“สมภาคย์ ตระการกุลพันธ์” ตัวตนทางความคิด "ประมาณ ชันซื่อ"

ในชีวิตของแต่ละคน อาจจะมีหลักในการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่ที่ว่า ใครจะสามารถสั่งสมประสบการณ์เข้ามาเติมเต็มความสมบูรณ์ให้แก่ความคิดของตนเองได้มาก ยิ่งเป็นเรื่องของ"ธุรกิจ" แล้ว บนสังเวียนที่มีแต่การแข่งขันและฟาดฟันเพื่อจุดมุ่งแห่งแห่ง "ชัยชนะ" ซึ่งในตำราเรียนไม่ได้ถูกบรรจุเป็นหลักสูตรที่ชัดเจน อยู่ที่ว่า ใครจะสามารถเก็บเกี่ยวดอกผลจาก "ชีวิต"จริงๆได้มากที่สุด

สมภาคย์ ตระการกุลพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทกุลพันธ์วิลล์ หรือที่เรียกขานกันในนาม "พ่อเลี้ยง" กว่าจะก้าวขึ้นมาสู่บริษัทพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรายใหญ่ทางภาคเหนือ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และกระโจนเข้าสู่ จ.ลำปาง จนล่าสุด หาญกล้าเป็นหนึ่งในผู้เล่นโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียม ใจกลางสุขุมวิท ภายใต้ชื่อ "เบลเกรเวีย เรสซิเดนท์ส" (Belgravia Residence )

...แต่ใครจะคิดว่า ครั้งหนึ่ง เขาอยากจะทำอาชีพเป็น "มนุษย์เงินเดือน"ในองค์กรขนาดใหญ่ของไทย ที่ชื่อ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

...และเมื่อหันมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เขาได้รับบทเรียนอันแสนแพง จากธุรกิจนี้

...เหนืออื่นใด การได้สัมผัสและคลุกคลีอย่างลึกซึ้ง กับบุคคลที่คำรพ ท่าน ประมาณ ชันซื่อ อดีตประธานศาลฎีกา ที่เปรียบเสมือนคุณพ่อคนหนึ่ง และถือได้ว่า คือผู้ "อยู่เบื้องหลัง"ความสำเร็จทั้งเรื่องธุรกิจ การปกครอง มุมมองต่อสังคมและชีวิตครอบครัว

สมภาคย์ กล่าวว่า เป็นคนกรุงเทพฯโดยกำเนิด ตระกูลเดิมเป็นตัวแทนจำหน่ายยารักษาโรค แต่จับพลัดจับผลูไปศึกษาต่อที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในช่วงแรกที่สำเร็จการศึกษาจาก คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตอนนั้น ก็ยังคงคิดแบบง่ายๆ ตั้งใจจะไปหางานทำเอง ใจจริงก็เลือกไว้ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. เป็นองค์กรขนาดใหญ่ และค่อนข้างตรงกับสายวิศวไฟฟ้า

ประกอบกับคุณพ่อได้ให้ทุนมา 1 ก้อน ตอนนั้น คิดว่า น่าจะหาบ้านสักหลัง ก็เริ่มมองหาโครงการใน จังหวัดเชียงใหม่ ก็ลองแวะเวียนไปยังโครงการจัดสรรที่สนิทกับคุณพ่อ แต่เมื่อมาบวกลบคูณหารแล้ว ทำโครงการอสังหาริมทรัพย์ก็น่าสนใจดี โครงการที่เปิดขายอยู่มีไม่มาก แต่ระยะนั้น คนไทยอยากไปอยู่ที่เชียงใหม่กันมาก

นั่นจึงเป็น "ก้าวแรก" ของการเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โครงการแรกจึงเกิดขึ้นในปี 2531 รูปแบบทาวน์เฮาส์ จำนวน 30 ยูนิต บนเนื้อที่ 3 ไร่ อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

" เชื่อหรือไม่ ใช้เวลาปีกว่าจะปิดโครงการได้ เรียกว่าโครงการแรกสอนเราเยอะ เจ็บตัวพอสมควร ทั้งเรื่องการถมที่ดิน เรื่องการจัดสรร เจอเรื่องแบงก์ แม้แต่เรื่องรับเหมาขี้โกงก็เจอมาแล้ว เรากลายเป็นเด็กโง่คนหนึ่ง จะว่าไปแล้ว เป็นบทเรียนที่ดีที่รู้จากชีวิตจริง สอนอยู่ในตำราเล่มเดียว แบบว่า เจ็บมาทุกรูปแบบ เครียด เหมือนกับคนตาบอด ที่ต้องหาทางออกเอง

“แต่โครงการแรกก็สอนเรา ได้เรียนรู้เรื่องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี คราวนี้ เมื่อเริ่มโครงการที่ 2 เริ่มรู้ทาง การวางคอนเซ็ปต์ของโครงการจะต้องถูกต้อง โครงการที่ 2 ถึง 4 ที่เปิดขาย 400-500 ยูนิต ใช้เวลาประมาณ 3 ปีครึ่งก็ปิดการขายหมด และหลังจากนั้น การเปิดโครงการที่ 5ถึง 7 ก็มีปริมาณ1,100 ยูนิตต่อโครงการ ตอนนั้นถือว่าเราฮอตที่สุดในเชียงใหม่ เพียงแค่ 2 ปีกว่า โครงการที่ 5 ถึง 7 ก็ปิดและส่งมอบได้เร็ว จนเราถูกมองเป็น "แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์"แห่งเชียงใหม่ จะว่าไปแล้วเกินครึ่งของตลาดรวมที่อยู่อาศัยก็อยู่ที่เรา แบรนด์ของกลุ่มกุลพันธ์วิลล์ติดตลาดมาตลอด " เขาเล่าถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้น

....แต่ดูเหมือนว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้น กำลังถูกบดบังโดยสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อน!!

"ช่วงที่จะทำโครงการที่ 8 และ 9 ก็เกิดวิกฤตเศรษฐกิจพอดี ทำให้เราต้องชะลอโครงการออกไปปีครึ่ง ซึ่งเดิมโครงการที่ 9 เราตั้งใจจะทำเป็นเมืองขนาดใหญ่ 3,000 ยูนิต ทางออกที่เราต้องปรับตัว คือ ลดขนาดโครงการลงมา ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ และเราก็ได้รุกไปสู่จังหวัดเชียงราย จังหวัดที่หลายคนบอกว่าไม่สามารถสร้างบ้านหรูได้ แต่เราก็ทำได้ และมีแผนที่จะเปิดอีกโครงการปลายปีนี้ แต่ที่เป็นเรื่องท้าทายเราอย่างมาก คงจะเป็นโครงการขนาดใหญ่ ภายใต้ชื่อ เบลเกรเวีย เรสซิเดนท์ส ที่ร่วมกับพันธมิตรจากประเทศอังกฤษ เฉพาะโครงการนี้มีมูลค่า 1,800 ล้านบาท "

หากจะว่าไปแล้ว ทรัพย์สินของกลุ่มกุลพันธ์วิลล์มีมูลค่าไม่น้อยเลย คาดกันว่า 6,000 ล้านบาท แต่หากรวมมูลค่าของอสังหาฯที่ได้มีการพัฒนาไปแล้ว คาดว่าไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท

" ในช่วงที่ทำโครงการที่ 5 ก็บังเอิญได้รู้จักท่านประมาณ ชันซื่อ เวลามีปัญหาอะไรก็จะปรึกษาท่าน คำสอน คำแนะนำที่ได้มา ทำให้เรามีมุมมองที่กว้างขึ้น ไม่ใช่แต่เพียงเรื่องธุรกิจเท่านั้น เรื่องการใช้ชีวิต เรื่องการมีมนุษย์สัมพันธ์กับผู้คนในสังคม กับทีมงาน หรือแม้แต่เรื่องธรรมะ มีการถ่ายทอดเพื่อเตือนสติมาโดยตลอด บางอย่างถ้าเราโกรธโดยไม่จำเป็น อาจจะทำให้เราเดินพลาดได้ ยิ่งอุปนิสัยแล้วค่อนข้างใจร้อน แต่เดียวนี้ ดีขึ้น อะไรปล่อยวางได้ก็ปล่อย เช่นเดียวกับเรื่องธุรกิจ ถ้าเรารู้สึกในการแข่งขัน เราอาจจะแพ้ไปแล้วก้าวหนึ่ง เพราะขาดสติ "

สมภาคย์ พูดอย่างหนักแน่นว่า ท่านประมาณ ชันซื่อ ค่อนข้างมีอิทธิพลในหลายๆด้านเช่นกัน ไม่ว่า การอ่านหนังสือทางด้านปรัชญา การมองถึงสังคม ถามว่าเรากินไวน์ 1 ขวด ราคาหลายแสนบาท แต่สิ่งที่เรามี สังคมได้รับหรือเปล่า วันหนึ่งเราใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย แล้วชีวิตเรามีความสุขหรือไม่ ตรงกันข้าม ถ้าคืนให้แก่สังคม คืนให้คนอื่นบ้าง เราจะได้รับความสุขด้วย

สิ่งที่ทำและยังต้องการทำต่อ คือ รถมูลนิธิรักษาคนไข้ ตรงนี้เราคิดและทำมา 8-9 ปี ซึ่งมีก่อน " 30 บาทรักษาทุกโรค "โดยมีรถไปจอดตามสลัม มีหมอคอยให้คำปรึกษาประชาชน รถมูลนิธิที่เราทำ เป็นความร่วมมือของมูลนิธิไทยรัฐ มูลนิธิของ ดร.อำนวย วีรวรรณ และส่วนของท่านประมาณและของผม รวมแล้วประมาณ 18-19 ล้านบาท ในการทำเรื่องนี้ จุดมุ่งหมายหลัก เพื่อให้ประชาชนที่ด้อยโอกาสได้รับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

เรื่องของการศึกษา เป็นอะไรที่เราต้องการส่งเสริมและปลูกฝังให้คนได้เข้าถึงการศึกษา อย่างเมื่อปลายปี 50 มีการแจกทุนการศึกษาให้นักเรียน 17 จังหวัด โดยมุ่งเน้นเรื่องของพฤติกรรมแต่ขาดแคลนเรื่องเงิน มากกว่าจะเน้นเรื่องเรียนดี แต่พฤติกรรมไม่ดี

" ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ประชาชนต้องมีการศึกษาที่ดี เพื่อมีส่วนรวมในการพัฒนาประเทศ แต่หากต้องการให้ประเทศปกครองง่ายๆ ประชาชนประเทศนั้นต้องโง่ที่สุด "

สำหรับชีวิตครอบครัวแล้ว ก็พยายามสอนลูกทั้ง 3 คน เกี่ยวกับเรื่องงานบ้าง อย่างลูกชาย เราก็อยากให้เรียนทางด้านเศรษฐศาสตร์หรือนิติศาสตร์เหมือนท่านประมาณ เพราะจะเป็นประโยชน์ในอนาคต ส่วนถ้ามีเวลาว่าง จะพาลูกชายไปตามพื้นที่ก่อสร้างโครงการ ไปดูงาน ดูวิธีการทำงานในสำนักงาน จะได้รู้ว่า ชีวิตจริงเป็นอย่างไรบ้าง สิ่งสำคัญแล้ว เราต้องรู้จักปลูกจิตสำนึก จิตวิญญาณให้แก่ลูกเรา ถ้าไม่ทำตั้งแต่ตอนนี้ ต่อไปคงลำบาก

แม้แต่เรื่องแฟชั่น ในฐานะที่เป็นพ่อคน ก็ต้องติดตามกระแสแฟชั่นของลูก ๆ ด้วย ไม่ใช่เราจะติดตามความก้าวหน้าของคนรุ่นใหม่แล้ว บางแฟชั่น อย่างกระแสฟีเวอร์ดาราเกาหลี ภาพยนตร์เกาหลี อะไรคือ ความสำคัญที่ทำให้ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่างของประเทศเกาหลี วันรุ่นไทยถึงได้คลั่งไคล้ ส่งผลยอดขายสินค้าจากประเทศเกาหลีเติบโตค่อนข้างมาก ส่วนนี้ สะท้อนให้เห็นบางนโยบายของผู้บริหารประเทศได้เป็นอย่างดี