xs
xsm
sm
md
lg

อารมณ์ มีชัย : สตรีเหล็กแห่งมวลชนกู้ชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อารมณ์ มีชัย หญิงแกร่งกับพลังใจที่มากล้น
ปอยผมสีขาวบนศีรษะที่มีอยู่อย่างเบาบาง
น้ำเสียงแหบพร่า ทว่าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
แม้ว่าร่างกายของเธอต้องเผชิญกับโรคร้ายที่พร้อมจะพรากลมหายใจของเธอไปได้ทุกเมื่อ
แต่ไม่เคยมีคำว่านับถอยหลังสำหรับเธอ
การเดินหน้าสู่ชัยชนะด้วยแรงมวลชนเท่านั้น คือสิ่งที่เธอเชื่อมั่นในตอนนี้


*แรงใจชนะทุกสิ่ง
หมอเคยบอกเธอว่าจะอยู่ได้อีก 5 ปี ปัจจุบันผ่านไปแล้ว 2 ปี เหลืออีก 3 ปี หมอสั่งห้ามไม่ให้ไปไหน
“เราบอกหมอว่าถ้าให้ฉันนอนเฉยๆ ฉันอยู่ได้อีก 20 ปีแต่ว่าทำอะไรให้สังคมไม่ได้เลย กินนอน ดูแลลูกหลาน แล้วฉันจะอยู่ไปทำไมหายใจทิ้งไปวันๆ ฉันมาทำงานกับประชาชน ถึงฉันอยู่ได้แค่ 10 วันแล้วฉันตาย ฉันก็มีความสุข” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของ อารมณ์ มีชัย ข้าราชการบำนาญวัย 64 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช เธอเป็นทั้งผู้ประสานงานพันธมิตร 14 จังหวัดภาคใต้ เป็นทั้งแม่ดีเด่นแห่งชาติรุ่นแรกปี 2520 และยังเป็นครูต้นแบบรุ่นแรกปี 2540
ปัจจุบันอารมณ์ทำงานบ้านคุ้มครองเด็ก โดยจะดูแลเด็กที่ถูกพ่อข่มขื่น ถูกชาวบ้านข่มขื่น ถูกทำร้ายทารุณ ดูแลเด็กที่ตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ โดยจะรับไว้ดูแลที่บ้าน ให้การศึกษา ให้เขาเกิดความรักลูกของเขา
สำหรับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในครั้งนี้ อารมณ์มาร่วมการชุมนุมตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2551 ชีวิตของเธอในช่วงนี้จะอยู่ที่สะพานมัฆวานฯ สลับกับไปสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เพื่อไปรักษาโรคมะเร็งเต้านม ที่ปัจจุบันได้ลุกลามไปถึงที่ปอดแล้ว
ทว่าแรงใจของเธอไม่เคยถูกกลืนหายไปกับการลุกลามของมะเร็งร้าย
“ครั้งนี้มากัน 10-20 คน พาพวกค้าขายแถวรังสิตมาด้วย เพราะเราเองไปพักอยู่ที่บ้านลูกแถวรังสิต ครอบครัวเราก็มากันหมด ลูกชายคนกลางเป็นเลขาของอาจารย์ ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส่วนลูกชายคนเล็กอยู่ที่ มูลนิธิคุ้มครองเด็ก กับครู มนตรี สินทวิชัย แต่มาที่นี่ก็ต่างคนต่างอยู่เหมือนตอนช่วงพฤษภาคม 2535 ตอนนั้นเราก็เป็นกรรมการอยู่บนเวทีกับคุณจำลอง ศรีเมือง ช่วงนั้นจะนอนอยู่ราชดำเนิน นอนอยู่สองเดือน ตอนเช้าก็ไปสอนหนังสือพอดึกก็มา ต่อมาได้ย้ายไปสอนอยู่ที่โรงเรียนเบญจมบพิตร สอนภาษาอังกฤษ ช่วงนั้นถ้าไม่มีคาบสอนก็จะมาหาม็อบ เขาให้สอน 8 คาบต่อสัปดาห์ มันว่างเยอะ เลยเอาเวลามาทำม็อบ จัดตั้งมวลชน” อารมณ์เล่าถึงบทบาทการเป็นผู้ก่อตั้งมวลชน
ช่วงแรกๆ ทางครอบครัวก็ห้ามปราม เพราะร่างกายของเธอง่ายที่จะอ่อนแอ หากอ่อนแอเมื่อใดหมอจะไม่สามารถทำคีโมให้ได้ “เราเลยตอบไปว่าภารกิจการสร้างชาติมันจะไปฝากใครไม่ได้ มันเป็นภาระส่วนตัวที่เราต้องทำเอง เพราะฉะนั้นหน้าที่แม่ แม่ต้องมาเอง ถ้าไม่ไหว แม่จะรู้ตัวแม่เอง”
อารมณ์กล่าวว่าถ้าเรารักษากายและใจเราดีๆ เราอาจอยู่ได้ถึง 7 ปีหรือ 10 ปีก็ได้ ถึงจะตายเมื่อใดก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว อารมณ์เล่าถึงการผ่านความตายหลายต่อหลายครั้ง ตั้งแต่ตอน 14 ตุลาคม 2516 ที่ถูกยิงแต่ก็ไม่ตาย ตอนตุลาคม 2519 ก็ถูกยิงอีกก็ไม่ตาย ตอนพฤษภาทมิฬเขายิงกัน อารมณ์เองก็อยู่ที่นั่น แต่ก็ไม่ตาย
“ถ้ามันจะตายมันคงตายเอง ไม่ต้องทำอะไรนอนหัวใจวายตาย ตายอย่างนี้เบากว่าขนนกไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรเลย แต่ถ้ามาตายตรงนี้หนักกว่าภูเขาแต่อย่างน้อยก่อนตายเรายังได้ภูมิใจว่าเราได้ทำหน้าที่เราจนถึงที่สุดแล้ว”

*พลังหญิงแกร่ง
อารมณ์เล่าเรื่องย้อนกลับไปเมื่อปี 2549 ตอนนั้นเธอกำลังผ่าตัดมะเร็งอยู่ แต่ก็ถอดสายน้ำเกลือมาขึ้นเวทีปราศรัยเพราะทนดูอยู่เฉยๆ ไม่ได้ เธอเล่าถึงความแตกต่างครั้งเมื่อปี 2549 กับครั้งนี้ว่าครั้งที่แล้วประชาชนที่มาร่วมโดยขาดการรับรู้เยอะ ผิดกับครั้งนี้ที่เขาเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวขึ้นมาก คราวก่อนคุณสนธิ ลิ้มทองกุล พยายามมากมายแต่ไม่ได้มวลชนมากเท่านี้ แต่ครั้งนี้แค่เพียงวันแรกคนก็มาชุมนุมกันมากมาย อีกทั้งเรื่องเสบียงอาหารครั้งนี้มีพร้อม มีหมดทุกอย่างตั้งแต่หมวกกันน็อก โทรโข่ง แค่ประกาศไปเท่านั้น เพียง 2 วันคือวันที่ 25-26 พฤษภาคม 2551 ได้รับเงินบริจาคเป็นสิบล้าน เพราะความพร้อมของประชาชนมีมาก ครั้งนี้ถึงฝนตกก็ไม่หนี ฉะนั้นครั้งนี้มวลชนมีการศึกษาดีขึ้นและมาจากต่างจังหวัดมากกว่าเมื่อตอนปี 2549
หลังจากปี 2549 เมื่อผ่าตัดเต้านมและพักฟื้นแล้ว อารมณ์เดินทางไปต่อเกือบทุกจังหวัด ไปพูดคุย ไปทำสมัชชาประชาชน ไปทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นที่พัทยา ชลบุรี ตราด ระนอง ด้วยความที่อารมณ์เป็นคนที่กว้างขวาง พอขึ้นเวทีจะได้คนที่พากันมาฟังมากมาย อีกหน้าที่หนึ่งที่อารมณ์ทำคือเป็นผู้ประสานงานพันธมิตร 14 จังหวัดภาคใต้
“เวลามีเรื่องเกิดขึ้นเขาก็จะโทรมาถามว่าจะเอาอย่างไร เราก็ตอบไปว่าไม่ต้องมา ค่าใช้จ่ายมันเยอะ เพราะถ้ามาจะเป็นภาระกับทางนี้ อย่างเรื่องห้องน้ำ อาหารการกิน ทั้งเรื่องค่าเดินทางด้วย อย่างถ้ามาเครื่องบินไป-กลับ 8,000 บาท ถ้ามารถทัวร์ไป-กลับ 1,600 บาท เงิน 1,600 บาทในสถานการณ์แบบนี้ในฐานะชาวบ้านธรรมดามันก็ถือว่าเยอะ แต่พอถึงเวลาจริงๆ เขาก็ใช้วิธีไปเรี่ยรายเงินกันมา แล้วมากันเยอะ”
อารมณ์เป็นผู้หนึ่งที่ชอบไปจัดตั้งประชาชนตามที่ต่างๆ “คราวก่อนที่คุณสนธิไปบวชเราก็ตามไป คุณสนธิไปพิษณุโลกเราก็ไป บุรีรัมย์ก็ไป ไปขึ้นเวที อันนี้มันอยู่ที่กำลังใจ เราคอยบอกกับตัวเองว่าเราตายไม่ได้ ต้องชนะมันก่อน เราเลยต้องกินอาหารดีๆ เข้าไว้จะได้มีแรง”

*การเมืองกับคนใต้
ภาคใต้ดูจะแข็งขันในการขับไล่รัฐบาลทักษิณมากกว่าภาคอื่น เคยมีข้อสังเกตว่าเพราะคนภาคใต้เป็นฐานเสียงของประชาธิปัตย์ เรื่องนี้จะถามใครคงไม่มีตอบได้ดีเท่าคนใต้เอง
“มันไม่ใช่ เพราะประชาธิปัตย์เองก็ไม่ได้ชนะขาดลอย อย่างตอนคุณ ชำนิ ศักดิเศรษฐ์ อยู่พลังธรรม พลังธรรมก็ชนะ แต่เนื่องจากแต่ละพรรคพอถึงเวลาจึงส่ง ส.ส. เข้าไปสมัครรับเลือกตั้ง แต่ไม่ได้ทำกิจกรรมในพื้นที่นั่นคือข้อที่หนึ่ง” อารมณ์กล่าวถึงสาเหตุในข้อแรก
ข้อที่สองคือคนที่เป็น ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้มีความร่ำรวยให้เห็นชัดเจน ไม่ได้เป็นเจ้าของโรงงานหรือร้านค้าจะมีแต่คุณ      สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เห็นชัดเจนกว่าเพื่อน นอกนั้นจะเป็นทนายหรืออาชีพอื่น ซึ่งส่วนใหญ่เขาจะอยู่อย่างสมถะ ประชาชนทางภาคใต้จะมีองค์กรที่เรียกว่าองค์กรการเมืองภาคประชาชน ซึ่งเมื่อก่อนอารมณ์เองก็เคยเป็นประธานอยู่ จะทำหน้าที่จัดการศึกษา งานศพ งานแต่งงาน จะมีการพูดเรื่องการเมืองตลอด จัดวงเสวนาเพื่อชี้ให้เห็นถึงปัญหาต่างๆ
อีกเรื่องคือคนใต้จะเป็นคนหยิ่ง ที่เขาหยิ่งเพราะเขาถือว่าเป็นราชอาณาจักรศรีวิชัย ไม่มีรัฐบาลเราก็อยู่ได้
“ตอนน้ำท่วมรัฐบาลทักษิณบอกว่าไม่ช่วย ไม่ช่วยก็อย่ามาช่วย เราอยู่กันเองได้ เราเลยรวมกำลังหุงข้าว หุงปลา ช่วยกันเองคุณ ทักษิณ ชินวัตร บอกว่าไม่เลือกเขา ก็ไม่ให้งบประมาณ ไม่ให้เราก็ไม่เอา สมัยคุณ ชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ ภาคใต้ก็ไม่เคยได้อะไรเลย ถนน 4 เลนก็ไม่มี มาได้สมัยคุณ บรรหาร ศิลปอาชา เพราะอะไรเพราะเราถือว่าตรงอื่นลำบากกว่าเรา เราไม่ไปเรียกร้อง ส.ส. เราให้ทำชั่ว”
อารมณ์เล่าให้ฟังว่าอาจเพราะภาคใต้เป็นเมืองที่ทำการติดต่อค้าขายกับต่างชาติ เป็นอาณาจักรตามพรลิงค์ มีประเทศนอร์เวย์ สวีเดน เนเธอร์แลนด์มาติดต่อค้าขายด้วย เพราะพื้นที่ทางใต้ส่วนใหญ่จะเป็นชายทะเลก็ได้มีการติดต่อค้าขายกัน พอทำการค้ามันได้แลกเปลี่ยน ได้เห็นอะไรต่ออะไรเยอะขึ้น คนที่อยู่ตรงนี้เขาจึงไม่อดอยาก อาหารทะเลมีอุดมสมบูรณ์ ข้าวก็ปลูกเอง ผลไม้ก็ปลูกเอง ยาง แร่ เขามีหมดทุกอย่าง เวลามีคนเอาเสื้อผ้าหรือข้าวของไปแจกเขาจะไม่ให้ลูกเขารับ เพราะเสื้อผ้าที่คนใช้แล้วเขาไม่รับ ใช้แล้วจะอายเพื่อนบ้าน ถ้าใครก็ตามที่มีลูกแล้วไม่ส่งให้เรียนต่อจะต้องอับอายเพื่อน จะจนอย่างไรก็ต้องเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ จนอย่างไรก็ต้องจบปริญญาตรี ปวส. ปวช. ถ้าใครมีลูกที่เรียนจบ ป.6 ป.7 แล้วยังวิ่งเล่นอยู่ที่บ้านจะโดนเพื่อนว่าทำไมไม่ให้ลูกเรียนต่อ ถ้าไม่มีตังค์ก็ต้องไปบวช บวชกับพุทธทาส แล้วคนใต้โชคดีที่มีพระที่สอน อย่างเช่นท่านปัญญา ท่านพุทธทาส ไม่มีพระเกจิอาจารย์ที่ปลุกเสกดังๆ อย่างจตุรคามรามเทพก็ทำกันเอง

*รัฐธรรมนูญไทยหรือรัฐธรรมนูญใคร?
“คัดค้าน เราไม่ได้มองว่ามันมาจากเผด็จการอะไร ต้นบัวเกิดจากโคลนตรมแต่ดอกบัวยังออกมาบูชาพระได้ รัฐธรรมนูญฉบับนี้เกิดจาก คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) แต่ว่าที่มาของมันมาจากการไม่มี สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ” อารมณ์กล่าวก่อนเล่าต่อว่าการสมัครจะรับจากจังหวัด จะสมัครกี่คนก็ได้ เลือกมาจังหวัดละคน จากนั้นเขาจะมาเลือกต่อเอง อย่างน้อยก็ผ่านการกลั่นกรอง
“เราเลยคิดว่ามันจะมาจากไหนก็ช่างมัน ต้องดูที่ความเป็นประชาธิปไตยว่ามีมากไหม แต่ถ้ามองว่าเป็นเผด็จการก็มีอย่าง ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้ง แต่เราก็ต้องยอมรับว่า ส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้งมันก็ไม่รอดพ้นอิทธิพลของพรรคการเมือง ดูได้อย่าง ส.ว. ปัจจุบันมีใครบ้างที่นักการเมืองไม่หนุน 76 คนมีกี่คนที่ไม่ใช่ของพรรคไทยรักไทย แม้แต่ที่นครศรีธรรมราชก็เป็นคนของพรรคไทยรักไทย ฉะนั้นอย่ามองที่มาของมันแต่มองว่าเรื่องหาสาระมันเป็นอย่างไร เราพร้อมที่จะให้แก้ไข แต่ขอให้ใช้ไปก่อน ให้คดีทักษิณเสร็จสิ้นลงก่อน ถ้าแบบนี้เราโอเค คุณจะแก้ก็แก้ได้ แต่ทำแบบนี้คุณแก้เพื่ออะไร เพื่อฟอกความผิดของคนๆ เดียว”
การยุบพรรคไม่ได้เพิ่งเกิด เมื่อก่อนมันมีแย่กว่านี้ พรรคการเมืองทุกพรรคต้องส่ง ส.ส. ลงสมัคร ถ้า 200 คนจะต้องส่ง 101 คน ค่าสมัคร 5,000 บาท ถ้าส่งแล้วไม่ได้พรรคต้องถูกยุบไป เพราะฉะนั้น พรรคที่ไม่ได้ก็ไม่มีโอกาสจัดตั้งเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมือง อย่างเช่นพรรคแนวร่วมสังคมนิยม พรรคพลังใหม่ ก็ถูกยุบไปเยอะ มันไม่สามารถแก้การซื้อเสียงได้ ต้องยุบพรรค อย่างเดียว เขาเลยดิ้นกันใหญ่ ไม่อย่างนั้นเขาก็เฉยกัน ทำอย่างไรก็ได้ให้ได้เสียงได้มือมายกให้ แล้วก็ไปปลดปล่อย ส.ส.
“เมื่อก่อนขัดแย้งนโยบายพรรคไม่ได้แสดงความคิดเห็นส่วนตัวไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้สามารถทำได้แต่เขาไม่แสดงกันเอง คุณจักรภพ เพ็ญแข พูดถึง Patronage System แต่คุณทักษิณเองที่เป็น Patronage System เป็นระบบอุปถัมภ์ที่ชัดเจน แล้วเรายังจะให้เขาแก้รัฐธรรมนูญอีกหรือ? เขาแก้เสร็จเดี๋ยวเขาก็ยุบสภา เดี๋ยวเขาก็กลับมาซื้อเสียงใหม่ 111 คนนั้นก็จะออกมาได้ ทักษิณก็จะออกมา เงินที่ถูกยึดไว้ 7.6 หมื่นกว่าล้าน เขาก็เอาไปซื้อเสียง แล้วก็กลับมาได้อีก ไม่แน่ว่าอาจได้ 450 เสียงคนเดียวเลย” อารมณ์กล่าว

*เหนื่อยแต่ไม่หยุด
ด้วยความกตัญญูต่อสถาบันกษัตริย์และผืนแผ่นดิน เธอกล่าวว่า “กษัตริย์ไทยของเราไม่เหมือนกษัตริย์ของรัสเซีย ไม่เหมือนกษัตริย์ของจีน ไม่เหมือนนางซูสีไทเฮา กษัตริย์ไทยมีบุญคุณกับประเทศชาติกับประชาชนมาตลอด จะให้ใครมาทำลายได้อย่างไร” อารมณ์กล่าว
“แต่ถ้าถามว่าเหนื่อยไหม คงต้องตอบตามตรงว่าเหนื่อย เพราะร่างกายเราไม่ได้แข็งแรงเหมือนก่อน เดินนานหน่อยก็เหนื่อยแล้ว แต่เราต้องแยกระหว่างกายกับจิตออกจากกันให้ได้ เหนื่อยก็รับรู้ว่าเหนื่อย แต่ก็เฝ้าสังเกตไปเดี๋ยวมันก็หายเอง ไม่ไปเครียดกับมัน” อารมณ์จบประโยคด้วยน้ำเสียงที่ยังคงมีพลังและกำลังใจอย่างเปี่ยมล้น

         **********************




กำลังโหลดความคิดเห็น