเสริญ…! 

                  %%%%%%%% *** %%%%%%%%%
               
     การศึกษา O
คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลักสูตรภาษาอังกฤษ ปี 1 ปัจจุบันเธอพูดได้ 3 ภาษา อังกฤษ อิตาเลี่ยน ฝรั่งเศส

     ผลงานที่ผ่านมา O
นอกจากเป็นประธานเชียร์ เป็นเชียร์ลีดเดอร์จากโรงเรียนจิตรลดาแล้ว เธอยังได้รับคัดเลือกให้เป็น “สาวเดบูตองค์” รุ่น 3 สาวรุ่นใหม่ที่มีความสามารถในทุกๆ ด้าน และยังถือว่าเป็น 100 เซเลบฯ รุ่นใหม่ที่น่าจับตาอีกด้วย

     งานอดิเรกดูหนัง O หนังเรื่องโปรด “Step Up”, “The Notebook”, “Lake House” และ เรื่อง “Happy birthday”

     สถานทีเที่ยวสุดโปรด O ไทย (หัวหิน), อิตาลี, ฝรั่งเศส, อังกฤษ และ สิงคโปร์

     ปรัชญาในการใช้ชีวิต O
What is essential in life is invisible to the eyes and only seen by the heart

    ของสะสม O เครื่องประดับ





กำลังโหลดความคิดเห็น