โด่งดังเป็นพลุแตกเมื่อหลายปีก่อน สำหรับ นักร้องหน้าหยก "ฟิล์ม" รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ทั้งงานพรีเซ็นเตอร์โฆษณา เพลง ละคร หนัง รายการทีวี หลังจากที่เขาหายไปและกำลังกลับมาอีกครั้งหลังมรสุมข่าวกับเสี่ยอู๊ด แต่ดูเหมือนว่าเวลานี้เขากำลังกลับมาแล้ว หนัง ละครคอมเมดี้ และเพลงที่เขากำลังมุมานะอย่างหนัก อีกทั้งพรีเซ็นเตอร์หลายโครงการ และแบรนด์แอมบาสซาเดอร์มูลนิธิที่อยู่อาศัย ฯ กิจกรรมของเขาจึงหนีไม่พ้นการเทียบเคียงกับ “เบิร์ด ธงไชย” ต่างวัย แต่มีภาระหน้าที่ ที่แทบไม่ต่างกันในฐานะศิลปินเบอร์ใหญ่ของค่าย
*****
ฝนฟ้าปรอยๆหน้าตึกอาร์เอส ย่านลาดพร้าว หนุ่มหน้าใสสไตล์เกาหลีอย่าง "ฟิล์ม" รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ มีนัดสัมภาษณ์กับผู้จัดการ Lite ฟิล์มอยู่ในเสื้อยืดสีฟ้า กางเกงยีนส์ทรงวัยรุ่น เจ้าตัวยกมือไหว้ทักทาย และพร้อมจะตอบคำถามในทุกประเด็นรวมไปถึงชีวิตที่ถูกเปรียบเทียบกับ “เบิร์ด ธงไชย” มาโดยตลอดทั้งในฐานะพรีเซ็นเตอร์โครงการต่างๆ โฆษณาสินค้า จึงหนีไม่พ้นคำถามที่ว่าแท้จริงแล้วเขาคือลูกรักของ “เฮียฮ้อ” สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ และคือสินค้าหมายเลข 1 ของเฮียในเวลานี้จริงหรือไม่!?
"ผมเกิดที่นี่และจะขอตายที่นี่ ไม่ใช่ผมคือลูกรักเฮียแต่ผมได้โอกาสแล้วผมไม่เคยทิ้งเท่านั้นเอง เฮียรักทุกคนแหละครับ” ฟิล์มตอบคำถามด้วยน้ำเสียงนิ่ง แต่แสดงถึงความรักและจริงใจที่มีให้ต่อต้นสังกัด และนั่นคือสัญญาใจที่มากกว่าการเซ็นสัญญาของเขากับอาร์เอส เขาบอกว่าที่จริงแล้วเขามีเพียงโอกาสที่มากกว่าคนอื่นเท่านั้น ไม่ใช่ลูกรักของเฮียแต่เพียงคนเดียว
คงไม่ต้องอ้อมค้อมกับการตอบคำถามของเขา เพราะด้วยท่าทีการตอบ ฟิล์มดูแกร่งและช่ำชองกับข่าวชนิดที่เจอมาครบแล้วทุกกระแสที่ถาโถม บวกกับข่าวแง่ลบที่เขาเองโดนมาตลอด รวมไปถึงการเปรียบเทียบกับซูเปอร์สตาร์ของฝั่งแกรมมี่อย่างเบิร์ด
"ผมกับพี่เบิร์ดก็รู้จักกันอยู่แล้วนะครับ แล้วก็เขาเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้เลย ถ้าจะมองมาเป็นประเด็นส่วนตัวผมเองเนี่ยพี่เบิร์ดคือแบบอย่างที่ดี ผมแลียนแบบคนดีทุกๆคนครับ ในส่วนตัวผมอย่าไปเอาไปเปรียบเลยครับ เขาก็เป็นไอดอลที่ผมนับถือมากๆเลย" ฟิล์มตอบคำถามน้ำเสียงจริงจังหลังได้ยินการเปรียบเทียบ ระหว่างซูเปอสตาร์สองค่าย
ฟิล์มเล่าถึงโปรเจ็กต์สร้างที่อยู่เพื่อมนุษยชาติประเทศไทย (Habitat for Humanity Thailand) ที่เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ สมัครเอง ทำบ้านเองให้เราได้ฟัง ถึงโครงการนี้ โดยยอมรับกลายๆว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยโดนมองว่าการสร้างบ้านของเขา คือการสร้างภาพ
"ผมเคยโดนมองสร้างภาพนะ ตอนไปสร้างโครงการhabitatใหม่ๆ ผมตอบได้แค่ว่าเอาไว้ดูกันครับ ผมไม่สามารถอธิบายทุกคนได้ บอกทุกคนไม่ได้ว่าผมไม่ใช่แบบนั้นนะครับ ผมไปทำโครงการของอเมริกาเป็นโครงการที่สร้างบ้านให้แก่ผู้ยากไร้ทั่วโลก เป็นโครงการที่ดีช่วยให้คนที่ยากไร้มีบ้าน แล้วสิ้นปีนี้จะมีโครงการมาที่ลุ่มแม่น้ำโขงปลูกให้กับที่เมืองไทยทั้งหมด 82 หลัง เท่ากับพระชนมายุของในหลวง ร่วมมอบสิ่งของหรือร่วมก่อสร้างกันได้ เราต้องเป็นเจ้าบ้านที่ดี ไม่ใช่ว่าจะมีความโชคดีแบบนี้บ่อยๆ เขาเลือกมาสร้างให้เราแล้ว"
"เราเองก็คิดว่าถึงเวลาแล้วล่ะที่ต้องคืนอะไรให้สังคมบ้าง เด็กเห็นเราเป็นไอดอลหลายคน เผื่อพ่อแม่เขาถามว่าทำไมถึงมาชอบพี่ฟิล์มก็จะได้ตอบได้ว่าทำไมถึงมาเลือกชอบเรา จะได้เป็นอะไรที่น่าภูมิใจบ้าง ไม่ใช่ไปทำตัวไม่ดี เป็นตัวอย่างใครก็ไม่ได้”
ฟิล์มบอกว่าหลังจากที่ได้ลงมือทำบ้านจริงๆ ศิลปินวัยรุ่นอย่างเขาเองสามารถสร้างบ้านได้แล้ว โดยไม่ใช่พรีเซ็นเตอร์ที่รอการแอ็กชั่นถ่ายรูปเพียงอย่างเดียว
"ตอนไปอาร์เจนตินาวันแรก ปรากฏว่านั่งเครื่องไป สองวันถ่ายรูปเสร็จแล้ว เราบอกเฮ้ยเราทำงานอย่างอื่นได้นะ ก็เลยช่วยทำ เขางงคุณเป็นดาราคุณจะมาทำแบบนี้ได้เหรอ เราทำได้ก็เลยช่วย สร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติ ตอนนั้นทำอะไรไม่เป็นเลยแต่ตอนนี้เป็นหมดแล้วโบกปูนหรือทำอะไร มันไม่ใช่สิ่งที่ยาก อยากให้บ้านเราเป็นแบบเกาหลี ที่นั่นคนช่วยเนี่ยหน้าหล่อๆสวยๆทั้งนั้น ดารายังมาช่วยเลย ไม่ใช่บังคับเด็กโรงเรียนไหนมาช่วยคนที่สมัครใจมาเองไม่มีเลย" ฟิล์มดูภูมิใจกับสิ่งที่ได้ทำและอธิบายได้เป็นฉากๆถึงหน้าที่ที่เขาเลือกที่จะให้คืนสังคม
แม้ว่าที่ผ่านมา ฟิล์มจะโดนมองว่าคือขาลง แต่เจ้าตัวบอกกับเราว่าวงการบันเทิงแท้จริงแล้วคือวงกลมที่วนเวียน สำหรับเขาไม่มีขาขึ้นขาลง มีแต่ยังทำได้ไม่ดี ต้องพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ
"สำหรับผม ผมไม่มีคำว่าขึ้นลงเลยครับ ผมมีแต่ว่ายังไม่เด่น ยังไม่ดัง ยังไม่ถึงครับ เพื่อให้ตัวเองพัฒนาต่อไป มันต้องวิ่งๆๆๆต่อไปอีก ฝึกฝนอีก เรียนเต้น เรียนร้องเพลง ยังเป็นคนคนหนึ่งที่ไม่ได้หยุดนิ่ง เสริมความรู้เข้าไปเรื่อยๆ เจอพี่ๆตลกยังถามมุกกันตลอด ทุกคนคืออาจารย์ วงการนี้มันเหมือนวงกลมครับหมุนไปก็หมุนมา ชินแล้ว แต่ว่าสิ่งที่ยิ่งทำยิ่งอยู่กับเราความดีครับ ผมคิดแค่นั้น"
ส่วนแฟนคลับของเขาคือกำลังใจสำคัญที่เจ้าตัวเอ่ยแบบไม่ตะขิดตะขวงใจว่าคือกำลังใจที่สุดในชีวิตเขา
"กำลังใจที่สำคัญที่สุดในโลกของผมคือแฟนๆ นี่ผมไม่ได้ตอบเพื่อให้ผมดูดีนะ ไม่ได้เอาใจนะ เราอยู่ได้เพราะพวกเขา ทุกจดหมาย ทุกสิ่งของ แฟนคลับคือกำลังใจ ผมไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ยกมือคนก็กรี๊ด ทำไมเราโชคดี ผมอยากขอบคุณจริงๆ วันไหนที่ผมมีข่าวแล้วหายหมด วันนั้นแหละผมตาย"
"ผมเลยรู้สึกว่าผมรักพวกเขา ไม่ว่าผมจะเหนื่อยอย่างไร แม่จะบอกว่าคนที่เขายืนรอเราเหนื่อยกว่าเยอะ เราเหนื่อยก็จะมีพี่ๆมาคอยดูแล ผมจะพุ่งไปหาพวกเขาแล้วจับมือเลย เขาตากแดดตากฝนรอผม ก่อนจะจากจับมือพวกเขาทุกคนนะ" ฟิล์มแจงถึงสภาพแฟนคลับหลังเจอข่าวเสี่ยเลี้ยง จนเป็นข่าวครึกโครม แต่เขายังมีกำลังใจเหมือนเดิม แม้จะมีบางส่วนที่จากหายเขาไปบ้าง แต่เขาขอใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
"ที่หายไปก็มีครับ ถ้าตามไปที่บ้านได้ผมไปนะ แต่ตามไปไม่ได้ อยากไปถามว่าหายไปเนี่ย ผมใจหายนะ ผมเจอคุณทุกวันแล้วมาแล้วไม่เจอ หายไปแบบนี้ เราก็ใจหาย ไม่เชื่อมั่นในตัวผมแล้วเหรอ ผมไม่ห้าม แต่ว่าผมคิดถึงแล้วจะพิสูจน์ตัวเองให้เห็นถ้าผมไม่ใช่คนแบบนั้นก็กลับมาแล้วกัน วันหนึ่งเขาไปยืนถ่ายรูปกับคนอื่นก็มีเสียใจนะ ผมก็คนนะ"
และมาถึงเรื่องราวของต้นตอข่าวฉาวหลายๆข่าว ความสัมพันธ์ของ “เสี่ยอู๊ด สิทธิกร บุญฉิม” ซึ่งปัจจุบัน ยังอยู่ในเรือนจำ จากคดีพระสมเด็จเหนือหัว แต่คดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด ฟิล์มยอมรับกับเราว่าข่าวร้ายๆที่ผ่านมาที่แรงที่สุด คือข่าวกับผู้ชายคนนี้ และยืนยันชัดถ้อยชัดคำว่าไม่เคยติดต่อใดๆ และไม่ขอพาดพิงให้เกิดประเด็น
"เวลาจะตัดสินว่าใครเป็นอย่างไร แต่ยืนยันตรงนี้ว่าผมไม่เคยไปเยี่ยมเขา ผมไม่อยากพูดอะไร เพราะอยู่ในที่สว่าง เขามีปัญหากับใครมีแต่คนออกมาโต้เขา แต่ผมไม่ เพราะผมอยากจบ และบอกตรงนี้ว่าผมไม่ใช่คนแบบนั้น”
แต่หลังจากฟ้าหลังฝนข่าวเบาบาง ฟิล์มวันนี้ดูสดใส และมุกแพรวพราวตลอดการสัมภาษณ์ วนกลับมาถามเรื่องหัวใจ ที่เจ้าตัวเป็นข่าวกับสาวไทย สาวเกาหลี (ลีดา เฮ) ไปทั่วเจ้าตัวบอกเพียงสั้นๆว่า ในชีวิตมีคนที่เคยดูๆกันไว้ และคิดว่าโอเคต่อกัน แต่ไม่มีเวลาดูแลซึ่งกันและกัน สุดท้ายเขาจึงชอบอยู่คนเดียวไปโดยปริยาย
"แฟนไม่มีหรอกครับ ผมใช้ชีวิตโหด เขาไม่อยากมาเสี่ยงกับเรา คบกันไปแล้วฉันต้องเป็นฝ่ายรอคุณนะ คุยกันแต่ทางโทรศัพท์ เจอก็ต้องเจอแบบหลืบๆ ไม่ไหวไปกันหมด นี่ผมพูดตรงๆ ที่ชอบกันแล้วที่โอเคก็มี แต่พอผ่านไปสักพักไม่โอเคแล้ว ผมทำแต่งาน ผมชอบที่จะอยู่คนเดียว อยู่กับแมว อยู่กับที่บ้าน ตื่นมาก็เจอแฟนๆของผม เพื่อนผู้หญิง ดาราก็มี แต่ว่าเราก็มีความสุขดีนะ"
"ผมเคยตอบคำถามกับตัวเอง แต่ผมไม่ได้บ้านะ ระหว่างงานที่ผมทำ กับคนที่ผมรัก ผมเลือกงานนะ แต่ผมจะบอกสาวคนนั้นว่าคุณก็สำคัญนะ แต่ผมต้องเลือกงาน ชีวิตเราไมได้ปกติเหมือนคนอื่นนะ" ฟิล์มทิ้งท้ายกับความรักของเขาในขณะนี้
****
"ข่าวที่ผมเสียใจก็คงเป็นข่าวที่แรงๆที่ผ่านมา ผมก็บอกว่าผมไม่ใช่คนแบบนั้นนะ แต่ผมไม่มีสิทธิ์พูดอะไร ผมก็ไม่เคยเครียด แม่กับป๊ารู้แล้ว เราก็ถามว่าเครียดมั้ย เขาก็บอกไม่เครียด รู้ว่าลูกเป็นแบบไหน มาอาร์เอสเราก็ถามเฮีย เฮียว่าไง เฮียบอกกูเชื่อใจมึง จบเลย แล้วจะเครียดทำไมวะ เราก็มีคนเข้าใจ"...
ข่าวที่เสียใจที่สุดของฟิล์ม (ล่าสุดเขาได้รับรางวัลขวัญใจนักข่าวบันเทิง จากเวที Star Entertainment Award 2008)