xs
xsm
sm
md
lg

เพลิน-ปารีส ฮิลตัน เมืองไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 เพลิน หรือ น.ส. อมรัชต์ คงสมพงษ์
เพลิน หรือ น.ส. อมรัชต์ คงสมพงษ์ เป็นลูกสาวคนเล็กของ พ.อ.อภิรัชต์ และ คุณอมฤดา คงสมพงษ์ (ปัจจุบันหย่าแล้ว) โดยมี พีรพงศ์ หรือ พลุเป็นพี่ชาย นอกจาก Look ผมหยิก-ใบหน้า พูดจาฉะฉานมั่นใจ ทั้งยังมีแววตาไม่กลัวคน ทั้งๆ ที่อายุแค่ 18 ปี

นอกจากมีเลือดทหาร และเป็นตระกูลเก่าแก่ ในมิติแวดวงไฮโซไซตี้แล้ว… นอกจากเธอเป็นสาวสังคมที่อายุน้อย ที่น่าจับตามองแล้ว ด้วยทักษะ และความสามารถอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคิด-ดนตรี-แฟชั่น-ไลฟ์สไตล์ แม้กระทั้งเรื่องการเรียน เพลินก็เก่งไม่ใช่เล่น เก่งพอๆ กับการพูดคุย

ไม่ต้องเป็นหมอดูก็พอรู้ …! ตลอดระยะเวลานั่งพูดคุยทุกๆ เรื่องที่กล่าวมา ในบ้านหลังใหญ่บนพื้นที่ 1 ไร่แถว ซ.ประชาชื่น

ไม่เพียงจะบทสนทนาจะตลบอบอวลไปด้วย เสียงหัวเราะด้วยความเป็นกันเอง ทว่าบางจังหวะบรรยากาศบทสนทนาก็ยัง “ฟุ้ง” ไปด้วยเสียงตัวโน้ตของเปียโน สูง-กลาง-ต่ำ กรีดอากาศจนขาดเป็นช่องผ่องผ่านมาจากแรงกด จากปลายนิ้วของสาวเพลิน

เป็นเสียงเปียโนที่ไพเราะ คล้ายคนฟังต้องมนต์สะกด จนความเคลื่อนไหว-หัวใจ และบทสนทนาบางจังหวะต้องหยุดด้วยความเต็มใจ กับสาวน้อยของ M-Lite ที่ใฝ่ฝันว่า อยากเป็น "ปารีส ฮิลตัน" ไทยแลนด์…!!! 

คุณแม่ (เลี้ยง) ช่างดัน

“แหม…ก็ไม่ได้ขนาดนั้น” เพลินหัวเราะและออกตัวว่า ระยะหลังที่เห็นคุณแม่ (หมายถึงผศ.ดร.กฤติกา คงสมพงษ์ภรรยาใหม่ของคุณ พ.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์) ควงเธอออกงานสังคม และออกสื่อบ่อยๆ เพราะคุณแม่ เป็นเจ๊ดัน

"ที่เห็นออกงานบอก เพราะคุณพ่อทำงาน พี่พลุก็ไม่ว่างเพราะต้องเรียน ร.ร.นายร้อยจะอยู่ประจำ คุณแม่ท่านเหงาๆ ไม่มีเพื่อนไป แต่เหตุผลใหญ่ท่านบอกว่าอยากให้เพลินได้รู้จักและคอนเน็กชันเยอะๆ”

“เพลินออกงานตั้งแต่อายุ 16 ปีค่ะ แรกๆ ไปก็เซ็งๆ เขินๆ เดินไหว้คนทั้งงาน แต่ปัจจุบันสนุกขึ้นเพราะเจอคนโน่น-นี่ คุ้นหน้า-ตา เหมือนไปเที่ยวไปศึกษาการแต่งตัว แต่งหน้าเพราะเพลินชอบด้านนี้มากๆ ระยะหลังก็คล่องมากขึ้นค่ะ”

คุณหมอเพลิน

ปัจจุบันเพลินไม่ใช่จะออกงานสังคมระดับไฮฯ กับ ผศ.ดร.กฤติกา คงสมพงษ์เป็นหลัก เพราะเธอเพิ่งเอ็นทรานซ์ติดที่วิทยาลัยแพทย์พระมงกุฎเกล้าปี 1 และก็เพิ่งไปมอบตัวมาหมาดๆ


“เพลินชอบเรียนวิทยาศาสตร์ พอโตคิดได้ว่าอยากเป็นหมอ โดยเฉพาะผิวหนังค่ะ เพราะเวลาคุณแม่พาไปหมอจะทำให้เราดูดี มั่นใจขึ้นได้ ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่เรื่องความสวยอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรเพลินว่ามันกว้างดีค่ะ”

“เพลินเขาสมองไบร์ท ปีที่ผ่านมาก็ได้เกรดเฉลี่ย 3.6 กว่าๆ” พี่ชาย ซึ่งนั่งฟังอยู่ข้างๆ เอ่ย

“ถ้าเทียบกับเพื่อนๆ เพลินไม่ค่อยขยัน ได้มาแค่นี้ก็ดีใจ”
ในฐานะรุ่นพี่ เขาแนะนำไหมว่าต้องทำยังไง...?


“ส่วนใหญ่จะขู่มากกว่า เพราะที่นี่ฝึกหนักมาก” เพลินหัวเราะ “แต่ปีแรกไม่น่าเป็นห่วงเพราะเรียนแค่พื้นฐาน แต่พอขึ้นปี 2 ทุกๆ คนก็ต้องเข้าสู้ขั้นตอน “การปรับสภาพจากพลเรือนสู่ทหาร” ต้องฝึกร่างกายและฝึกให้เป็นคนที่มีระเบียบขึ้น เห็นพี่พลุบอกว่าต้องตื่น 6 โมงเช้ามาวิ่งรอบสนาม อยากดูทีวี 1 ช.ม.ก็ต้องวิดพื้นแลก หรือเวลาเจอรุ่นพี่ก็ต้องเคารพมากๆ ซึ่งเราก็ต้องอดทน เพลินว่า 6 ปีที่นี้น่าจะมีเรื่องสนุกเยอะ”

ส่วนฝึกหนักๆ แล้วขนตาจะเด้งได้ไหม เพลินตอบว่า ถ้าก่อนฝึกถ้าปัดมาสคาร่าได้ก็ปัดค่ะ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร

        “เรียนจบเพลินก็จะต้องทำงานใช้ทุน ซึ่งตั้งใจจะไปเป็นหมออยู่ต่างจังหวัด เพราะประเทศไทยขาดแคลนแพทย์มากๆ ก็เหมือนเป็นการได้ฝึกความรู้ที่ร่ำเรียนมา หลังจากนั้นก็อยากไปเรียนเฉพาะทางแพทย์ผิวหนังแบบที่วางแผนเอาไว้” ตามความตั้งใจของตัวเองและครอบครัว 

Family “หยิน-หยาง”

เห็นหน้าลูกครึ่งแบบนี้ จริงๆ เพลิน (และพี่ชาย) เกิดที่ รัฐแมรีแลนด์ ประเทศอเมริกา แต่ทว่าอยู่ได้ 2 ปี ก็บินกลับมาใช้ชีวิตที่นี้

ดังนั้น แม้จะเป็นสาวที่กล้าคิด-ทำ-พูด และแม้จะถูกเลี้ยงดูแบบให้อิสระในการเรียนการเลือกมากแค่ไหน แต่เบื้องลึกภายในหัวใจเพลินก็มีครอบครัวสไตล์ไทยๆ หล่อหลอม

“เห็นพูดเก่งๆ แบบนี้ ที่บ้านเพลินถือว่าเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างมีระเบียบแบบไทยๆ” เพลินบอกโดยเฉพาะคุณแม่จะเข้มงวดมากๆ

“ก็ดีค่ะ… ถึงท่านจะปล่อยให้เราคิด-ทำอะไรได้แบบอิสระ แต่ก็ยังมีการปลูกฝัง
ให้เราเป็นคนที่มีมารยาทสังคมที่ดี รู้จักกาลเทศะ เช่น มารยาทบนโต๊ะอาหาร เวลาเคี้ยวข้าวก็ต้องปิดปาก ถ้าเตือนแล้วไม่ฟังเขาก็จะไม่ให้กินข้าวเลย หรือเวลาเราพูดแบบไม่มีหางเสียง ค่ะ ขา แม่ก็จะไม่พูดด้วย ทำให้เราติดนิสัยมีมารยาทในสังคมที่ดีมาจนถึงทุกวันนี้”

“เพลินว่าเพลินได้ความมีระเบียบจากแม่ แต่ก็ไม่เท่ากับท่านนะค่ะ เพราะท่านจะเป๊ะๆ ทุกอย่าง ส่วนคุณพ่อนี่จะเป็นคนที่สนุกสนาน เฮฮา ท่านทั้ง 2จะแตกต่างกัน คุณแม่ก็จะดุ คุณพ่อจะคอยปลอบ”เพลินใช้คำว่า บ้านนี้ 2 ผู้นำเป็นครอบครัว หยิน-หยาง

ระบอบประชาธิปไตยในบ้าน


       ในฐานะเด็กรุ่นใหม่ และยิ่งเป็นครอบครัวรับราชการ ไม่ถามนี้ก็คงไม่ได้

เป็นคนติดตามข่าวสารบ้านเมืองไหม…?

“ถ้าเป็นข่าวดาราเลิกกับคนโน่นคนนี้ก็ไม่ค่อยค่ะ เพลินจะสนใจข่าวสารบ้านเมืองมากกว่า เช่น ข่าว “โอบามา”เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือข่าวม็อบปิดถนน ข่าวรัฐบาลกำลังจะทำโครงการอะไรก็พอรู้ แต่ถ้าเรื่องรัฐมนตรีไปประชุมที่ไหนเราไม่สนใจขนาดนั้น”

จริงๆ เราเป็นกลางทั้งครอบครัวเลยเป็นครอบครัวประชาธิปไตย ซึ่งเหตุการณ์บ้านเมืองแรงๆ เรามีแลกเปลี่ยนกันบ้างค่ะ แต่ก็ยังไม่เข้มเท่ากับเพื่อนๆ หลายครั้งการเมืองแรงเราก็ตั้งเป็นประเด็น Topic ใหญ่กันเลยว่า เฮ้ย…ทำไมต้องเป็นแบบนั้นต้องเป็นแบบนี้” เธอหัวเราะ “เฮ้ย…วันนี้เขาทำแบบนี้ มาอัพเดตข่าวที่ได้มากัน”

แฟชั่น-การเมือง Topic ไหนน่าสนใจกว่ากัน… แฟชั่นค่ะ เพลินตอบเร็ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เรื่องแฟชั่นเราจะสนใจต่อเมื่อสถานการณ์บ้านเมืองปกติ 

แรงดึงดูดของเปียโน

       หลายครั้งที่เสียงเปียโนของเพลินทำให้คำถามต้องหยุด ไม่ใช่สะดุดในความหมายลบ แต่เสียงเปียโนมันสะกดทุกๆ คนรอบข้างได้อยู่หมัด

“เพลินชอบเล่นเปียโนค่ะ เพราะว่าคุณแม่ให้เรียนเปียโนตั้งแต่เด็กๆ เริ่มเรียนตั้งแต่พื้นฐานดนตรีการเคาะ เรียนอ่านโน้ต พัฒนาการเป็นเปียโดนอย่างไร คุณแม่ตั้งใจว่าจะให้เรียนเปียโนไล่ตามหลักสูตรคลาสสิก เรียน Pop มาเรื่อยๆ ค่ะ”

เรียนเปียโนมาตั้งแต่ 4 ขวบ จนปัจจุบัน 14 ปี ฟังดูเหมือนนาน แต่เพลินถ่อมตัวว่า ไม่ได้เก่งขนาดนั้น


“เอาเป็นว่าเรามีความสุขอยู่กับมันดีกว่า มากๆเวลาเล่น มีความสุขมากๆ เวลาเล่นเพลงเพราะๆ ศิลปินโปรดเพลินชอบ Vanessa Carlton ที่แต่งเพลง A Thousand Miles, Say You Would เขาแต่งเพลงเองและก็ติดหูง่ายได้ง่ายๆ คือ การที่เราจะแต่งเพลงให้มันติดหูได้มันยากมาก หรืออย่างเพลงของพี่โต๋ (ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร) รัก… เธอ คือมันแค่ 2 โน้ต การที่จะแต่งทำนอง เนื้อร้องให้โดนและติดหูด้วยการใช้โน้ตไม่กี่โน้ตมันยากมากๆ”

“จริงๆ ก็แอบแต่งเพลงเอาไว้บ้างแต่ก็ไม่เคยเล่นให้ใครฟังเลย” เพลินเผยความลับ

“ถ้าเป็นสไตล์เพลินชอบเพลงของ “โชแปง” ค่ะ เพราะว่าทำนองเขาหวานซึ้ง และในเมโลดี้ที่มันช้ำๆ นิดๆ และให้อารมณ์เศร้าหน่อยๆ มันก็จะผสมๆ กันค่ะ ซึ่งยืดหยุ่นได้”


อยากเป็น ปารีส ฮิลตัน เมืองไทย

       ที่บอกว่าฝันอยากเป็นปารีส ฮิลตัน 2...? เพลินหัวเราะดัง “ก็ถูกแบบที่พี่พลุบอกค่ะ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็อยากเหมือนเธอ แต่ไม่ได้เหมือนเรื่องที่ไม่ดีนะค่ะ เพลินแค่ชอบเพราะว่าเขาสวย คือ วันๆ หนึ่งไม่เห็นต้องทำอะไรเลย ผิดกับเพลินที่อยากทำอะไรได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่แบบวันๆ ชอปปิ้ง คือ เพลินมีความฝัน ซึ่งความฝันจริงๆ ของเพลินก็แค่อยากมีการศึกษาที่ดี ทำอะไรได้ด้วยตัวเองมากกว่าชอบปิ้งเฉยๆ ค่ะ เราแค่ชอบเพราะว่าเขาดูมั่นใจดี” นี่คือเหตุผลหลักของเธอ

ปัจจุบันถ้ามีคนถามว่าจะเรียกตัวเองว่าเป็น “ไฮโซ”ได้เต็มปากไหม

“คือคนรอบๆ ตัวเพลินเขาไม่ได้รู้สึกแบบนั้น เพราะเราง่ายๆ อาหารข้างทางก็กินได้” เธอสรุป

       ม้วนเทปหยุดเดิน เพลินขอตัวไปซ้อมเปียโนสิ่งที่เธอรักต่อ และยังไม่ทันจะเดินพ้นประตูเสียงเปียโนที่ยิ่งฟังยิ่งอิ่มของเพลินก็ลอยตามสายลมมา สะกดให้ผู้มาเยือนหยุดยืนฟังอีกครั้ง เป็นมนต์สะกด “จังงัง” คล้ายๆ กับภาพฉากจบของหนังเรื่อง
       “Tokyo Sonata”(2008)ของ Kiyoshi Kurosawa
     ถ้าตาไม่ฟาด ภาพที่เราเห็นคือคุณหมอสาวมาดมั่นใจ…มั่นใจคล้ายๆ กับ ปารีส ฮิลตัน ที่รักเสียง
ดนตรีกำลังใช้เปียโนร่ายมนต์

พี่พลุ น้องเพลิน และคุณแม่

ลิปกรอส  ของสะสมที่ชื่นชอบ


กำลังโหลดความคิดเห็น