บ่ายสามเศษๆ ที่อาคารแกรมมี่ ชั้น 21 ผู้จัดการ Lite มีโอกาสสัมภาษณ์สาววัย 34 ปี "แพท สุธาสินี พุทธินันทน์" ทายาทเต๋อ เรวัต (อดีตสมาชิกวงดิ อิมพอสสิเบิล- ผู้ก่อตั้งแกรมมี่มาพร้อมกับ "อากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม" ) ถ้าใครรู้จักเธออาจได้คุ้นเคยกับเสียงเพลงที่แพทร้อง ละครเวทีที่เธอไปร่ำเรียนมา แล้วกลับมาแสดงให้ได้ชมกันไปแล้วถึง 3 เรื่องทั้ง ทวิภพ เดอะมิวสิคัล, บัลลังก์เมฆ และข้างหลังภาพ เดอะมิวสิคัล และงานล่าสุดที่เธอได้รับคือการร้องเพลงการ์ตูนเชลล์ดอน ซีซั่น 2 และเจ้าตัวบอกว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้นในวงการบันเทิง ที่อาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบที่พ่อโปรยไว้ให้แต่อย่างใด
"แพทได้ร้องสองเพลง ในการ์ตูนเชลล์ดอน ซีซั่น 2 เขาไปมิกซ์เสียงที่ฟิลิปปินส์ เพลงหนึ่งเป็นเพลงเดี่ยว อีกเพลง ร้องคู่กับป๋าเบิร์ด ซึ่งเพลงที่แพทร้องเดี่ยวเป็นเพลงที่ลีอา ซาลองการ้อง เป็นภาษาอังกฤษของแพทจะเป็นภาษาไทยก็รู้สึกดีค่ะ งานชิ้นนี้พิเศษมากจริงๆ ลีอา ซาลองกา คือไอดอลของเราอยู่แล้ว เราชอบตั้งแต่เราเรียนไฮสกูล เขาคือแรงบันดาลใจให้แพทเรียนเธียเตอร์ การแอ็กติ้ง เสียงร้อง เราเองก็ศึกษาเพลงเขามาตลอด จนกระทั่งได้มีโอกาสมาร้องเพลงเดียวกับเขา " แพทเผยถึงงานชิ้นล่าสุดของเธอ นอกจากธุรกิจร้านตัดผมของเธอซึ่งก่อนหน้านี้ เธอเคยฝากเสียงร้องในภาพยนตร์ทั้งจากหนังเรื่อง บิวตี้ฟูล บ็อกเซอร์ และต้องขนลุกกับเสียงของเธอในเพลง คิดถึงเธอทุกที (ที่อยู่คนเดียว) ในหนังเรื่อง บอดี้ ศพ 19
แม้ว่าจะได้ร้องเพลงประกอบการ์ตูน แต่เจ้าตัวบอกว่าในอดีตตนไม่ได้เป็นคนติดการ์ตูน แต่เมื่อโตขึ้นมาการ์ตูนแอนิเมชั่นกลับเป็นหนังที่ "แพท" ยอมรับว่าตามให้กำลังใจทั้งแอนิเมชั่นไทยและเทศ …
"แพทชอบวิธีการนำเสนอ ชอบเรื่อง ความสดใส โปรดักชั่น เขียนการ์ตูนทำให้มีชีวิตชีวาขึ้นมา คนเราก็เรามีธรรมชาติมูฟเมนต์ แต่การ์ตูนนี่จากกระดาษเขียนนะคะ ทำออกมาให้มีความรู้สึกเหมือนคนจริงๆ แพทชื่นชม"
ก่อนจะเล่าถึงชีวิตที่เป็นเด็กของแม่เสมอ กระทั่งเธอสละโสดแล้วกับสามี "มาร์ค แกรี่ โรดิเกส" มหาเศรษฐีพันล้านชาวอเมริกัน ก้าวย่างสู่ชีวิตครอบครัวแต่ก็ยังมีแม่ที่ไปไหนมาไหนเสมือนเพื่อนของเธอคนหนึ่ง
"แม่กับแพทสนิทกันแบบเพื่อนเลย ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ช่วยกันตัดสินใจ แต่งงานแล้วก็ยังเหมือนเดิม แต่งงานก็ถือว่าสมาชิกใหม่เหมือนเดิม อายุ 90 ก็ยังเป็นเด็กของแม่เหมือนเดิม" แพทเอ่ยถึงผู้เป็นแม่ที่นั่งรอเธออีกห้องขณะให้สัมภาษณ์
สำหรับทายาทที่แพทจะมีไว้ให้ผู้เป็นแม่ให้ได้ชื่นชมนั้น เจ้าตัวบอกเป็นคำถามที่หลายคนถามเธอตลอดเวลา แต่สำหรับเธอนั้นพร้อมแล้วสำหรับการเป็นแม่คน แต่รอธรรมชาติส่งของขวัญมาให้ ไม่ว่าหญิงชายเธอก็น้อมรับไว้
"แพทชอบเด็กค่ะ มีแต่คนถามว่าเมื่อไหร่จะมีน้องเองก็พร้อมแล้ว แต่ว่าต้องขึ้นอยู่กับว่าธรรมชาติจะให้มาเมื่อไหร่ ปรึกษาคุณหมอ ร่างกายแพทตอนนี้แข็งแรง แต่ของแบบนี้เราสั่งไม่ได้ (หัวเราะ) เดี๋ยวเขาจะมาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ตัวแฟนนี่เขาแล้วแต่ เขาบอกดีหมด ถ้าถือเป็นลูกของเรา เราเชื่อว่าอะไรที่ได้มาก็ถือเป็นพรอยู่แล้ว"
ด้วยบุคลิกที่ดูนิ่งๆ กับความเป็นหญิงที่ดูสูงศักดิ์ จนบางครั้งแอบคล้ายเจ้าหญิง แถมข้อหาหยิ่งเข้าไปด้วย แพทเล่าว่าแท้จริงแล้วเธอคือคนธรรมดาที่หน้าดุ แต่ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแน่นอน
"มีคนมองเราเป็นเจ้าหญิงเลย ไม่ใช่นะ แต่เราเป็นคนที่แบบว่าร้องเพลงแล้วลุคมันออกมาแบบนั้น คนที่ไม่เคยได้มาเจอตัวจริง หรือเห็นในภาพนั้นเลยจำภาพแบบนั้นฝังใจ ตัวแพทเองเนี่ยค่อนข้างมีความหลากหลาย บางวันก็ใส่หรูหน่อย บางวันก็กางเกงยีนส์เสื้อยืด บางทีก็มีขาสั้นแล้วแต่สไตล์ แล้วแต่สถานที่ อะไรที่ให้ดูเหมาะสมกับกาลเทศะ เรื่องหยิ่ง โทษเขาก็ไม่ได้ เพราะว่าเขาก็ไม่รู้จักเรา แล้วเวลาหน้าแพทเฉยๆไม่ยิ้ม คนเขาค่อนข้างเกร็ง ธรรมชาติหน้าดุ (หัวเราะ) เหมือนคุณพ่อเวลาไม่ยิ้มนะคะ เวลาเฉยๆน่าเกรงขาม"
แม้หลายคนจะมองว่าเส้นทางของการเป็นนักร้อง หรือการเข้ามาในวงการนี้ของเธอ อาจดูง่าย แต่แพทบอกกับเราว่าการก้าวสู่วงการนี้ของเธอเพิ่งเริ่มต้น
"ถ้างานในวงการที่แพทได้ทำอีกเยอะ แพทมาตรงนี้ก็เพิ่งก้าวขึ้นบันได ละครเวทีผ่านมาแล้ว 3 เรื่อง แต่ละเรื่องก็ประสบการณ์ใหม่ๆทั้งนั้น แต่ละเรื่องก็แล้วแต่บทบาท ทุกเรื่องถ้าจะเล่นก็ต้องเริ่มต้นใหม่หมด อย่างซิตคอมบางเรื่องพอเราดูแล้วเรา คิดว่าเราทำไม่ได้ เขาเล่นตลก แต่เราก็ไม่สามารถแสดงได้ อะไรไม่ใช่ทางเนี่ยเราก็จะไม่ทำ จะทำเฉพาะสิ่งที่แพททำได้ เราจะทำออกมาได้ดี"
สิ่งที่ได้เลือดพ่อมาอีกข้อ แพทบอกคือความละเอียดในการทำงาน และยอมรับกลายๆว่าละเอียดจนบางครั้งอยากให้จบลงด้วยคำว่าเพอร์เฟกต์
"แพทเป็นคนที่ละเอียด เหมือนคุณพ่อ อย่างประโยคนี้มี 10 คำ แพทจะเอาดีทั้งสิบคำ บางคนอาจจะโดยรวมแล้วคำสองคำไม่ดีก็ช่างเถอะ เราพิถีพิถันมาก ซึ่งมันก็มีทั้งดีและไม่ดีด้วย อันนี้ถือว่าแพทแคร์และใส่ใจกับงานอยากให้มันออกมาได้ดี แต่สิ่งที่ไม่ดีคือเราอาจกังวลมากเกินไป อยากทำอะไรอยากให้ถึง100 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังไงมันก็ไม่ถึงซักครั้งเดียวคุณพ่อบอกเสมอว่ายังไงมันก็ไม่ถึง เอาให้ใกล้ความเพอร์เฟกต์ก็พอ ต้องลดระดับความคาดหวังลงมา"
เธอทิ้งท้ายว่าชีวิตที่หลายคนอาจจะมองเธอว่าสูงศักดิ์ หรือมีแต่ความราบรื่น แต่แพทส่ายหัวฝากกำลังใจถึงอีกหลายชีวิตที่ต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เธอเอง พูดไว้อย่างน่าฟังว่า เธอเองก็ต้องสูญเสียกว่าจะได้มาซึ่งความสำเร็จหลายๆอย่าง
" ชีวิตคนเราก็มีขึ้นมีลง ไม่เรียบเสมอไป ถ้าเราเป็นคนดีจริงๆ พระจะคุ้มครองให้เราได้มีทางออก บางคนอาจจะดูว่าแพทโปรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ว่าก็แลกด้วยคุณพ่อที่เสียไป สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในครอบครัวเรา ทุกคนก็มีปัญหาที่แตกต่างกันไป ขอให้ยอมรับความจริงแล้วมีสติอยู่ตลอดเวลา สู้ต่อไปให้สุดเท่าที่เราจะทำได้ คิดดี แล้วก็คิดบวก ทุกอย่างจะดีขึ้น"
