หากจะเปรียบว่าการเข้าไปปักธงในพีจีเอทัวร์ของเหล่านักกอล์ฟไทยเป็นเรื่องที่ยากเหมือนกับการปีนป่ายภูเขาสูง แต่ถึงแม้ว่าหนทางจะลำบากเพียงใดโปรทั้งในอดีตและปัจจุบันก็ยังเดินหน้ากันต่อไป รวมถึงกลุ่มนักกอล์ฟสายเลือดใหม่ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจากซีเกมส์ครั้งที่ 24 ที่ผ่านมาด้วยผลงาน 2 เหรียญทองทั้งในประเภททีมและบุคคลประกอบไปด้วย "อาร์ม" กิรเดช อภิบาลรัตน์, "พีท" วรุฒ โฉมแฉล้ม, "แตงโม" ธันยากร ครองผา และ "ทีม" พิพัฒพงศ์ แนวสุข ได้เดินสู่ตีนเขาเพื่อที่จะเริ่มไต่ภูเขาสูงลูกนี้แล้ว
ผลงานเด็กหนุ่มเหล่านี้ได้โชว์ให้เห็นมาตรฐานการเล่นที่เรียกได้ว่าเหนือกว่านักกอล์ฟในภูมิภาคเดียวกันเป็นอย่างยิ่ง พิสูจน์ได้จากสองเหรียญทองที่ได้มาในครั้งนี้นับเป็นการกลับมาทวงคืนความยิ่งใหญ่ของวงการสวิงสมัครเล่นไทยที่ห่างหายความสำเร็จมาเป็นเวลากว่า 12 ปี นับจากที่ทีมชาติไทยชุดไรซิ่ง สตาร์ ที่มี "โปรช้าง" ธงชัย ใจดี และ เชาวลิต ผลาผล เป็นตัวชูโรงเคยคว้าเหรียญทองได้ในซีเกมส์ครั้งที่ 18 ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี 2538
หากมองให้ลึกลงไปอีกจะเห็นว่า โปรไทยที่ประสบความสำเร็จอยู่ในระดับเอเชียนทัวร์ หรือ ยูโรเปี้ยนทัวร์ ทุกวันนี้ต่างผ่านเส้นทางทีมชาติมาเกือบทั้งสิ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ บรรดา "สวิงยังบลัด" ที่เพิ่งคว้าเหรียญรางวัลมาห้อยคอ ย่อมไม่วางเป้าหมายความสำเร็จไว้เพียงเท่านี้ หากแต่การมุ่งสู่วงการสวิงอาชีพ และเดินทางไปสู่ พีจีเอทัวร์ คือฝันอันยิ่งใหญ่ของนักกอล์ฟทุกราย
"ทีม" พิพัฒพงศ์ แนวสุข ก้านเหล็กหนุ่มดาวรุ่งวัย 18 ปี 1 ใน 4 ของทัพสวิงชายไทย ที่เป็นม้ามืดทำผลงานแซงหน้านักกอล์ฟรุ่นพี่คว้าเหรียญทองในประเภทบุคคลพ่วงไปอีกเหรียญได้เผยให้กับทีมข่าวกีฬาผู้จัดการรายวันถึงอนาคตของเส้นทางการหวดก้านเหล็กหลังจบศึกดวลวงสวิงโคราชเกมส์ว่า
"ตอนนี้ผมฝึกซ้อมอยู่ในโครงการสิงห์พัฒนาที่มีโปรบุญชู เรืองกิจ คอยดูแลอยู่ เวลานี้อยู่ในช่วงปรับวงสวิงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนในเรื่องของการเทิร์นโปรนั้นขึ้นอยู่กับโปรบุญชูว่าจะเห็นว่าเราพร้อมเมื่อไร ส่วนตัวแล้วผมเองก็ไม่รีบร้อนอยากเล่นให้แน่นอนกว่านี้ก่อน และแน่นอนว่าฝันสูงสุดบนเส้นทางการเป็นนักกอล์ฟอาชีพของผมนั้นอยู่ที่การเข้าไปเล่นในพีจีเอทัวร์ให้ได้สักวัน ซึ่งการจะไปให้ถึงจุดนั้นมันก็ต้องมีปัจจัยที่เอื้อหลายด้านนอกจากตัวเราเองแล้ว ยังหมายรวมถึงการมีสปอนเซอร์และทีมงานคอยช่วยสนับสนุนด้วย ซึ่งผมอยากจะกล่าวขอบคุณสิงห์ และสปอนเซอร์รายอื่นๆ รวมไปถึงคุณพ่อคุณแม่ด้วยที่ทำให้ผมก้าวมาถึงทุกวันนี้ได้"
ทางด้าน "อาร์ม" กิรเดช อภิบาลรัตน์ เจ้าของเหรียญทองในประเภททีม และเหรียญเงินในประเภทบุคคลจากซีเกมส์ครั้งที่ 24 กล่าวถึงแผนในการลงดวลวงสวิงในอนาคตว่า "ตอนนี้ผมเทิร์นโปรเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมได้สิทธิ์จากการลงแข่งให้กับทีมชาติและทำผลงานได้ดี จึงได้บัตรโปรมา ในฤดูกาลหน้าก็วางแผนจะลงแข่งในรายการอาชีพ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ" แน่นอนว่าความฝันของ อาร์ม ก็ไม่ต่างไปจาก "พิพัฒพงศ์" ซึ่งเจ้าตัวกล่าวว่า "ความฝันของผมในการเล่นกอล์ฟอาชีพนั้นก็คือ การเข้าไปเล่นในพีจีเอทัวร์ให้ได้ โดยผมอาจจะเริ่มจากการเล่นในเอเชียนทัวร์ก่อน อย่างที่มีโปรรุ่นพี่ของไทยหลายรายที่ลงเล่นอยู่ในทัวร์นี้"
ขณะเดียวกัน "พีท" วรุฒ โฉมแฉล้ม สวิงหนุ่มไทยอีกรายที่ร่วมทีมคว้าเหรียญทองโคราชเกมส์ เผยถึงอนาคตบนผืนกรีนว่า "เรื่องของการเทิร์นโปรนั้นยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นเมื่อไร ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อม และโปรบุญชูด้วยว่าเขาเห็นว่าเรามีความสามารถถึงระดับแล้วหรือยัง ส่วนเรื่องการซ้อมในตอนนี้ ผมมีโปรเล็ก ถาวร วิรัตน์จันทร์ คอยช่วยแนะนำเทคนิคการเล่นให้ด้วย ส่วนจะไปถึงพีจีเอทัวร์ ได้หรือไม่นั้นคงบอกตอนนี้ไม่ได้ แต่เชื่อว่าถ้ามีโอกาสและมีผู้สนับสนุนไม่น่าจะยากเกินความสามารถแน่นอน"
ปิดท้ายที่ "แตงโม" ธันยากร ครองผา 1 ใน 4 หนุ่มที่ช่วยให้ทีม กอล์ฟชายไทยคว้าเหรียญทองในซีเกมส์ ได้กล่าวถึงอนาคตในการหวดก้านเหล็กว่า "สำหรับผมการก้าวสู่วงการกอล์ฟอาชีพคงยังไม่ใช่เวลานี้ อยากเล่นให้แน่นอนก่อน เมื่อถึงเวลาและเทิร์นโปรได้เรียบร้อย ก็คงเดิน ตามรอยของโปรที่ผมชื่นชอบอย่าง "ธงชัย ใจดี" ด้วยการเริ่มต้นใน เอเชียนทัวร์และยูโรเปี้ยนทัวร์ก่อนจากนั้นผมถึงจะค่อยคิดถึงการเข้าร่วมแข่งในพีจีเอทัวร์อีกที"
สำหรับการคว้าเหรียญทองในโคราชเกมส์ของเหล่าสวิงชายไทยทั้ง 4 เปรียบดั่งเป็นก้าวแรกในการเริ่มไต่ภูเขา "พีจีเอทัวร์" และกว่าที่พวกเขาจะฝ่าฟันอุปสรรคจนกระทั่งไปถึงบนยอดเขาเพื่อปักธงไทยนั้นไม่ได้ใช้เวลาเพียงแค่ปีสองปี หากแต่หมายถึงการสั่งสมประสบการณ์ที่อาจมากกว่า 10 ปี หากว่าพวกเขาไม่ท้อ หรือถอดใจยอมแพ้ต่ออุปสรรคเสียก่อน เชื่อแน่นอนว่าวันหนึ่งสวิงสายเลือดไทยน่าจะได้ตั้งลูกเพื่อ ทีออฟในพีจีเอทัวร์ ได้อย่างแน่นอน
