xs
xsm
sm
md
lg

Cup B ความสุขไซส์นี้...กำลังดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กล้วยหอมฝานเป็นแว่นขนาดพอดีคำ วางไว้บนวาฟเฟิลหนานุ่ม ก่อนราดครีมช็อกโกแลตให้ชุ่มฉ่ำ, ครีมสีขาวฟองฟูที่โอบรับบลูเบอร์รี่สีม่วงเข้มไว้บนเนื้อแป้งหอมกรุ่น, เค้กนมรสหวานมันติดปลายลิ้น

3 เมนูอย่าง Banana on the beach, Blueberry cheese cake, Milk Cake…ที่หยิบยกมาเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยของเมนูอาหารว่างจานเด็ด แห่ง ร้าน Cup B คาเฟ่เล็กๆ ที่ฝังตัวอยู่บนชั้นสองของโรงภาพยนตร์ลิโด้ สยามสแควร์ หลังย้ายทำเลจาก ถนนพระอาทิตย์ มายังย่านศูนย์กลางการค้าแห่งนี้ เป็นเวลานานกว่าครึ่งทศวรรษแล้ว

Cup B เปลี่ยนมือเจ้าของ ส่งผ่านผู้ดูแลกิจการมาบ้างตามประสบความผันแปรแห่งโลกธุรกิจ กระทั่งปัจจุบัน มีหัวเรือใหญ่คือ พิมพ์พัสอร ทาบึงกาญจน์ หรือจูน สาวสวยอดีตเจ้าของร้านเสื้อผ้าในสยามสแควร์ที่เปลี่ยนเข็มทิศมาเดินตามฝันของตัวเอง ซึ่งเคยขีดวาดไว้ว่าในสักวันจะเป็นเจ้าของร้านกาแฟน่ารักๆ สักร้านหนึ่ง แล้วโอกาสก็เดินทางมาถึงเธอ เมื่อเจ้าของเดิมผู้กำลังจะวางมือเชื้อเชิญให้ลองมาทำความรู้จักกับ Cup B

“รักตั้งแต่แรกเห็นเลยค่ะ ร้านกาแฟอะไรน่ารักจัง สีก็หวาน บอกตัวเองในใจเลยทันทีว่า ทำเถอะ”

ทำเถอะ...ที่เธอบอกตัวเองเมื่อครึ่งปีก่อน พาเธอเดินทางมาจนถึงวันนี้ วันที่ Cup B ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของสยามสแควร์ ลิโด้ และผู้คนมากหน้าแห่งย่านแฟชั่นสตรีท ที่แวะเวียนมาไม่ขาดสาย

ไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังแดดบ่ายโรยแสง จูนนั่งลงตรงหน้าเรา สถานที่สนทนาไม่ใช่อื่นไกล เราทั้งคู่ นั่งอยู่ในฝันที่เป็นจริงของเธอ...กับ Cup B นั่นเอง
และนับจากนี้ คือถ้อยความที่จูนเปิดใจ บอกเล่าเรื่องราวบนทางฝันสายเล็กๆ ของเธอ ผ่อนคลาย สบายๆ แต่ประกายความสนุกฉายชัดในแววตา

“ก่อนจะมาทำร้านกับ Cup B ตัวจูนเองก็เคยศึกษาการทำธุรกิจร้านกาแฟมาบ้าง แต่ก็เพียงเล็กน้อย และไม่คิดว่าพอเอาเข้าจริงมันจะยากขนาดนี้ เคยแต่ศึกษา เรียนรู้จากในตำรา แต่พอมาทำจริงๆ มันต่างกันมาก มันเหนื่อยมาก” จากที่เคยคิดว่า ถ้ามีธุรกิจเป็นของตัวเอง เราจะมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น จัดสรรเวลาในแต่ละวันได้ตามใจ แต่เอาเข้าจริงแล้ว

“เหนื่อยกว่าที่คิด อยากจะนอนตื่นสายก็ไม่ได้ แน่ล่ะ เมื่อครั้งเป็นพนักงานออฟฟิศ เราต้องตื่นเช้า รีบเข้าทำงาน ตอกบัตรก่อนแปดโมงเช้า นั่งพิมพ์งาน ทำนู่นทำนี่ไปเรื่อย แต่พอพักเที่ยงปุ๊บ เราก็ออกไปกินข้าว ไปทำธุระ ไปทำอะไรที่อยากทำได้ บ่ายโมงก็กลับมานั่งทำงาน เราก็มองว่าน่าเบื่อจัง ถ้ามีกิจการเป็นของตัวเองก็คงดี แต่มันไม่ใช่เลย เพราะว่าเมื่อเรากลับไปที่บ้าน งานทุกอย่างในร้านตามเรากลับไปด้วย มันไม่ใช่แค่ว่า ร้านปิดแล้วทุกอย่างปิด ไม่ใช่เลย เพราะมันยังมีปัญหาสารพัด ไม่ว่าเรื่องรายจ่าย เรื่องของในร้านหมด เค้กหมด น้ำหมด เราต้องประสานงานกับใคร กับซัพพลายเออร์เจ้าไหนบ้าง หากมีรายการโทรทัศน์ กองถ่ายละคร ภาพยนตร์จะมาขอยืมสถานที่ถ่ายทำที่ร้าน เราต้องเตรียมอะไรบ้าง ถ้ามีคนมาขอใช้สถานที่จัดงานเลี้ยง เราต้องเตรียมอาหารแบบไหน ลูกค้าอยากได้อะไร คือทุกอย่างมันไม่ใช่อย่างที่เราคิดไว้เลย ตื่นสายก็ไม่ได้ จูนต้องตื่นแต่เช้า ไปซูปเปอร์มาร์เก็ต ไปซื้อผัก ไปเลือกของเข้าร้านด้วยตัวเอง ไปตลาดสดด้วย เพราะเราต้องเทียบราคา ว่าของที่ตลาดสดกับในซูเปอร์มาร์เก็ตที่สะดวกนี่ ราคาต่างกันกี่มากน้อย คือต้องใส่ใจกับทุกอย่าง ไม่ง่ายเลย”

ไม่ใช่แค่นั้น จูนเล่าต่อไปว่าต้องใส่ใจทุกขั้นตอน ทั้งชุดฟอร์มของน้องๆ พนักงานที่ร้าน ความเป็นอยู่ของพวกเขา จิตใจ ความสัมพันธ์ ปัญหาส่วนตัว ถ้าเขามี พอจะช่วยเหลือ เปิดอกพูดคุยกันได้ไหม ในบางเรื่องที่เขายินดีเล่าแล้วเรารับฟัง จูนเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้สำคัญและจำเป็นมากต่อร้าน เพราะถ้าหากพนักงานไม่มีความสุข แบกปัญหามาทำงานด้วย ก็สะท้อนออกมาจากการทำงาน สะท้อนให้เห็นในการบริการของเขา เขาไม่ยิ้ม ส่งผลต่อบรรยากาศร้านได้

“พนักงานที่นี่น่ารักมาก ทำได้ทุกอย่าง จูนยอมรับเลยว่าน้องๆ ทุกคนมีส่วนสำคัญมาก เขาเหมือนเป็นแขน เป็นขา เป็นมือ เป็นส่วนหนึ่งของเรา เป็นส่วนหนึ่งของร้าน”

ส่วนเมนูอาหาร จูนก็ให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าปัจจัยอื่นๆ

“จูนมองง่ายๆ ว่า คนไทยเราขาดข้าวไม่ได้หรอก เรารับประทานข้าวกันทั้งนั้น จากเดิมทีที่นี่อาจเน้นอาหารฝรั่ง อาหารจานเดียว แต่จูนก็ลองแบบง่ายๆ เลย อย่างเช่นข้าวไก่กระเทียม ข้าวหมูกระเทียม แล้วพอลองใส่เข้าไปในเมนูปั๊บ โอ้โฮ คนสั่งเยอะมาก เพราะว่าคนไทยเราต้องรับประทานข้าว แล้วก็มียำกับ Cup B คือจูนพยายามใส่คำว่าคับบีเข้าไป เพื่อย้ำภาพลักษณ์ของร้าน ที่มาของเมนูนี้ก็คือส่วนตัวแล้วจูนเป็นคนชอบรับประทานแซลมอน แล้วที่ร้านไม่ค่อยมียำเลยก็เลยเอาแซลมอนนี่แหละมายำแล้วโรยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ แล้วยังมีเมนูง่ายๆ อีกเยอะเลยที่จะตามมา อย่าง กุ้งแช่น้ำปลา ถั่ว Cup B ข้อไก่ทอด ต้มยำกุ้ง แกงจืด เป็นอะไรที่มันถูกปาก ซึ่งต้องมีในร้าน ขาดไม่ได้”

เท่าที่จูนสังเกต เธอบอกว่าลูกค้าไม่น้อยเลย ที่มานั่งแล้วสั่งข้าวรับประทาน เพราะอิ่มท้อง อย่างบางคนทำงานเครียดๆ เหนื่อยๆ น้องๆ นักเรียน เรียนมาหนักๆ มานั่งที่นี่ก็ทั้งอิ่มและผ่อนคลาย

“อยากให้กับ Cup B เป็นห้องรับแขกสำหรับทุกคน เหมือนคุณมาปาร์ตี้บ้านเพื่อนมากกว่า ด้วยบรรยากาศความเป็นกันเองภายในร้าน ความน่ารักของร้าน”

เหลียวมองไปรอบกายยามนั้น บรรยากาศที่เป็นกันเอง อิริยาบถผ่อนคลายของผู้คนที่แวะเวียนมา สีสันสดใสสไตล์ เรโทร โรแมนติก หวาน ย้อนยุค แต่ไม่ล้าสมัย ยืนยันคำพูดที่จูนฝากทิ้งท้ายไว้ได้ดีกว่าสิ่งอื่นใด
“กับ Cup Bไม่ใช่แค่ที่ทำงาน แต่เป็นบ้านของจูน”

*********
เรื่องโดย รพีพรรณ สายัณห์ตระกูล
ภาพโดย วรงค์กรณ์ ดินไทย






กำลังโหลดความคิดเห็น