บรื่น บรื่น บรื่น !
เสียงเครื่องยนต์ที่ดังออกจากตัวรถ...ดังสะใจดี!
แหม...ถ้าได้นั่งและขับรถคันงามสักครั้ง จะเหยียบ(ซาด)ให้มันสะใจเลย!!
เชื่อได้เลยว่า วลีข้างต้น คงพอจะบ่งบอกให้เข้าใจ "นักซิ่ง"หรือคนที่ชื่นชอบในเรื่องของรถยนต์ได้เป็นอย่างดี ยิ่งในปัจจุบันด้วยแล้ว รถยนต์มีวิวัฒนาการของการพัฒนา ทั้งเรื่องของดีไซน์และรูปทรง เทคโนโลยีที่ทันสมัยและล้ำยุคมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนอง"ต่อม"ความอยากของผู้บริโภค?
แต่กว่า คนๆหนึ่ง จะมี"รถในฝัน"ไว้ครอบครองด้วยแล้ว ก็ต้องอาศัยองค์ประกอบที่หลากหลายมาเสริมเติมเต็ม"ฝัน"ในวัยเด็กให้เป็นจริง"ในวัยโต"
"รัตนชัย ผาตินาวิน" ผู้บริหารหนุ่มจากบริษัทอีสเทอร์นสตาร์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เป็นอีกผู้หนึ่งที่ชื่นชอบเรื่องรถ แม้จะไม่ซึมเข้าสายเลือด แต่เรื่องความเร็วแล้ว ก็ไม่น้อยหน้ากว่าคนอื่น
โดยแรกเริ่มเดิมที คุณพ่อทำธุรกิจค้าส่งเวชภัณฑ์ เลยต้องมีรถขนส่งสินค้าให้ลูกค้า ถ้าจำไม่ผิดที่บ้านมีรถอยู่ 11 คัน แต่เป็นรถตู้ส่งของ 10 คัน และรถเก๋ง 1 คัน และด้วยความเป็นเด็ก ก็ช่วยงานที่บ้าน ล้างรถ สนุกดี พอเห็นคนงานขยับรถเข้าออก ก็นึกในใจว่าอยากขับรถเป็นเลยขอให้คนขับรถช่วยสอนวิธีและเทคนิคการขับและวันหนึ่งมีโอกาสเหมาะเป็นวันอาทิตย์รถว่างๆ เลยแอบนำรถตู้โตโยต้า ไฮเอส ออกไปขับ
ตอนนั้นอายุ 12 ปียังไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์ ขับออกไปบนถนนใหญ่ ยิ่งสมัยนั้นถนนสาธร(ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นคำว่า "สาทร") เป็นถนนเล็กๆ มีแค่ฝั่งละ 2 เลน ลาดยางมะตอย พอขับรถขึ้นสะพานสูงๆ ระหว่างสาทรเหนือกับสาทรใต้
รถเสียอยู่กลางสะพาน คราวนี้ แย่เลย ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร รถก็ค่อยๆไหลลง รถคันหลังก็บีบแตร เหงื่อแตก เลยต้องหมุนกระจกรถข้างๆ ชะโงกออกไปโบกมือขอโทษคันหลังเห็นเป็นเด็ก ก็ตกใจ ก็รีบเข้ามาช่วย เข็นรถหลบเข้าข้างทาง
“โล่งอกไปเปราะ สุดท้ายก็เลยโดนคุณพ่อตำหนิในความซ่าและเป็นห่วงว่าอาจเกิดอันตรายกับตัวเองและคนอื่นได้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตน ก็สอนให้เรารู้ว่า ต้องเตรียมรถให้พร้อม สาเหตุที่รถเสียบนสะพานก็ เพราะคนงานที่ใช้รถไม่ดูแลรักษาและไม่เติมน้ำกลั่นแบตเตอรี่ รถเลยเสียสตาร์ทไม่ติด "รัตนชัย" เล่าถึงวีรกรรมในช่วงวัยเด็กที่ขับรถเป็นตั้งแต่อายุ 12 ปี พออายุ 14 ปีก็มีโอกาสได้ขับรถของคุณพ่อจำได้ว่าเป็นโตโยต้าคราวน์รุ่นปี 1976
คราวนี้ ก็เริ่มศึกษาเรื่องรถยนต์มากขึ้น ดูจากหนังสือ แต่สมัยนั้นจะเป็นแมกกาซีนรถจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหนังสือรถของญี่ปุ่นมีรถหลากหลายรุ่น รวมรถจากทั่วโลก และล้ำยุคกว่าบ้านเรามาก
สมัยนั้นของไทยมีไม่กี่รุ่นในตลาด อ่านไปก็ได้ความรู้พร้อมกับกิเลสและความฝันที่จะเป็นเจ้าของซุปเปอร์คาร์สักคัน
ตอนเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือเอแบค ขอคุณพ่อคุณแม่อยากได้รถ MAZDA 323 เพราะน่ารักดี แต่ตอนหลังได้ลองขับ BMW เลยเกิดประทับใจในสมรรถนะการทรงตัวดี ช่วงล่างดี เบรกดี กำลังเครื่องยนต์ดีมากก็พยายามตื้อขอเป็น BMW 318 รุ่น 2 ประตูปี 1982
โดยมีข้อแลกเปลี่ยนจะช่วยงานคุณพ่ออย่างเต็มที่ คือเรียนด้วยช่วยงานด้วย จริงๆ แล้วเรียนแค่ปีเดียว ตุนเกรดไว้ 3.20 ตั้งแต่ปีแรก อีก 3 ปีเน้นการทำงานช่วยงานที่บ้านมากกว่า ซึ่งผลที่ได้คือเราล้ำหน้ากว่าคนอื่นที่เรียนอย่างเดียว เราเห็นภาพจริงในเรื่องของการบริหารธุรกิจ รู้เรื่องการเงิน การบริหารจัดการ และเรียนรู้ความสำเร็จ รวมถึงความผิดพลาดจากประสบการณ์จริงในขณะนั้น และสุดท้ายก็โชคดีที่จบปริญญาตรีภายในกำหนดปกติ 4 ปี พร้อมประสบการณ์ที่มีค่า
รถคันแรกที่ซื้อด้วยเงินตัวเองคือฮอนด้า พรีลูด (Honda Prelude) ปี 1992 สีดำ สปอร์ต 2 ประตู ในสมัยนั้นถือว่าดีมากถ้าไม่เทียบกับซุปเปอร์คาร์จากยุโรป ช่วงล่างดี กำลังเครื่องก็ถือว่าดี ต่อมาปี 1996 ได้รถประจำตำแหน่งเป็น SAAB รุ่น 9000 CD รถดี เครื่องและช่วงล่างดีมากๆ Design อาจจะล้าสมัยไปหน่อยแต่ไม่เกี่ยงเพราะสมรรถนะโดยรวมดีเหลือเกิน ปัจจุบันนี้ SAAB คันนี้ยังอยู่ที่บ้านใช้เป็นรถ Spaire ปัจจุบันใช้รถบริษัทเป็น BMW Serie 5 ซึ่งเป็นอีกคันหนึ่งที่ชอบมากทั้ง Design สมรรถนะ ช่วงล่าง และเทคโนโลยี
" แต่ทั้งหมดทั้งปวงของความฝันตั้งแต่เด็กคือซุปเปอร์คาร์เยอรมนี Porsche คันที่ใช้อยู่เป็นสีบรอนซ์เงิน ราคาสิบกว่าล้านบาทเก็บเงินมาทั้งชีวิตเพื่อซื้อรถคันนี้เป็นซุปเปอร์คาร์ที่เหนือกว่ารถสปอร์ตทั่วไป เพราะ Porsche มีเทคโนโลยีเหนือระดับเทียบรุ่นต่อรุ่น ปอนด์ต่อปอนด์แล้ว Porsche ไม่แพ้ใคร ทั้งเรื่องอัตราเร่ง การทรงตัว ประหยัดพลังงานและเรื่องราคาไม่ต้องพูด ราคาขายต่อดีมาก ผมเคยลอง Test Drive ในสนามแข่งพีระ พัทยา ประทับใจ Porsche 911 (997) Turbo มาก แรงสุดๆ มันสุดๆ ตื่นเต้นเหมือนนั่งรถไฟเหาะเลย
จากบุคลิกภายนอกดูเรียบๆ แต่จริงๆ แล้ว บางทีผมก็มีลูกบ้า ตั้งแต่เด็กแล้ว ชอบเสี่ยงเป็นบางครั้ง เอามันเป็นบางคราว โดยวัดระยะเสี่ยงด้วย เสี่ยงไประวังไปมีก๊อกสอง และ plan B สำหรับกรณีฉุกเฉินเสมอ เช่นการลงทุนซื้อหุ้น ถ้ามั่นใจในข้อมูลและแนวโน้ม ผมจะลุยแบบสุดๆ เคยขาดทุนครั้งเดียวหลายสิบล้านขณะเดียวกันก็เคยกำไรครั้งเดียวหลายสิบล้านเช่นเดียวกันแม้ในมุมของชีวิตส่วนตัวแล้ว
รัตนชัย ผาตินาวิน จะสนุกและชื่นชอบเรื่องรถแล้ว ในมุมของโลกธุรกิจแล้ว ยังเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่สัมผัสและคลุกคลีอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์มาตลอดไม่น้อยกว่า 20 ปี
การขับรถก็ทำให้เห็นความเจริญในเมืองหลวงได้เป็นอย่างดี " ในอดีต การขยายเมืองมาจากส่วนที่เป็นพระราชวัง วัดพระแก้ว แล้วขยายมาตามริมแม่น้ำ ไล่เรียงมา
วังบูรพา เยาวราช เจริญกรุงทั้งสาย แล้วขยายมาที่สีลม อีกด้านก็ไปทางถนนพิษณุโลก ถนนศรีอยุธยา ถนนเพชรบุรี ไล่ไปถึงถนนเพลินจิต หรือแม้แต่เส้นที่ขยายไปอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นสุขุมวิท โดยเฉพาะแถวนี้ คนสมัยก่อนรู้ดีว่า ที่ดินผืนใหญ่ๆ ทั้งหมดเป็นของเจ้าพระยาทั้งนั้นเลย
"หากถามว่าอนาคตของเมืองจะเป็นอย่างไร ก็ตอบได้เลย จะเหมือนกับเมืองนอก ที่จะขยายไปตามโครงข่ายการคมนาคม ดูอย่างประเทศญี่ปุ่น แต่ก่อนจะเจริญเป็นหย่อมๆตามสถานีรถไฟฟ้าแล้วจากหย่อมๆ ขยายเข้ามาหากันเอง เช่นเดียวกับประเทศไทย ที่ดินยังมีอีกเยอะ บางครั้งไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่สายสำคัญ ขยับเข้าไปในซอย ก็ถือว่ายังอยู่ในแนวรถไฟฟ้า ซึ่งหากในอนาคตสามารถเชื่อมระบบรางให้เป็นใยแมงมุม จะยิ่งเห็นการเปลี่ยนแปลงของเมืองมากขึ้น" กรรมการผู้จัดการบริษัท อีสเทอร์นสตาร์ฯ กล่าว
กลับมาเรื่องธุรกิจอสังหาฯ เจ้าตัวยอมรับว่า เป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินทุนเยอะ และไม่ใช่ธุรกิจที่ใครจะเข้ามาทำง่ายๆ ก็ได้เช่นสมัยก่อน มันไม่ใช่ 5 ขั้นตอนอย่างสมัยโบราณที่ทำกัน คือ ซื้อที่ดิน จ้างสถาปนิกออกแบบ จ้างทีมขาย และจ้างทีมก่อสร้าง แล้วก็โอน แต่ปัจจุบันธุรกิจเปลี่ยนไป ซับซ้อนมากขึ้น กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องมีมากขึ้น ต้องการประสบการณ์ค่อนข้างมาก ธุรกิจอสังหาฯในนิยามของผมแล้ว "การทำพร็อพเพอร์ตี้นั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ แต่ทำให้ดี ยาก "
ทีนี้ ภาพและประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมานั้น ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ช่วงข้ามคืน ต้องมีเรียนรู้ รับถ่ายทอดแลกเปลี่ยนข้อมูลประสบการณ์จากผู้ที่อยู่ในวงการและนอกวงการ ซึ่งแต่ละคนย่อมมี"ผู้ที่เป็น
ต้นแบบ"ในดวงใจ ผมมีอยู่ 3 ท่านที่นับถือมากๆ คนแรก "ประดิษฐ์ วงศ์อภิสัมโพธิ์" เจ้าของกลุ่มทศพล แลนด์ ที่เปิดโอกาสให้เข้าสู่วงการอสังหาฯเป็นครั้งแรก ที่ต้องพูดเพราะท่านเป็นนักสู้ เป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ต่อปัญหาและอุปสรรค ท่านที่สอง***ชัชวาล เจียรวนนท์***ลูกชายเจ้าสัวซีพี ตรงนี้เป็นทั้ง
เพื่อน(อดีตเจ้านาย) ซึ่งเป็นคนที่ให้มุมมองเรื่องโลกาภิวัตน์ทั้งหลายกับผมมากมายมหาศาล และท่านที่สาม
“ชนินทร์ ว่องกุศลกิจ” เจ้าของบริษัทบ้านปู จำกัด (มหาชน) ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจน้ำตาล และธุรกิจอีกเยอะแยะ ในช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ขณะที่คนอื่นเลิกสนใจบริษัทไปหมดเลยแต่คุณชนินทร์ยืนหยัดสู้กับพวกเรา ไม่ทิ้ง แถมควักเงินส่วนตัวให้บริษัทกู้อีก ทั้ง 3 ท่านที่ผมชื่นชม คนแรกสู้อุปสรรคไม่ถอย คนที่สองให้มุมมองในโลกกว้าง คนที่สาม คนดี จริงใจ และเสียสละ
"ในชีวิตผมแบ่งเป็น 4 ส่วนอย่างชัดเจน คือชีวิตครอบครัว ชีวิตการงาน ชีวิตสังคม ชีวิตส่วนตัว ต้องบริหารจัดการทั้ง 4 ส่วนให้ดี บางครั้งผสมผสานกันได้ บางครั้งสลับความสำคัญกันได้ สุดแล้วแต่ว่าช่วงไหนจะเลือกอะไร แต่เหนือสุดของชีวิตแล้วเราต้องมี ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ในบ้านเมืองในสังคมได้อย่างสุขสบาย" รัตนชัย กล่าวฝากถึงคนไทยทุกคน