“ถ้าผมไม่มีชื่อเสียงแบบวันนี้เหรอ…” หนุ่มขี้อายทวนคำถามและหยุดก้มหน้าทำท่าคิด…???
“ปกติคนญี่ปุ่นไม่ค่อยจะถนัดในการให้สัมภาษณ์” ล่ามสาวบอกแบล็กกราวนด์เขาแบบนั้น
“ยังไม่ใช่เวลานี้…ก็ได้” เราบอก เพราะความตั้งใจคำตอบนี้ น่าจะเป็นอยู่ในบรรทัดสุดท้ายของบทสัมภาษณ์นี้
เขาข้างต้น คาซุกิ คุราอิชิ เป็นเจ้าของประโยคข้างต้น ปัจจุบันคาซูกิเป็น Designer ชื่อดังแนวสตรีทแวร์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในญี่ปุ่น
ว่ากันว่า ทันทีที่สินค้าในคอลเล็กชันที่ คาซุกิ ออกแบบวางแผงก็จะหมดร้าน ไม่นานก็จะถูกสาวกน้อย-ใหญ่กวาดจนเรียบแผง
ที่ญี่ปุ่น คาซูกิ Hot ขนาดนั้น…?
ในโอกาสที่คาซูกิมาร่วมงานเฉลิมฉลองงาน 60 ปี Adidas Originals ในเมืองไทย ที่ สตูดิโอ มูลสตาร์ บทสนทนาเบาๆ เรื่องความเจ๋งและแรงบันดาลใจของเขาก็เริ่มขึ้น
ในเอกสารแนะนำตัวระบุว่า คาซูกิ มีความสามารถหลากหลายมากตกลงจริงๆ คุณจะแนะนำตัวเองว่าคุณทำอะไรบ้าง
“ผมทำงานเยอะพอสมควรครับ” ล่ามสาวแปล
นอกจากจะมีหน้าที่รับผิดชอบในการออกแบบและโปรโมตสินค้าของ adidas สาขาหลักที่ประเทศเยอรมนี ที่จะวางขายในประเทศญี่ปุ่นแล้ว ปัจจุบันผมเป็น Creative Product Manager ให้กับ adidas ที่ประเทศญี่ปุ่น ในมิติที่มาเมืองไทยครั้งนี้ก็มาเปิดตัวรองเท้ารุ่น O by O ที่ผมมีส่วนในการออกแบบให้
นอกจากนี้ คาซุกิ ยังเป็นดีไซน์เนอร์ให้กับเสื้อผ้าแนวสตรีทแวร์ยี่ห้อดังของญี่ปุ่นเป็นฟรีแลนซ์ดีไซเนอร์ที่ออกแบบหน้าปกซีดีให้วงดนตรีเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ให้กับเสื้อผ้ายี่ห้อต่างๆ ของญี่ปุ่น เรียกได้ว่า สินค้าของ adidas ที่โด่งดังมีชื่อเสียงมากมายนั้นก็เป็นผลงานของคาซุกิเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น Super Ape Star, Super Star 35 ปี (รองเท้า กัปตันซึบาสะ และ Neighborhood เขาก็ออกแบบด้วย) adicolor Y-2, azx Neighborhood
“จริงๆ ก่อนจะมาทำงานด้านนี้ เด็กๆ ผมยังไม่รู้ตัวหรอกครับ ก็แค่สนใจแฟชั่นตั้งแต่เด็กๆ จนกระทั่งเรียนมัธยมปลาย ความรู้สึกภายในก็บอกผมว่าผมอยากเป็นดีไซน์เนอร์”
คาซุกิย้อนความหลังให้ฟังว่าทันทีที่รู้ความชอบตัวเองเป็นอย่างไร เขาก็ขอคำแนะนำจากครอบครัว และก็เก็บกระเป๋าไปเรียนที่นิวยอร์ก โดยเรียนที่สอนเกี่ยวกับดีไซน์ และก็เรียนกราฟฟิคดีไซน์เนอร์
“ที่นิวยอร์กผมได้ประสบการณ์ดีๆ มากมาย มากหรือน้อยมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมมีวันนี้”
แล้วถ้ารู้ว่าตัวเองชอบอะไรตอนอายุมากจะเสียโอกาสไหม… ?
“ผมคิดว่าไม่ครับ ผมว่ารู้ไม่ว่าจะเป็นตอนไหน ก็ยังดีกว่าไม่รู้ พอรู้แล้วก็ต้องลงมือทำ”
อาชีพดีไซเนอร์การออกแบบธรรมดาๆ มาลิงค์กับศิลปะการจัดนิทรรศการ All Day I Dream About Sunsex (งานของ Madsaki ศิลปินแนว Visual ที่กำลังมาแรง) ได้อย่างไร…?
คาซุกิเชื่อว่า ในโลกปัจจุบัน ผมเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็น Art เป็น Music หรือว่าเป็นเรื่องของ Fashion ผมว่ามันเกี่ยวข้องกันหมด หรืออย่างการที่ผมไปช่วยเพื่อน (นักดนตรีชื่อดัง เช่น Ian Brown, Tommy Guerrero, Money Mark เป็นต้น) ออกแบบหน้าปกอัลบั้ม เสื้อยืดทัวร์คอนเสิร์ต
“สำหรับตัวผมเอง ทั้งหมดมันไม่ใช่ สิ่งที่ต้องแยกกัน” เขาบอกแบบนั้น
“จริงๆ ผมไม่ค่อยจะสนใจสิ่งรอบข้างเท่าไหร่ ผมจะสนใจในสิ่งที่ตัวเองชอบเท่านั้นเพราะฉะนั้น ผมจึงไม่ค่อยรู้ความคืบหน้าความเคลื่อนไหวเป็นอย่างไร” คาซุกิ ตอบคำถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำที่ว่า ปีนี้เทรนแฟชั่นสตรีทแวร์อะไรมาแรง
มองแฟชั่นไทยเป็นอย่างไร…?
“บอกไม่ได้อีกเหมือนกัน เพราะว่าผมเพิ่งเจอคนไทยไม่มากเท่าไหร่”
แต่อากาศเมืองไทยร้อนมาก คาซูกิหยุดหัวเราะ ดังนั้นถ้าเป็นเสื้อก็ควรจะเป็นแบบเสื้อยืด กางเกงก็น่าจะใส่แล้วสบายๆ โดยน่าจะนำวัสดุเบาๆ ระบายอากาศดีมาทำรองเท้า
สำหรับเทคนิค และกระบวนการคิดในการดีไซน์ คาซูกิบอกว่า ส่วนตัวก็ไม่ได้มีเทคนิคพิเศษ หรือต้องใช้ความพยายามอะไรมากมาย เพราะเรื่องดีไซน์มันเป็นสิ่งที่ชอบอยู่แล้ว
“อย่างการออกแบบรองเท้าคู่หนึ่ง สิ่งที่ผมคำนึงถึงก็คือการ สิ่งที่ผมชอบ สิ่งที่เป็นเบสิกเนื้อรองเท้าที่นุ่มๆ ใส่สบายส่วน เรื่องเทคนิคหรือทริคพิเศษก็ไม่มีอะไร เพราะผมถือว่าผมทำในสิ่งที่ผมชอบ มันก็จะเป็นไปเอง”
อาชีพนี้สนุกตรงไหน “งานมันเหมือนงานอดิเรก เพราะฉะนั้น ผมทำทุกมันด้วยความสนุกสนาน
“ถามว่าอาชีพที่ต้องคิดอะไรใหม่ๆ มีความทุกข์ไหม คือบางครั้งมันก็ต้องใช้ความพยายามมากเหมือนกัน” เขาหยุดยิ้ม “แต่ว่าเนื่องจากมันเป็นสิ่งที่ตัวเองชอบ ผมเลยไม่รู้สึกว่าเป็นการคิดหรือการทำงานที่เหนื่อยจนเกินไป”
อะไรคือจุดที่สูงที่สุดในอาชีพนี้ “เนื่องจากว่า ผมไม่ได้ออกแบบเสื้อผ้าอย่างเดียว และก็เหมือนกับว่าอาจจะผมทำอยู่หลายอย่างเพราะฉะนั้นผมก็ไม่คิดว่าจะมีคอลเล็กชันเป็นของตัวเองที่จะไปออกแฟชั่นที่ปารีสหรืออะไรแบบนี้แต่ว่าทำในสิ่งที่ชอบต่อไปก็เท่านั้นเอง”
ส่วนจะมีสิทธิเห็นแบรนด์ของผมไหม ณ ตอนนั้นยังอยากทำงานตรงนี้ให้ดีก่อน
ตอนนี้ถ้าไม่ได้เป็นดีไซน์เนอร์คุณจะทำอะไร
“ผมก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดี… คือตอนสมัยเรียนแประถมอยู่ผมชอบ เล่นฟุตบอล ก็อยากจะเป็นนักฟุตบอล” เขาหยุดพูดและหันมามองหน้าเราแบบอายๆ
ฮิเดโตชิ นากะตะ…? “ใช่ๆ ไม่แน่ถ้าผมไม่รู้ตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ ผมก็คงจะเป็นนักฟุตบอลอย่างนากาตะไปแล้วครับ” คาซุกิสรุป
ก่อนจะกลับเราจับมือกับคาซุกิ และถามเขาผ่านล่ามสาวสำเนียงญี่ปุ่นคนเก่าว่า ท่าทางคาซุกิจะเป็นคนขี้อาย คาซุกิและล่ามสาวก็ไม่ได้บอกอะไร เพียงแต่ยิ้มก้มหน้าอายๆ เป็นคำตอบ