xs
xsm
sm
md
lg

เพราะอะไร . . . ภาณุพันธ์ถึงแฮปปี้ วันนี้ของผู้บริหารหนุ่มจากค่ายดีแทค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ . . . เธอเคยถามกับฉัน ที่ฉันรักเธอ ว่าอยากจะรู้รักเพราะอะไร
กลับไปคิดไปค้น ใคร่ครวญมากมาย ไม่เจอ...คำตอบ
ที่ผ่านมานั้นไม่คิดอยากรู้ที่มา และไม่เคยหาเหตุผลใด ๆ
แค่ตัวฉันเพียงรู้ว่าเป็นสุขใจเมื่ออยู่เคียงกัน
อาจจะฟังแล้วไร้เหตุผล ว่าสิ่งที่ทำให้คนรักกัน
หรือเป็นเพียงรอยยิ้ม รอยนั้นเมื่อวันแรกเจอ. . .”

หลายคนคงเคยได้ยินบทเพลง “เพราะอะไร” จากโฆษณาแฮปปี้ดีแทคชุดบ้านแฮปปี้ โทร *100 ที่กำลังเป็นกระแสทอล์คออฟเดอะทาวน์อยู่ในขณะนี้ ทั้งจากเว็บพันทิปและเว็บไซต์โฆษณา เช่น www.adintrend.com และ www.kosanathai.com เป็นต้น ด้วยโฆษณาที่มาในแนวน่ารักมากมาย ชวนให้หลายคนต้องหยุดดูและอมยิ้มกันแทบทุกคน ใครจะรู้บ้างว่าเบื้องหลังที่มาของเสียงเพลงไพเราะนี้ไม่ใช่นักร้องมืออาชีพแต่เป็น ภาณุพันธ์ สงวนพรรค หรือ “ปืน” ผู้อำนวยการฝ่าย eRefill Development จากดีแทคที่วันนี้เอาตัวตนใส่ลงไปในบทเพลงและร้องถ่ายทอดความหมายออกมาด้วยหัวใจ จากการที่คลุกคลีเป็นผู้บริหารของแฮปปี้ออนไลน์มาร่วม 4 ปี

แนวคิด Inside out ปรับปรุงที่ตนเองก่อนมองที่ผู้อื่น

ภาณุพันธ์กล่าวให้ฟังว่าวันนี้หน้าที่รับผิดชอบที่ดีแทคคือดูแลส่วนงาน พัฒนาผลิตภัณฑ์ สำหรับบริการแฮปปี้ ออนไลน์ (happy online) คือพัฒนาช่องทางเติมเงินระบบพรีเพดแบบออนไลน์ ไม่ใช่แค่ดูแลเรื่อง function หรือ feature ของบริการแค่นั้นว่าควรมีรูปแบบการใช้งานอย่างไร ใช้งานได้ง่ายสะดวกและตรงตามความต้องการมากที่สุดขนาดไหน แต่วันนี้ได้พัฒนาช่องทางเติมเงินรูปแบบใหม่ เช่น ตู้ไข่ พร้อมกับรับผิดชอบเรื่องการดูแลเรื่องผลตอบแทนของ Distributor และ Retailer ทั่วประเทศอีกด้วย

“การที่ต้องรับผิดชอบดูแลงานหลายส่วน ดูแลรับผิดชอบคลุกคลีกับหลากหลายชีวิตในทีม ทำให้มีแนวคิดเรื่องการบริหารชีวิตคือ จะต้องเริ่มต้นที่ รู้จักตนเอง แก้ไข ปรับปรุงที่ตัวเองก่อนแล้วค่อยไปดูที่คนอื่น ผมว่าเรื่องนี้สามารถใช้ได้ในเกือบทุกเรื่องของชีวิตนะ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ชีวิตคู่ หรือ การดำเนินชีวิตปกติ ทุกวันนี้ส่วนใหญ่ผู้คนจะมองว่า (เข้าใจว่า และคิดว่า จนถึงมั่นใจว่า) ตนเองทำดีที่สุดแล้ว ทำเยอะเล้ว พอแล้ว ส่วนคนอื่นนั้นมีข้อบกพร่องที่ยังต้องปรับปรุงมากมาย ดังนั้นคำถามที่มักถาม (คนอื่น) อยู่เสมอคือ ทำไมเค้าไม่ . . .

ลองคิดดูง่ายๆ เราเคยตำหนิตัวเองครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ หรือเราทำอะไรผิดไปบ้างในวันนี้หรือ อาทิตย์นี้ ค้นหายากใช่ไหม? เราจึงควรฝึกมองที่ตนเองไว้ก่อนและหมั่นปรับปรุงตนเองก่อนจะดีกว่ารอให้คนอื่นปรับเข้ามาหาเรา แต่ไม่ต้องถึงขนาดคิดโทษตัวเองซะทุกเรื่องจน กลายเป็นคนที่หดหู่และท้อถอย นั่นมากเกินไป ยึดทางสายกลางดีที่สุด”

บริหารด้วยเท้า ตามสไตล์ดีแทค

ภาณุพันธ์บอกว่าเขาได้ซึมซับวิถีการบริหารจากดีแทคทำให้เขามีความสุขกับการทำงานในวันนี้ ผู้บริหารที่จะประสบความสำเร็จไม่ควรนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน แต่ควรลงไปสัมผัสถึงตลาดจริงๆ ลูกค้าจริงๆ อย่างกรณีที่เห็นได้ชัดคือการที่ดีแทคจัดม็อบล่าสุด “Happy เป็นบ้า” โดยให้ผู้บริหารระดับสูงสุดจนถึงพนักงานทุกระดับ ออกไปเป็นบ้า แต่งตัวบ้าๆ ไปเต้น ไปร้องเพลง ไปเดินตามถนน ตามห้าง เพื่อแนะนำบริการและโปรโมชั่นใหม่จากแฮปปี้ พร้อมทั้งรับรู้ปัญหาจากลูกค้าจริงๆ เพื่อนำมาปรับปรุงบริการให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

“ถึงขนาดครั้งนี้บางคนที่ไปเจอคนรู้จักก็ไม่อาย สรุปว่านี่มันบ้าชัดๆ ถ้าไม่เรียกว่า “ใจ” แล้วจะเรียกว่าอะไร ถ้าให้คุณเป็นคนคิด คุณจะกล้าคิดแบบนี้ไหมว่าให้ทุกคนออกไปทำบ้ากลางถนน ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าพนักงานของดีแทคกล้าและมีใจให้บริษัทอย่างเต็มเปี่ยม คิดแค่นี้ดีแทคก็น่ากลัวแล้ว สอดคล้องกับสุดยอดนักคิดระดับโลก ลีโอนาโด ดาวินชี (Leonardo da Vinci) ที่มีหลักปรัชญาถ่ายทอดว่า You touch, but you don’t feel! แน่นอน ถ้าผู้บริหารนั่งแค่ที่โต๊ะทำงานรอฟังแค่ผลวิจัย สรุปการสำรวจตลาดจากรายงานคุณก็คงรู้หรือสัมผัสได้เพียงแค่นั้น แต่คุณไม่ได้มีความรู้สึก . . . รู้สึกถึงแก่นแท้ของจริงที่ไม่มีในรายงาน”

เขาบอกว่ามีนักคิดที่เป็นต้นแบบให้ยึดถือหลายท่านในชีวิตการทำงาน สำหรับในช่วงนี้ต้นแบบเรื่องแนวคิดที่ชอบและคิดทำตามอย่างมั่นใจคือ “ซิคเว่ เบรคเก้” เพราะชอบแนวคิดเรื่องการเปลี่ยนแปลง ชอบคำที่บอกว่าถ้าเมื่อไหร่ที่รู้สึกสบาย หรือมั่นคงกับงานที่ทำอยู่ นั่นหมายถึงเวลาเปลี่ยนแปลงได้มาถึงแล้ว และ “ซิคเว่” ยังเป็นผู้นำองค์กรที่ใช้การกระตุ้นองค์กรด้วยแนวคิดที่ไม่เหมือนใครด้วยการทำให้รู้สึกเหมือนถูกผลักไปยืนอยู่บนปากเหว จะตกหรือไม่ตกมีค่าเท่ากัน สิ่งที่ประทับใจอีกเรื่องจาก “ซิคเว่” คือ “Don’t blame people. Reward mistakes.” การที่อนุญาตให้พนักงานทำผิด แน่นอนสิ่งนี้ได้เปลี่ยนวิธีคิดของภาณุพันธ์ที่เมื่อก่อนจะทำอะไรออกมาแต่ละครั้งจะใช้เวลาคิดมาก จนบางครั้งจะช้าเกินไป การคิดเยอะมีผลดีแต่ต้องเร็ว ถ้าคิดเยอะแล้วคิดได้เท่าเร็วแค่ชาวบ้านธรรมดา ควรใช้ความรู้สึกที่ว่า 80:20 ผิดไม่เป็นไร แต่ห้ามซ้ำ ห้ามผิดแบบเดิม แน่นอนองค์กรจะเกิดการพัฒนาไไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว

สิ่งที่จริงจังกับทีมแฮปปี้ออนไลน์

ภาณุพันธ์กล่าวว่า “สิ่งที่จริงจังและยากสุดก็เรื่องการ Implement happy online เพราะได้เริ่มต้นจากแถวๆ เกือบศูนย์ สวนทางกับเป้าหมายที่ได้รับผิดชอบและต้องไปให้ถึง สูงมากจนดูเหมือนเป้าหมายอยู่บนสวรรค์ แต่ที่ผ่านมาได้จนประสบความสำเร็จในวันนี้ ก็เพราะความร่วมมือร่วมใจไม่เกี่ยงงานและจากฝีมือของทีมงานทุกคนที่เกี่ยวข้อง ทั้ง Marketing, Operation, Sales, ทีม Recruitment ทุกๆส่วนทำงานกันอย่างจริงจังลงรายละเอียดกันแบบไม่ให้หลุดมือเลยทั้งระดับผู้บริหารจนถึงพนักงานธรรมดาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงทุกวันนี้ ณ นาทีนี้คิดว่าทีม “แฮปปี้ ออนไลน์” เป็นทีมที่กลมเกลียวกันมากที่สุดทีมหนึ่งของบริษัท จากการที่ได้ร่วมสร้างและผลักดันบริการนี้กันมาตั้งแต่ต้น เรียกว่าเป็นลูกของทุกคนที่ได้ร่วมเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนกันมากับมือทีเดียว”

ความมุ่งมั่น ตัวตน และดนตรี

เขาบอกว่าหลายคนใช้ชีวิตแบบทำอะไรเหม่อลอย หลายคนทำอะไรเริ่มต้นด้วยความหวัง และความฝัน แต่ทิ้งไปก่อน ถ้าเริ่มต้นฝึกฝน ตั้งใจ ไม่ยอมแพ้ ต้องใส่ใจลงไปให้กับทุกเรื่อง สิ่งนี้สามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตได้ทุกด้านทั้งชีวิตส่วนตัวและการทำงาน ทุกครั้งเมื่อเริ่มต้นแล้ว ไม่ว่าความสนใจอะไรก็ตาม เมื่อถึงจุดหนึ่งทุกคนจะต้องพบจุด U-turn เช่น การเล่นกีต้าร์ กอล์ฟ วิ่งมาราธอน คอมพิวเตอร์ งานฝีมือ ทำกับข้าว และเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เคยทำ หรือเรื่องที่ต้องเริ่มใหม่ พอทำไปได้สักพักหนึ่ง ร่างกายจิตใจจะบอกว่า พอเหอะ ไม่ไหวแล้ว ไม่มีเวลา เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเถอะ สิ่งนี้มันไม่ดีเท่าไรหรอก มีข้อเสียสารพัด หาข้อดีแทบไม่เจอเลย น่า U-Turn สรุปคือเลิกเหอะ แต่ถ้าเราสามารถผ่านจุด U-Turn นั้นไปได้ เราก็จะสามารถทำได้จนสำเร็จ จุดนี้เขามักจะนำมาใช้เป็นข้อคิดในเวลาท้อถอย คิดไม่ออกในทุกเรื่องของชีวิต ว่านี่คือจุดทดสอบตัวตน ต้องมีความมุ่งมั่นฟันฝ่าที่แท้จริง ถ้าเราผ่านจุดนี้ไปไม่ได้เราก็จะกลับไปอยู่ที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง ไม่สามารถเติบโตต่อไปได้ ทุกอย่างอยู่ที่ใจและความคิดของเรา ทุกอย่างต้องใช้พลัง ใช่หรือไม่ ในชีวิตของเราอาจจะเปรียบเหมือนการขับรถที่ต้องผ่านจุด U-Turn หลายครั้งหลายคราในชีวิต เพียงถ้าเราแค่แตะเบรกให้ชะลอ เพื่อดูให้แน่ๆว่ามันเป็นเพียงสะพาน U-Turn ไม่ใช่ทางตัน หักซ้ายเล็กน้อย ดูรถหลัง และก็ทะยานต่อไป แค่นี้ก็ฉลุย

“ลองคิดย้อนกลับไปช่วงวัยรุ่นอายุซัก 15-18 ปี ผมว่ามากกว่า 70% ของวัยรุ่นชายก็ต้องคิดอยากจะลองหัดกีต้าร์ เคยลองหัด ไปเรียน หรือแม้แต่เล่นเป็นแล้ว แต่ลองคิดดูว่าอีก 20 ปีผ่านมา จะเหลือสักกี่คนที่ยังได้จับกีต้าร์ทุกอาทิตย์ ผมว่าน้อยมาก ลองคิดย้อนกลับไปว่าตอนนั้นพวกคุณฝันอะไร กีต้าร์ฮีโร่ในดวงใจคือใคร อยากจะเล่นเพลงไหนให้ได้ อยากขึ้นเวทีฝันไปต่างๆ นาๆ ในตอนนั้น พอภาพตัดมาที่ปัจจุบัน หลายคนลืมไปแล้วว่ากีตาร์ตัวแรกหน้าตาเป็นอย่างไร ตั้งสายอย่างไร ไม่ผิดหรอก อาจเป็นเพราะสถานการณ์และเส้นทางเดินของแต่ละคนไม่เหมือนกัน โอกาสในการได้เล่นต่างกัน สังคมต่างกัน และอีกล้านเหตุผล

ดังนั้น ผมจึงบอกว่าความมุ่งมั่น คือความตั้งใจ และไม่ยอมแพ้ ผมอาจจะโชคดีที่ผมยังได้มีโอกาสเล่นดนตรีร้องเพลงที่ผมรัก และยังได้เล่นได้ร้องมาถึงทุกวันนี้ ทั้งๆที่ไม่เคยได้ไปร่ำเรียนทฤษฎีดนตรี หรือกีต้าร์ ไม่เคยแม้กระทั่งเรียนการร้องเพลงจากที่ไหนแม้แต่ครั้งเดียว จนบัดนี้ยังอ่านโน้ตไม่เป็นเลย อาศัยฟังและก็จำเอาอย่างเดียว เรียนรู้ด้วยตัวเอง แต่ไม่ยอมแพ้แม้ต้องพบกับจุด U-turn หลายครั้งหลายหนในชีวิต”

ในวันนี้ ถ้าถามภาณุพันธ์ว่าแฮปปี้เพราะอะไร . . . แน่นอน เชื่อว่าคำตอบคือการที่ได้รับคัดเลือกให้ร้องเพลงประกอบโฆษณานี้ เขาผ่านมาได้แม้จะต้องร่วมคัดเลือกพร้อมกับนักร้องอาชีพก็ตาม จากความฝันและความมุ่งมั่นที่ยังอยู่ในประกายตาของผู้บริหารหนุ่มจากค่ายดีแทคไม่เคยเปลี่ยน สำหรับเขาแม้มีเพียงคนฟังแค่คนเดียวก็พร้อมที่จะเล่นแบบใจขาด

เพราะอะไร . . . ทำให้วันนี้กระแสตอบรับจากโฆษณาของแฮปปี้จากดีแทคออกมาดีเกินคาด และส่งผลให้เสียงเพลงของเขาและบริการเสริมอื่นจากบ้านแฮปปี้ได้ถูกดาวน์โหลดไปมากกว่า 1.3 แสน ครั้งจากเว็บไซต์ http://www.happy.co.th/th/baanhappy_hi/intro.htm
กำลังโหลดความคิดเห็น