xs
xsm
sm
md
lg

ธุรกิจแบบธรรม (ชาติ) นิยม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โรงแรมคำแสด ริเวอร์แคว รีสอร์ท
แม้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงจะเป็นที่พูดถึงกันมาหลายปี แต่เมื่อเอ่ยถึงหลายคนคงนึกภาพเห็นแต่ชาวบ้านหรือเกษตรกรที่ทำการเกษตรพึ่งตนเองแบบผสมผสาน มากกว่าจะนึกไปถึงการดำเนินกิจการในรูปแบบธุรกิจหรือบริษัท เพราะชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าน่าจะอิงระบอบทุนนิยมมากกว่าความพอเพียง แต่แท้จริงแล้วในเมืองไทยยังมีธุรกิจอีกหลายแห่งที่ได้พยายามปรับแนวคิดนี้มาใช้ในการทำธุรกิจ หนึ่งในนั้นคือ โรงแรมคำแสด ริเวอร์แคว รีสอร์ท จ.กาญจนบุรี

อะไรที่ทำให้โรงแรมแห่งนี้ต่างจากธุรกิจโรงแรมอื่นทั่วไป?... จนได้รับรางวัลชมเชยจากการประกวดผลงานตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้านธุรกิจขนาดกลาง จากสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ทั้งที่ประเภทของกิจการนั้นไม่น่าจะไปกันได้เลยกับแนวคิดดังกล่าว ด้วยทราบกันดีว่า ธุรกิจโรงแรมนั้นคืองานบริการ ซึ่งหัวใจสำคัญก็คือการสร้างความพอใจให้ลูกค้าด้วยบริการที่หรูหราสะดวกสบายที่สุด

โรงแรมเล็กๆ ริมฝั่งแม่น้ำแควใหญ่แห่งนี้มีคำตอบ


จุดเริ่มต้นจากความเรียบง่าย

“คำแสด” ถูกตั้งชื่อตามไม้ยืนต้นขนาดเล็กชนิดหนึ่งที่ปลูกเรียงรายอยู่ในบริเวณของโรงแรม แม้จะดูไม่โดดเด่นสะดุดตา แต่เมื่อทราบคุณประโยชน์ก็ทำให้พอทราบว่าทำไมถึงเลือกตั้งชื่อโรงแรมตามต้นไม้ชนิดนี้

ต้นคำแสดมีสรรพคุณตั้งแต่ยอดจนจรดปลายราก เปลือกเมล็ดนั้นให้สีแสด คนโบราณใช้แต่งสีอาหาร หรือย้อมผ้า, เปลือกราก แก้ไข้มาลาเรีย รักษาโรคหนองใน ส่วนใบ ใช้ทำยาแก้ไข้ บิด ขับปัสสาวะ ดีซ่าน แก้งูกัด,ผล เป็นยาฝาดสมาน, เมล็ด เป็นยาหอม แก้ไข้ แก้หนองใน แก้ไขมาลาเรีย และแก้พิษจากมันสำปะหลัง และสบู่แดง เนื้อหุ้มเมล็ดยังช่วยขับพยาธิ เป็นยาระบาย แก้โรคผิวหนัง, ดอก บำรุงเลือด แก้โลหิตจาง แก้บิด คันตามผิวหนัง ฯลฯ

โรงแรมคำแสดจึงคล้ายต้นไม้ที่ชื่อเดียวกันตรงที่... แม้ภายนอกอาจดูไม่หรูหราสะดุดตา แต่ซุกซ่อนเรื่องราวดีๆ เอาไว้ภายในมากมาย เพียง 139 กิโลเมตร จากกรุงเทพมหานคร โรงแรมคำแสดตั้งอยู่อย่างสงบท่ามกลางธรรมชาติของป่าเขา โอบขนาบด้วยลำน้ำแควใหญ่แห่งเมืองกาญจนบุรี และยังรายล้อมด้วยนาข้าวเขียวขจีในบรรยากาศชุ่มฉ่ำของต้นฤดูฝน

ภายในบริเวณโรงแรมที่เราเห็น เปรียบได้กับชุมชนในอุดมคติซึ่งพึ่งพาตนเองได้อย่างเข้มแข็งและมั่นคง ภายในพื้นที่ขนาดกว่า 100 ไร่ มีทั้งนาข้าว แปลงผัก สวนผลไม้ โรงงานผลิตปุ๋ยและคัดแยกขยะ ไปจนกระทั่งโรงผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานในโรงแรม นอกจากนี้ สถานที่แห่งนี้ยังเป็นแหล่งการเรียนรู้ดูงานจากหน่วยงานของรัฐและเอกชนมากมาย ด้วยศักยภาพของบุคลากร ตั้งแต่พนักงานไปจนถึงผู้บริหารที่ร่วมแรงร่วมใจกันจนกระทั่ง “คำแสด” ไม่ใช่แค่ธุรกิจโรงแรม แต่เป็นกิจการที่ขับเคลื่อนด้วยหลักพุทธธรรมและวิถีแห่งธรรมชาตินิยมแบบพอเพียง

เจ้าของโรงแรมนั้น เป็นสุภาพสตรีอดีตข้าราชการวัยเกษียณจากกรุงเทพฯ ที่ต้องการสร้างสถานที่พักผ่อนสักแห่งที่ห่างไกลจากความวุ่นวายของสังคมเมือง เพื่อพักฟื้นร่างกายและจิตใจจากความเหนื่อยล้า และความเป็นผู้ที่ชื่นชอบศึกษาหลักธรรม จึงได้สร้างสวนธรรมไว้ภายในบริเวณโรงแรมเพื่อให้พนักงานและแขกที่มาพักได้ใช้สงบจิตใจ รวมถึงทีมผู้บริหารทุกคนเองก็คำแสดฯ ได้รับการสั่งสมอบรมเรื่องคุณธรรมและจริยธรรม อย่างสม่ำเสมอ

ยุทธการ ศรีวรกุล ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ คำแสด ริเวอร์แคว รีสอร์ท กล่าวถึงที่มาของแนวคิดในการสร้างความมั่นคงทางธุรกิจ สำหรับพึ่งตนเองและอยู่รอดได้ในภาวะคับขัน อย่างเช่น โครงการผลิตอาหารทำนาข้าว โดยใช้แรงงานโค กระบือ, ปลูกผักสวนครัว, เพาะเห็ด และถั่วงอก รวมไปถึงการปลูกไม้ผล ไม้ดอก และไม้ประดับในบริเวณโรงแรมว่า เริ่มทำมาได้ 2-3 ปีแล้ว สืบเนื่องมาจากภาระค่าใช้จ่ายที่ทางโรงแรมต้องมีประจำสูงมากตกเดือนละนับล้านบาท ทำให้ทางพนักงานและผู้บริหารต้องมาคิดกันว่า จะทำอย่างไรเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในจุดนี้

ยุทธการทำงานอยู่ที่นี่มาเป็นเวลากว่า 12 ปีแล้ว โดยก่อนหน้านั้นเขาอยู่แผนกบุคคล เมื่อทางโรงแรมต้องประสบกับปัญหาในช่วงวิกกฤตเศรษฐกิจ จำต้องปลดคนออกบางส่วนเพราะแบกรับต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่วไม่ไหว ขณะที่จำนวนแขกที่มาพักก็ลดลง พนักงานหลายคนที่ผูกพันถึงกับร้องไห้ ทำให้พวกเขาช่วยกันคิดหาทางออกเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

“ทางเจ้าของโรงแรมก็บอกว่าทำยังไงให้พวกเรามั่นคง ก็คือมีข้าว มีอาหาร พึ่งตัวเองได้ เราก็หาแนวทางและได้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้กับนโยบายของเรา มีหลายคนมาดูงานแล้วคิดว่าเพราะเราปลูกผักถึงทำให้โรงแรมอยู่ได้ จริงๆ แล้วไม่ใช่ ยังมีองค์ประกอบอื่นอีก”
องค์ประกอบที่ว่านอกจากความมั่นคงทางด้านอาหารแล้ว ก็คือ โครงการสร้างความมั่นคงทางพลังงานโรงแรมคำแสดได้ศึกษาค้นคว้าจนสามารถผลิตก๊าชชีวภาพ ทดแทนก๊าซหุงต้ม (LPG) นอกจากนี้ยังมีโครงการสูบน้ำด้วยพลังงานน้ำ, โครงการผลิตไบโอดีเซล, โครงการต้มน้ำด้วยพลังงานความร้อนร่วม ฯลฯ

แต่โครงการเหล่านั้นจะสำเร็จลงไม่ได้เลย ถ้าหากขาดปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ นั่นก็คือ “คน” หรือบุคลากรภายในโรงแรมนั่นเอง

ยุทธการกล่าวว่า “คำแสด” มีการบริหารโดยยึดหลัก “ธรรมมาภิบาล” โดยใช้การประกาศอย่างชัดเจน และใช้การฝึกอบรมพนักงานให้ทราบว่า พวกเขาจะยึดหลัก ความซื่อสัตย์ สุจริต มีคุณธรรมและศีลธรรมในการปฏิบัติต่อกัน ทั้งพนักงานต่อพนักงาน ต่อคู่ค้า ลูกค้าและต่อประชาชน อีกทั้งทางโรงแรมยังลงทุนด้านการพัฒนาจิตใจบุคลากร เช่น การสร้างสวนธรรมเพื่อสวดมนต์ ฟังธรรม และปฏิบัติธรรม

“เรื่องบุคลากรเราก็ใช้หลักพุทธศาสนามาปรับใช้ในการบริหาร แต่ทุกคนจะถือศีลห้าคงเป็นไปไม่ได้ในปัจจุบัน เราก็เลยคิดว่าให้มาสวดมนต์ไหว้พระกันดีกว่า ในขณะที่สวดมนต์ไหว้พระ เจ้าของก็ถ่ายทอดความคิด ถ่ายทอดทัศนคติต่อพนักงานว่าทำอย่างไรจะอยู่ได้ โดยยึดหลักตามแนวพระราชดำริ”

จิตสำนึกสำคัญที่ผู้บริหารคำแสดฯ ประกาศออกมาอย่างชัดเจน คือ การบริหารงาน โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ผลประโยชน์ของส่วนรวมด้วย โดยเน้นว่าการดำเนินกิจการของโรงแรมนั้น ต้องไม่ก่อให้เกิดมลพิษ และสิ่งปฏิกูลแก่ชุมชนจนเป็นภาระแก่ชนรุ่นหลัง พวกเขาต้องการสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความสุข (สัปปายะ) และ เป็นมิตรกับธรรมชาติ

"โรงแรมในอุดมคติ" จึงเป็นคำกล่าวที่ไม่เกินเลยเมื่อเอ่ยถึง “คำแสด”

ความพอเพียง คือพอประมาณ

“คำแสดฯ ลงทุนแบบค่อยเป็นค่อยไป เริ่มต้นจากธุรกิจเล็กๆ แล้วจึงค่อยพัฒนาขึ้นไป แม้ในปัจจุบันเราก็ยึดหลักนี้ โดยขยายกิจการอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ก้าวกระโดด แต่เติบโตแบบมั่นคง ยั่งยืน”

ผู้บริหารโรงแรมคำแสดบอกว่า พวกเขาไม่หวังให้เกิดผลตอบแทนการลงทุน (ROI) ในอัตราสูง ในระยะเวลารวดเร็ว หรือในเวลาอันสั้นๆ แต่ต้องการความมั่นคง และยืนยาวไปในอนาคต จากแนวคิดทางสายกลาง ที่เจ้าของกิจการไม่ต้องการกำไรสูงสุดแต่ผู้เดียว หากต้องการให้ทั้งเจ้าของ พนักงาน ลูกค้า และสังคมส่วนรวมผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ต่างมีความพึงพอใจและมั่นคงร่วมกัน

นอกจากนี้ คำแสดฯ ยังมีเป้าหมายนำรายได้ไปสร้างสรรค์ และพัฒนางานด้านอื่นๆ ให้เกิดประโยชน์อย่างกว้างขวางแก่สังคมและชุมชนใกล้เคียง เช่น ลงทุนทางด้านการประหยัดพลังงาน ได้แก่ การกำจัดขยะครบวงจรเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม, การลงทุนเพื่ออนุรักษ์พลังงาน และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมรอบภายในจังหวัดกาญจนบุรี รวมไปถึงการจ้างพนักงานเป็นคนในพื้นที่
ด้านงานแยกขยะ, ผลิตปุ๋ย, ผลิตถ่าน และน้ำส้มควันไม้ รวมถึงการผลิตสารไล่แมลงศัตรูพืช และสารตั้งต้นการดับกลิ่นที่ผลิตจากสารชีวภาพ โดยประยุกต์เทคโนโลยีและพลังงานมาใช้ภายในโรงแรม ทำให้โรงแรมคำแสด ริเวอร์แคว กลายเป็นรีสอร์ทแบบพอเพียงที่พึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง โดยทางผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของโรงแรมเปิดเผยว่า ในอนาคตคำแสดมีโครงการที่จะผลิตกระแสไฟฟ้าใช้เองในโรงแรมอีกทางหนึ่ง

“สิ่งหนึ่งที่เราบอกกับคนของเราว่า เราเตรียมพร้อมทุกอย่างที่จะตกงาน ในเมื่อเราควบคุมอะไรไม่ได้ในโลกใบนี้ คราวที่แล้วมีการปฏิวัติเมื่อเดือนกันยาฯ พอตุลาฯ ไม่มีแขก ลูกค้าหายหมด พอมาถึงปีนี้น้ำมันขึ้น เมษา-พฤษภา เงินที่เราเก็บมาทั้งปีหมดไปแล้ว ถ้าเป็นในอดีตเราคงต้องปลดคนออกเป็นร้อยคน แต่ปีนี้ไม่ต้องปลดเพราะโครงการเราสำเร็จไปหลายโครงการ เราไม่ต้องปลดใครเลยแม้แต่คนเดียว มีแต่รับเพิ่ม”

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้ประมาท พนักงานของโรงแรมคำแสดทุกคนเข้าร่วมโครงการพัฒนาพนักงานให้มีทักษะในงานหลายๆ ด้าน โดยทางโรงแรมจัดงานให้พนักงานมีรายได้เพิ่มขึ้นนอกเวลาทำงาน

“เนื่องจากว่าเราเตรียมความพร้อมที่จะตกงาน เราก็เลยสรุปกันว่าทุกคนต้องมีงานที่เป็นอาชีพเสริมให้ได้ ไม่ใช่จะเป็นเด็กเสิร์ฟหรือคนครัวตลอดชีวิต ซึ่งสถานการณ์เมืองไทยตอนนี้มันไม่แน่นอน เราก็เลยบังคับในช่วงแรกให้ทุกคนต้องทำอีกอาชีพหนึ่งให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นปลูกผัก, ปลูกเห็ด ซึ่งงานการเดินไฟฟ้าทำโรงเพาะเห็ด ในโรงแรมก็ไม่ต้องไปจ้างผู้รับเหมาที่ไหน ช่างในโรงแรมสามารถทำได้ ผมบอกกับเขาว่าถ้าพวกคุณตกงานไปสมัครงานที่อื่นก็บอกเขาว่า เราเดินไฟเป็น เราอ่านแบบเป็น เราทำหลายๆ อย่างเป็น ผลปรากฏว่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คนของผมไม่เคยให้งานเหล่านี้กระเด็นไปที่อื่นเลย ตอนนี้กำลังทาสีครัวอยู่” ยุทธการเล่าถึงศักยภาพที่หลบซ่อนอยู่ในตัวของบุคลากรที่นี่

เมื่อทางคำแสดมีโครงการผลิตเครื่องอุปโภค เช่น เจลอาบน้ำ, แชมพูสระผมจากดอกไม้และสมุนไพรไทย ทำให้พนักงานที่นี่มีรายได้เพิ่มขึ้น ยามว่างเราจึงเห็น รปภ. ดัดแปลงวัสดุเหลือใช้เป็นเครื่องกวนเจลอาบน้ำ ขณะที่ด้านสวัสดิการนั้นทางโรงแรมก็ดูแลสวัสดิการให้พนักงานอย่างทั่วถึง เช่น อาหาร ที่พัก เสื้อผ้า การรักษาพยาบาล ประกันชีวิตและประกันอุบัติเหตุให้กับพนักงาน โดยบริษัทฯ เป็นผู้ออกค่าเบี้ยประกันให้ทั้งหมด

นอกจากนี้ ทางโรงแรมยังให้เงินกู้ยืมที่ไม่มีดอกเบี้ยแก่พนักงาน และบุคคลในครอบครัวของพนักงานทั้งหมด เพื่อใช้จ่ายในสิ่งจำเป็น เช่น ค่าเล่าเรียนบุตร และค่าฌาปนกิจที่พนักงานไม่ได้จ่ายสมทบ เมื่อไม่ต้องเป็นห่วงปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง พนักงานทุกคนจึงตั้งใจทำงานด้วยความสุขอย่างพอเพียง ไม่ต้องดิ้นรนอะไรอีก

“ผมได้รับนโยบายเบื้องต้นเลยว่า ต้องทำทุกอย่างให้คนกว่าสองร้อยคนอยู่ได้ในช่วงวิกฤต คือเงินค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เรามีบนหน้าตัก ผมจำได้ในคืนวันสุดท้ายของยุคไอเอ็มเอฟ สามีภรรยาทำงานด้วยกันก็ปลดสามีหรือภรรยาออกหนึ่งคน อีกหนึ่งคนยังคงอยู่ แล้วก็ทุกคนมีสิทธิมากินข้าวที่นี่ได้ฟรี อันนี้เราจะเป็นธรรมเนียมเลยว่า เราจะเลี้ยงข้าวสามมื้อ ลูกหลานมากินได้หมด แต่ทุกคนไม่มีสิทธิห่อกลับบ้าน เปิดครัวฟรีตลอดเวลาให้กับพนักงานและลูกหลานมากิน”

“คำแสดไม่เน้นการลงทุนเฉพาะด้านวัตถุ แต่จะมีการวางแผนกำลังคน ทั้งปริมาณและคุณภาพ มีแผนฝึกอบรมและพัฒนาบุคคลทุกระดับ ทั้งผู้ปฏิบัติงานและผู้บริหาร เรามั่นใจในตอนนี้ว่าถ้าหากถึงวันสุดท้ายก่อนจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นอีก เรามีทุกอย่างพร้อมให้คนของเรา มีทั้งพลังงาน และอาหารให้คนสองร้อยคน”

จากเดิม ที่ทำธุรกิจ “เชิงเดี่ยว” คือทำโรงแรมเพียงอย่างเดียว “คำแสด” จึงปรับตัวโดยหันมาสร้างผลงานและนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นในองค์การเสมอ ทั้งทางด้านการโรงแรมและด้านผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับงานโรงแรม เช่น เจลอาบน้ำ แชมพู เจลล้างมือ รวมทั้งน้ำหอม ที่ผลิตจากดอกไม้ธรรมชาติในสวนของโรงแรม

“เรามีความคิดว่าเศรษฐกิจจะวิกฤตยังไง คนจะต้องสระผม คนจะต้องอาบน้ำ คนจะต้องใช้พลังงาน ผลปรากฏปีนี้น้ำมันแพง ต้นปีคนไม่มาเที่ยวเลย ผลประกอบการแย่มาก เงินไม่ถึงล้านยังไม่พอจ่ายเงินเดือนด้วยซ้ำ แต่ปรากฏว่าเจลขายดี ธุรกิจนี้ขยายอย่างรวดเร็ว เดิมมีคนทำแค่คนสองคนก็เริ่มขยายงานออกมา คนที่เป็นหัวหน้างานต่างๆ ก็ไปเป็นคนควบคุมการผลิต คนที่เหลือหลายส่วนไม่มีอะไรทำหลายเดือนที่ผ่านมาก็ไปปลูกผักช่วยกันคนละอย่างก็ยังดี จีเอ็มพอเห็นพนักงานช่วยกันก็ออกไปหาตลาด ไปทำการขาย พนักงานคอมพิวเตอร์ใครที่พอมีกำลังทำอะไรได้ไปหมด วันนี้เราขายได้วันหนึ่งหลายหมื่นบาท ไปขายที่กรุงเทพฯ คนของเราไปตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้วยังไม่กลับมา ทุกคนทำทุกอย่างที่เราทำได้” ยุทธการเล่าพร้อมรอยยิ้ม

แม้วันนี้ โรงแรมคำแสด ริเวอร์แคว รีสอร์ท อาจไม่ใช่ธุรกิจโรงแรมห้าดาวติดอันดับท็อปไฟว์โรงแรมหรูที่มีผลประกอบการสูงสุด แต่พนักงานและผู้บริหารที่นี่ต่างอยู่ด้วยความสุขใจ เพราะการทำงานของพวกเขาไม่ได้คำนึงถึงแค่ตัวเลขกำไรขาดทุน หากแต่อยู่ได้อย่างเพียงพอและพึ่งตนเองได้เป็นสำคัญ
ต้นคำแสด ที่มาของชื่อโรงแรม
 บรรยากาศริมแม่น้ำแควใหญ่
ทุ่งนาในโรงแรมที่ปลูกข้าวไว้กินเอง
เครื่องสูบน้ำ พลังงานน้ำ
โรงผลิตก๊าซชีวภาพ
แปลงดอกไม้และสวนผัก




สารชีวภาพที่ทางโรงแรมคำแสดผลิตเพื่อใช้เองและจำหน่าย
ผลิตภัณฑ์ยาสระผมและเจลอาบน้ำของโรงแรมคำแสด
เกลือหอมขัดผิว
กำลังโหลดความคิดเห็น