“อรุษ นวราช”รุ่นที่สาม สานต่อจินตนาการ “โรสการ์เด้น”

สำหรับคนที่อายุเกิน 30 ปีขึ้นไป ถ้าให้ย้อนไปถึงวัยเด็ก หรือวัยหนุ่มสาว “สวนสามพราน” คงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังติดอยู่ในหัวใจใครหลายคน เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มครอบครัวและวัยหนุ่มสาวที่เพิ่งเริ่มจีบกันใหม่ ๆ

ถึงวันนี้ถ้าเปรียบ สวนสามพราน เป็นผู้หญิง ก็คงเป็นสาวใหญ่ที่เติบโตอย่างมีคุณค่า และพร้อมที่จะเป็นแหล่งเรียนรู้ในด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิต และ ภูมิปัญญาของไทย ให้เด็กๆรุ่นหลังและ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้เข้ามาชื่นชม

จากรุ่นสู่รุ่น จาก “สวนสามพราน” สู่ “โรส การ์เด้น ริเวอร์ไซด์” สวนสามพราน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาครบ 45 ปีในปีนี้ ให้บริการทั้งสวนสาธารณะ สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ, กิจกรรมการแสดงวิถีไทย, การแสดงช้าง ยังมีโรงแรม และรีสอร์ทบ้านเรือนไทย สำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักค้างคืนได้สัมผัส “วิถีไทย ริมสายน้ำ”

แนวนโยบายของ โรส การ์เด้น ริเวอร์ไซด์ สวนสามพราน ภายใต้การดำเนินงานของ “สุชาดา ยุวบูรณ์” หญิงแกร่ง ที่เติบโตมาพร้อมกับสถานที่แห่งนี้ มาเกือบ 45 ปี และเป็นผู้บริหาร เจนเนอเรชั่นที่ 2 ต่อจาก คุณหญิง วลี ยุวบูรณ์ ผู้เป็นมารดา ซึ่งเป็นผู้เริ่มก่อตั้งโรส การ์เด้น ถึงวันนี้ ที่กระแสต้านภัยโลกร้อนของนานาประเทศทั่วโลก ยิ่งตอกย้ำว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของ โรส การ์เด้น ได้เดินมาถูกทาง เข้ากันได้ดีกับกระแสการท่องเที่ยวในปัจจุบัน

สานฝันปั้นต่อ

วันนี้ โรส การ์เด้น กำลังย่างเข้าสู่ยุคของผู้บริหารเจเนอเรชั่นที่ 3 “อรุษ นวราช” ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน เป็นลูกชายของ สุชาดา ยุวบูรณ์ นั่นเอง เด็กหนุ่มที่เติบโตมาพร้อมกับโรส การ์เด้น สิ่งแวดล้อม และการทำงานของผู้เป็นมารดา ได้สั่งสมเข้าไปในสายเลือดและจิตใจของเขาอย่างแยกไม่ออก

“อรุษ นวราช” บอกกล่าวเล่าเรื่อง ว่า โรส การ์เด้น และสวนสามพราน คือ ชีวิตจิตใจ และ ตัวตนของเขาอย่างแท้จริง เพราะหลังจากที่เรียนจบจาก IMPERIAL COLLEGE OF SCIENCE ,TECHNOLOGY AND MEDICINE ,LONDON UNIVERSITY ด้านวิศวกรรมเคมี ได้เข้าทำงาน ที่ บริษัท เชลล์ ประเทศไทย จำกัด ในตำแหน่ง เจ้าหน้าที่วางแผนงานด้าน LOGISTICS

จากนั้นก็ย้ายมาทำที่บริษัท หลักทรัพย์ NATWEST SECURITIES ในตำแหน่ง เจ้าหน้าที่วิเคราะห์หลักทรัพย์หมวดพลังงาน และ แห่งสุดท้าย คือ บริษัท อมตะเพาเวอร์ จำกัด ในตำแหน่ง VICE PRESIDENT-FINANCE ก่อนที่จะตัดสินใจหันหลังให้กับงานตามความเชี่ยวชาญที่เรียนมา กลับมากินเงินเดือนเพียงน้อยนิดในตำแหน่ง ผู้อำนวยการ โรงแรม โรส การ์เด้น ริเวอร์ไซด์ (สวนสามพราน) เมื่อ 2-3 ปีก่อน

“ความตั้งใจตอนแรก ที่กลับมาทำงานให้กับครอบครัว เพราะต้องการมาช่วยทำโปรแกรมด้านสุขภาพ โดยใช้พืชสมุนไพรเป็นวัตถุดิบหลัก ให้แก่โรส การ์เด้น สวนสามพราน ซึ่งงานด้านความรู้เรื่องแพทย์แผนไทยนี้ เป็นความชอบส่วนตัว ที่สั่งสมมานานตั้งแต่เด็กๆแล้ว ประกอบกับ เบื่องานที่ทำอยู่ อยากมองหาสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ ซึ่งตรงนี้ พบว่า ที่บ้านเรา ธุรกิจของครอบครัวเรา มีความเป็นตัวตนของเรามากกว่าจึงตัดสินใจลาออกแล้วมามุ่งมั่นทำงานด้านการพัฒนาให้กับโรส การ์เด้น อย่างจริงจัง”

คืนวิถีไทยให้ชาวสวน

โดยส่วนตัว มีความรู้เรื่องสวน จาก คุณแม่ คุณยาย และการได้พูดคุยกับคนงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนในพื้นที่เกือบทั้งหมด คนเหล่านี้ได้เติบโตและสร้างครอบครัวมากับสวนสามพราน จึงมีวัฒนธรรมของความเป็นไทย เป็นชุมชนพื้นบ้านอยู่มาก ตรงนี้มองว่า เป็นจุดแข็งที่จะนำมาต่อยอด และประกาศให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้รับรู้ถึงวิถีชีวิตที่แท้จริงของคนไทย วิถีชีวิตลูกชาวสวนสองฝั่งแม่น้ำนครชัยศรี

แม้ว่าวันนี้ โรส การ์เด้น จะมีการบริหารงานค่อนข้างไปในทางธุรกิจของครอบครัว แต่ อรุษ กล่าวว่า เขาจะเข้ามาต่อยอดโดยใช้จุดแข็งของโรส การ์เด้น ที่ มุ่งเน้นเรื่องของพืชสวน ไร่นา และวิถีชีวิตไทย พัฒนาขึ้นเป็น ออแกนิค ฟาร์ม โปรเจค ใช้ผัก และ สมุนไพร ที่มีอยู่ในสวนสามพรานทั้งหมด มาดัดแปลงเป็น สบู่ แชมพู ยาดม และในอนาคตจะนำสมุนไพรมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย ใช้ในสปาของโรงแรม โรส การ์เด้น โดยตั้งความหวังไว้ว่าจะใช้ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย ฟื้นภูมิปัญญาแพทย์พื้นบ้าน บอกกล่าวเล่าเป็นเรื่องราวให้เด็กรุ่นหลัง ชาวต่างชาติ หรือแม้แต่คนเมือง ที่เจอะเจอแต่แสงสีและวัตถุปรุงแต่งที่เต็มไปด้วยส่วนประกอบของสารเคมี
ได้รับทราบถึงภูมิปัญญาของคนรุ่นก่อนๆ

“เราจะผลักดันให้ออแกนิคฟาร์ม เป็นตัวอย่างให้แก่ชาวสวนในแถบนี้ลดและเลิกใช้สารเคมีในการปลูกพืชผัก ผลไม้ ซึ่งปัจจุบันที่ทำอยู่คือ เรารับซื้อผักและผลไม้จากสวนที่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี เราอยากให้พื้นที่แถบนี้เป็นแหล่งปลอดสารพิษ เพราะโดยส่วนตัวชอบที่จะดูแลสุขภาพด้วยวิธีธรรมชาติ การเล่นโยคะ ดังนั้นการตัดสินใจกลับเข้ามาทำงานให้ครอบครัว จึงสนุกกับการทำงาน และไม่ต้องปรับตัวมาก และมองว่า ต่างชาติที่เขามาเที่ยวประเทศไทย ก็ต้องการสัมผัสวิถีชีวิตของคนไทย”

อรุษมองว่า ไม่มีอะไรที่ดีที่สุด แต่มองว่า ภูมิปัญญาในแต่ละท้องถิ่นจะเหมาะกับสิ่งแวดล้อมของพื้นที่นั้นๆ ดังนั้นภูมิปัญญาตะวันตกก็เหมาะกับคนที่อาศัยอยู่แถบตะวันตก แต่เมื่อนักท่องเที่ยวเขาข้ามฟากมาเที่ยวบ้านเรา การได้กินได้ใช้ในสิ่งที่เป็นภูมิปัญญาตะวันออกก็จะเหมาะกับนักท่องเที่ยวเหล่านั้นขณะอยู่ที่เมืองไทย จึงเชื่อว่าแนวคิดนี้จะไม่มีวันถอยหลัง แต่กลับเป็นไลฟ์สไตล์ที่เราจะชูขึ้นมาเป็นไฮไลท์ตอกย้ำให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และในอนาคต โรส การ์เด้น ยินดีที่จะเป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่ผู้ประกอบการขนาดเล็ก หรือ เอสเอ็มอี ที่สนใจ ได้เข้ามาเรียนรู้ระบบการทำงาน และวิธีการสร้างอาชีพให้แก่ชุมชน เพื่อนำกลับไปพัฒนายังชุมชนของตนเอง