xs
xsm
sm
md
lg

ดาวใกล้รุ่ง(อีกนิด) ก็ดังแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ความแตกต่างระหว่างดีกับเยี่ยมอาจมีแค่เส้นบางๆ กั้นอยู่ เช่นเดียวกับเหล่าสตาร์ในแวดวงกีฬาที่ยังคลำหาความสำเร็จในระดับสุดยอดไม่เจอ ทั้งๆ ที่หลายรายอาจเรียกได้ว่ามีความพร้อมแล้วเกือบจะทุกด้าน ทว่าหากขาดแต่เพียงจังหวะเวลาอันเหมาะสมที่จะช่วยผลักดันให้พวกเขาเจิดจรัสและฉายแสงขึ้นมาได้เท่านั้น

เช่นเดียวกับกลุ่มนักกีฬา Almost Famous ที่แม้จะพูดได้ไม่เต็มปากว่า พวกเขาเหล่านี้จะติดเครื่องแรงแซงทางโค้งเข้าสู่เส้นชัยและครอบครองความยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ ทว่าสิ่งที่อยากให้จับตามอง ก็คือ ฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นจนสามารถเขย่าวงการและส่งผลกระทบต่อการลุ้นแชมป์ในการแข่งขันรายการสำคัญต่างๆ เฉกเช่นที่ "โนวัค ยอโควิช" หวดหมายเลข 3 ของโลกจากเซอร์เบีย และ "ลูอิส แฮมิลตัน" ดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งวงการรถสูตรหนึ่ง ทำได้เมื่อปี 2007 ที่ผ่านมา

มาเริ่มต้นค้นหาดาวที่รอวันฉายแสงในวงการเทนนิสชายกันก่อนดีกว่า คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เวลานี้ตำแหน่งดาวรุ่งอนาคตไกลได้ตกเป็นของ "แอนดี เมอร์เรย์" หวดมือ 1 แห่งสหราชอาณาจักรไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากสามารถประเดิมฤดูกาล 2008 ด้วยการ คว้าแชมป์แรกมาครองได้สำเร็จในการแข่งขันเทนนิสรายการกาตาร์ โอเพ่น ที่เมืองโดฮา ประเทศกาตาร์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมทำคะแนนไต่ขึ้นมารั้งในอันดับ 9 ของโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทว่าแชมป์เอทีพีทัวร์รายการที่ 4 ในชีวิตคงไม่สามารถการันตีได้ว่า การตัดสินใจแยกทางกับ "แบรด กิลเบิร์ต" อดีตโค้ชชาวมะกัน เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว และหันมาใช้โค้ชในระบบหมุนเวียนแทนจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง จนกว่าหวด ดาวรุ่งวัย 20 ปีจะสามารถพิสูจน์ตัวเองได้ในการแข่งขันตลอดทั้งฤดูกาล 2008 ที่เพิ่งจะออกสตาร์ทนี้

ขณะที่กีฬามหาชนอย่าง "ฟุตบอล" นักเตะที่ได้รับการจับตามองว่า จะสร้างสีสันให้แก่วงการลูกหนังในปีหนู กลายเป็น "อเล็กซานเดอร์ ปาโต" ศูนย์หน้าดาวรุ่งวัย 18 ปีของสโมสรเอซี มิลาน แม้ดาวยิงเลือดแซมบ้าจะยังอ่อนประสบการณ์ และยังไม่สามารถ นำมาเทียบชั้นกับรุ่นพี่ อย่าง "กาก้า" ได้ ทว่าความสามารถของเขาก็ถือเป็นที่ยอมรับจากหลายฝ่าย ถึงขนาดที่ปีศาจแดงดำยอมทุ่มเงินกว่า 31 ล้านเหรียญ เพื่อดึงตัวปาโต มาจากสโมสรอินเตอร์นาซิอองนาล และต้องรอนานกว่า 5 เดือน ที่ดาวรุ่งผู้นี้จะมีอายุผ่านเกณฑ์และสามารถลงสนามรับใช้ทีมตามกฎของกัลโช เซเรีย อาได้

ขณะเดียวกัน โค้ช คาร์โล อันเชลอตติ ได้กล่าวยกย่องเจ้าหนูปาโตว่า "มันเยี่ยมมากหลังจากได้นั่งชมเกมที่เขาเล่นให้ทีมชาติชุดอายุต่ำกว่า 20 ปี เขามีสปีดที่เหลือเชื่อ มีลูกยิงอันทรงพลัง แข็งแกร่ง และมีเซนส์ในการทำประตู"

ส่วนวงการลู่และลาน นักกีฬาที่ได้รับการคาดการณ์ว่าจะสร้างความคึกคักให้แก่กีฬาโอลิมปิก 2008 ที่กรุงปักกิ่ง เป็นนักวิ่งระยะกลางและไกลชาวมะกัน ที่ชื่อ "คารา กัฟเชอร์" ด้วยวัย 29 ปี ไม่ถือว่า เป็นนักกีฬาหน้าใหม่แต่อย่างใด ทว่าเมื่อปีที่แล้วเธอกลับทำผลงานได้อย่างโดดเด่น เมื่อสามารถคว้าเหรียญทองแดงในการวิ่งระยะ 10,000 เมตร จากการแข่งขันเวิลด์แชมเปี้ยนชิป ที่เมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น และต่อมาไม่นาน นักกีฬาปอดเหล็กจากสหรัฐฯ ก็สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเอาชนะ "พอลลา แรดคลิฟฟ์" ยอดนักวิ่งมาราธอนชาวผู้ดี คว้าแชมป์วิ่งฮาล์ฟมาราธอนในรายการ "เกรต นอร์ท รัน" มาครองพร้อมสถิติใหม่ 1:06:57 ชั่วโมง จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าก่อนการแข่งขันโอลิมปิกจะเริ่มขึ้น ชื่อของ กัฟเชอร์ จะได้รับการจับตามองมากที่สุดคนหนึ่ง

ด้านแวดวงความเร็วอย่างการแข่งขันรถสูตรหนึ่ง ยอดนักซิ่งที่ถูกกล่าวขานว่าจะทำหน้าที่เขย่าวงการเอฟวันแทน "ลูอิส แฮมิลตัน" ก็คือ "เซบาสเตียน บัวไดส์" เจ้าของสถิติ Champ Car 4 สมัย (2004-2007) ที่ก้าวขึ้นมาเป็นนักขับเอฟวันฤดูกาลแรกกับทีมโตโรรอสโซ ในปี 2008 และด้วยประสบการณ์ในสนามแข่งอันโชกโชนรวมถึงการกระโดดมาทดสอบความเร็วกับรถสูตรหนึ่งตั้งแต่ 6 ปีที่แล้ว ทำให้ผู้คร่ำหวอดในวงการ มองว่า นักขับจากเมืองน้ำหอมวัย 29 ปี จะกลายเป็นม้ามืดที่น่าจับตามองในปีนี้ แม้จะมีเพื่อนร่วมค่ายเป็นนักขับดาวรุ่งพุ่งแรง อย่าง "เซบาสเตียน เวสเทล" วัย 20 ปี จากเยอรมนี ก็ตาม

มาปิดท้ายกันด้วย "รอรี แม็คอิลรอย" นักกอล์ฟมือสมัครเล่นวัย 18 ปีจากไอร์แลนด์ เหนือ ที่เทิร์นโปรเมื่อเดือนกันยายน ปีที่แล้ว หลังจากทำผลงานเป็นนักกอล์ฟสมัครเล่น รายแรกของไอร์แลนด์เหนือที่สามารถผ่านเข้าไปเล่นใน 2 วันสุดท้ายของศึกบริติช โอเพ่น สำเร็จ นับตั้งแต่ที่ "โจ คาร์" เคยทำได้เมื่อปี 1965 นอกจากนี้ ด้วยความสามารถที่เกินอายุ ซึ่งทำให้ "ไทเกอร์ วูดส์" ยอดนักกอล์ฟมือหนึ่งโลก เห็นแววและได้เชิญแม็คอิลรอย เข้าร่วมการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ Target World Challenge อย่างไรก็ดี แม้โปรรุ่นน้องจะตอบปฏิเสธไปด้วยความที่ไม่อยากเผชิญหน้ากับความกดดันตั้งแต่เริ่มฤดูกาล ทว่าทั้งคู่คงไม่อาจหลีกเลี่ยงการพบกันในตลอดฤดูกาลนี้ได้อย่างแน่นอน

ขณะที่การแข่งขันยังดำเนินไปไม่ถึงครึ่งทาง คงต้องติดตามกันต่อไปว่า กลุ่มนักกีฬา Almost Famous เหล่านี้จะสามารถหาจุดเปลี่ยนและพลิกให้ตัวเองไปถึงจุดสุดยอดได้หรือไม่ เพราะหากไม่เช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็คงเป็นได้แค่นักกีฬา(เกือบ)ดังเท่านั้นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น