xs
xsm
sm
md
lg

เปิดโอกาสในทุกมุมมอง “อาณาจักร เจริญวงศ์ศักดิ์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พีท-อาณาจักร เจริญวงศ์ศักดิ์ เห็นนามสกุลแล้ว คงคุ้นๆ กันอยู่บ้าง หนุ่มคนนี้เป็นลูกชายคนเล็กของ ศ.ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ หนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่ากทม. สมัยหน้า ซึ่งช่วงปิดเทอมใหญ่ของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในคณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิศวะเคมี ที่เขากำลังเรียนอยู่

เวลาส่วนหนึ่งถูกใช้ไปกับการช่วยคุณพ่อหาเสียง และอีกหลายกิจกรรมสร้างสรรค์ภายใต้โครงการกองทุนเวลาเพื่อสังคม (Time Bank Society) ที่ต้องการสร้างโอกาสดีๆ ให้เกิดขึ้นจากวันว่างที่เหลืออยู่ อาทิ การปลูกป่าชายเลน สอนภาษาอังกฤษให้น้องๆ อ่านหนังสือให้คนตาบอด ฯลฯ ร่วมกับอาสาสมัครในโครงการ


พีท เล่าว่า ตั้งแต่เด็ก เขาเป็นคนหนึ่งที่ได้รับโอกาสดีๆ จากครอบครัว ทำให้สามารถเล่นดนตรี เล่นกีฬาได้หลายประเภท และยังสื่อสารได้มากถึง 5 ภาษา ซึ่งทั้งหมดนี้เขายกให้คุณพ่อเป็นต้นแบบในการใช้ทุกโอกาสให้เกิดประโยชน์ และนั่นคงเป็นผลของการเอาจริงเอาจังต่อบทบาทของการเป็นผู้ให้ จึงทำให้ลูกไม้ใต้ต้นอย่าง พีท ก็สัมผัสได้ถึงสิ่งดีๆ ที่ตามมา

“สิ่งมีค่ามากคือ การได้รับโอกาส ทุกครั้งที่มีคนมาชื่นชมตัวเรา ผมคิดตลอดว่า เราไม่ใช่เจ้าของเครดิตตรงนั้น ไม่ได้ภาคภูมิใจในตัวเองมากเท่าความปลาบปลื้มในโอกาสที่เราได้รับ มันเป็นผลงานจากคนที่หยิบยื่นให้กับเรา ซึ่งถ้าไม่มีตรงนี้ เราก็อาจจะโตขึ้นมาอย่างไม่รู้ว่า เราสามารถทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ได้”

เขาหมายถึงทุกคนที่มีส่วนสร้างโอกาสให้ นอกจากคนในครอบครัวแล้ว ยังรวมถึงคนอื่นๆ และทุกเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาด้วย โดยเฉพาะ ในช่วงของการตัดสินใจเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยในต่างแดน นอกจากความคิดของตัวเองแล้ว คำแนะนำเพียงเล็กน้อยของคุณครูท่านหนึ่ง ก็กลายเป็นจุดพลิกครั้งสำคัญที่ช่วยปรับทิศทางชีวิตให้ลงตัวมากขึ้น

“ช่วงจะจบไฮสกูลที่อินเดีย จำได้ว่า ส่งใบสมัครไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ในอเมริกาหลายแห่ง ทั้งที่ในใจอยากเข้าเรียนที่อังกฤษ เพราะรู้สึกชอบในระบบมากกว่า แต่มหาวิทยาลัยที่จะเข้านั้นยาก ต้องใช้เกรดเอทุกตัว มีโอกาสสูงที่เราจะไม่ได้ แต่ด้วยคำแนะนำ ซึ่งเราถือว่าเป็นโอกาสทางความคิดที่เข้ามานี้เอง สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ต้องการ แล้วทำทุกอย่างเต็มที่ สมดุลทั้งเรื่องเพื่อนและเรื่องเรียน ก็ทำให้เราได้ในสิ่งที่ใช่ที่สุดในเวลาของมัน”
ถึงคำว่า “โอกาส” จะเป็นสิ่งมีค่า แต่ใช่ว่าทุกคนที่ต้องการจะได้รับมันอย่างเท่าเทียม กับข้อเท็จจริงตรงนี้ หนุ่มหน้าใสในฐานะผู้รับ เขาตระหนักดี และไม่ลืมที่จะหยิบยื่นเพื่อแบ่งปันให้ผู้อื่นไปพร้อมๆ กัน กับแนวคิดที่เชื่อว่า โอกาสและความช่วยเหลือที่มีให้กันจะเป็นสะพานทอดไปสู่คนจำนวนมากที่ยังขาดแคลน ทำให้พีทเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการกองทุนเวลาเพื่อสังคม

“ผมเชื่ออย่างนั้นนะว่า โอกาสเชื่อมโยงกันเป็นห่วงโซ่แห่งความช่วยเหลือได้ ใครมีสิ่งดีอะไร ก็นำออกมาสร้างโอกาสให้กับคนที่เขายังขาดอยู่ ในทางตรงข้าม ถ้าเราซึ่งได้รับโอกาส ไม่เลือกที่จะส่งต่อ ความช่วยเหลือตรงนี้ก็จะหยุด”

... คิดง่ายๆ ก็คือ ไม่ให้ก็ไม่ได้เหมือนกัน คือไม่ใช่การให้ เพื่อจะเรียกคืนกลับมา แต่ ยินดีให้ เพราะอยากเห็นว่าจะเกิดการให้ต่อๆ กันไป อย่างไม่สิ้นสุด

“ตอนที่เราได้เข้าไปในชุมชนเอดส์ ไปที่โรงเรียนสอนคนตาบอด ยอมรับว่า รู้สึกเศร้าที่พวกเขามีโอกาสที่แตกต่างจากเรามาก และคิดไปว่าเป็นเรื่องราวที่ไม่ดี แต่พอกลับมาถึงบ้าน ก็อยากจะจดจำมันไว้นะ อยากหาวิธีที่จะไม่ลืม เพราะมันเป็นความรู้สึกใหม่ๆ ที่เข้ามาเปลี่ยนมุมมองของเราได้ ทำให้เราไม่หยิ่ง เพราะบางที การที่มีโอกาสมากกว่าคนอื่นเราก็อาจคิดว่า เราดีและเก่งกว่าเขา แต่จริงๆ แล้ว ในจุดเริ่มต้น เราก็แค่ได้โอกาสมากกว่าเท่านั้นเอง”

มีสิ่งดีซ่อนอยู่กับทุกโอกาสที่ผ่านเข้ามา แต่คงไม่อาจปฏิเสธว่า หลายครั้งอุปสรรคก็ติดมาเป็นเงาตามตัว ซึ่งถ้าจะคิดฉวยโอกาสนั้นไว้เพื่อทำสิ่งดีๆ ก็อย่าเพิ่งด่วนท้อใจเสียก่อน แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ทุกอย่างในวันนั้นมันมีผลกับเราทั้งหมด

“คนเรา บางทีโอกาสมันไม่ได้มากันบ่อยๆ ตลอดเวลา และมันก็ง่ายมากที่อาจจะเสียโอกาสนั้นไป ซึ่งเราก็ต้องเห็นคุณค่า และฉวยมันไว้เมื่อมาถึง เหมือนอย่างผม ถ้าไม่ได้ใส่ใจในคำแนะนำของคุณครู และเก็บไปคิดจนตัดสินใจ เราก็คงไม่ได้เป็นอย่างทุกวันนี้”

โอกาสมาพร้อมช่วงเวลาของมันเสมอ ถ้าอยากทำหลายอย่างได้ ก็ต้องบริหารเวลาให้ดี แต่ในโลกใบกลมอันเร่งรีบ ที่ยากต่อการจัดสรรให้ทุกอย่างลงตัวอย่างนี้ ในมุมของหนุ่มพีท เขาขอแนะให้หยุดคิดด้วยว่า นอกจากการจัดเวลาให้ลงตัวแล้ว ความสมจริงที่จะทำให้สำเร็จ ก็เป็นเรื่องที่ต้องคิดถึงด้วยว่าวิธีไหนที่พอจะเป็นไปได้มากที่สุด

“เมื่อโอกาสมาถึง เราเองก็ต้องรู้จักบริหารเวลาด้วย แค่รู้ว่าต้องทำอะไรคงไม่พอ แต่ต้องมีแผนสำรองเผื่อไว้ เพราะเอาเข้าจริงมันอาจไม่เป็นไปตามแผนทั้งหมดก็ได้”

เห็นพูดแบบนี้ ใช่ว่า... ทุกอย่างจะเป็นทางสายตรงจนเคร่งเครียดไปตลอด เคยมีคนมาถามพีทอยู่บ่อยครั้งว่า แล้วสาระและบันเทิงในชีวิตล่ะ เขาแบ่งเวลาให้มันอย่างไร เพราะทุกอย่างในความเป็นพีทดูจะสวยงามไปเสียหมด ไม่ว่าจะเป็น ความรู้ ความสามารถและโอกาสจากครอบครัว

คำตอบง่ายๆ จากปากชายหนุ่ม เขายอมรับว่า เราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง เคยเป็นเด็กมาก่อน มีบ้างที่อยากทำตามใจตัวเอง เห็นเพื่อนทำอะไรทำก็อยากทำตาม แต่ก็ต้องมีขอบเขตตามที่ถูกสอนมาว่าต้องเป็นอย่างไร ไม่ออกนอนกลู่นอกทางมากเกินไป

“ผมให้ความสำคัญกับโอกาสของการเล่น การสนุกสนานด้วย ทั้งสาระและบันเทิง เราเลือกใช้ทั้ง 2 อย่างให้บาลานซ์กัน คือ ทั้ง 2 อย่างมันช่วยกันได้ ทำให้ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้ แต่ต้องคุมให้สมดุล ไม่ออกนอกลู่นอกทางมากเกินไป เหมือนมันมี 2 จุด เริ่มจากตรงนี้ แล้วเรามีแผนที่จะไปให้ถึงเป้าหมายอีกจุดหนึ่ง ซึ่งเราอาจจะไม่ตรงไปเลย อาจมีแวะ วน (บ้าง) ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องเดินตรงอยู่ตลอดเวลา แต่สุดท้ายเราก็ยังไปถึงเป้าหมายที่วางไว้อยู่ดี”

และเมื่อมาถึงปลายทาง ไม่ว่าผลของการใช้โอกาสจะเป็นเช่นไร สำหรับพีท ถ้าทำดีที่สุดแล้วกับทุกโอกาส ก็เปล่าประโยชน์ที่จะมานั่งคิดย้อนหลังว่า ต้องใช้เวลากับมันมากแค่ไหน และต้องทุ่มเทพยายามกับสิ่งนั้นมาแล้วอย่างไร

กับโอกาสดีๆ ที่มีอยู่ แล้วคุณล่ะ...ทดลองทำอะไรเพื่อตัวเองและผู้อื่นไปแล้วบ้าง



กำลังโหลดความคิดเห็น