xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าหญิง "ยีหวาง พินดาริกา" : ดอกไม้ยามรุ่งอรุณแห่งภูฏาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

องค์หญิงยีหวาง พินดาริกา แห่งภูฏาน
“สถานการณ์ภาคใต้ หรือไข้หวัดระบาด ที่ทำให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยตกลง จริงๆแล้วที่นี่ปลอดภัยไม่ได้น่ากลัว ฉันเองอยู่ที่นี่ก็ยังไม่มีอะไร สงบสุขดี เรื่องที่สอง ประเทศไทยในแง่ของความเป็นคนไทย ซึ่งนิสัยดีมาก มีความอบอุ่น เป็นคนที่มีจิตใจงดงาม ด้านวัฒนธรรมก็คล้ายกับชาวภูฏาน เป็นเมืองพุทธเหมือนกัน อีกประการคือ พระมหากษัตริย์ของไทย เหมือนกับที่ภูฏาน เพราะรักประชาชนเหมือนกัน แล้วอยากเห็นประชาชนอยู่ดีมีสุข…”

องค์หญิง “ยีหวาง พินดาริกา” แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ตรัสถึงเมืองไทยในยุคที่กำลังประสบปัญหามากมาย แต่ยังคงความน่าอยู่ตลอดช่วง 2 ปี ที่พระองค์ทรงศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์ (ไทยแลนด์) ประชาชนชาวไทยคงได้รู้จักและคุ้นเคยกับสมเด็จพระราชาธิบดีจีกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และพระองค์หญิงยีหวางนี้มีศักดิ์เป็นพระญาติเรียงพี่เรียงน้องในสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีฯ นั่นเอง

M- Lite ได้รับประทานพระวโรกาสจากองค์หญิงยีหวางให้เข้าเฝ้าสัมภาษณ์ ด้วยสีพระพักตร์ที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแย้มแจ่มใส และทรงเป็นกันเอง ทรงฉลองพระองค์สบายๆ ที่ทรงหอบใส่กระเป๋าสะพายมาเพื่อให้เราได้ฉายพระรูป

องค์หญิงยีหวางทรงเรียนวิชาด้านการสื่อสารมวลชนและการสื่อสาร หรือที่บ้านเราเรียกศาสตร์เหล่านี้ว่านิเทศศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์ (ประเทศไทย) ที่มีสาขาอยู่หลายประเทศทั่วโลก สำหรับเมืองไทย มหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์ตั้งอยู่ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีนักศึกษาแต่ละเทอมไม่เท่ากันเนื่องจากว่าเป็นโรงเรียนนานาชาติ และสามารถโอนย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยนี้ในต่างประเทศได้ในทุกเทอม แต่สำหรับพระองค์หญิงแห่งภูฏาน พระองค์ทรงเลือกมาเรียนที่ประเทศไทย เนื่องจากเมืองไทยใกล้และมีลักษณะภูมิประเทศไม่แตกต่างจากบ้านเมืองของพระองค์หญิงมากนัก

“ที่เลือกมาเรียนที่ประเทศไทยเพราะว่าใกล้บ้าน รู้สึกว่าสามารถที่จะกลับบ้านได้บ่อยขึ้น สาเหตุที่มาเรียนที่เว็บสเตอร์ เพราะเป็นมหาวิทยาลัยนานาชาติ แล้วก็มีเพื่อนที่ 40 กว่าประเทศทั่วโลกในห้องเรียน ซึ่งฉันคิดว่าฉันมีโอกาสที่ดีมาก”

“ฉันชอบที่เงียบๆ เล็ก ๆเพราะว่าคล้ายที่ภูฏาน เพราะที่นั่นเล็กแล้วก็เงียบ หัวหินเป็นอะไรที่เล็กเงียบและสงบ ไม่วุ่นวาย แต่น้องฝาแฝดจะชอบเมืองใหญ่ เขาเลยเลือกไปเรียนที่แคนาดา เป็นคู่แฝดที่ต่างกันพอสมควร นัมเซ (namzay) ฝาแฝดของฉัน เป็นอะไรที่สนิทกันมาก ฉันรู้สึกดีมีอะไรที่พิเศษการที่มีพี่น้องฝาแฝด เหมือนมีเพื่อนอยู่ตลอดเวลา ตอนแรกที่ห่างกันคิดถึงมาก แต่ตอนนี้ค่อนข้างชินแล้ว ปกติแล้วน้องฝาแฝดรู้จักประเทศไทยดี เพราะว่ามาเที่ยวประเทศไทย มาบ่อยมาก”

เมื่อเอ่ยถึงพี่น้องฝาแฝดซึ่ง พระองค์ทรงมีพระเชษฐาเคยร่ำเรียนในประเทศไทยมาแล้ว และเมื่อมีโอกาสได้มาเรียนที่นี่ องค์หญิงยีหวางทรงเลือกเรียนศาสตร์ด้านการสื่อสาร และการโฆษณา เพื่อจะได้ใช้วิชาการเหล่านั้นไว้โปรโมตประเทศของพระองค์ในด้านต่างๆ

“ฉันชอบครีเอทีฟและงานสร้างสรรค์มาก สื่อเองก็กำลังพัฒนา ถ้าเรียนด้านนี้ก็คงจะกลับไปโปรโมตและสื่อสารเมืองภูฏานให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกได้ เพราะว่าภูฏานตอนนี้ยังเป็นประเทศเล็กๆยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก”

“จริงๆ แล้วการเรียนให้ดีไม่ได้เป็นความกดดันมาก แต่มองว่าเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องเรียนให้ดี เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีของวัยรุ่น เด็กรุ่นใหม่ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ความกดดัน แต่ก็ต้องดูแลตัวเองเพื่อให้เรียนดี วัยรุ่นที่ภูฏานไม่ได้แข่งขันกันเรื่องเรียน แต่แข่งขันกันเข้าทำงานมากกว่า แต่ก็ยังชอบความสนุกสนาน”

เมื่อทูลถามถึงผลการเรียนพระองค์หญิงตรัสถ่อมพระองค์ว่าเรียนระดับปานกลาง และอยากมีประสบการณ์กลับไปพัฒนาสื่อแห่งภูฏาน และอีกเพียงหนึ่งปีเท่านั้นที่พระองค์หญิงยีหวางจะจบการศึกษาระดับปริญญาตรี และหากมีโอกาส พระองค์มีพระประสงค์จะทรงงานที่เมืองไทยเช่นกัน

“มาเรียนที่นี่ชอบวิชาโฆษณามากๆ แล้วก็ถามว่าเรียนดีมั้ย ฉันเรียนระดับปานกลาง (อาจารย์แอบกระซิบว่าพระองค์ทรงเรียนดี) อีกปีหนึ่งจบอยากจะทำงานก่อน เพื่อจะหาประสบการณ์ ก่อนที่จะเรียนต่อ ท่านแม่อยากให้ทำงานนอกประเทศภูฏานก่อน เพื่อหาประสบการณ์ อยากทำงานที่ประเทศไทยเหมือนกัน ถ้ามีโอกาส”

สำหรับความสนิทสนมกับสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก นั้น พระองค์หญิงตรัสว่าในสมัยที่ยังทรงพระเยาว์ด้วยพระชันษาห่างกันมาก พระราชาธิบดีจิกมีจะทรงเล่าเรื่องตลกๆ และวิ่งไล่จับกัน อีกทั้งยังทรงมีความเป็นห่วงเป็นใยกันเป็นอย่างมาก แต่ปัจจุบันพระองค์ทรงงานหนัก และอีกทั้งพระองค์หญิงมาศึกษาต่อที่ประเทศไทย จึงไม่ได้มีโอกาสพบกันมากเหมือนแต่ก่อน แต่พระองค์หญิงยีหวางตรัสกับเราว่าทราบดีว่ากษัตริย์องค์ปัจจุบัน โด่งดังและเป็นที่รักของคนไทยไม่น้อย

“พอทราบนะว่าท่านจิกมีฟีเวอร์มากที่นี่ เพราะว่านั่งแท็กซี่เวลาไปโรงแรม ผู้คนจะถามว่ามาจากประเทศไหนเขาก็จะบอกว่า พระราชาธิบดีจิกมี พูดถึงเยอะมาก เลยทราบว่าพระองค์ท่านเป็นที่รักของชาวไทย ตอนนี้ไม่ได้คุยกันมาก เพราะว่าท่านราชาธิบดีมีพระราชภารกิจมาก แล้วฉันเองก็มาเรียนที่นี่ จะคุยกันก็มีตอนที่กลับบ้าน ส่วนใหญ่จะถามว่าเรียนเป็นอย่างไร สบายดีหรือเปล่า ตอนที่เด็กๆ จะพูดคุยกันบ่อยตอนเด็กๆวิ่งไล่จับกัน ท่านจิกมีก็ชอบคุยกับน้องๆ เล่นกันบ่อย ห่างกัน 8 ปี ท่านก็ยังเป็นวัยรุ่นในวัยที่น้องๆ ยังเป็นเด็ก”

พอทูลถามถึงสถานการณ์ข่าว ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่งเรื่องราวของแวดวงบันเทิง พระองค์หญิงทรงพระปรีชารอบด้าน และเมื่อทูลถามถึงสถานการณ์การเมืองแห่งราชอาณาจักรภูฏาน พระองค์ทรงเล่าว่าเพิ่งเริ่มมีประชาธิปไตยจึงยังไม่มีการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยดังเช่นบ้านเรา และที่สวมเสื้อลาย Che Guevara ก็เป็นเพียงแฟชั่นเท่านั้น แต่ทรงรับรู้ว่าคือนักปฏิวัติคนหนึ่ง

“ที่สวมเสื้อลาย Che Guevara จริงๆเป็นแค่แฟชั่น (ทรงยิ้ม) และรู้ว่าเขาคือนักปฏิวัติคนหนึ่ง ส่วนเรื่องการเมืองที่ภูฏานยังไม่มีแบบแบ่งแยก เพราะเพิ่งเริ่มต้นของการเป็นประชาธิปไตย ประเทศภูฏานเป็นประเทศที่สงบมาก ที่ไม่มีความขัดแย้งแบ่งแยกเป็นกลุ่มๆ เพราะว่าพระราชาธิบดีจิกมี ท่านรวมทุกคนเป็นหนึ่งเดียว ประชาชนของท่านนี่รวมเป็นหนึ่งเดียว คือรักพระองค์ท่าน"

สำหรับการจากบ้านจากเมืองมาศึกษาที่เมืองไทยนั้น พระองค์หญิงใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชนอีกทั้งทรงดูแลทำความสะอาดห้องด้วยพระองค์เอง และทำเป็นทุกอย่าง และทรงเล่าว่าไม่เคยคิดอยากให้เพื่อนนักเรียนด้วยกันทราบว่าพระองค์เป็นใคร ส่วนฉลองพระองค์นั้นทรงแต่งธรรมดาไม่พิถีพิถันหรือทรงจับจ่ายฟุ้งเฟ้อแต่อย่างใด และทรงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย

“ตอนมาเรียนที่นี่ ฉันไม่อยากให้เพื่อนทราบ แต่หลังๆ เพื่อนๆทราบก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนเพราะว่าเรียนนานาชาติทุกคนเท่ากันหมด ท่านแม่สอนให้ทำงานเองแต่เล็กๆ ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แม้ว่าจะมีคนช่วยก็ตาม แล้วฉันก็ชอบที่จะทำอะไรด้วยตนเอง ท่านแม่ไม่ได้ตามใจ ปกติระวังเรื่องค่าใช้จ่ายและระวังเรื่องเงิน ไม่ใช้สุรุ่ยสุร่ายอยู่แล้ว อยู่อย่างง่ายๆ”

ทูลถามทิ้งท้ายว่า พระองค์หญิง มีงานอดิเรกอย่างไรบ้าง หนึ่งในนั้นมีการฟังเพลงไทย อย่างเช่น วงบอดี้สแลม หรือโปเตโต้ ซึ่งพระองค์ทรงฟังตามพระเชษฐาซึ่งโปรดเพลงไทยมาก และในประเทศของพระองค์ซึ่งประกาศว่าไม่สนใจ GDP แต่ใส่ใจและวัดความสุขประชาชนเป็นดัชนีชี้วัดคนในประเทศ เมื่อทูลถามถึงความสุขของพระองค์หญิง พระองค์ตรัสมีความสุขเต็มเปี่ยมและจะสุขมากขึ้น หากพระองค์ได้พบกับพระมารดามากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

“ตอนนี้ในแง่ของความสุขนี่ ดัชนีความสุขของฉันแฮปปี้มาก อยากจะเพิ่มความสุขมากขึ้นก็อยากเจอท่านแม่มากกว่านี้ ตอนนี้เจอกันปีละ 2 ครั้ง แต่ถ้าในแง่ของความรู้สึก กับแม่นี่ใกล้ชิดมาก”

*****

“ในฐานะที่เรียนเพื่อเป็นสื่อก็อยากเห็นสื่อมีข้อมูลที่ลึก และมากขึ้น แล้วก็เป็นข้อมูลที่เป็นจริง และสื่อไม่ควรจะถูกควบคุมโดยใครคนใดคนหนึ่ง” ...ความหมายของสื่อในพระดำริของพระองค์ยีหวาง พินดาริกา แห่งภูฏาน

พระประวัติ

ยี หมายถึงโชคดี หวาง หมายถึงพร ที่ให้โชคดี ยีหวางแปลว่า พรแห่งความโชคดี พินดาริกา คือดอกไม้ยามรุ่งอรุณ พระชันษา 21 ปี มีพระเชษฐภคินีหนึ่งพระองค์พระเชษฐาสองพระองค์ และพระขนิษฐาฝาแฝดอีก 1 พระองค์ องค์หญิงยีหวางเป็นพระธิดาของเจ้าหญิงเดกี้ เป็นพระราชธิดาในสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี วังชุก กษัตริย์องค์ที่ 2 ของภูฏาน สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ดอร์จิ วังชุก กษัตริย์องค์ที่ 3 และสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก กษัตริย์องค์ที่ 4 ซึ่งเป็นพระราชบิดากษัตริย์ภูฏานองค์ปัจจุบัน เป็นพระราชปิตุลา (ลุง) ขององค์หญิง ดังนั้นองค์หญิงจึงเป็นพระญาติเรียงพี่เรียงน้องในกษัตริย์ภูฏานองค์ปัจจุบัน

ภาพโดย วรงค์กรณ์ ดินไทย



องค์หญิงยีหวางกับพระสหาย
องค์หญิงยีหวางกับพระอาจารย์และอธิการบดี ม.เว็บสเตอร์



กำลังโหลดความคิดเห็น