แม้กาลเวลาจะผ่านไปนานเกือบศตวรรษ แต่แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า ยาไทยยอดนิยม หลายยี่ห้อ ยังดำรงอยู่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ท่ามกลางยาฝรั่งและยาชนิดใหม่เกิดมา แต่ยาโบราณยอดนิยมเหล่านี้ยังขายได้ และบางยี่ห้อยังคงรูปลักษณ์ ทั้งหีบห่อ ซอง ตรายี่ห้อเหมือนเดิมทุกอย่าง
ยิ่งใครได้รู้ถึงตำนานการเกิดขึ้นของแบรนด์ยายอดนิยมบางชนิด จะยิ่งค้บพบว่า นี่คือเสน่ห์ และวิถีชีวิตของคนในอดีตที่ผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยก็ยังคลาสสิกต่อไปอีกนานเท่านาน
ตัวอย่างยาแบรนด์ยายอดนิยม ซึ่ง ผู้จัดการ Lite หยิบนำมาเล่าถึงการก่อกำเนิดและการตั้งชื่อสินค้า ซึ่งมีที่มาที่ไป ชนิดที่ใครได้รู้แล้ว จะพบว่า ยี่ห้อหรือตราสินค้า ล้วนมีกำเนิดอย่างน่าติดตาม
ผงมหัศจรรย์ร่มชูชีพ
ซองสีส้มๆ มีสัญลักษณ์รูปร่มชูชีพ เป็นตำนานของอมตะแบรนด์อีกยี่ห้อหนึ่ง ถึงวันนี้มีอายุถึง 58 ปีเต็มแล้ว ซึ่งผงพิเศษโรยแผลและรักษาสิวชนิดนี้ ยังขายดิบขายดี และใช้สัญลักษณ์เหมือนเดิมทุกอย่าง
ต้นกำเนิดของแบรนด์ร่มชูชีพนี้ เกิดขึ้นจาก การริเริ่มของสมเกียรติ ศุภโกวิท ซึ่งเป็นคนชาวจังหวัดลำปาง สำเร็จการศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ รุ่นที่ 1 (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยแม่โจ้) ต่อมาได้เข้ารับราชการที่กรมป่าไม้ แต่ด้วยมีใจรักในการค้าขาย จึงตัดสินใจลาออกจากราชการ
ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจของเขาในขณะนั้น มีความคิดที่จะผลิตยาขาย เพราะเห็นว่าอาชีพขายยาเป็นอาชีพที่สงบและเป็นกุศล และยาที่ผลิตได้จะต้องมีคุณภาพ ราคาถูก เหมาะกับผู้ที่มีรายได้น้อย จึงได้อาศัยความรู้ที่ได้เล่าเรียนมา พยายามคิดค้น และพัฒนาสูตรยาจากเภสัชตำรับทั้งในและต่างประเทศ โดยซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศมาปรุงผสมกับตัวยาอื่นๆ ทดลองอยู่นาน จึงได้ตำรับยาผงชนิดนี้ขึ้น มาบรรจุซองขาย
ไม่น่าเชื่อว่ายาที่เขาผลิตเริ่มขายดีและเริ่มเป็นที่ต้องการของผู้ที่ซื้อไปใช้ เขาจึงพยายามคิดตั้งชื่อตำรับยาผงโรยแผลและรักษาสิวที่ตนเองได้พัฒนาขึ้น โดยมีอยู่วันหนึ่งได้ไปนอนพักอยู่ใต้ต้นประดู่หลังวัดเทพศิรินทราวาส จังหวัดกรุงเทพมหานคร เห็นเครื่องบิน บินผ่านมามีทหารมากมายโดดร่มชูชีพ ลงมาทั่วท้องฟ้า
จึงเกิดความคิด และตัดสินใจใช้ “ร่มชูชีพ” เป็นเครื่องหมายการค้า และตั้งชื่อตำรับยาผงโรยแผลรักษาสิวนี้ว่า “ผงวิเศษ” และยังนำเอารูปของตนเองมาไว้บนซองยาอีกด้วย ส่วนชื่อบริษัทได้นำชื่อ ภริยา “สมจิตต์” มาตั้ง จึงได้เป็นบริษัทสมจิตต์โอสถจำกัด
โดยในช่วงแรกบริษัทฯ ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 96 ถนนจักรพรรดิพงษ์ แขวงนางเลิ้ง เขตพระนคร กรุงเทพ และผงวิเศษตราร่มชูชีพได้ออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2493
ต่อมา ในปี 2505 กระทรวงสาธารณสุขได้ออกกฎหมายใหม่ ให้เปลี่ยนชื่อยาต่างๆ ที่มีชื่อฟังแล้วเป็นการอวดอ้างสรรพคุณในการรักษา สมเกียรติ จึงได้เปลี่ยนชื่อยาจาก “ผงวิเศษตราร่มชูชีพ” เป็น “ผงพิเศษตราร่มชูชีพ” ซึ่งแปลว่าแตกต่างไปจากสามัญ
ในปีต่อมา สมเกียรติ ได้ย้ายบริษัท มาเปิดที่ เลขที่ 9/19 ซอยลาดพร้าว23 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทร์เกษม เขตจตุจักร กรุงเทพ และได้สร้างโรงงานขึ้นมาใหม่ เป็นโรงงานชั้นเดียวพร้อมโรงพิมพ์ แลปัจจุบันให้ทายาทสืบทอดกิจการแทน
ตำนานยาตรากิเลน
“ยาธาตุ4 ตรากิเลน แม่บ้านเค้าซื้อติดบ้านเป็นประจำ” โฆษณายาธาตุ 4 ตรากิเลนที่หลายคนยังจำได้ แต่ใครจะรู้บ้างว่า แบรนด์ตรากิเลนถูกคิดขึ้นตั้งสมัย ร.6 และได้กลายเป็นคลาสสิคแบรนด์ที่ยังดำรงอยู่ถึง 100 กว่าปีแล้ว
ในประวัติ 110 ปีของโอสถสภา ได้ระบุว่า นายแป๊ะ เป็นผู้ริเริ่มนำเข้าสูตรยาและตั้งชื่อคำว่ากิเลนขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ผลิตยาชนิดแรก โดยใช้ชื่อว่ายากฤษณากลั่นตรากิเลน จากนั้นก็นำขึ้นทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อใช้ในกิจการเสือป่า ปรากฏว่ายาขนานนี้มีสรรพคุณในการบำบัดรักษาอย่างน่าอัศจรรย์
เมื่อความทราบถึงพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 จึงได้พระราชทานเข็มเสือป่าเป็นรางวัล และทรงเขียนแนะนำให้ใช้ยากฤษณากลั่น ในพระราชนิพนธ์กันป่วย ยิ่งกว่านั้นในปี 2456 ยังได้พระราชทานนามสกุล โอสถานุเคราะห์ ให้เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลอีกด้วย
ตรากิเลน เป็นเครื่องหมายการค้าที่นายแป๊ะเลือกใช้ เนื่องจากชาวจีนเชื่อกันว่าตัวกิเลนเป็นสัตว์ที่มาจากสวรรค์มักจะมาปรากฎตัวให้เห็นในปีที่อุดมสมบูรณ์ เมื่อผนวกกับสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์ และคัมภีร์ตำราพิชัยสงคราม ยิ่งทำให้เครื่องหมายการค้า ดูศักดิ์สิทธิ์ และน่าเชื่อถือ
เมื่อนายแป๊ะ โอสถานุเคราะห์ ถึงแก่กรรม นายสวัสดิ์ โอสถานุเคราะห์ บุตรชาย ได้สืบช่วงบริหารกิจการแทน โดยอาศัยพื้นความรู้ทันสมัยที่ได้รับการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบกับประสบการณ์ที่เคยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของบิดา ทำให้นายสวัสดิ์สามารถสร้างความเป็นปึกแผ่นให้แก่ บริษัท โอสถสภา (เต็กเฮงหยู) จำกัด ได้อย่างมั่นคงตลอดมา
โดยในระยะแรกมีผู้ร่วมงานเพียง 4-5 คน ผลิตและขายยากฤษณากลั่นเป็นหลัก ต่อมาได้ย้ายร้านขายยาจากสำเพ็ง มาตั้งที่ถนนเจริญกรุง ใกล้สี่แยกเอส.เอ.บี. พร้อมกับเปลี่ยนชื่อให้สมกับกิจการที่ใหญ่โตขึ้นว่า โอสถสถานเต็กเฮงหยู ในปี พ.ศ. 2475 มีการเพิ่มตัวสินค้า อาทิ ยาธาตุ 4 ยาแก้ไอ ยาระบาย ยาอมโบตัน ยาทันใจ ยาหอมชนะลม ล้วนได้รับความนิยมเป็นที่เชื่อถือของผู้บริโภคยืนยาวตราบจนกระทั่งปัจจุบัน
ยาแก้ปวดประสระบอแรด
ยาชนิดนี้ เริ่มผลิตขึ้นโดย บริษัท เทวกรรมโอสถ จำกัด ซึ่งก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2480 โดยพันตรีหลวงสิทธิโยธารักษ์ (ทองม้วน อินทรทัต) แพทย์แผนปัจจุบันชั้น 1 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการผลิต และจำหน่ายยารักษาโรค อัน ได้แก่ "ยาประสระนอแรด" ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อตามคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขเป็น "ยาประสระบอแรด" จนถึงปัจจุบัน ซึ่งยังคงเป็นที่นิยมของผู้บริโภค เนื่องจากมีรสหวานจากน้ำตาลแลคโตส และซักการินโดยไม่มีส่วนผสมของคาเฟอีน จึงทำให้รับประทานง่าย
ตัวอย่างยี่ห้อยาไทยโบราณที่โด่งดัง
- ยาประสระบอแรด
- ยาซอมป่อยใหม่ มาจากคำว่า ยาซ่อมปอดใหม่
- ยาบวดหาย มาจากคำว่า ยาปวดหาย
- ยาทัมใจ แต่เดิมใช้ชื่อว่า ยาทันใจ ของโอสถสภา เป็นยาแสไพรินชนิดผงที่ผลิตมานานกว่า 60 ปี
- ยาน้ำระดมพล เป็นยาระบายอ่อนๆ รสเปรี้ยวอมหวาน ผู้ผลิตห้างขายยาอยู่หน้าวัดมหรรณพ์
- ยากุมารอ้วนพี รสหวานหอม ทำให้เด็กเจริญอาหาร ของห้างปลุกเศกโอสถ
- ยาประดงพระสังข์ทรงช้างตราเสือมังกร ของห้างขายยาตราเสือมังกร
- ยากฤษณากลั่นตรากิเลน ของห้างเต๊กเฮงหยู
- ยากวาดสมานลิ้นตราใบโพ ของห้างขายยาตราใบโพ
- ยาขมเม็ดตราใบห่อ ของห้างขายยาตราใบห่อ
- ยาหม่องขาว ตรา ลิงถือลูกท้อ
- ยาหอม ตรา ฤษีทรงม้า
- ยาร้อยปีของห้างสะพูมีโอสถ ถนนวิสุทธิกษัตริย์
- ยาหอม ตรา ห้าเจดีย์
- ยาหอมอำพันทอง ตราประสาททอง ของ ห้างประสาททองโอสถ
- ยาธาตุน้ำขาว ตรากระต่ายบิน
- ยาดองเหล้าแสงสว่างตราค้างคาว เป็นยาให้สตรีหลังคลอดบุตรรับประทานเพื่อขับน้ำคาวปลา และ อยู่ไฟ