หากเอ่ยถามถึงรถเมล์ขาว “นายเลิศ” จากคุณพ่อคุณแม่ หรือคุณปู่คุณย่า ทุกท่านคงรู้จักดี มิหน่ำซ้ำ ยังเคยเป็นลูกค้าใช้บริการมาแล้วด้วย วันนี้ คำว่า “นายเลิศ” ทุกคนจะรู้จักในนามของโรงแรมหรูระดับห้าดาว มา 25 ปีเต็มแล้ว ปัจจุบันได้รับการบริหารโดยเชนระดับอินเตอร์ ภายใต้ชื่อ โรงแรม ปาร์คนายเลิศ แรฟเฟิลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล
แต่ทีมผู้บริหารส่วนใหญ่ ยังคงเป็นลูกหลาน ของนายเลิศ ตั้งแต่รุ่น ลูก คือ ท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ ประธานกิตติมศักดิ์ พิไลพรรณ สมบัติศิริ กรรมการผู้จัดการ (หลาน) สัณหพิศ โพธิรัตนังกูร กรรมการ(หลาน) และ ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ(เหลน) นับได้ว่า เป็นโรงแรมเดียวของประเทศไทย ที่ผู้หญิงได้กุมบังเหียน เป็นแม่ทัพมาถึง 4 ช่วงอายุคนแล้ว
พิไลพรรณ บุตรสาวคนโตของท่านผู้หญิง เลอศักดิ์ กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม สมกับเป็นผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในธุรกิจบริการนี้เป็นอย่างดี ว่า ครอบครัวเราอยู่ในธุรกิจบริการมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น รถเมล์ขาว เรือเมล์ขาว มาถึงปัจจุบัน คือธุรกิจโรงแรม โดยดูแลมาตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง จากเด็กอักษรศาสตร์ ที่ต้องมาเริ่มเรียนรู้ในการทำธุรกิจบริการ โรงแรมแห่งนี้จึงเป็นเหมือนโรงเรียน และบ้าน ที่ให้ความอบอุ่น เราสนุกกับงานที่ทำ เพราะเราทำด้วยใจรัก รักทั้งสถานที่ ที่ร่มรื่นและมีประวัติมายาวนาน รักพนักงานทุกคนที่ทำงานอยู่ด้วยกันมานานเป็นเสมือนญาติ
ลูกหลานของนายเลิศ ทุกคน ได้รับการเลี้ยงดูและหล่อหลอมว่า การทำสิ่งใดก็ตาม ต้องทำให้ดีที่สุด .....ทำจนสุดความสามารถ ด้วยความซื่อตรง สุจริต ไม่ยกยอปอปั้น แต่ให้ความจริงใจเต็ม 100% ที่สำคัญ ทุกคนต้องรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเอง เช่น ถ้าอยู่ในวัยเรียน ก็ต้องเรียนให้ดีสุดความสามารถ เมื่อทำงานก็ต้องทุ่มเทถึงที่สุด
วันนี้ภารกิจหน้าที่ของลูกหลานทุกคนของ นายเลิศ คือการรักษาผืนดินที่ตั้งโรงแรมปาร์คนายเลิศฯเพราะเป็นสิ่งมีค่ามากที่สุด เป็นที่ที่ควรรักษาและทำให้ดียิ่งขึ้น ความภูมิใจนี้จึงเป็นทฤษฎีให้เราดำเนินธุรกิจมาถึงปัจจุบัน และเป็นปรัชญาของการทำงานว่าต้องทำให้ดีที่สุดในสายตาของเรา
ยึดหลักพรหมวิหาร4 ทำงาน
กลุ่มนายเลิศมีบริษัทในเครือ 3 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท โรงแรมปาร์คนายเลิศ ทุนชำระแล้ว 470 ล้านบาท บริษัท นายเลิศ และบริษัท นายเลิศพัฒนา ที่ก่อตั้งโดยนายเลิศ สัญลักษณ์ของธุรกิจในเครือนายเลิศทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกิจการโรงแรม กิจการรถเมล์ เรือเมล์ ชอปปิ้งคอมเพล็กซ์ และธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ ตราสัญลักษณ์ หรือโลโก้ ที่แต่ละบริษัทใช้ คือ วงกลม มีเส้นตรงแนวตั้งและแนวนอนพาดผ่านกันเป็น สี่มุมฉาก มองเหมือนว่าวงกลมนั้นได้แบ่งเป็น 4 ช่อง ตรงนี้มีนัยสำคัญซ่อนไว้ นั่นคือ พรหมวิหาร 4 หรือ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ที่ลูกหลานทุกคนยึดถือเป็นหลักการในการทำงาน และพรหมวิหาร 4 นี้เองที่ปัจจุบันเป็นหลักการในการดำเนินชีวิต และเป็นพื้นฐานของทฤษฎีการบริหารงานบุคคลในอีกหลายองค์กร
สิ่งที่บ่งบอกความเป็นโรงแรม ปาร์คนายเลิศ ฯ อีกอย่างหนึ่งคือ “งานดอกไม้” ซึ่งจัดติดต่อกันมาทุกปี และ ปีนี้ถือเป็นครั้งที่ 22 ใกล้เคียงกับอายุของโรงแรม ในกิจกรรมนี้ ผู้ที่จะตอบได้ดีที่สุดคือ ท่านผู้หญิง เลอศักดิ์ สมบัติศิริ ประธานกิตติมศักดิ์ ผู้ริเริ่มจัดขึ้นเป็นครั้งแรก ท่านผู้หญิง วัยเกือบ 80 ปี กล่าวด้วยสีหน้าและรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความสุข ว่า ทุกปีท่านรอคอยให้ถึงวันจัดงานเร็วๆ รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้ง ที่ใกล้จะถึงวันงาน เราริเริ่มจัดงานนี้ขึ้นมาเพราะความรักในต้นไม้ดอกไม้ และต้องการสื่อให้คนทั่วไปได้สัมผัสความสดชื่นและความสวยงามตรงนี้ แถมยังเป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยวได้อีกมิติหนึ่ง ซึ่งปีนี้ จัดระหว่างวันที่ 22-24 สิงหาคม นอกจากการแสดงจัดดอกไม้ แฟชั่นโชว์ และ คอนเสิร์ต ปีนี้ยังได้เนรมิต พื้นที่ภายในโรงแรม 4 ไร่ครึ่งให้กลายเป็นอุทยานกล้วยไม้ถาวร
ครอบครัวเราถูกปลูกฝังให้รักต้นไม้และธรรมชาติ เพราะมีประโยชน์ต่อชีวิตมนุษย์มากมาย เรารณรงค์เรื่องปลูกต้นไม้ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม มานานมาก ตั้งแต่สมัย นายเลิศ ซึ่งเป็นคุณพ่อ ท่านได้ปลูกต้นไม้ ในบริเวณนี้เกือบทั้งหมด คือตั้งแต่ถนนชิดลม ไปถึงถนนวิทยุ และสถานทูตอเมริกาในปัจจุบัน เราตื่นตัวในเรื่องนี้มาหลายชั่วอายุคน ขณะที่ทั่วโลกเพิ่งรณรงค์ให้ปลูกต้นไม้ เพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อนเพียงไม่กี่ปีนี้เอง
“คนไทยยังรักต้นไม้น้อย จึงอยากให้เปลี่ยนความคิดมารักต้นไม้ให้มากขึ้น โดยเฉพาะต้นไม้ไทยๆ เพราะคนที่อยู่กับต้นไม้จะสุขสดชื่น ลืมแก่ ทุกวันนี้ ยังเดินสวนจตุจักร เป็นประจำ เพื่อเลือกซื้อต้นไม้ด้วยตัวเอง”
ท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ บอกเล่าความรู้สึกอีกว่า ทำธุรกิจโรงแรมมา 25 ปี เห็นความเปลี่ยนแปลง ในอดีต เราต้องเรียนรู้งานบริการด้วยตัวเอง แต่ทุกวันนี้มีหลักสูตรแบบสำเร็จรูป บวกเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้สิ่งสำคัญของธุรกิจบริการหายไป นั่นคือ หัวใจ ธุรกิจบริการในทุกแขนง ต้องมีหัวใจให้กับการทำงาน มีความรู้สึกที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส แม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่การบริการต้องทำให้ทั้งวิทยาศาสตร์ และเลือดเนื้อเดินร่วมทางกันไปได้อย่างสอดคล้อง และการบริการต้องก้าวเร็วกว่าลูกค้า 1 ก้าว เพื่อมอบสิ่งที่ดีให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ ตรงนี้คือหลักคำสอนที่บอกแก่ลูกหลานเสมอมา ซึ่งทุกคนทำงานได้ดี น่าพอใจ
คนเปลี่ยนแต่หัวใจไม่เปลี่ยน
ขณะที่ ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ เจนเนอเรชั่นที่ 4 ของนายเลิศ ที่บริหารโรงแรม กล่าวว่า แม้เป็นคนรุ่นใหม่ ที่เข้ามาทำงานตรงนี้ กับความรู้ที่ร่ำเรียนมาโดยตรง ยอมรับว่า ตัวเอง ก็คิดต่างจากรุ่นคุณยาย คุณป้า และคุณแม่ แต่ทุกคนมีจุดประสงค์เดียวกัน คือ ต้องการให้งานที่ทำออกมาดีที่สุด ลูกค้ามีความพึงพอใจสูงสุด เพราะถือเป็นหัวใจหลักของงานบริการ ดังนั้นท้ายที่สุดของความขัดแย้งทางความคิด ก็ลงเอยด้วยดีเสมอมา ธุรกิจโรงแรมไม่มีหยุดทำการ ต้องเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง และตลอด 365 วัน เราจึงหยุดพัฒนาไม่ได้ เพราะธุรกิจต้องมีการแข่งขัน
วันนี้ แม้โรงแรมปาร์คนายเลิศ ด้วยวัย 25 ปี มีผู้บริหารมาแล้ว 4 ยุด แต่เราก็ผสานความคิดที่ลงตัว จากโรงแรมที่มีความร่มรื่นด้วยสวนขนาดใหญ่ แต่ก็มีความทันสมัยไม่น้อยหน้าโรงแรมเกิดใหม่ มีเทคโนโลยีไวร์เลส ให้แก่แขกผู้มาพักได้ใช้บริการ ปาร์คนายเลิศจึงเป็นบ้านเก่าที่มีคุณค่า เหมาะต่อทุกยุคสมัย และสิ่งที่ได้รับจากครอบครัวแล้วมาใช้กับการทำงาน นั่นคือความจริงใจที่มีให้กัน ทั้งต่อพนักงาน และ ลูกค้า
ปาร์คนายเลิศฯ วันนี้ เปรียบได้กับสาวใหญ่ ที่ผ่านประสบการณ์มายาวนาน เป็นเหมือนไม้ยืนต้นที่ทรงคุณค่า และมูลค่า พร้อมรับมือกับอุปสรรค และ ความสุข ทุกรูปแบบ มีจุดยืนชัดเจนในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ขณะที่โรงแรมอื่นๆ เพิ่งมาตื่นตัว ตอกย้ำสายตายาวไกลของนายเลิศ ที่สั่งสมไว้ให้แก่ลูกหลาน ตราบจนทุกวันนี้ และจะก้าวต่อไปในอนาคต